ภาวนาไม่ถึงขั้น อย่าด่วนไปปฏิเสธ ว่า สมาธิ ขั้น สมถะ ไม่เกิดภูมิความรู้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปราบเทวดา, 12 ธันวาคม 2020.

  1. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ตุ๊ดๆๆๆ ขอคลื่นแทรก เว้ยเฮ้ย

    อานาปานสติ เป็น กองสัญญา

    ไม่ใช่ลม ไม่มีนิมิต ดวง ให้มุดไปหา 1
     
  2. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    ลาภกะมาจากทำทานไม่ใช้เหรองง
    นั่งสมาธิลาภจะลอยมาอี้ว่ะ55
     
  3. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    กรรมไรมรึง

    กรรมปั้น กรรมแต่ง หรือ กรรมเดากรรมดัน ถ้าไข่ดันก็ ออกไปดูก่อน
     
  4. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    สมัยนี้ ลาบ มากะ น้ำตก ยดซด พวกเหลือบไรห่มผ้าเหลือง ขอข้าวกล่องแถมเน็ตแถมบุหรี่ เอาคิ้ว คืนมา พญาครุฑบิน
     
  5. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    จักแหล่วเคยเรียนว่าทำทานภึงได้ลาบซักการะ
    นั่งสมาธิสมถะทำให้จิตมีกำลังจะประกอบการงานอะไรกะสำเร็จวิปัสนาทำให้เห็นแจ้งแทงทะลุ
    เลยถามค้านเพราะงง
     
  6. zero2zero

    zero2zero จากศูนย์ไปหาศูนย์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +430
    ทานให้ผลลำดับไหนไม่รู้ท่าน ลำดับที่ 78 หรือ ลำดับที่ 896,706 เกิดวิสัยคนปกติรู้ได้ มีแต่พุทธองค์ทรงรู้.. แต่กรรมหนักฝ่ายดี ให้ผลเร็วเลยท่าน... ทำทานพร้อมไปกับการนั่งสมาธิเลยท่านดีเจ
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ญาณปัญญาต้องเกิดด้วยถึงจะทะลุ
     
  8. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    คุณไม่เข้าใจกรรมฐานทำให้จิตมีกำลัง
    เราปรารถนาของที่เรามีกะหยิบมาใช้ได้เลยอย่าหลงประเด็นดิ
     
  9. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    จะว่า จั๊กเด๊ะ กะ ว่ายาก ดอกเด๊ะ

    ทานมากกว่าทาน คือ มหาทาน เรียกว่าศีล

    เจริญสติ๊ ม๊ะได๋ ศีลมัน ก๊ะ มาคู่กั๋น
     
  10. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ฝึกมานานหรือยังครับ ถามเรื่องสมถะนะครับ
     
  11. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    เจ้คุยกะคนไม่มีสติได้ด้วยเหรอเก่งแท้
     
  12. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ไม่ใช่เรื่องเก่ง เรื่องทำมะดา ที่ไม่มากโพด
     
  13. zero2zero

    zero2zero จากศูนย์ไปหาศูนย์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +430
    มือถือพังเลยท่านทัชไม่ไป เล่นของใส่ผมไหมท่านดีเจ 55
     
  14. zero2zero

    zero2zero จากศูนย์ไปหาศูนย์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +430
    เมื่อก่อนฝึกเยอะท่าน เป็นคนชอบนั่งสมาธิ ทำเช้า กลางวัน เย็น... แต่เดี๋ยวนี้ทำแค่บางวันก่อนนอน สุขมันฉาบทั่วตัว หลับสบายท่าน
     
  15. 8-0-4-0

    8-0-4-0 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2019
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +49
    สมถะนั้นให้ความรู้และภูมิรู้ได้
    ถ้าเปรียบเทียบก็ขั้นสูงเฉียดๆ โคตรภูญาณ
    อุทกดาบสและอาฬารดาบสก็รู้ทั่วจักรวาลมีฤทธิ์มีเดช เห็นอดีตอนาคตได้ รู้ถูก รู้ผิด รู้ละอายใจรู้บุญรู้บาป แต่มีข้อกำจัด ไม่ใสปิ๊ง ไม่ตรงเป๊ะ ไม่ตรงทางมรรคผล ซะทีเดียว แต่รู้ว่ามีทางมรรคผล
    แต่หาทางไปยังไม่เจอ.
    เพราะมี กิเกส กรรม วิบาก เป็นเครื่องกั้น
    ทำให้สัมมาทิฐิ ยังไม่เกิด ไม่งอกงามไพบูลย์

    ตราบจนกว่า สั่งสมบารมีถึงพร้อม หรือ ประจวบพอดีเจอพระพุทธเจ้าชี้แนะ ชี้ทางปัญญา และผู้รับคำสอนก็ต้องมีกำลังพละ5อินทรีย์5 ถึงพร้อม
    ก็จะแทงทะลุ ภูมิรู้ ขั้นโลกุตระปัญญา
    บรรลุอรหันต์ ทีนี้ภูมิรู้ภูมิธรรมในสมถะ ที่ทำมาก็ไม่สูญเปล่า กลายเป็น
    พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาน ได้โดยง่าย.

    แม้พระโพธิสัตว์ ทั้งหลายที่สั่งสมบารมี มานับอสงไขย โดยเฉพาะ10ชาติสุดท้าย(บารมี10ทัศ) ก็อาศัยภูมิรู้ภูมิธรรม ของสมถะเป็นบาทฐานทั้งสิ้น

    แม้พระชาติสุดท้าย เจ้าชายน้อยสิทธัตถะ ก็นั่งเข้าปฐมฌานใต้ต้นหว้า ในขณะที่พระราชาไปทำพิธีแรกนาขวัญ.
    .. กำลังภูมิรู้ภูมิธรรม ขั้นปฐมฌาน ของเจ้าชายน้อยสิทธัตถะ ทำให้ เงา ต้นหว้าไม่ขยับ เลย.
    ... ฉะนั้น สมถะของผู้มีบุญบารมีมาก ย่อมมีภมูิรู้ภูมิธรรมและความวิเศษ แตกต่างจากสมถะของผู้มีบุญบารมีน้อย.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2020
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ขออนุญาติกล่าวแบบนี้นะครับ ความจริงเรื่องกำลังสมาธิแบบนี้
    ส่วนตัวเคยเขียนไว้มานานมากแล้ว น่าจะเกือบ ๑๐ ปีแล้วมั่ง
    แต่ไม่เป็นไร เล่าให้ฟังอีกรอบคงไม่เป็นไรครับ
    เพราะเห็นว่าบทความน่าสนใจดี คงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย

    กรณีกำลังสมาธิมาถึงได้ระดับนี้ จิตมันจะไปได้ ๒ ทางครับ
    และย้ำว่า ไม่มีทางที่จะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งได้เลย
    เพราะมันจะเป็นไปตามเนื้อหาเดิมแท้ของจิตที่ได้สะสมมา
    ของแต่ละดวงจิตครับ

    กรณีที่สมาธิมาถึงระดับนี้ได้ ตัวจิตจะไปได้อยู่ ๒ กรณี


    เริ่มด้วยกรณีแรก ซึ่งในเวบพลังจิตตั้งแต่ที่อยู่มา
    ยังไม่เคยเห็นใครทำได้ เคยเห็นแต่คนที่ทำได้ แวะเข้ามา
    ห้องอภิญญาสมาธิเมื่อนานแล้ว แต่เป็น ผู้หญิง

    ๑.วิ่งซ้อนเข้าไปในตัวจิตเรื่อยๆ แล้วเกิดการระเบิดไปเรื่อยๆ
    พร้อมกับแสงสว่างจร้า
    ผลที่ได้ ก็คือ ในเวลาใช้ชีวิตปกติประจำวัน จะเกิดความสามารถทางจิต
    ในระดับใช้งานได้ทั่วไป แบบไม่ต้องมีลีลาตั้งท่าอะไร
    เหมือนๆคนแค่คุยกัน เช่น ตาดีกว่าปกติมองเห็นนามธรรมต่างๆได้
    หรือ สื่อสารกับนามธรรมต่างๆได้
    หรือสามารถรู้วาระจิต รู้อดีตได้ ซึ่งความสามารถพวกนี้จะกึ่งๆนำไปใช้
    ในทางเป็นพวกคล้ายๆหมอดูญานทิพย์ทั้งหลาย ดวงจิตแบบนี้เคยมีบ้างประปราย
    ในเวบญานทิพย์ แต่พวกที่มีจริงๆ มักจะออกจากเวบแล้วมาอยู่เงียบๆ
    มีรับดูดวงบ้างแต่ไม่ได้เปิดตัว จนมีชื่อเสียงอะไร
    ******แต่ก็ต้องมาฝึกเจริญสติและเดินปัญญาต่อเหมือนเดิม เพราะตัวจิต
    ไม่ได้มีภูมิทางด้านปัญญาทางธรรม และในระดับนี้ จิตจะยังไม่มีกำลังจิตนะครับ
    มีแต่สัมผัสภายในที่ละเอียดกว่าคนปกติทั่วไปเท่านั้น เผลอๆทางด้านกำลังจิต
    เรียกว่า อยู่ในระดับ ที่ภูมิต้านทานทางจิตต่ำกว่า คนฝึกสมถะทั่วๆไปด้วยซ้ำ


    ๒.ไปแบบสภาวะที่เกิดกับ ลพ.เจ้าของบทความ
    หรือ กรณีสำหรับดวงจิตอื่นๆบางทีก็วิ่งไปในกายดูอวัยวะต่างๆภายในกายได้
    จนสุดท้ายเกิดการระเบิดมีแสงสว่างจร้าเหมือนกัน สภาวะแบบนี้ ถ้าจิตวิ่งไป
    หยุดและระเบิดที่ส่วนไหนของอวัยวะภายใน ถ้าหากว่า อวัยวะนั่นเคยพร่อง
    มันจะหายขาดทันที ไม่ว่าจะเคยพร่องมากี่ปีก่อนหน้าก็ตาม
    สภาวะแบบนี้ บางท่านก็เกิดในขณะที่เดินจงกลม ซึ่งมักจะพบ
    ในกรณีท่านที่เป็น ผู้หญิง ที่เคยพบมา ส่วนมากจะเป็นแม่ชีครับ


    ผลที่ได้คือ จิตจะสามารถตัดการยึดมั่นถือมั่นกายได้ถึงระดับละเอียด
    ละเอียดคือ ยังมองเห็นภายนอกได้ปกติ แต่ไม่มีการปรุงแต่งในสิ่งต่างๆที่เห็น
    แต่ก็ต้องมาฝึกเจริญสติมาเดินปัญญาต่อ เพราะแม้ว่า ตัดเรื่องกายได้ถึงระดับละเอียด แต่ไม่ได้หมายความว่า ตัดการยึดมั่นถือมั่นกายได้ขาด
    และก็ต้องมาเดินปัญญาเพื่อตัดเรื่องอื่นๆที่เหลือ
    เช่น โลภ โกรธ หลง มันยังคงมีอยู่เต๊มๆ
    ย้ำว่า กำลังสมาธิระดับนี้ได้ในเรื่องตัดกาย
    ถึงในระดับละเอียด แต่ยังมีอยู่นะครับ
    และกำลังสมาธิระดับนี้ ในเวลาใช้ชีวิตปกติ จะยังไม่เกิดความสามารถทางด้านสัมผัสภายในแบบ กลุ่มที่ทำได้ในข้อที่ ๑ ครับ และจิตจะยังไม่มีกำลังจิตใช้งานได้ด้วยครับ


    จริงๆสมาธิระดับนี้ ก็ไม่ได้ยากอะไรหรอกครับ
    เพียงแต่ว่าจะต้องมีเวลาให้กับมันหน่อย
    ถ้ายังมีภาระทางสมมุติอยู่ก็อาจจะเข้าถึงไม่ได้เท่านั้นเอง
    แต่กรณี สำหรับที่จะใช้สำหรับเดินปัญญานั้น
    ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังสมาธิระดับนี้ก็ได้
    เพราะสำหรับเดินปัญญา เพื่อให้เกิดปัญญาทางธรรมขึ้นมานั้น
    กำลังสมาธิในระดับปฐมฌานก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ


    เพียงแต่ความเข้าใจทางด้าน กิริยาทางนามธรรมต่างๆ
    ทั้งสัมผัสต่างๆ จะสู้กลุ่มดวงจิตที่ทำได้ ในข้อที่ ๑ และ ๒ ไม่ได้เท่านั้น
    และถ้าหากว่า เราไม่ได้มีเป้าที่จะพัฒนาความสามารถทางจิต
    เพื่อให้เกิดกำลังจิต หรือ นำความสามารถที่ได้
    ไปใช้งานในด้านต่างๆ ที่เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ
    ระดับกำลังสมาธิ ในแบบที่ ๑ และ ๒ ก็ไม่จำเป็น
    และยิ่งถ้าจิตโน้มไปทางด้านปัญญาเป็นหลัก
    สมาธิระดับ ข้อที่ ๑ และ ๒ ก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันจะเริ่มเกิดปัญหาตามมาภายหลังครับ
    ปัญหาที่ว่า จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะอยู่กลุ่มในข้อที่ ๑ หรือ ๒
    หรือกลุ่มที่เน้นปัญญาอย่างเดียว
    เมื่อดวงจิต เริ่มเกิดมีปัญญาทางธรรมมาในระดับหนึ่งแล้ว
    มันจะไม่สามารถไปต่อ ทางด้านปัญญาญานได้ครับ
    เพราะปัญญาญาน มันยังจะต้องอาศัยกำลังสมถะเข้ามาหนุนอยู่ครับ


    แม่ว่าท่านจะมีปัญญาทางธรรมมาก แม้ว่าท่านจะผ่านข้อ ๑ ข้อ ๒ มา
    หรือท่านเป็นกลุ่มที่เน้นทางด้านปัญญาเป็นหลัก แล้วมีกำลังระดับ
    ปฐมฌานคอยหนุนก็ตาม

    หลักสังเกตุนะครับ
    ปัญญาทางธรรม เรื่องราวหรือเหตุการณ์ ความรู้ความเข้าใจอะไร ในการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆก็ตามที่ท่าน เคยวางไปแล้ว เคยปล่อยไปแล้ว เคยตัดไปแล้ว และไม่มีผลกระทบอะไรกับใจท่านแล้ว
    ไม่ว่า ท่านจะเคยวาง เคยตัด เคยปล่อยได้ ภายในเสี้ยววินาทีก็ตาม
    พอเวลาผ่านไปซักระยะเวลาหนึ่ง อาจจะหลายปี เมื่อท่านไปเจอสถานที่
    มีเหตุ มีภาพ มีสิ่งต่างๆภายนอก คล้ายๆ เรื่องที่ท่านเคยตัด เคยวางไป
    ท่านจะยังพบว่า มันยังสามารถ ผุดขึ้นมาให้ท่านระลึกถึงได้อยู่ครับ

    ยกตัวอย่างเพื่อความเข้าใจง่ายๆ เช่น ท่านเคยเห็นผีตนหนึ่ง
    แต่ท่านมีปัญญาทางธรรมมาก ด้วยภูมิธรรมอะไรก็ตามที่ผ่านมา
    ทำให้ท่าน วางเรื่องผีที่เห็นได้ ไม่สนใจเลย และก็ไม่มีผลอะไร
    และท่านก็เฉยๆ เห็นก็เห็น......แต่ท่านจะไม่ทราบว่า
    ทำไมท่านเห็นผีหน้าตาแบบนั้น ลักษณะนั้น ณ เวลาปัจจุบัน
    และท่านจะไม่ทราบว่า ทำไมท่านถึงเห็นได้
    เพราะจิตจะยังไม่ทราบกระบวนการในการเกิดเป็นภาพ ผี แบบนั้น ณ ปัจจุบัน
    ว่าสามารถมาจากอะไร มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร นี่คือส่วนปัญญาทางธรรมนะครับ
    แต่การที่เห็นแล้ว ท่านทราบว่า จะต้องอุทิศส่วนกุศลไว้ก่อน ทำบุญให้อะไรแบบนี้
    เป็นเรื่องของสติทางธรรม คนละส่วนกันนะครับ



    ส่วนถ้าจิตเป็นระดับปัญญาญาน เรื่องที่เคยวาง เคยตัด เคยปล่อยไปแล้ว
    มันจะไม่ขึ้นมาอีกเลยครับ เรียกว่า สิ้นสงสัย กระบวณการก่อนที่จะไปถึงสิ้นสงสัย
    นั้นมันจะเกิดองค์ความรู้ทางด้านนามธรรม ต่างๆเกิดขึ้นมาเอง
    ทำให้ท่านสามารถรู้และเข้าใจ อธิบาย สาเหตุที่เห็นภาพ
    และกระบวนการเกิดเป็นภาพ ณ ปัจจุบันได้เป็นซ๊อตๆ
    (ภูมิความรู้พวกนี้ ไม่ได้เกิดจากการอ่าน การฟัง การได้ยิน
    แล้วมาคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ตีความ หรือสังเคราะห์แบบทางโลกนะครับ)
    เพราะว่า จิตจะใช้กำลังสมาธิ เข้าไปย้อนดูเหตุดู
    ผลจนมันเข้าใจกระบวณการเกิดของ เรื่องราวต่างๆเหล่านั้น
    พวกนี้ รวมทั้งการเกิดกิริยานามธรรมต่างๆด้วยนะครับ
    ยกตัวอย่างง่ายๆพอให้เห็นภาพรวมๆ สมุมิตท่านเห็น ผี กรณีเดียวกัน
    เหมือนตัวอย่างข้างบน ถ้าเป็นระดับปัญญาญาน
    จิต มันจะมีความสามารถย้อนค้น เข้าไปถึงกระบวณการเกิดต่างๆ
    ย้อนอดีตไปเรื่อยๆ จนแสดงให็เห็น เป็นภาพ ณ ปัจจุบัน
    ที่จิตท่านแสดงให้เห็นเป็นอย่างนี้ในปัจจุบันได้เลย
    ตรงสภาวะที่เล่าให้ฟังนี้หละครับ
    ยังไงมันก็ยังต้องอาศัยกำลังของสมถะมาหนุนอยู่ครับ
    เพราะถ้ากำลังสมถะไม่พอ กระบวนการในการย้อนไป
    ถึงต้นตอของการเกิดเป็นภาพ ณ ปัจจุบันมันจะยังไม่ถึงขั้น
    ให้จิตนั้น สิ้นสงสัยได้จริงๆนั่นเองครับ


    กำลังสมาธิแบบที่จำเป็น ที่จะไปหนุนปัญญาญานนี่หละครับ
    ที่ฆารวาสอย่างเราๆ ต่อให้ท่านเป็นคนมีความสามารถใช้งาน
    ทางจิตได้ในชีวิตประจำวัน หรือ ท่านพอมีกำลังจิตมาบ้าง
    จากการฝึกกรรมฐานบางกองสำเร็จจนนำมาใช้งานได้จริงก็ตาม
    ที่เราจะสู้ห่มเหลืองท่านต่างๆไม่ได้

    ถามว่า ทำไมเราถึงสู้ห่มเหลืองไม่ได้หละ?

    เพราะกำลังสมาธิเหล่านี้ มันไม่ได้มาจากการที่ท่านไป
    เคร่งเครียด เกร๊งกล้าม แล้วจะเกิดขึ้นมาได้ เพราะมันจะเกิดการแป๊ก
    ไม่ก้าวหน้าต่อไปได้อีก


    มันต้องเป็นสมาธิที่อาศัย การปล่อยวาง
    ทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง และอีกทั้ง
    ยังไม่ชื่นชมไม่ยินดี ในการคุณและกามอารมย์
    ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมก็ดี( ส่วนมากตัดกันได้)
    หรือ นามธรรมก็ดี (ส่วนมากเผลอไปยึดกัน ยิ่งเกิดสัมผัสต่างๆ
    ทางนามธรรมยิ่งเผลอยึดได้ง่าย)
    ซึ่งการปล่อยวางพวกนี้ มันอาศัยเรื่องของปัญญาทางธรรมเข้ามาหนุนครับ
    เป็นผลให้เกิดสมาธิที่แท้ True ?

    สมาธิที่แท้ True เป็นอย่างไร?
    ก็คือ สมาธิที่ไม่ได้ เกิดจากการมีตัวอะไรเข้าไปกระทำให้เกิดครับ
    ไม่ว่า จากความชำนาญ จากเทคนิค จากกำลังจิต ตบะ ญาน ฌาณ
    ต่างๆ ไม่ว่าจะมีความชำนาญในการเข้าถึงเพียงลมหายใจเดียวก็ตาม


    ยังไงให้พิจารณาในสิ่งที่เล่าใหฟังดู
    อย่าพึ่งด่วนไปสรุปว่า สิ่งที่ตนรู้เป็นที่สุด
    สรุปว่า ท่านที่เคราพรเป็นที่สุด
    เพราะจะกลายเป็นว่า ท่านเองที่ยึดโดยที่ไม่รู้ตัวครับ
    มันจะทำให้ท่าน ไม่เห็นมุมอื่นๆที่ยังมีประโยชน์กับตัวท่านเอง
    ท่านควรวางใจเป็นกลางๆ ค่อยๆพิจารณาว่า มุมไหนมีประโยชน์
    กับตัวท่าน ตามเหตุและปัจจัยของท่านๆก็นำมาใช้ให้เหมาะสมและ

    ควรประเมินศักดิ์ภาพทางจิตของตนเองก่อนในเบื้องต้นครับว่า
    ความสามารถทางจิตจริงๆ ของเราเป็นอย่างไร
    ท่านจะแยกได้เองว่า ท่านอยู่ในกลุ่ม ๑ หรือ ๒
    หรือไม่ใช่ทั้งสองกลุ่มแต่ท่านเน้นทางด้านปัญญาอยู่
    และมีปัญญาทางธรรมในการปล่อยวางอะไรต่างๆได้ง่ายและ
    ให้ประเมินความสามารถในการฝึกกรรมฐานต่างๆ
    ของตนเองดูก่อน ว่าท่านฝึกสำเร็จจนใช้งานได้จริงๆ
    ในชีวิตประจำวันร่วมด้วย
    หรือ ท่านแค่รู้เห็นเองสัมผัสเองอยู่คนเดียว
    แต่ไม่มีความสามารถใช้งานทางจิตอะไรที่เป็นประโยชน์
    ต่อภายนอกหรือให้บุคคลภายนอกรับรู้สัมผัสได้จริงๆ


    ประเมินตนเองตรงนี้ให้ได้ก่อนครับ
    แล้วค่อยมาดูว่า เป้าหมายเราคืออะไรกันแน่ๆ

    ถ้าเป้าหมายท่านคือ ต้องการหลุดพ้นจริงๆ
    ยังไง ทั้งสมถะและวิปัสสนา มันก็แยกขาด
    กันไม่ได้จริงๆ มันมีส่วนมาหนุนมาส่งเสริมกันอยู่เสมอ
    ขึ้นอยู่กับว่า ณ ปัจจุบันนี้ ด้านไหนที่ท่านยังไม่เพียงพอ
    ด้านไหนที่ท่านมีมากเกินไป ท่านก็เสริม ท่านก็ลด
    ให้มันสมดุลย์ เชื่อว่า ถ้าท่านค้นพบตรงนี้ได้เร็ว
    โอกาสที่ท่านจะพ้นในชาตินี้ ย่อมมีสูงแน่นอนครับ


    หวังว่าคงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย จากบทความนี้
     
  17. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    ไม่ใช้เด้อผมไม่มีอะไรมีแต่ความฮา55
     
  18. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762


    "เจ้าชายน้อยสิทธัตถะ ก็นั่งเข้าปฐมฌานใต้ต้นหว้า ในขณะที่พระราชาไปทำพิธีแรกนาขวัญ."

    ตรงนี้ คือความต่าง ของสมาธิ ของอาราฬดาบส และโยคีชฎิล ในสมัยนั้น
    ปฐมฌาน ที่เจ้าชายสิทธัตถะ ได้พบตอนเด็ก
    คือ ปฐมฌานในลักขณูปนิชฌาน

    ซึ่งพระองค์ จะหวนกลับมานึกถึง เมื่อได้ยินพิณสามสาย
     
  19. ละอองไฟ

    ละอองไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    2,469
    ค่าพลัง:
    +1,398
    สมาธิขั้นสมถะที่ไม่มีวิปัสสนาคือ
    นิ่งอยู่ในอารมณ์เดียวไม่เคลื่อนไปอารมณ์อื่น
    สมาธิขั้นสมถะควบคู่ไปกับสิปัสสนาคือ
    สามารถพิจารณาสิ่งที่เห็นในสมาธิขั้นสมถะได้พร้อมกัน
    ท่าน อุทกดาบส กับ ท่าน อาฬารดาบส
    มีแต่ญาณหยั่งรู้ภายนอก
    แต่ไม่มีญาณหยั่งรู้ภายใน
    ผู้ที่มีทั้งญาณหยั่งรู้ทั้งภายนอก
    มีญาณหยั่งรู้ทั้งภายในคนแรก
    คือพระพุทธเจ้า
    ก็คือวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ นั่นเองคับ
     
  20. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    เจ้ปราบไม่เข้าใจความหมายของกรรมเหรอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...