เรื่องเด่น พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ (ปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

โลกธาตุ ที่อยู่รอบเราทั้ง สี่ทิศแปดทาง
เป็น โลกธาตุที่เต็มไปด้วย ผู้ที่ชอบความยุติธรรม
คนที่ไปเกิดในโลกธาตุนั้นๆ จะมีทุกอย่างหมด
รูปร่าง หน้าตา อายุ อายุขัย ไม่มีคนพิกลพิการ
ผู้คนมีอายุอย่างน้อย ห้าร้อยปี เท่ากันหมด

มีเพียง มัชญิมาโลก หรือ โลกตรงกลาง
ที่เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความไม่เที่ยงแท้แน่นอน
อายุ ก็ขึ้นๆลงๆ ได้ ตามกรรมใหม่ ที่ตัวเองกระทำ
ผู้คน ก็มีตั้งแต่ พระราชา ไปจนถึง ขอทาน
หน้าตา ก็มีตั้งแต่ หน้าตาดี ไปจนถึง หน้าตาพิกลพิการ
จิต ก็มีตั้งแต่ พระอรหันต์ จนถึง พญามาร
ทุกอย่างเป็นไปได้หมดในโลกนี้
แต่คนส่วนมาก ร้อยละ 99.99 เปอร์เซนต์
มักจะต้อง ตกนรก โดยส่วนเดียว
หาโอกาสที่จะ ขึ้นสวรรค์ หรือ บรรลุธรรม แทบจะไม่มี
เพราะฉนั้น ใครที่จะมองหา ความชอบธรรม หรือ ความเป็นธรรม
ก็ย่อมที่จะเป็นไปไม่ได้ จะต้องไปหาที่ โลกธาตุที่อยู่ด้านข้างโน่น
ในโลกนี้ มีแต่ ทุกคนเกิดมาด้วยกฏแห่งกรรม นำพาทั้งสิ้น
หากตั้งจิตถือศีล ก็จะได้ ไปสู่สุขติ หรือ บรรลุธรรม
หากไม่ตั้งใจถือศีล ก็จะได้ ไปทุกติ หรือ อบายภูมิ

 

นับถอยหลัง!!



เกรงว่าจะรวดเร็วกว่านั้น! ถ้าใช้ชีวิตอย่างประมาทมัวเมาอยู่ จะไม่ทันกาล

 

โหดมากเลย !?

 

เตรียมตัวกักตุนอาหารกันได้เลย ถ้าเป็นแบบนี้ !

จะหนักกว่า ที่เคยเห็น ติดวันเดียวตาย


ยุคข้าวยากหมากแพง ทำมาหากินไม่ได้ จะเอาที่ไหนเลี้ยงชีพ

:ถ้ามีการปล้นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงอาหาร เมื่อใด เมื่อนั้นคือ สัญญาน เริ่ม


ชาวไร่ชาวนาชาวสวนก็ควรเก็บข้าวปลาอาหารให้ดี ๆ

คนจนคนรวย ต้องรักตัวกลัวตายไม่แตกต่างกันแล้ว

นาทีนี้

 

ทำยังไงดี!?

ขอให้ผ่านพ้นไปให้เร็วๆนะครับ ขอให้ปลอดภัย

 

สาธุ

 

เคยได้ฟังจากพระอาจารย์
มัมันจะเป็นจริงหรือเปล่า

 

ถ้าจะคิดให้ละเอียด

เจ้าเชื้อนี่! มาจากธาตุดิน ด้วยหรือเปล่า ! อาวุธที่ประหัตประหารกันส่วนใหญ่ในโลก ก็มาจากธาตุดินด้วยทั้งนั้น

ด้วยเหตุนี้ ในพระไตรปิฏกจึงต้องสำคัญรู้ในเรื่องการ"ฉลาดในธาตุ" ด้วยนัยอันสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาได้

ธาตุดินนี้
ยักษ์หินประเภทที่เป็น ธาตุหยาบ ก็ภูเขาไฟ อาวุธเคมีนิวเคลียร์ ธรณีทั่วไป

ถ้าเป็นด้าน ยักษ์หิน ธาตุละเอียด ก็เชื้อโรคดีๆ ตลอดไปจนถึงยักษ์มารทั่วไป

ระดับอาระวาดทั่วโลก ข้อนี้ก็สามารถนำลงพิจารณาได้

กลุ่มแรกที่ต้องคิดถึงความสำคัญสูงสุดก็คือ

นักปราชญ์ พวกแรกนี่พวกหมอ แพทย์ ที่ต้องใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อได้เลย ถ้าผู้มีความรู้ยังไม่รอด ต่อไปใครจะรักษา ใครจะสามารถวิจัยทดลองได้

ต่อจากนักปราชญ์ พวกที่ 2-3-4 ฯลฯ

เพราะอย่างนั้นแล้วสงครามการแย่งชิง อาหาร น้ำ และปัจจัยใน การดำรงชีพ การฆ่าแกงกัน ความตื่นตระหนก มีโอกาสเกิดขึ้นสูงไปอีก


การกลายพันธ์จะทวียิ่งขึ้นไปอีก จนไม่สามารถป้องกันได้อย่างกระนั้นหรือ?

 

ถ้าว่าโกลาหลถึงขีดสุด คิดให้ถึงความน่ากลัวที่สุด

ที่จะพีคสุดของตอนจบที่ไม่มีอยู่จริงของเรื่องนี้

ด้วยสภาวะความอดอยาก ทุกข์ทน ต้องสู้กับความเห็นแก่ตัวของคน ผลกระทบที่จะได้
เมื่อจิตใจของคนเราตกต่ำถึงขีดสุด

คือกลุ่มคนติดเชื้อจะรวมตัวกัน ก่อจราจล และไปแพร่กระจายให้คนที่ไม่ติด

แน่นอนว่าจะต้องมีพวกหัวเสธจิตบอด คิดการใหญ่ใน การเก็บตัวอย่าง ของเชื้อโรคชนิดนี้รวบรวมไว้เป็นอาวุธ เชื้อโรคแน่นอน เกลียดใครชังใครก็แกล้งแพร่เชื้อ ขายเชื้อโรคไว้ทำร้ายคน

และมันจะหายไปได้อย่างไร? ถ้ามันกลายพันธ์ฝังตัวในร่างกาย ไปจนถึงการพัฒนาไปถึงระดับแพร่เชื้อจากพ่อแม่สู่ลูกได้เหมือนโรคเอดส์

อยากจะบอกตรงๆว่านี่แค่ออเดริฟ์

อย่าลืมว่า การเปลี่ยนแผ่นดินในระหว่างพุทธันดรเปลี่ยนผ่านถึงพระพุทธเจ้าในแต่ละพระองค์โลกธาตนี้ แผ่นดินจะสูงขึ้น 30-50 กิโลเมตร ต่อ ๑ องค์ ๑ ครั้งจะงอกมาจากไหน ก็ดี แต่ที่แน่ๆ มาจากนอกโลกเพียบ สุดท้ายก็จะเป็นแบบมหานิมิตของเรา

ที่ไม่เหลืออะไร? มีแต่ผืนดินแดงฉานด้วยธารลาวาสีเศร้าหมอง

เรารู้ข้อนี้แล้ว

ในบางสถานที่ ทำไมอยู่บนยอดภูเขา แต่ทว่า มองกันไม่เห็น เพราะอยู่ใต้พื้นดินลงไปลึกมากถึง 100-150 กิโลเมตรเป็นอย่างต่ำ

ในสถานที่ต่างๆที่ทรงตรัสบอก ว่าเมืองนั้นเมืองนี้ เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน หรือแม้แต่ซากพืขซากสัตว์ที่ล้มตายทับถมกัน ล้วน(อยู่ข้างใต้แผ่นดิน)


เขียนประวัติศาสตร์และเปลี่ยนความรู้ด้านธรณีวิทยาไปได้เลย


เมื่อครบ 5 พระองค์ ไฟประลัยกัลป์จึงผลาญโลก รอภัทรกัปและมหากัปอื่นๆ แล้วคืนสู่จุดเริ่มต้นแห่งโลกในอคัญสูตร พรหมกินง้วนดินใหม่ หมุนเวียนวัฏจักรโลกอย่างนี้


เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น :ตามหลักวิทยาศาสตร์จะมีการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของโลก เพราะฉนั้นโลกในตอนนี้ เอาตามพระไตรปิฏกจะขยายขนาดขึ้น มีมวลมากขึ้น หนาขึ้น อีก 30-50 กิโลเมตรเป็นอย่างต่ำ ในวาระสมัยของพระศรีอารยะเมตไตรย ผุดขึ้นเพื่อบูชารองรับ

ถ้าพุทธบริษัทจะนับมวลเส้นผ่าศูนย์กลางของโลกตามพระไตรปิฏกในยุคปัจจุบันนี้ ก็ต้องลบความหนาของชั้นแผ่นดินพื้นดินออก ไปยังจุดเริ่มต้น

-120-150 Km. นั่นคือจุดเริ่มต้นของแผ่นดินตามพุทธศาสนาในภัทรกัปของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นี้

ตกบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์ละ 10 Km.
ในแต่ละยุค

และถ้าเป็น ธาตุน้ำล่ะ เอาด้วยกับเขาหรือเปล่า !
ธาตุลม ธาตุไฟ อีก อย่ากระนั้นเลย!

พิจารณาตามเนื้อความ ^_^

 

สรุปว่า เอากับเขาด้วย แม้แต่ ธาตุ น้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็มีความสามารถทลายโลกธาตุต่างๆได้ด้วยจริงๆ

หายสงสัยเพราะ "พระมหาเวชตราศาตร์" หมุดเสาปักคุ้มบ้านครองเมืองครอบโลกถูกทำลาย ด้วย คนบาป

จึงต้องวิบัติพินาศไป ศีลธรรมไม่กลับมา โลกกาจะวินาศ

 

ใน" คิริมานนทสูตร "หรือในพระสูตรอื่นๆ ก็ได้ระบุถึงเรื่อง " น้ำ " รองแผ่นดินไว้

วิวัฒนาการของมนุษย์ยังไม่สามารถตรวจสอบความลึกใต้พื้นแผ่นดินไปจนถึงใจกลางแกนโลกได้อย่างชัดเจนถึงความหนาแน่นและสิ่งอื่นๆใต้พื้นภิภพตามความเป็นจริง ถึงสภาพชั้นแผ่นดิน ไม่ว่าจะอาศัยเครื่องมือตรวจจับใดๆที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ตาม

100-150 Km. นี่ยากอยู่นะ รัสเซียเจาะ จนไปถึงเรือสำรวจใต้น้ำยังไปได้แค่นั้น 10% ไม่รู้จะได้หรือเปล่า

 

การพิจารณา สงเคราะห์ธรรมอันมีนัยยะ "แฝง" ให้พิจารณาโดย อนุโลม และ ปฎิโลม ย้อนไปย้อนกลับ เช่น น้ำขาด/น้ำมาก โดยคงปัจจัยไปที่เนื้อเรื่องที่แสดงความมุ่งหมาย ไปในแนวทางใด เป็นเรื่องที่ดี เป็นมงคลชัย หรือ เป็นเรื่องที่ไม่ดี เป็น อุปัทวะอันตราย หายนะภัย เป็นต้น

แล้วจึงนำมาพิจารณาผนวกกับเรื่องราวในสถานการณ์ อดีต ปัจจุบัน และแนวโน้มที่จักเกิดขึ้นในอนาคต พิจารณาเนื้อความให้เห็น ในแต่ละช่วง ขั้นตอน ที่ได้ปรากฎเป็นไป จึงสามารถพิจารณานำสงเคราะห์กันได้ แบบไม่ต้องเพ้อฝันเพ้อเจ้อ อธิบายพอสังเขปดังนี้


ด้วยภัย ๕ แห่งพระทศพลญาน ๑๐ ทรงแสดงไว้ที่เราท่านได้ประสบกันอยู่นี้ ยังไม่ถึง 10% /100%

1-10 IN 100

ยังมีอีก !!

ยังมีหนักหนาสาหัสกว่าการแพร่ระบาดของเชื้อโรคสารพัดชนิดอีก


นี่ขนาดเบาะๆยังต้องขังตนเอง และยังมีอีกชนิดขังตนเองไว้ในที่ลับตาแล้วยังไม่รอด หาจนเจอ ตามจนเจอ ! ยาวนานไปข้ามภพข้ามขาติ จนถึงแบบ หนีไม่พ้น ในวันนั้น

แม้มนุษย์อวกาศคนสุดท้ายก็ยังไม่รอด

บทสรุปยุคโลกาวินาศ ถ้าหากสิ้นพุทธ!


ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ!

ความสิ้นหวัง ปรากฎขึ้นทุกๆหย่อมหญ้าป่าปูน

ได้แต่คอยติดตามและส่งความห่วงใย แต่ไม่อาจปรามภัยให้ไม่เกิดไม่เป็น

 

รวมเหตุการณ์หายนะทั่วโลก 2020


https://cities.trueid.net/article/รวมเหตุการณ์หายนะทั่วโลก-ปี-2020-trueidintrend_94940

 

ไม่ใช่เรื่องปกติ เหตุใด มรณะ ๔ จึงรีบตัดรอน แม้แต่ทารก

อาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับจำนวนประชากรโลกทั้งหมด ที่มีการเกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดาอยู่แล้วต่อวัน

อัตราการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นหรือลดลง
ต้องดูกันไป ว่าเป็นสัญญานเตือนอันใด

แม้แต่อินเดียเด็กทารกต้องถูกไฟคลอกตายนับ 10

ในไทยปี 63 ทำคลอดเด็กตายกว่า 40 ในเดือนเดียว

https://mgronline.com/live/detail/9630000104544