นิทานก่อนอาหารเย็น

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย afterlife, 22 ตุลาคม 2020.

  1. afterlife

    afterlife สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    ภาคแห่งต้นไม้
    ตอนที่ 1 ต้นไม้ให้ชีวิต
    ?temp_hash=cff07ee48e0408399d1269c062be32d9.jpg

    ณ ดินแดนแห่งหนึ่ง มีมะม่วงต้นหนึ่ง อายุมากกว่า 2500 ปีหรือมากกว่านั้น มะม่วงต้นนั้น แม้จะขึ้นในดินตะกอน แต่มีระบบรากที่ยึดให้ดินตะกอนนั้นเป้นปึกแผ่นได้

    เวลาผ่านไป ต้นไม้ยังให้กำเนิดต้นเล้กต้นน้อย ด้วยเมล็ดพันธุ์ที่ผลิดอกออกผลและร่วงโรยหล่นลงของมัน จนกระทั่งสรรพสิ่ง เกิดขึ้น ดำรงค์อยู่ อิงอาศัย ในดินแดนแห่งนี้ทั้งบนพื้นดิน และบนต้นไม้น้อยใหญ่อันเกิดจากเมล็ดพันธุ์เดียวกันนั้นมากมาย

    บนผืนดินให้สิ่งมีชีวิตได้ร่มเงา ได้อาหาร กิ่งก้านให้ที่พัก ให้รังแก่นกและสัตว์ต่างๆ ลำต้นยังเป็นบ้านของแมลงและกระรอกเล็กๆทั้งหลาย สรรพสิ่งต่างดำรงค์อยู่อย่างสมดุลย์ จนกระทั่ง...

    #วันหนึ่งมีมนุษย์ผู้เดินทางผ่านเรือสำรวจ
    ได้มาพบดินแดนทองคำแห่งนี้ !!!

    พวกเขาจึงได้เข้ามาตั้งรกรากในสถานที่อันอุดมสมบูรณ์นี้ แรกเริ่มพวกเขาอาสัยอยุ่กับธรรมชาติ เสาะแสวงหาที่หลบฝน คุ้มภัย บ้างก้คิดกลับคืนผืนดินเดิม แต่ได้นำกล้าที่เพาะจากต้นไม้ใหญ่นั้นไปด้วย กาลเวลาผ่านไป นักสำรวจก็ขยายประชากรเยอะขึ้น เพียงที่คุ้มภัยชั่วคราวก้ไม่สามารถดำรงค์อยู่ได้ พวกเขาจึงได้เรียนรู้การสร้างรัง อาศัยอยู่บนต้นไม้ใหญ่เหล่านั้น

    วันเวลาผ่านไป ลูกหลานมากมาย ก่อกำเนิดขึ้น ลูกหลานคิดว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาจะอยู่กันอย่างไร เราจะต้องสร้างรังของตนเองและมีความมั่นคงกว่าบรรพบุรุษทำไว้ วันเวลาผ่านไป ดินตะกอนแน่นหนาจนทำให้คนรุ่นหลังไม่รู้ว่า ที่ตรงนี้คือดินตะกอนมาก่อนมันเพียงลอยอยุ่เหนือน้ำได้เพราะผลเมล็ดของต้นไม้เหล่านี้

    กาลครั้งนั้นเอง พวกเขาเริ่มเรียนรู้ที่จะตัดโค่นต้นไม้น้อยใหญ่ และใช้ประโยชน์จากการโค่นต้นไม้เหล่านี้ อย่างคุ้มค่า เบื้องแรกพวกเขาเพียงตัดถอนและให้ต้นไม้เติบโตอยู่ได้ แต่ต่อมาเมื่่อไม่มีพื้นที่ให้ดำรงค์อยู่เพียงพอ พวกเขาก้เริ่มขุดและถอนรากของมันไปเรื่อยๆ

    เวลาผ่านไป กว่า 2500 ปี เหลือเพียงต้นไม้ต้นใหญ่และต้นเล็กๆอยู่ไม่มาก คนรุ่นหลังหลงลืมเรื่องราวไปจนหมดสิ้น เนื่องจากบรรพบุรุษบอกเล่าไว้เพียงตำนาน ลูกหลานจึงค่อยๆหลงลืม และเกิดความเข้าใจสับสนเกี่ยวกับดินแดนที่พวกเขาอยู่อาสัย

    วันหนึ่งพวกเขาขาดแคลนในทรัพยากร และเหลือเพียงต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น ในเวลานี้ เนื่องจากความจำเป็นพวกเขาจึงตัดสินใจโค่นต้นไม้นั้นเพื่อวัตถุดิบ และพื้นที่สำหรับลูกหลานของเขาต่อๆไป

    สภาวะแวดล้อมก้เริ่มเปลี่ยนไป การโค่นไม้ใหญ่ก่อกำเนิดแรงสั่นเสทือนจากแผ่นดินกำปนาถ ด้วยเสียงล้มลงของต้นไม้นั้น ทว่ายังคงมีรากเดิมซึ่งยึดดินไว้ให้เป้นปึกแผ่น จึงทำให้รู้สึกสั่นเสทือนบ้างเพียงเล็กน้อย หลังจากนั้น รากไม้ที่หลงเหลือจะค่อยๆสลายไปตามกาลเวลาและกลายเป้นดินอีกครั้ง ทว่า
    เมื่อพวกเขาขาดแคลนทรัพยากรอย่างมากจึงไม่อาจปล่อยโอกาสนั้นหลุดลอยพวกเขาเริ่มขุดหาสินแร่ ที่เกิดจากการย่อยสลายของรากเหล่านั้น

    และแล้ว วันหนึ่งวันนั้นก้มาถึง เมื่อแรงสั่นเสทือนจากการโค่นต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุราวๆ 2500 ปี ไปถึงภูเขาไฟลูกหนึ่ง ณ ใต้มหาสมุทรก็เกิดปะทุขึ้น กระแสน้ำถูกแรงดันนั้นซัดเข้าสู่ชายฝั่ง และเมืองๆนั้น เมืองซึ่งไร้รากยึดเหนี่ยว และไร้พลังงานชีวิตจากต้นไม้หล่อหลอมอีกต่อไป

    ....

    ทำไงได้ละ ก้มันเป็นดินตะกอนหนะสิ
    คุณคิดว่ามีใครเหลือรอดไปบ้างหละ
    ในสถานการณ์ที่พวกเขาไม่ได้มองเห็น
    และประเมินสิ่งที่จะเกิดเผื่อไว้...


    ทว่า...
    พวกเขาก้ยังมีเรือไม้ ผู้อยู่ที่สูงหน่อย เมื่อรอดจากแรงสเทือนของน้ำไปได้ จึงพากันอพยพจากชายฝั่งด้วยเรือรำนั้้น พวกเขากลับมาเดินทางสำรวจหาแผ่นดินใหม่..

    วันหนึ่งพวกเขาได้พบสถานที่มีต้นไม้ดังเดิม ซึ่งเกิดจากในสมัยบรรพบุรุษของพวกเขา ล่องเรือและได้ชำต้นไม้เหล่านั้นไว้ยังดินแดนต่างๆ...

    พวกเขาจึงเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติอีกครั้ง...

    The end.


    ในโลกของนักลงทุน นิทานเรื่องนี้สอนอะไร

    1.บางครั้งการที่มีผู้ที่คิดและทำแตกต่างออกไป อย่างเช่นบรรพบุรุษนักสำรวจ ในตอนแรก พวกเขานำเอากล้าอ่อนไปเพาะชำในสถานที่อื่นๆ มันอาจจะดูบ้ามากและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดินไหม่ที่ไปลงนั้นจะมีผลอย่างไร จะขึ้นจะโตได้ไหม...

    สุดท้ายมันสำเร้จได้เพราะเขาลงมือทำ
    สิ่งที่คนอื่นบอกว่าบ้าหรือเป็นไปไม่ได้ในวันนั้น ...

    การเห็นต่างและทำต่างออกไป มันจึงไม่ได้มีอะไรผิด..

    2. สุดท้ายสิ่งเหล่านั้นย้อนกลับมาให้ผลในช่วงลูกหลาน ในดินแดนของบรรพบุรุษอื่นๆวิถีคิดและทำอื่นๆสุดท้ายก้เป้นผลดีในระยะยาวกลับมา เสมือนการทำบุญและการสะสมเสบียงไว้ในวันนี้ เพื่อความไม่ประมาทในวันหน้า

    ใครจะรู้ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เมื่อมีผลบุญเก่าอยู่ แม้ประสบกับวิกฤติเกือบสิ้นเผ่าพันธ์ สุดท้ายพวกเขาก้ยังหาที่อยู่อาศัยจากบุญเก่าที่บรรพบุรุษเคยทำไว้ได้

    การไม่ลืมคำสอน และเคารพในผู้อาวุโสก็เช่นกัน แม้ภายนอกเราอาจจะคิดว่า เขาเป็นผู้ที่คร่ำครึ แต่เห็นหรือไม่ การอยู่อย่างธรรมชาติเดิมๆ กลับเป้นภูมิปัญญาที่เราไม่อาจดูแคลนได้เลย

    3. การโค่นต้นไม้ใหญ่หรือสิ่งที่มีมานานด้วยความคิดช่วงสั้นๆ โดยขาดปัจจัยเพียงพอที่จะมองย้อนกลับ มีความเสี่ยงเสมอ..

    4. การไม่รู้คุณค่าของธรรมชาติและสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้คือการย้อนถอยหลังลงคลอง มันคือกลไกลของการทำลายตนเองทั้งนั้น เช่นการลดราคาสินค้าเพื่อแข่งกับคู่แข่ง เสมือนเราค่อยๆทำลายต้นไม้พันธ์ใหญ่ ให้เตี้ยลงลงเรื่อยๆ

    5.ธุรกิจที่ดีต้องเติบโตไปข้างหน้าอย่างต้นไม้ แต่ไม่ใช่คิดที่ผลได้ เพราะเราจะต้องคิดที่เราเสียอะไรไปบ้างก่อน อย่างเช่นคนที่คิดจะสร้างบ้าน ขุดทอง แต่ไม่ได้นึกถึงการสูญเสียทรัพยากรในระยะยาว พวกเขาจึงโค่นแบบถอนราก

    ธุรกิจต้องเดินหน้า ผลกำไร ก้คือยอดและผล
    รากคือการลงทุน และลำต้นก็คือระยะคืนทุน


    6.ในช่วงที่ธุรกิจล่มสลาย เกาะอะไรได้เกาะ นั่นคือธรรมชาติในการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล แต่สุดท้าย สติและการมีสามัญสำนึก จะช่วยตนเองให้รอดจากวิกฤติต่างๆไปได้ เมื่อเราล้มลง เราต้องกลับมามองตนเอง และ หาคุณค่าที่แท้จริงของตน หรือ ธุรกิจของตน

    การมองเห็นสิ่งที่บรรพบุรุษทำไว้ นั่นคือการมองเห็นคุณค่าเดิมแท้เห็นทั้งหมดตั้งแต่ต้นยันจบ และสร้างมันอีกครั้งโดยไม่ลดคุณค่าเดิมของตนลง..

    7.อย่ามองตนเป็นต้นไม้ใหญ่ เราต้องมองให้เห็นภาพทั้งหมด ต้นไม้ใหญ่ไม่ใช่ใครคนใด คนหนึ่ง และรากคือระบบที่เชื่อมโยงหากคุณคิดจะฆ่าคู่แข่ง เพื่อให้รากของคุณเติบโต ผิดแล้ว เพราะสุดท้ายหน้าดินเดียวกันที่คุณอยู่ จะต้องรับผลเช่นกัน

    และหากวันนึงคุณทรนงตนว่า คุณจะต้องโค่นไม้ใหญ่ลงเพื่อความสำเร็จ วันนั้นคุณจะได้รับกลับมาเป็นก้อนใหญ่ แต่คุณจะต้องทนหิวในระยะยาว....

    8. สามสถาบัน ปชช.ก็คือยอดใบ ลำต้นก็คือผู้ปกครอง รากที่หยั่งลึกคือผู้บำเพ็ญเพียร สมณะ ชี พราหมณ์ ความเชื่อ และตำนานปรัมปราของบรรพบุรุษทั้งหลาย คุณจะตัดขาดสิ่งใดก็ได้ แต่นั่นคือการตัดตอนตัวเองด้วยเหมือนกัน วิธีที่คุณจะออกจากต้น คุณจะเป้นต้นอ่อนได้ไม่ใช่ตัดต้นทิ้งทั้งที่รากแก้วไหม่ยังไม่งอกเลย...

    9.ผู้เขียนได้ดัดแปรงจากเรื่องราว ต้นมะม่วงของพระมหาชนก มาใช้ เพื่ออธิบายมุมมองอีกมุมมองหนึ่ง การใช้ธรรมชาติอ้างอิง เป็นเครื่องพิสูจน์เหตุการณ์ได้ เพราะธรรมชาติดำรงค์อยู่และเกิดขึ้นอยู่แบบนั้นครับ

    สำหรับโพสต์นี้ผมขอจบเพียงเท่านี้

    #หมาป่าไม่ล่าเหยื่อ
    #นายพรานตั้งกับดักไว้
    #จะเป็นเหยื่อและผู้ล่าทำใม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2020
  2. afterlife

    afterlife สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2020

แชร์หน้านี้

Loading...