อภิญญา อิทธิฤทธิ์

แมวปลัดขลิก

 

บางที่กะอยากเผือกไปดูหน้าแฟนเจ้แกเหมือนกันเนาะ55คงฮาหน้าน่าดูวันไหนเจ้หลอนมา55

 

เห็น ชุดจ้าวเสา มะวาน ป่ะ

หากเห็น จะเห็นว่าเป็น พิธีไทย

ไม่มีจังหวะให้ การ้อง ร้องว่า

" หนูคัดค้านฮ๊า!! "

 

ดีแล้วเลือกทางเดินชีวิตตัวเอง
สุขทุกข์เพราะเราทำตัวเรา
คือใครจะเอากันผมไม่ติดอะไร
จะให้ดีขอคลิปไว้ศึกษา55

 

ขอคำปรึกษาจากพี่อิลแฟพ

 

แบบนี้เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นคนหรือเปล่าคะเนี่ย ดูหนักมากเลยนะคะ

 

ที่ชามีจิตอาฆาตพยาบาทเพราะอยู่ใกล้คนที่มีจิตเช่นนั้นครุ่นคิดตลอดเวลาคนที่ไม่มีสติอยู่ใกล้ๆจะคล้อยตามโดยไม่รู้ตัว ชาเห็นน้องกับลูกพี่ลูกน้องมีพฤติกรรมเหมือนมันโดยไม่รู้ตัว ชาก็บอกพวกเขาและพวกเขาก็ถอยห่าง ขณะที่จิตอาฆาตพยาบาทดับไปนานแล้วเมื่ออยู่ใกล้คนที่หนาแน่นด้วยจิตเหล่านี้ก็เกิกที่พูดเช่นนี้ชารู้สติขณะจิตนี้เกิก ชาเคยดับจิตนี้้ได้ก็รู้วิธีดับจิตนี้ ตาก็ทดสอบทุกวัน โมหะ โทสะ เบาบางลง ลูกพี่ลูกน้องมันก็พาลใส่ชาตลอด พอชาตอบโต้มันก็ว่าชาไม่มีศีล สภาวะแบบนี้ชาเคยผ่านมาแล้ว สภาวะเช่นนี้เอง ว่าจิตจะเลือกอยู่ชั้นใด การที่ชาเสื่อมบารมีครั้งนี้ก็ทำให้ชาเกิดรู้ธรรมขึ้นมาอีกขั้น หน้าที่ช่วยชาไม่ใช่กิจของพระ มีคนมาทำหน้าที่ของเขาแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่แนะแนวทางปฏิบัตินะคะ สิ่งใดที่ดีที่เกิดขึ้นชาจะนำไปปฏิบัติ ขออนุโมทนาขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมนะคะ

 

ฝากเลี้ยงด้วย ฮับ

ให้ สังเกต ธรรมชาติ หรือ ลักษณะของ "วิตก"

วิตก เวลามันเสื่อม สิ่งที่ปรากฏต่อไปคือ ผัสสะ

วิตก เวลาตั้งอยู่ หากเป็น ภาวนา ก็จะ เจริญขึ้น
อะไรๆก็ดี ต้านทานได้ (หากเป็นโสดาบัน เขา
เงื้อมดาบจะตัดศรีษะ ก็ไม่ตอบโต้เด็ดขาด ไม่
ทำฌาณให้เกิดด้วย แต่จะมี จิตปรกติ มนุษย์
แต่ไม่ห่างจาก ฌาณ ...อันนี้ จะฟังยากนิดนุง
เพราะ โสดาบัน จะมี ปฐมฌาณเป็นของเล่น
แต่ไม่ทรงเอาไว้เป็น ของจริง เพราะ จะทำให้
ผู้ ปทุษร้ายได้รับกรรมหนักเกินไป )

วิตก จะมี ปัจจัยให้เกิด วิจาร

อกุศลวิตก เวลา จิตพิจารณาเคล้าเคลีย ก็จะ
เข้าไปเคล้าเคลียกับ อกุศลมากขึ้น เกิดแผ่น
เสียงตกร่องหนักขึ้น เกิดหลุมหล่มปีนขึ้นยากขึ้น

แต่ถ้า เป็นกุศลวิตก ต่อให้มันตกหล่มยากถอน
ก็ยังดีกว่า ปล่อยให้เกิด อกุศลวิจาร

ธรรมของศาสดา จึงมีทั้ง เครื่องหลัก เครื่องข่ม
เครื่องอยู่ .......

แต่ หากยัง ยกจิต หา อุบายนำออกไม่เจอ ก็จะ
ไม่ทราบชัด เครื่องพ้น(วิชชา)

 

คุง ชะเอิงเอยเกิน ให้ ยก กิเลสให้ ปราณีต ขึ้นไป ขั้น สังโยชน์ บ้าง

อย่า ชกแต่ อกุศลมูล โลภะ โทษะ โมหะ

อย่า ชกแต่ นิวรณ์5

ต้อง หัดสอย สังโยชน์ บ้าง

แล้วจะเกิด กำลัง สัทธาในตถาคต ( ได้ อินทรียตัวนี้ พละตัวนี้ ไปลิ่วเลย )

 

บอกแล้วว่าอาตมาจะไม่เข้าไปยุ่ง//ตนรู้ตนเองดีกว่าใคร//ฝากไว้เท่านี้แหละ

 

วิธีที่จะเอาชนะพวกคนที่ชอบใช้คนเยอะ ๆ รุมรังแกคนอื่น
มี 2 ทาง คือ

1. หาเงินให้ได้เยอะ ๆ แล้วใช้เงินจ้างคนให้มาเป็นพรรคพวก
มีคนคุ้มกัน ห้ามใครมารบกวน

2. ก็คือ สร้างฌาน 4 ให้ได้ แล้วฝึกกสิณ 10
หรืออย่างน้อย ฝึกกสิณลม กับ กสิณสีเขียว ให้ได้

กสิณลม เหาะได้
กสิณสีเขียว หายตัวได้

พอได้ฤทธิ์มาก็หายตัวหนีไปเลย ไปที่ไหนในโลกก็ได้ เท่านี้ก็ไม่มีใครมารังแกได้แล้ว

มีแค่สร้างอำนาจขึ้นมา หรือ สร้างอิทธิฤทธิ์ ขึ้นมาให้ได้เท่านั้นจึงจะพ้นจากเรื่องพวกนี้ได้
ส่วนวิธีธรรมดาอื่น ๆ ใช้ไม่ได้ผลกับพวกชอบรุม และขี้ตื๊อครับ

 

1. เรื่องเล่นฤทธิ์ถ้าจะไม่ให้ใครมากวนได้อย่างน้อยก็ต้องฌาน 4 ครับ
2. คนที่มาขัดขวางเราต่อไปก็จะโดนขัดขวางบ้างเหมือนกัน
3. ลองคิดดูว่าถ้าเราได้ฌาน 4 ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนเลวจะเป็นยังไง
4. กรรมที่พวกเขาทำกับเราเมื่อถึงเวลาก็จะหลีกหนีไม่พ้นเหมือนกับเราตอนนี้แหละครับ
5. เรื่องแช่งให้เสื่อมบุญนั้น ถ้าเราทรงสมาธิอยู่เรื่อย ๆ คนแช่งก็ซวยเอง
เพราะมาแกล้งเราแต่ดันมาแช่งคนที่ตัวเองกำลังแกล้ง แบบนี้คนที่แช่งก็ซวยเห็น ๆ

หรือถ้าทนไม่ไหวขึ้นมา เวลาโดนแกล้ง ก็สวดคาถามหาสะท้อน ของพระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน

ตัวคาถาคือ "เม สัมมุกขา สัพพาหะระติ เต สัมมุกขา"

สวดไปเรื่อย ๆ สวดดัง ๆ หรือ เบา ๆ ก็ได้ ใจตอนนั้นเป็นสมาธิให้ได้ก็พอ เพราะผลของคาถาขึ้นอยู่กับสมาธิ ยิ่งสมาธิเรามีมาก ผลของคาถาก็ยิ่งมีมาก

6. ปล่อยนกปล่อยปลาทุกเดือน หรือ ทุกสัปดาห์ก็ได้ ปล่อยครั้งละ 100 - 200 บาทก็ได้ ขอให้ได้ทำ
7. บูชาพระพุทธรูปนำไปถวายที่วัดสักเดือนละ 1 - 2 ครั้ง เพื่อเพิ่มบุญบารมี
8. ทำบุญให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
9. ถ้าทำได้ก็ทำตัวให้เป็นพระโสดาบันไปเลย ช่วงที่ยังเป็นพระอริยะเจ้าไม่ได้ก็ทำบุญให้เยอะเข้าไว้ ทำจนเป็นฌาน
10. คลายเคลียดด้วยการดูหนังฟังเพลงเป็นระยะ ๆ

ผมเองก็ทำแบบนี้แหละ เพราะผมก็เจอปัญหาแบบเดียวกัน โดนสอดแนม ผลมาจากการที่มีคนที่มีอิทธิพลภายนอก ใช้อำนาจ ใช้คนทุกคนที่อยู่ใกล้ผมให้มากลั่นแกล้งหาเรื่อง ต่าง ๆ โดยเฉพาะพยายามทำให้ผมทะเลาะกับคนรู้จัก

วิธีสังเกตุง่าย ๆ ว่าคนที่เรามีเรื่องด้วยนั้นมีอิทธิพลหรือเปล่าก็คือ หลังจากที่เรามีเรื่องกับใครแล้ว ต่อมาก็จะมีเรื่องให้เราต้องเดือดร้อนอยู่เสมอ เริ่มตั้งแต่มีเรื่อง โดยมีลักษณะตื๊อไม่หยุด เดี๋ยวคนนั้นก็มาหาเรื่อง เดี๋ยวคนนี้ก็มาพูดให้กระทบกระเทือนใจ ทั้งหมดนั้นก็คือ โดนพวกที่เรามีเรื่องด้วยครั้งแรกสุดใช้ให้มานั่นเอง โดยใช้คนต่อกันเป็นทอด ๆ เพื่อให้ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ที่จริงก็มาจากคนที่เรามีเรื่องด้วยครั้งแรกสุดนั่นเองที่เป็นต้นเหตุ

ผมเองตอนนี้ก็กำลังฝึกให้ได้ฌาน 4 อยู่
เพราะเคยทำได้มา 3 ครั้งแล้ว จะทำให้ได้อีกก็ไม่น่าจะยากเกินไปนัก
ถ้าได้ฌาน 4 เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครมากวนผมได้แล้ว
ช่วงนี้ก็พยายามทำบุญให้เยอะ ๆ ไปก่อน


ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ครับ

 

เวลามีคนมาว่าผมไม่มีศีล
ก็แค่เข้าสมาธิให้ได้ตอนนั้น เท่านี้ศีลเราตอนนั้นก็ครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว
ตราบใดที่เราสามารถเข้าสมาธิได้ เราจะมีศีลโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
เพราะถ้าไม่มีศีล เราจะเข้าสมาธิไม่ได้
ในเมื่อเราเข้าสมาธิได้ ใครมาบอกว่าเราไม่ศีล ก็แสดงว่าคนนั้นกำลังพูดไม่จริงเท่านั้น

สำคัญที่เราต้องเข้าสมาธิเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ
เข้าเมื่อไหร่ บารมีเราก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น

โดนด่าว่าไม่มีศีล ให้เข้าสมาธิทันที
โดนแกล้งเมื่อไหร่ ให้เข้าสมาธิทันที
เข้าสมาธิให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ทุกครั้งที่โดนด่า โดนแกล้ง

แค่นี้เราก็จะทรงสมาธิได้ตลอดตามที่ต้องการแล้วครับ

 

กรรมดีกรรมชั่วมันหักลบกันไม่ได้หลอกครับ
อย่าไปหาข้ออ้างหาลูกเล่นเลยครับ
วุ้นวายเปล่าๆ
ผิดกะแก้ไปรับไปง่ายๆแค่นั้นละครับชีวิต
สั่นนิดเดียวชีวิตปลูกเพราะนิสัยเป็นคนตรงคนซื่อดีกว่า
ขออนุญาติ

 

สัตว์ย่อมเป็นไปตามกรรม..ชีวิตย่อมเป็นไปตามกรรม

ถ้ายังติดนินทา-สรรเสริญ จะสมาธิขั้นไหนก็ไม่มีผล

เรื่องศีลถ้าตัวเองพร่องไปก็แก้ไขก็ชำระก็จบเรื่อง..การหนี(โดยการเข้าสมาธิ)ไม่ใช่ทางออก