@

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย TIGER, 18 มิถุนายน 2005.

  1. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
    ตำนานเรื่อง กวนเกษียรสมุทร และราหูอมจันทร์ครับ
    เล่าเรื่อง เก่าแก่ และมีบันทึกไว้ใน
    นครวัตรนครธม ของเขมรด้วย
    คือ ตำนานกวนเกษียรสมุทรครับ และพาดเกี่ยวไปถึงเรื่อง ราหูอมจันทร์ด้วย

    ก็จะย้อนไปถึงสมัยโบราณกาลเลยนะ ​
    เทพกับอสูร นี่ก็รบกันมานานนม โดยเทพมีผู้นำ ที่สามารถ ไม่มากเท่าไหร่
    คือ พระอินทร์ ตามตำนานก็ว่าเป็นโอรสของพระพรหม
    จริง ๆ เกือบทุกอย่าง ยกเว้น พระนารายณ์ กับพระอิศวรนั้น มาจากพระพรหม
    ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ดั้งเดิม แต่ตอนหลังพอกลายเป็นฮินดู
    พระพรหม นั้น เสื่อมความนิยมไปมาก
    อสูร นั้นก็ศัตรูของเหล่าเทพ ซึ่งอสูรนี่ พระพรหม ก็สร้างมาเหมือนกัน
    แต่พวกยักษ์ นี่มักจะถูกหาว่าเกเร และอยากเป็นใหญ่
    จะมาหาเรื่องรบกันเทพเสมอ ๆ ก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ไปเรื่อย ๆ
    แต่เหล่าอสูร นี่ มักจะชอบทำอยู่อย่าง คือ การบำเพ็ญเพียรขอให้ มหาเทพ
    คือ พระศิวะ พระนารายณ์ และพระพรหม มาให้พร
    เรื่องให้พร เนี่ย พระศิวะนี่ เป็นตัวปัญหาอันดับหนึ่ง
    คือ ใครก็ตามนั่งบำเพ็ญเพียร นาน ๆ ท่านทนไม่ได้
    หรือท่านพอใจ ท่านก็มาให้พรง่าย ๆ เรียกว่า ถูกใจขออะไรก็ให้
    ซึ่งจะต้องเดือดร้อน องค์นารายณ์ ตลอด ต้องคอยตามปราบ
    พวกอสูรที่หลอกเอาพรจากพระอิศวรไป พระพรหม นี่ก็ใช่ย่อย ให้พรเยอะเหมือนกัน ส่วนพระนารายณ์นี่ให้น้อยสุด
    จะเห็นตามตำนานไม่ค่อยมีใครไปขอท่านเท่าไหร่
    นอกเรื่องไปนาน กลับเข้าเรื่องต่อ อสูรกับเทพ ก็รบกันมานาน
    ฝ่ายเทพ ก็ตายลงเยอะ สู้แล้วก็เหนื่อย พระอินทร์จึงพาลูกน้องไปหาพระพรหม ขอให้ทรงช่วย พระพรหม ท่านก็บอกว่าให้ไปหาพระนารายณ์ (คลับคล้ายคลับคลา) พระพรหมนั้นจะเห็นว่า ทรงวางตัวเป็นผู้สร้างจริง
    จะไม่มีภาคการลงมาปราบ หรือทำลายอะไรทั้งสิ้น ทรงสร้างแล้วก็ไม่แก้ด้วย พระนารายณ์ มักจะเป็นผู้จัดการเป็นส่วนใหญ่
    พระอิศวรท่านนี่ก้ำกึ่งครับ บางที ก็ปราบมารบ้าง เผาคนด้วยตาที่สามบ้าง
    พระพรหมท่านอ้างพรหมลิขิตร ลูกเดียว
    พวกเทพก็มาขอให้องค์นารายณ์ช่วย
    พระนารายณ์ ก็ต่อว่า พระอินทร์ว่าเสียแรงเป็นใหญ่ในสวรรค์
    อาวุธวัชระ ก็ยิ่งใหญ่ ปราบอสูรไม่ค่อยจะได้ ต้องมาขอให้ท่านช่วยทุกครั้ง
    เอาล่ะ คราวนี้จะแนะวิธีให้ คือให้ทำการกวนเกษียรสมุทร
    เพื่อ เอาน้ำ อมฤต มากิน งานนี้พระนารายณ์ ทรงเจ้าเล่ห์มากครับ
    บอกว่า กวนเกษียรสมุทรคราวนี้งานใหญ่ครับ
    ต้องให้พวกอสูรร่วมมือด้วย แล้วก็มีการไปเจรจากัน
    ให้อสูรกับเทพ หยุดทำสงครามกันชั่วคราว มาช่วยกัน
    กวนเกษียรสมุทรก่อน ว่าแล้ว ก็ไปเอายอดเขาพระสุเมรุมา
    แล้วก็ใช้พระยาอนันตนาคราช (ผู้น่าสงสารที่สุด รองจากเหล่าอสูร)
    มาพันกับยอดเขาพระสุเมรุแล้วก็ให้ เหล่าเทพ ดึงฝ่ายหนึ่ง
    อสูรดึงอีกข้างหนึ่ง คราวนี้พวกเทพก็ฉลาดแกมโกงตามเคย
    คือ ตัวเองไปดึงทางหางนาค แล้วให้อสูรไปดึงทางหัวนาค
    เพราะว่า พอดึง ๆ ไปแล้วนี่พญาอนันตนาคราชก็จะเจ็บปวด
    ก็จะคายพิษออกมา ซึ่งพวกอสูรก็จะโดนพิษ
    โดยความร้อนที่พ่นจากปากของพญานาค
    พวกอสูรก็ต้องทนไป ทีนี้พอกวนเกษียรสมุทร ไป
    เค้าว่าความสั่นสะเทือนมันไปถึงสามโลก
    แล้วอาจจะทำให้โลกมนุษย์พังทลายได้อีก
    พระนารายณ์ท่านจึงต้องแบ่งภาค อวตารไปเป็นเต่ายักษ์
    เอากระดองไปรองรับยอดเขาพระสุเมรุไว้
    ไม่ให้เจาะลงไปกระทบก้นเกษียรสมุทรโดยตรง

    เขาว่างานนี้กวนกันนานมากครับ เป็น พัน ๆ ปี ​
    พญาอนันตนาคราชผู้น่าสงสาร ก็ต้องทนเจ็บปวด มานาน
    ในที่สุดก็ทนไม่ไหว จะต้องสำรอก พิษร้ายออกมาเต็มที่
    งานนี้แตกฮือ กันครับ ทั้งเทพทั้งอสูรเผ่นกันก่อน
    แล้วพิษร้ายนั้น ถ้าตกลงสู่โลก
    ก็จะทำให้เหล่ามนุษย์และสัตว์ต้องตายหมดแน่นอนครับ
    คราวนี้ พระอิศวร ด้วยความรักและเมตตาอันสูงสุดต่อมนุษย์และสัตว์
    พระองค์จึงปรากฎกาย ขึ้น ดูกเอาพิษร้าย ไปไว้ในตัวพระองค์ทั้งหมด
    และพิษร้ายนั้น ได้เผาผลาญทำให้คอของพระองค์
    เป็นสีดำสนิท จึงทำให้มีคนชื่อว่า
    สีดำเป็นสีแห่งความรักของการเสียสละอันยิ่งใหญ่
    พวกเทพ กับอสูรก็กลับมากวนเกษียรสมุทรกันต่อไป
    คงแทบจะหมดแรงกันเต็มทนล่ะครับ
    แล้วก่อนที่จะเลิกราแยกย้ายกลับบ้านนอนกันนั่นแหละ
    ก็เกิดเหคุการณ์ประหลาด มหัศจรรย์ครับ
    คือมีปฎิกริยาจากเกษียรสมุทร แล้วก็มีของวิเศษต่าง ๆ
    เกิดจาก เกษียรสมุทรขึ้นมา

    เช่น โคอุสุภทราชซึ่ง พระอิศวรเอาไป เป็นพาหนะ ม้า (จำชื่อไม่ได้) ​
    พระอาทิตย์ เอาไปประดับรถทรง

    นอกจากนี้มาถึงทีเด็ดครับ นางงาม นางอัปสรสวรรค์ ก็ออกมาด้วย ​
    เหล่าอสูร (ไม่แตะสุรา) แต่บ้าผู้หญิง ก็เพลินสิครับ
    หันไปสนใจนางงามเหล่านั้นไล่จับกันพัลวัน
    ยกเว้น ราหู อสูรตัวเดียวที่ไม่สนใจนางงามเหล่านั้น (จะเป็นเกย์หรือเปล่า)
    ยังรอคอยของวิเศษสุดที่หวังกันมานาน
    ในที่สุด ก็ออกมาครับ มีเทพองค์หนึ่ง
    ทูนคณโฑไว้เหนือศรีษะซึ่งนั่นก็คือ น้ำอมฤกตนั่นเอง
    แล้วด้วยความที่กลัวพวกอสูรจะรู้สึกตัว
    พระนารายณ์ก็ทรงเล่นทริค แบ่งภาคไปเป็นนางงาม
    ที่งามหาใดเสมอเหมือนได้ หลอกล่อพวกอสูรออกไปอีก
    (พระนารายณ์นี่ท่านมักจะชอบแปลงเป็นนางงามนะครับ
    หลายตอนไม่รู้เพราะอะไร)
    พวกเทพ ได้โอกาสที่เหล่าอสูรมัวแต่บ้าผู้หญิง
    เหล่าเทพ ผู้บ้าน้ำเมาก็เข้าแถว กินน้ำอมฤกตทันที
    จะมีก็แต่ ราหู อสูรตนเดียวที่ไม่สนใจนางงาม
    แปลงร่างเป็นเเทพปลอม ๆ คนหนึ่งไปต่อแถว
    รอรับน้ำอมฤกต อยู่ด้วย แต่ว่า พอดี พระจันทร์ (มาอีก)
    กับพระอาทิตย์ แอบไปเห็นเข้า รีบไปฟ้ององค์พระนารายณ์
    ว่าราหูมาแอบปลอมเป็นเทพ องค์นารายณ์จึง ปล่อยจักร
    ไปตัดร่างกายราหูออกเป็นสองท่อน ทันที แต่ช้าไปครับ
    ราหูกินน้ำอมฤกตไปแล้ว จึงกลายเป็นอมตะ
    แต่ก็ร่างกายเหลือเพียงครึ่งท่อน เท่านั้น ตัดกลับมา
    เหล่าอสูรพอรู้สึกตัว ก็หันกลับมาจะขอแบ่งน้ำอมฤกตจากเหล่าเทพ
    แต่ว่าน่าสงสารเหล่าอสูร ครับ ช่วยกันชักลาก นาคกวนเกษียรสมุทร
    มาก็นาน แล้วยังไปเสียแรงไล่ปล้ำนางอัปสรอีก กับฝ่ายเทพ
    ที่แม้จะเหนื่อย เหมือนกัน แต่ตอนนี้ กินน้ำอมฤกตเป็นอมร (ไม่ตาย)
    กันแล้ว หายเหนื่อย ฝ่ายเทพ จึงโกงกันหน้าด้าน
    ท้าสู้กับอสูรครับ อสูรก็แพ้สิครับ ต้องแตกพ่ายกลับไปด้วยความเจ็บใจ
    ที่เสียรู้พวกเทพ ที่มีพระนารายณ์ คอยช่วย
    จึงทำให้มีราหู อสูรตนเดียวที่เป็นอมตะ
    แต่ก็มีกายเพียงครึ่งเดียวจึงทำอะไรไม่ได้
    นี่แหละครับ พวกเทพจึงเป็น อมตะ
    ตั้งแต่นั้นมา แล้วก็พอจะสู้กับเหล่าอสูรได้บ้าง
    แต่ไม่ใช่ไม่แพ้นะครับ ยังแพ้อยู่บ่อย ๆ
    ให้พระนารายณ์ท่านต้องเหนื่อยเสมอมา
    แต่น้อยลงนิดหนึ่ง ฝ่ายราหูด้วยความแค้น
    พระจันทร์ และพระอาทิตย์ ก็คอย ดักจับพระจันทร์กับพระอาทิตย์
    กินอยู่เรื่อย ๆ แต่ว่า ก็มีร่างกายครึ่งเดียว
    กลืนพระจันทร์ไปได้หน่อย ก็หลุดออกมา
    ราหูนั้นจับพระจันทร์ได้บ่อยกว่า เพราะว่า อยู่ใกล้มากกว่า
    ส่วนพระอาทิตย์โคจรอยู่สูง จึงไม่ค่อยถูกจับเท่าไหร่
    นี่แหละครับ ตำนานอีกเรื่องนึง
    ของเหล่าเทพเจ้าเล่ห์ กับอสูรที่น่าสงสาร
    และคำอธิบาย เหตุการณ์ราหูอมจันทร์ ตามความเชื่อ เก่า ๆ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2005
  2. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
  3. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
    <TABLE height="100%" width="100%"><TBODY><TR vAlign=center align=middle><TD colSpan=6>ราหูอมจันทร์ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง</TD></TR><TR><TD width="9%" height=24> </TD><TD vAlign=top align=middle width="27%" rowSpan=5>[​IMG]
    ด้านหน้า</TD><TD vAlign=top align=right width="13%" height=24>ผู้สร้าง</TD><TD width="2%" height=24> </TD><TD vAlign=top align=left width="39%" height=24>หลวงพ่อน้อย แห่งสำนักวัดศีรษะทอง จ.นครปฐม ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับในการสร้างพระราหูที่วงการรู้จักกันดี มีอายุการสร้างไม่ต่ำกว่า 40 ปี</TD><TD width="10%" height=24> </TD></TR><TR><TD width="9%" height=79> </TD><TD vAlign=top align=right width="13%" height=79>พุทธคุณและราคา</TD><TD width="2%" height=79> </TD><TD vAlign=top align=left width="39%" height=79>พระราหูให้คุณในทางคุ้มครองป้องกัน ปกดวงชะตาชีวิต ให้ร้ายกลายเป็นดี ควรที่จะมีไว้ติดกาย จะช่วยท่านได้ในยามดวงตก ราคาค่านิยมเช่าหากันที่หลักพันถึงหมื่นขึ้นไป กะลาที่ใช้เป็นกะลาตาเดียวที่มีคุณวิเศษในตัว</TD><TD width="10%" height=79> </TD></TR><TR><TD width="9%" height=56> </TD><TD vAlign=top align=right width="13%" height=56>ระดับความเก๊</TD><TD width="2%" height=56> </TD><TD vAlign=top align=left width="39%" height=56>ของเก๊มีมากเช่นกัน รวมทั้งของอาจารย์อื่น ๆ หรือแท้แต่เป็นรุ่นหลัง ๆ สร้างออกมา ฉะนั้นถ้าเล่นของหลวงพ่อน้อย ต้องดูศิลปะการแกะเป็น รอยจารด้านหลัง และที่สำคัญกะลาต้องเก่าจัด ๆ</TD><TD width="10%" height=56> </TD></TR><TR><TD width="9%"> </TD><TD width="13%"> </TD><TD width="2%"> </TD><TD width="39%"> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
  5. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ราหูอมจันทร์.....ช่วยชีวิตคนที่โดนคุณไสย์<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  6. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
  7. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
    [​IMG]
    "ภาพจำลอง" ดวงจันทร์ขณะผ่านเข้าไปในเงาของโลกในคืนวันที่ 4/5 พฤษภาคม 2547
     
  8. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=750 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600>
    จันทรุปาคา เป็นปรากฏการณ์ ที่โลกบังแสงดวงอาทิตย์ไม่ให้ไปกระทบที่ดวงจันทร์ ในบริเวณดวงอาทิตย์ในวันเพ็ญ ( ขึ้น 15 ค่ำ ) โดยโลกอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ ทำให้เงาของโลกไปบังดวงจันทร์


    การเกิดจันทรุปราคา หรือเรียกอีกอย่างว่า จันทคราส คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันเพ็ญ ( ขึ้น 15 ค่ำ) เมื่อดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในระนาบเส้นตรงเดียวกับโลกและดวงอาทิตย์ทำให้เงาของโลกบังดวงจันทร์คนบนซีกโลกซึ่งควรจะเห็นดวงจันทร์เต็มดวงในคืนวันเพ็ญจึงมองเห็นดวงจันทร์ในลักษณะต่างๆ เช่น
     
  9. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    อ่ะ กำลังหาพอดีเลย...มาได้งัยเนี่ย

    ขอบคุณชายธนูคับผม.
     
  10. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
    จันทรุปราคา 3 ชนิด

    - จันทรุปราคาเต็มดวง (Total Eclipse)
    เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์ทั้งดวงเข้าไปอยู่ในเงามืดของโลก
    - จันทรุปราคาบางส่วน (Partial Eclipse) เกิดขึ้นเมื่อบางส่วนของดวงจันทร์เฉี่ยวผ่านเงามัว
    - จันทรุปราคาเงามัว (Penumbra Eclipse) เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงามัวของโลก โดยมิได้เฉี่ยวกายเข้าไปในเงามืดแม้แต่น้อย ดวงจันทร์จึงยังคงมองเห็นเต็มดวงอยู่ แต่ความสว่างลดน้อยลง สีออกส้มแดง จันทรุปราคาชนิดนี้หาโอกาสดูได้ยาก เพราะโดยทั่วไปดวงจันทร์มักจะผ่านเข้าไปในเงามืดด้วย


    [​IMG]

    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]จันทรุปราคาเต็มดวงจะเกิดขึ้นเฉพาะในคืนที่ดวงจันทร์เต็มดวง เมื่อดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ โดยมีโลกอยู่ตำแหน่งกลาง ผู้สังเกตการณ์อยู่ในตำแหน่งใด ๆ บนซีกมืดของโลก (หรือกลางคืน) จะมองเห็นดวงจันทร์โคจรผ่านเงามืดด้วยความเร็ว 1 ก.ม.ต่อวินาที และด้วยเงามืดของโลกมีขนาดจำกัด ดังนั้นดวงจันทร์จะอยู่ในเงามืดได้นานที่สุดเพียง 1 ชั่วโมง 42 นาที เท่านั้น [/font]
    <TABLE width="85%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="21%" bgColor=#cccccc>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]วันที่[/font]
    </TD><TD width="38%" bgColor=#cccccc>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]เปอร์เซนต์การบดบัง[/font]
    </TD><TD width="41%" bgColor=#cccccc>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]ช่วงเวลาบังเต็มดวง[/font]​
    </TD></TR><TR bgColor=#ccffff><TD>
    [font=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, sans-serif]16 ก.ค.43 [/font]​
    </TD><TD>
    [font=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, sans-serif]100%[/font]​
    </TD><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]1 ชั่วโมง 42 นาที[/font]​
    </TD></TR><TR bgColor=#ccffff><TD>
    [font=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, sans-serif]10ม.ค.44[/font]​
    </TD><TD>
    [font=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, sans-serif]100%[/font]​
    </TD><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]1 ชั่วโมง 2 นาที[/font]​
    </TD></TR><TR bgColor=#ccffff><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]5 ก.ค.44[/font]​
    </TD><TD>
    [font=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, sans-serif]50%[/font]​
    </TD><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]-[/font]​
    </TD></TR><TR bgColor=#ccffff><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]16 พ.ค.46[/font]​
    </TD><TD>
    [font=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, sans-serif]100%[/font]​
    </TD><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]52 นาที[/font]​
    </TD></TR><TR bgColor=#ccffff><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]9 พ.ย.46[/font]​
    </TD><TD>
    [font=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, sans-serif]100%[/font]​
    </TD><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]24 นาที[/font]​
    </TD></TR><TR bgColor=#ccffff><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]5 พ.ค.47[/font]​
    </TD><TD>
    [font=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, sans-serif]100%[/font]​
    </TD><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]1 ชั่วโมง 16 นาที[/font]​
    </TD></TR><TR bgColor=#ccffff><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]28 ต.ค.47[/font]​
    </TD><TD>
    [font=Microsoft Sans Serif, MS Sans Serif, sans-serif]100%[/font]​
    </TD><TD>
    [font=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif]1 ชั่วโมง 22 นาที[/font]​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
  12. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
    ธรรมะ - พจนานุกรมพุทธศาสน์ ...

    จันทรุปราคา การจับจันทร์ คือเงาโลก เข้าไปปรากฏที่ดวงจันทร์ ขณะเมื่อดวงจันทร์กับดวงอาทิตย์อยู่ตรงกัน ข้ามโดยมีโลกอยู่ระหว่างกลางที่เรียกว่า ราหูอมจันทร์
     
  13. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ราหูอมจันทร์.....ช่วยชีวิตคนที่โดนคุณไสย์<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>
    ก่อนอื่นผมขอเล่าที่มาของพระราหูและการสร้าง ให้คุณผู้อ่านได้ทราบพอเป็นสังเขป พร้อมประวัติที่เป็นเรื่องจริงทั้งทางด้านคงกระพันชาตรีและปัดเสนียดจัญไร คุณไสย์.....การสร้างพระราหูอมจันทร์นั้น ก็เป็นการถือเคล็ดตามตำนานประวัติของพระราหูที่เป็นอมตะไม่รู้จักตายเนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤต การสร้างวัตถุมงคลประเภทเครื่องรางเป็นรูปราหูนั้น ใช่ว่าจะสร้างเป็นรูปราหุอมจันทร์เท่านั้น แต่ยังมีการสร้างเป็นรูปอมพระอาทิตย์ด้วย ตำนานการสร้างเครื่องรางเป็นรูปพระราหูนี้ กล่าวกันว่าเป็นตำราที่ฤาษีแต่งขึ้นโดยมีฤาษี ๒ ตน ตนหนึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ในถ้ำที่ภูเขายุคลธร อีกตนหนึ่งบำเพ็ญตบะในถ้ำที่ภูเขานันทะเขต ฤาษีทั้ง ๒ ตนนี้ได้ร่วมกันสร้างยันต์และคาถาเกี่ยวกับพระราหูขึ้นมา โดยฤาษีตนหนึ่งสร้างยันต์และคาถาสุริยะประภาคา และฤาษีอีกตนหนึ่งสร้างยันต์และคาถาจันทรประภาคาใช้สำหรับการสร้างและปลุกเสกราหูอมจันทร์ การที่ฤาษีทั้ง ๒ ตนนี้ได้สร้างยันต์และคาถาขึ้นมาก็เนื่องมาจากฤาษีทั้ง ๒ ตนได้ทราบจากญาณว่า ต่อไปมนุษย์จะต้องพบกับอันตรายและความทุกข์ยากลำบากและเครื่องรางรูปพระราหูนี้ก็จะสามารถช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากอันตรายและความทุกข์ยากลำบากเหล่านั้นได้<o:p></o:p>

    <o:p></o:p>

    ในการปลุกเสกราหู หากว่าสร้างเป็นรูปพระราหูอมพระอาทิตย์จะต้องลงด้วยยันต์สุริยะประภาคา และปลุกเสกด้วยคาถาสุริยะประภาคาว่า " เอกกะจักขุนาริเกลา สุริยะประภาราหูคา หาสัตตะ ระตะนะ สัมปันโน มณีโชโต ระโสระภา สุวัณณะ รัชชะตะ สะมิทธา อะหังวันทามิ เมสะทา กุสเสโต มะมะ กุสเสโต ลาวา มะมะ โตลาโม โทลาโม มะมะ โทลาโม โทลาโมตัง มะมะ โทลาโม ตังคุยหะโม มะมะ คุยหะ โม คุตติโม มะมะ คุตติโม เหกุติ มะมะ เหกุติ "<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>

    ส่วนการสร้างเป็นรูปราหูอมจันทร์ก็จะต้องลงด้วยยันต์จันทรประภาคา และปลุกเสกด้วยคาถาจันทรประภาคาว่า " เอกจักขุ การิเกลา จันทรประภา ราหูคาหา สัตตะ ระระนะ สัมปันโน มณีโชโต ระโสยะถา สุวัณณะ รัชชะตะ สะมิทธา อะหังวันทามิ เมสะทา ยัตถะตัง มะมะ ตังภะยะ ตะวะตัง มะมะ ตังวะตะ ตังเสกา มะมะกาเสตัง โทลามัง มะมะ มังลาโท ตังตัง มะมะ ตังลาโม กาติยัง มะมะ ยะติกา "<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>

    ในการปลุกเสกและภาวนาไม่ว่าจะเป็นพระราหูอมพระอาทิตย์ หรือราหูอมพระจันทร์จะต้องปลุกเสกให้ได้ ๗ คาบ ตามตำราจึงจะประสิทธิผลทางด้านความศักดิ์สิทธิ์ การสร้างเครื่องรางรูปพระราหู มีการกระทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ในบทประพันธ์เรื่อง "พระอภัยมณี" ของท่านสุนทร (ภู่) มีการกล่าวเอาไว้ถึงเครื่องรางรูปพระราหูเอาไว้เช่นเดียวกันว่า นางละเวง มีเครื่องรางเป็นรูปตราพระราหูแขวนประจำกายอยู่ คืนหนึ่งนอนหลับไปแล้วมี " อ้ายย่องตอด " ซึ่งเป็นผู้มีวิชาแกร่งกล้าทางไสยศาสตร์ ชอบจับสัตว์และดูดเลือดคนกินเป็นอาหารลอบเข้าไปทำร้าย แต่พอเห็นตราพระราหูที่แขวนประจำกายของนางละเวงก็ไม่อาจทำร้ายได้ดังกลอนที่ว่า " เห็นโฉมยงทรงตราพระราหู สังเกดูดังนารายณ์กายสิทธิ์ ด้วยเดชาการุญบุญฤทธิ์ มันกลัวผิดเข็ดหลาบลงกราบกราน "<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>

    การสร้างเครื่องรางรูปราหู วัสดุที่นำมาสร้างตำราบ่งบอกไว้ว่าจะต้องเป็น " กะลามะพร้าวตาเดียว " คือ กะลามะพร้าวทั้งลูก โดยทั่ว ๆ ไปนั้นจะมีรูปอยู่ ๓ รู เป็นรูงอก ๑ รู และเป็นตาอีก ๒ รู แต่กลับกะลามะพร้าวตาเดียวนั้นถือเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีอิทธิฤทธิ์อยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว แม้ว่าไม่ได้ผ่านการปลุกเสกก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ คนโบราณได้กล่าวกันว่า กะลาตาเดียว มีคุณวิเศษนัก <o:p></o:p>

    ๑. ใช้ตักข้าวสารใส่หม้อเวลาหุงหารับประทาน หากว่าประกอบอาชีพธุรกิจ จะทำให้เกิดทรัพย์สมบัติเพิ่มพูนบริบูรณ์ หากเป็นชาวนาชาวไร่ก็จะทำให้ข้าวในนาและพืชไร่งอกงามดี และหากว่าเป็นข้าราชการก็จะเจริญด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้เป็นเข้าขุนมูลนายเป็นใหญ่เป็นโตกว่าคนอื่น ๆ<o:p></o:p>

    ๒. ใช้ทำเครื่องรางของขลัง เพราะกะลามะพร้าวชนิดนี้ มีอาถรรพ์ในตัวเองอยู่แล้ว หากว่านำมาปลุกเสกประจุอาคมก็จะยิ่งมีอิทธิฤทธิ์มากยิ่งขึ้น<o:p></o:p>

    ๓. ใช้สำหรับเป็นสิ่งป้องกันเสนียดจัญไร คุณไสย์ และภูติผีปิศาจได้<o:p></o:p>

    ๔. บูชาอยู่เป็นประจำจะทำให้เกิดโชคลาภอยู่สม่ำเสมอ ทรัพย์สมบัติและเงินทองจะไหลมาเทมาไม่ขาดสาย<o:p></o:p>

    ๕. ใช้สำหรับเป็นเครื่องมือของหมอโบราณในการตัดต้อที่ตาของคนให้หายขาดได้ <o:p></o:p>

    นอกจากกะลาตาเดียวที่ใช้สร้างเป็นเครื่องรางรูพระราหูแล้วก็ยังมี " กะลามหาอุตม์ " ด้วย ที่ตำราบอกว่าใช้สร้างเป็นรูปพระราหูได้เหมือนกันและยังมีอิทธิฤทธิ์ดีกว่ากะลาตาเดียวเสียอีก กะลามหาอุตม์นี้หาพบยากกว่ากะลามะพร้าวตาเดียวหลายเท่านัก ผมเองแม้ว่าจะมีบ้านเกิดอยู่ที่เกาะสมุย และเติบโตที่นั่น ชั่วชีวิตเคยเห็นกะลามหาอุตม์ชนิดนี้ประมาณ ๕ ลูกเท่านั้นเอง<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>

    กะลามหาอุตม์จะพิเศษกว่ากะลาตาเดียวเสียอีก คือกะลาตาเดียวจะมีรูงอก ๑ รู และตาอีก ๑ รู หากกะลามะพร้าวชนิดใดที่มีรูงอกไม่มีรูตาเขาเรียกกันว่า " กะลาตาบอด " แต่ถ้าเป็นกะลามหาอุตม์จะไม่มีทั้งรูงอกและรูตา ทึบหมดทั้งลูก กะลามหาอุตม์ชนิดนี้หาพบยากจริง ๆ คนโบราณถือว่าเป็นของดีที่มีคุณวิเศษหลายอย่างเช่น มหาอุตม์ และโชคลาภรวมทั้งคุณวิเศษด้านอื่น ๆ ที่กะลาตาเดียวจะมี กะลามหาอุตม์ก็มีเช่นนั้นด้วย และจะมีกะลามหาอุตม์ไว้ในครอบครอง<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>

    การแกะกะลาอาถรรพ์นี้ ให้เป็นเครื่องรางรูปพระราหู จะมีทั้งการแกะเป็นรูปพระราหูอมพระอาทิตย์ หรือพระราหูอมพระจันทร์ แต่ส่วนมากมักจะแกะเป็นรูปพระราหูอมจันทร์มากกว่า แต่บางทีอาจจะสร้างเป็นแบบอย่างเดียวกันโดยด้านหน้าลงยันต์สุริยะประภาคา ส่วนด้านหลังลงยันต์จันทรประภาคา หรือบางครั้งก็ลงยันต์แยกจากกันคนละอัน อันหนึ่งสร้างเป็นรูปพระราหูอมพระอาทิตย์ ลงยันต์สุริยะประภาคา ส่วนอีกอันหนึ่งสร้างเป็นราหูอมพระจันทร์ ลงยันต์จันทรประภาคา แล้วเอามาประกบหน้า-หลังกัน เวลาบริกรรมภาวนาคาถาถ้าเป็นเวลากลางคืนก็ใช้คาถาจันทรประภาคาแล้วนำไปใช้ ตำราบอกว่าให้เอาน้ำมันหอม ๙ กลิ่น เจิมรูปพระราหูเสียก่อนจะทำให้มีอิทธิฤทธิ์มากยิ่งขึ้น<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>

    คุณวิเศษของราหูอมพระอาทิตย์และราหูอมิพระจันทร์นี้ ตำราแตาโบราณกล่าวไว้อย่างน่าทึ่งทีเดียว คือกล่าวไว้ว่า " ผู้ที่สนใจจะทำยันต์ทั้ง ๒ นี้ ให้หากะลามะพร้าวตาเดียวเอามาแกะเป็นรูปพระราหูอมจันทร์อย่างหนึ่ง " พระราหูอมพระอาทิตย์อีกอย่างหนึ่ง จึงให้ลงพระยันต์สุริยะประภาคาที่พระอาทิตย์ และลงยันต์จันทรประภาคาที่พระจันทร์ พระยันต์ทั้ง ๒ นี้เป็นของหาค่ามิได้จะหาสิ่งใดเทียบเทียมได้ยากยิ่ง แม้นว่าสมบัติบรมจักรพรรดิก็ดี สมบัติพระอินทร์หรือดวงแก้วมณีโชติก็หาอาจเปรียบเทียบพระยันต์ทั้ง ๒ นี้ได้ ผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศและอยากจะมั่งมีทรัพย์สินเงินทองก็ให้สร้างขึ้นเถิด เมื่อจะทำพระยันต์ทั้ง ๒ นี้ให้แต่งเครื่องบัตรพลี ขวัญข้าว ข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียน เท่ากับกำลังอาสนะขึ้น ๒ ที่ บูชาสักการะด้วยข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียนบูชาพระอาทิตย์ สิ่งละ ๖ ที่ บูชาพระจันทร์สิ่งละ ๑๕ ที่ ให้เลือกเอาวันที่มีฤกษ์ดีหรือวันเพ็ญสุริยะคราส วันจันทคราส เมื่อกระทำนั้นให้ชำระล้างตัวให้บริสุทธิ์สะอาดเสียก่อนแล้วจึงกระทำ พระยันต์ทั้ง ๒ นี้เวลากลางวันให้บูชาและปลุกเสกด้วยคาถาสุริยประภาคา เวลากลางคืนให้บูชาและปลุกเสกด้วยคาถาจันทรประภาคา เมื่อกระทำแล้วให้เสกด้วยคาถาที่ลงนั้น ๑๐๘ คาบเสร็จแล้วจึงเอายันต์สุริยะประภาคาใส่ในตลับทอง เอายันต์จันทรประภาคาใส่ตลับเงินให้จุณเจิมด้วยแป้งหอม น้ำมันหอมแล้วเอาบูชาไว้เมื่อจะใช้ให้ใช้ตามอุปเท่ห์ดังกล่าวนี้<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>

    ถ้าหากท้าวพระยาเจ้านายท่านโกรธให้เอายันต์สุริยะประภาคานั้นจุณเจิมด้วยเครื่องหอม จึงเสกด้วยคาถาสุริยะประภาคานี้ให้ได้ ๓ ที จึงนำเอาติดตัวไป ท่านเห็นหน้าเข้าหายโกรธเคืองสิ้นแล<o:p></o:p>

    ถ้าบริวารหลบหนีไปให้เขียนชื่อผู้ที่หลบหนีไปใส่กระดาษแล้วเอายันต์จันทรประภาคาทับ เสกด้วยคาถาจันทรประภาคาผู้นั้นจะหนีมิพ้นเลย ถึงหนีไปก็กลับคืนมาแล<o:p></o:p>

    ถ้าหากภรรยาหรือสามีไม่รักใคร่เอาใจออกห่างคิดจะหนีไป จึงให้เขียนชื่อเขาเข้าเอายันต์จันทรประภาทับเสกด้วยคาถาจันทรประภาคา เขาจะบังเกิดความรักใคร่ไปมิพ้นเราเลย ถึงหย่าร้างกันแล้วก็กลับมาดีกัน<o:p></o:p>

    ผิว่าจะปลูกพืชผมให้เจริญงอกงามทุกชนิดจึงให้เอายันต์จันทรประภาคามาเสกด้วยคาถาจันทรประภาคาแล้วให้ดสวดมนต์บทนี้อีกบทหนึ่งคือ " โอม เชยยะสัมปัตติ มหาเชยยะสัมปัตติ เชยยันติ โอมทุเร สวาหะ เลิกมัตคะ สวาหะฯ ๗ ที "แล้วทำจิตให้ดีอธิษฐานเอาเถิดได้ผลงอกงามเจริญนัก<o:p></o:p>

    ผิว่าจะเข้าประจัญด้วยข้าศึกให้เอายันต์สุริยะประภาคาจุณเจิมด้วยเครื่องหอมเสกด้วยคาถาสุริยะประภาคา แล้วจึงนำติดตัวไปด้วยเป็นเครื่องป้องกันอาวุธ หอก ดาบ หน้าไม้ ปืนไฟ หาอันตรายมิได้เลย<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>

    จากตำราที่กล่าวเอาได้นี้ จะเห็นได้ว่าเครื่องรางรูปราหูอมพระอาทิตย์ และราหูอมพระจันทร์มีคุณวิเศษแบบที่เรียกได้ว่า คราบจักรวาลเลยทีเดียว เดิมทีนั้นตำราไสยศาสตร์ชนิดนี้เป็นตำราไสยศาสตร์ของเวียงจันทน์ประเทศลาว สืบต่อกันมาก็ได้แพร่หลายเข้ามาสู่ประเทศไทย เมื่อครั้งยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สำนักที่นำเอาวิชาไสยศาสตร์แขนงนี้เข้ามาจากประเทศลาว และได้สร้างเครื่องรางรูปราหูนั้นก็มีแต่วัดศีรษะทอง จังหวัดนครปฐมเท่านั้น ที่สร้างได้โด่งดังและมีชื่อเสียงติดอันดับเครื่องรางของประเทศไทย ราหูอมจันทร์ของหลวงพ่อน้อยวัดศีรษะทอง ท่านแกะขึ้นตาบแบบตำราทุกประการมีทั้งลูกศิษย์ทั้งฆราวาส ทั้งพระสงฆ์ ชาวบ้านหลายคนมาช่วยกันแกะจึงทำให้รูปราหูอมจันทร์ของท่านมีหลายฝีมือ ราหูอมจันทร์บางอันแกะเป็นรูปใบเสมาขนาดเล็กใช้สำหรับห้อยคอ และมีขนาดใหญ่ไปจนถึงแบบชนิดบูชาที่เรียกกันว่า " สามเกลอ " เพราะเป็นการเอากะลาตาเดียวทั้งลูกมาแกะเป็นรูปราหูอมจันทร์ ๓ หน้า เมื่อแกะเสร็จแล้วก็จะนำไปให้หลวงพ่อน้อยท่านปลุกเสกและลงเหล็กจาร <o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>

    สำหรับราหูอมจันทร์ของหลวงพ่อน้อย เท่าที่เห็นมาจะมีการลงเหล็กจารกำกับไว้ทุกอันบางอันลงเหล็กจารน้อย บางอันลงเหล็กจารหลายตัว อักขระที่ลงจารในราหูอมจันทร์ก็เป็นตัวหนังสือขอมลาว ไม่เหมือนกับตัวหนังสือขอมไทยที่เราพบเห็นกันโดยทั่วไป เพราะต้นตำรับของวิชานี้มีต้นตอมาจากเวียงจันทน์ การที่ราหูของพลวงพ่อน้อยมีรอยเหล็กจารหลายท่านมีที่หลวงพ่อน้อยลงเอง มีทั้งลูกศิษย์ที่เป็นพระสงฆ์ท่านช่วยลงให้ ถ้าเป็นราหูอมจันทร์ที่หลวงพ่อน้อยท่านลงเหล็กจารเองตัวอักขระจะมีน้อยไม่ค่อยเป็นระเบียบ รอยจารไม่ค่อยลึกและคมชัด เพราะการลงเหล็กจารท่านจะเลือกลงให้แต่เฉพาะในระยะเวลาที่เกิดสุริยคราส และจันทรคราส ซึ่งมีระยะเวลาอันสั้นท่านจึงเลือกลงแต่อักขระที่เป็นหัวใจคาถาที่สำคัญเท่านั้น แต่ถ้ามีคนแกะราหูอมจันทร์มาให้ท่านจำนวนมากก็จะมอบให้ศิษย์ที่เป็นพระสงฆ์เป็นผู้ลงเหล็กจารแทน ซึ่งรอยจารของลูกศิษย์ท่านมักจะลงอักขระหลายตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยและรอยจารคมลึกชัดเจน ฉะนั้นราคาในการเล่นหาโดยทั่วไป เขาจึงให้ความนิยมกับราหูอมจันทร์ที่มีรอยเหล็กจารน้อยตัว และไม่ค่อยเป็นระเบียบไม่ลึกคมชัด เพราะเป็นรอยเหล็กจารของหลวงพ่อน้อย <o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>

    ส่วนประสบการณ์ของราหูอมจันทร์ของหลวงพ่อน้อยที่ได้รับฟังมา มีหลายทางทีเดียวคือ<o:p></o:p>

    ๑. คงกระพัน<o:p></o:p>

    ๒. ป้องกันเสนียดจัญไร คุณไสย์ ภูติผีปิศาจ<o:p></o:p>

    ๓. เมตตามหานิยม<o:p></o:p>

    ๔. ทำน้ำมนต์อาบกินแก้โรคภัยไข้เจ็บ<o:p></o:p>

    ๕. โชคลาภ<o:p></o:p>

    ๖. ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาสู่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย<o:p></o:p>

    ๗. กำบังกาย<o:p></o:p>
     
  14. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
    ราหูทือเดือน=ราหูอมจันทร์ จันทรคราส บางเรียก
    กบกินเดือน ร่ำพิด(ร่ำปิ๊ด)
     
  15. ดวงแก้ว

    ดวงแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +259
    tiger เปี๊ยนน..ไป๊..
     
  16. TIGER

    TIGER เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +1,782
    อิอิ หลาก อารมณ์ครับ
     
  17. สมถ

    สมถ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +26
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width=680 border=1><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#0000a0 colSpan=3>สุริยุปราคาและจันทรุปราคาในปี 2548</TD></TR><TR><TD align=middle>วันที่</TD><TD align=middle>ปรากฏการณ์</TD><TD align=middle>รายละเอียดโดยย่อ</TD></TR><TR><TD align=middle>9 เมษายน 2548</TD><TD align=middle>สุริยุปราคาผสม</TD><TD>อุปราคาครั้งแรกของปี 2548 เป็นสุริยุปราคาผสม คือ พื้นที่บางส่วนเห็นเป็นสุริยุปราคาเต็มดวง และส่วนที่เหลือเห็นเป็นสุริยุปราคาวงแหวน แนวคราสเต็มดวงและวงแหวน ซึ่งเป็นเส้นทางแคบๆ ลากผ่านผิวโลกส่วนใหญ่อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่กึ่งกลางเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงนาน 46.7 วินาที ตอนต้นของแนวคราส (ใกล้กับนิวซีแลนด์) เห็นสุริยุปราคาวงแหวนนาน 20 วินาที ส่วนปลายของแนวคราสเห็นสุริยุปราคาวงแหวนนาน 25 วินาที พื้นดินที่อยู่ในแนวคราสวงแหวน คือ ตอนใต้สุดของคอสตาริกา ปานามา และโคลัมเบีย (ตรงกับวันที่ 8 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น) บริเวณที่เห็นสุริยุปราคาบางส่วน ได้แก่ นิวซีแลนด์ บางส่วนของแอนตาร์กติกา ตอนใต้ของอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง แคริบเบียน อเมริกาใต้ยกเว้นตอนใต้และตะวันออก



    </TD></TR><TR><TD align=middle>24 เมษายน 2548</TD><TD align=middle>จันทรุปราคาเงามัว</TD><TD>มองเห็นได้ยาก</TD></TR><TR><TD align=middle>3 ตุลาคม 2548</TD><TD align=middle>สุริยุปราคาวงแหวน</TD><TD>แนวคราสวงแหวนเริ่มต้นในตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ลากผ่านคาบสมุทรไอบีเรีย คือ โปรตุเกสและสเปน (ผ่านกรุงมาดริด) ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แอลจีเรีย ตูนิเซีย ลิเบีย ชาด ซูดาน เคนยา และโซมาเลีย จากนั้นไปสิ้นสุดในมหาสมุทรอินเดีย กึ่งกลางของแนวเห็นสุริยุปราคาวงแหวนนาน 4 นาที 32 วินาที บริเวณที่เห็นสุริยุปราคาบางส่วน ได้แก่ ตะวันออกของกรีนแลนด์ ไอซ์แลนด์ ยุโรป แอฟริกายกเว้นตอนใต้สุด เอเชียตะวันตก และอินเดีย</TD></TR><TR><TD align=middle>17 ตุลาคม 2548</TD><TD align=middle>จันทรุปราคาบางส่วน</TD><TD>มองเห็นได้ในประเทศไทย บางส่วนของแอนตาร์กติกา ออสเตรเลีย ตอนกลางและทางตะวันออกของเอเชีย อเมริกาเหนือยกเว้นด้านตะวันออก และอเมริกากลาง</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>





    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    จันทรุปราคาบางส่วนในวันที่ 17 ตุลาคม 2548 ดวงจันทร์เริ่มแหว่งในเวลาประมาณ 18.34 น. เมื่อเริ่มสัมผัสเงามืด และเข้าไปในเงามืดลึกที่สุดเวลา 19.03 น. ซึ่งจะเห็นดวงจันทร์มีขอบดวงแหว่งไปเพียงเล็กน้อย (หากเทียบกับขอบฟ้าจะอยู่ด้านล่างเยื้องไปทางขวามือ) และสิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 19.32 น. ดวงจันทร์จะอยู่ไม่สูงจากขอบฟ้ามากนักตลอดปรากฏการณ์ - ดัดแปลงจาก Fred Espenak (NASA/GSFC)

    อ้างอิง จากสมาคมดาราศาสตร์ไทย
     

แชร์หน้านี้

Loading...