กลายเป็นปอบเพราะเรียนมนต์ดำ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย พนมกุเลน, 24 เมษายน 2008.

  1. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    เจอเรื่องหลายเรื่อง ที่บอกว่าคนธรรมดากลายเป็นปอบ เพราะเรียนคาถาอาคมทางไสยดำ ขอเอามาเล่าสู่กันฟัง

    http://xzce.saiyaithai.org/xzce/data/0147-1.php

    ผีปอบ เพียงแต่ชื่อที่เรียกขานชื่อก็ สร้างความหวาด ในยามใดที่มีข่าวชาวบ้านย่านถิ่น ไม่เป็น อันกินอันนอน ด้วยกลัวว่ามันจะมาล้วงตับไปกิน...!!!

    ความลี้ลับที่ยังไม่มีใครสรุปออกมาแน่ชัดว่ามีจริงหรือไม่ แต่ก็ฝังลึกอยู่ในจิตใจของชาวอีสานและชุมชนประเทศเพื่อนบ้าน ที่อาณาเขตเชื่อมต่อ

    ทั้งนี้อาจมาจาก ความเชื่อในศรัทธาของพลังเหนือธรรมชาติ ซึ่งแต่ละชุมชนหรือหมู่บ้านจะมีผู้ที่มีวิชาอาคมในทางไสยศาสตร์ เวทมนตร์คาถาที่ขลัง ส่วนจะมากหรือน้อยนั้นก็แล้วแต่

    และผู้มีมนต์ดำนั้น ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อบังคับ ถือว่า ผิดครู ซึ่งภาษาท้องถิ่นเรียกว่า
     
  2. den_siam2523

    den_siam2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,267
    น่ากลัวว
     
  3. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    http://xchange.teenee.com/lofiversion/index.php/t48964.html


    "ผีปอบ" มีต้นกำเนิดมาจาก ผู้ที่มีวิชาไสยศาสตร์มนต์ดำจนแก่กล้า สามารถใช้อำนาจอันเข้มขลังจากเวทมนตร์คาถาไปกระทำร้ายหรือทำลาย ชีวิตผู้อื่นได้ เช่น ทำ เสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอยเสกหนังควาย เสกตะปูเข้าท้อง หรือใช้มนต์ตราบังคับวิญญาณ ภูตผีไปเข้าสิง

    วิชาไสยศาสตร์เหล่านี้มีข้อห้าม ข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วย ผู้ที่มีวิชาอาคมทาง ไสยศาสตร์ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงระบุว่า เป็นเดียรฉานวิชา จะต้องระวังไม่ให้ละเมิดข้อห้าม ข้อปฏิบัติโดยเด็ดขาด

    หากกระทำผิดข้อห้าม ชาวอีสานจะเรียกกันว่า "คะลำ" จะเกิดโทษหนักในข้อ"ผิดครู" วิญญาณ บรมครู จะลงโทษ ให้กลายเป็นปอบ

    หรืออีกประการหนึ่งของผู้ที่กลายเป็นปอบก็คือ เล่นคาถาอาคมอย่างคลั่งไคล้ และใช้ความขลังแห่งวิชา มนต์ดำไปทำลายทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่กลัวบาปกลัวกรรมกระทำชั่วเป็นอาจิณกรรม

    กระทั่งถูกอาถรรพณ์ของไสยเวทย์ย้อนกลับมาเข้าตัวเอง กลายเป็นปอบไปในที่สุด

    "ผีปอบ" ยังแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น "ปอบธรรมดา" หมายถึง คนที่มีปอบสิงอยู่ในร่าง ( คือตนเองเป็นปอบ ) เมื่อคนประเภทนี้ตายไป ปอบที่สิงสู่อยู่ก็จะตายตามไปด้วย

    "ปอบเชื้อ" หมายถึง ครอบครัวใดพ่อแม่เป็นปอบเมื่อพ่อแม่ตายไปลูก หลานก็จะสืบทอดให้เป็นปอบต่อไป อีกประการหนึ่งเป็นกรรมพันธุ์ไม่ว่า จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรียกว่าเป็นปอบต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ

    "ปอบแลกหน้า" หมายถึง ปอบเจ้าเล่ห์ถนัดเอาความผิดไปโยนให้ผู้อื่น กล่าวคือ เวลาไปเข้าสิงใคร เมื่อถูกสอบถามว่ามีผู้ใดเลี้ยงหรือบังคับ ปอบ จะไม่บอกความจริงหากไปกล่าวโทษว่าเป็นคนนั้นคนนี้ โดยที่ผู้ถูกระบุชื่อ ไม่รู้เรื่อง รู้ราวอะไรเลย

    ปอบกักกึก (กึก ภาษาอีสานแปลว่า "ใบ้") หมายถึง ปอบที่ไม่ยอมพูดอะไรเวลามีคน ถาม จนกว่าญาติพี่น้องจะไปตามหมอผีมาขับไล่ จึงจะยอมเปิดปากพูดว่าตนเป็นปอบของใครมีใครใช้ให้มา เข้าสิง

    ผู้ที่ถูกผีปอบเข้าสิงหรือที่ชาวอีสานเรียกว่า "ปอบเข้า" จะมีอาการแตกต่างกันไป บางคนแสดงกิริยาอาการ ดุร้ายบางคนจะนอนซมซึมคล้ายกับป่วยไข้อย่างหนัก บางคนจะร่ำไห้รำพันไปต่างๆ นานา

    แต่ไม่ว่าจะมีทีท่าอาการอย่างไร ผู้ที่ถูกปอบเข้าสิงจะเรียกร้องให้นำอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ พวกหมู ตับ ไก่ต้มมากิน เหมือนๆ กัน เวลากินก็แสดงความตะกละมูมมามและกินได้จุผิดปกติ

    เมื่อญาติพี่น้องรู้ว่าคนป่วยถูกปอบเข้าสิง เขาก็จะไปตามหมอผีให้มาไล่ปอบ
    การไล่ปอบให้ออกจากร่างมีหลายวิธีตามแนวทางที่หมอผีได้ร่ำเรียนมา บางคนจะเอาพริกแห้งมาเผา ให้ควันรมคนป่วยจนสำลักควันน้ำตาไหลพราก

    ครั้นปอบออกจากร่าง แล้วหมอผีจะข่มขู่สอบถามว่าผีปอบเป็นใครมาจากไหน เมื่อปอบรับสารภาพหมอผีก็จะปล่อยไป คนป่วยได้สติหายเป็นปกติ นัยน์ตาที่แดงก่ำเนื่องจากถูกควันพริกเผารมจะหายไปทันที

    แต่เจ้าของปอบกลับมีอาการนัยน์ตาแดงก่ำด้วยสายเลือด จนต้องหลบหน้าอยู่แต่ในห้องไม่กล้าให้ใครพบหน้า

    อีกวิธีหนึ่งคือ ใช้หวายเฆี่ยนไล่ปอบ ซึ่งก็เท่ากับเฆี่ยนคนป่วยนั่นแหละ หากปอบกล้าแข็งหมอผีจะเฆี่ยนหนักๆ กระทั่งเนื้อตัวคนที่ถูกปอบเข้าสิงเขียวช้ำด้วย
    รอยหวาย เมื่อปอบยอมแพ้ออกจากร่างไปรอยหวายก็จะจางหายไปทันที

    แต่วิธีไล่ปอบแบบนี้เคยเป็นข่าวมาแล้ว เนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้ถูกปอบเข้าสิง หากป่วยเป็นโรคประสาท ญาติคิดว่าปอบเข้าจึงไปตามหมอผีมาไล่ หมอผี
    จัดการเฆี่ยนคนป่วยด้วยหวาย ได้รับบาดเจ็บบอบช้ำจนหลายครั้งหลายหน โดยคิดว่าปอบฮึดสู้ไม่ยอมแพ้

    ในที่สุดคนป่วยก็เสียชีวิต ร้อนถึงตำรวจต้องมาจัดการกับหมอผีและญาติตามกฎหมาย

    อีกวิธีหนึ่ง หมอผีจะนำสัตว์น่าเกลียดน่ากลัวบางชนิด มาข่มขู่ให้ปอบกลัว เช่น คางคก ตุ๊กแก งู ในกรณีนี้ คนที่ถูกปอบเข้าสิงมักเป็นผู้หญิงหรือตัวปอบเป็นหญิง แม้จะเป็นผีปอบ ( เธอ ) ก็ยังขยาดแขยงสัตว์ประเภทนี้และ มักจะยอมออกจากร่างที่เข้าสิงง่าย ๆ

    ผีปอบที่แก่กล้า เวลาเข้าสิงใครจะออกยาก กล่าวกันว่าใครที่ผีปอบประเภทนี้เข้าสิงมักจะถูกปอบสิงจนตาย

    เมื่อหมอผีดำเนินการไล่ผีปอบจากร่างที่ถูกปอบสิง มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือ จะปรากฎเป็นก้อนกลมอยู่ใต้ผิวหนังปูดนูนขึ้นมา เวลาหมอผีจี้ก้อนกลม ๆ นี้ด้วยไพลเสก มันจะเลื่อน

    สำหรับหมอผีรุ่นครู จะจู่โจมเข้ามัดข้อมือ ข้อเท้าและรอบคอ ด้วยด้ายสายสิญจน์เพื่อไม่ให้ปอบหนีออกจากร่าง

    จากนั้นก็จะใช้ไพลเสก จี้ลงไปที่ก้อนกลมๆ ใต้ผิวหนัง เรียกว่าก้อนกลมนี้หนีไปที่ใดก็จะตามจี้ไม่ยอมปล่อย จากนั้นใช้ไพลเสกจี้ ทางอีสานเรียกว่า "แทง" ปอบจะเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส (คนที่ถูกปอบสิงจะร้องโอดครวญดังสนั่น)

    หมอผีจะขู่บังคับ ให้บอกว่าเป็นใคร ซึ่งปอบมักจะยอมสารภาพโดยดี หลังจากทรมานปอบให้หวาดกลัวเข็ดหลาบแล้ว หมอผีจึงจะแก้มัดด้วยด้ายสายสิญจน์ปล่อยให้ปอบออกไป

    หมอผีบางรายมีวิธีไล่ปอบชนิดดุเดือด ให้คนเป็นปอบอับอายขายหน้าเป็นที่เปิดเผยแก่สาธารณชนทั่วไป โดยหมอผีจะไปหาหม้อดินของแม่ม่ายที่มีเขม่าควันจับหนามา

    แล้วเอาหม้อดินครอบศีรษะคนถูกปอบสิง ใช้มีดโกนขูดเขม่าควันไฟ คล้ายกับโกนผมให้หมดไปครึ่งศีรษะ จากนั้นปล่อยให้ปอบออกจากร่าง

    วิธีการไล่ปอบแบบนี้ จะทำให้ผู้เป็นปอบหรือเลี้ยงผีปอบ ต้องหลบซ่อนอยู่ในห้อง หรือเวลาออกไปไหนก็ต้องใช้ผ้าคลุมศีรษะตลอดเวลา เนื่องจากเส้นผมแหว่งหายไปครึ่งศีรษะ

    เรื่องของปอบนี้ จะลงความเห็นว่าเกิดจาก "ความเชื่อ" หรือความงมงายไร้สาระเอาเสียเลยก็คงไม่ได้ เพราะเรื่องราวประหลาด ๆ เกี่ยวกับผีปอบ ยังเคยปรากฎกับพระอริยสงฆ์ เช่น หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาแล้ว

    กล่าวคือ มีหมอผีไสยเวทย์ ชาวเวียงจันน์คนหนึ่ง มาที่วัดสะแก มานมัสการหลวงปู่ดู่ บอกท่านว่าตนมีวิชาดีเป็น วิชาบิดไส้ บิดฟัน ต้องการมอบวิชานี้ให้แก่ท่านเป็นการเฉพาะ เพราะเห็นว่าไม่มีใครรับถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ได้ แล้วก็มอบคัมภีร์โบราณให้ผูกหนึ่ง

    หลวงปู่ดู่เห็นว่าเป็นวิชาแปลกก็รับไว้ โดยเสียค่าครูให้เป็นธรรมเนียม เมื่อได้คัมภีร์นั้นมาแล้ว หลวงปู่ก็ไม่ได้เปิดดูหรือให้ความสนใจเป็นพิเศษ ท่านนำไปวางไว้ที่โต๊ะหมู่บูชา และก็ลืมๆ ไป

    ส่วนหมอผีไสยเวทย์ชาวลาว ยังไม่กลับไปทันที หากนอนพักค้างคืนที่วัดสะแก
    ต่อ 2 - 3 วัน

    คืนนั้น หลวงปู่ดู่เกิดฝันประหลาด ฝันว่าท่านออกไปหากินคล้ายๆ กับเป็นปอบและไปกินควายชาวบ้าน ซึ่งอยู่ในตำบลใกล้เคียง เช้าวันรุ่งขึ้นท่านก็ยังไม่ฉุกคิดอะไร

    กระทั่งล่วงเข้าคืนที่สอง ขณะที่หลวงปู่นอนหลับ ท่านก็ฝันในลักษณะเดียวกันอีก คือออกไปกินไส้ควายของชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้ ๆ

    เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ได้มีชาวบ้านมาหาหลวงปู่ดู่ เล่าถวายต่อท่านว่า เมื่อคืนนี้ควายของเขาตาย กะทันหันโดยหาสาเหตุไม่พบ อีกทั้งลักษณะการตาย มีสภาพน่ากลัวหลายอย่าง หลวงปู่สอบถามว่าตั้งบ้านเรือน อยู่อาศัยที่ใด

    ชาวบ้านก็กราบเรียนให้ท่านทราบ คราวนี้หลวงปู่ดู่ถึงกับสะดุ้ง เพราะที่อยู่ของชาวบ้านคนนั้น ตรงกันกับบ้านที่ท่านฝันว่าไปกินไส้ควายมานั่นเอง

    หลวงปู่ดู่คิดว่า "อ้ายลาวไสยเวทย์คนนี้ เห็นทีจะเอาวิชาชั่วร้ายมามอบให้ท่านเป็นแน่ ถึงได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น หากท่านเกิดฝันไปกินคนเข้า อาจทำให้ใครต่อใครตายได้ และวิชาที่ท่านรับมาเห็นทีจะเป็นวิชาปอบ"

    ดังนั้น หลวงปู่ดู่จึงได้นำคัมภีร์ตำรามาเผาไฟ ลาวหมอผีรู้ว่าหลวงดู่เผาวิชาตำรามันทิ้ง มันก็แสดงท่าโกรธเคืองไม่ใช่น้อย

    ตอนจากวัดกลับถิ่นเดิมของมัน มันไม่ยอมมาบอกกล่าวกราบลา แม้แต่คำเดียว และนับแต่นั้น ก็ไม่หวนหลับมาที่วัดสะแกอีกเลย
     
  4. หล่อโล๊ะสต๊อก

    หล่อโล๊ะสต๊อก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2008
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +3
    แปลกใจอย่างว่าทำไมผีปอบถึงต้องมาจากฝั่งลาว ซะเป็นส่วนใหญ่
     
  5. jittima_chamchalerm

    jittima_chamchalerm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +178
    หลวงปู่ไม มาเทศน์แม่เราด้วยล่ะ ที่บ้าน สนุกมาก ท่านเล่าเรื่องเปรตหัวหมู วังเปรต ให้ฟัง สนุกมาก นั่งฟังไม่เบื่อเลย จะอัดเทปมาให้ฟังนะ เด๋วคราวหน้านิมนต์ท่านมาฉันท์ภัตาหารที่บ้านจ๊า
     
  6. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    สงสัยเป็นสายวิชาของท้องถิ่นมั้ง แต่พวกที่เรียนมนต์ดำแล้วผิดครูกลายเป็นปอบ ก็คงเป็นกรณีทั่วๆ ไป ได้ยินมาบ่อย ทางภาคอื่นๆ ก็มี

    อยากฟังหลวงปู่ไมด้วยคน
     
  7. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ตามไปอ่านเรื่องของอาจารย์เสริมศิลป์แล้ว ศรัทธาท่านจริง ทำไงจะได้พบท่านนะคุณจิตติมา
     
  8. kinlen

    kinlen สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +2
  9. jittima_chamchalerm

    jittima_chamchalerm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +178

    อิอิ
     
  10. kitokung

    kitokung Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +84
    น่าจะมีต่ออีกนะคับ
     
  11. วังพญา

    วังพญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +373
    โลกเรานี่มีอะไรแปลกเยอะเน๊าะ

    ที่เคยเจอ น่าจะเป็นผีเข้ามากกว่า (มิใช่ปอบ)

    ตอนเป็นเด็กไปนอนเฝ้ายายที่โรงพยาบาล ก็เจอคนไข้ที่ห้องข้างๆร้องโหยหวน สงสัยก็เดินไปดู เห็นญาติๆล้อมอยู่รอบเตียง พยายามจับเด็กหนุ่มคนนึงไว้ เด็กคนนั้นก็ทั้งร้อง ทั้งแช่ง ด่า สารพัด ตาก็ลุกวาวๆ แบบว่าโกรธมากๆ(evil)

    เห็นคนข้างๆบอกว่า เด็กหนุ่มนี่ปรกติเป็นคนอ่อนน้อม ตุ้งติ้ง เข้ากลุ่มผู้หญิง วันก่อนไปไร่ แล้วไปฉี่ผิดที่(เขาสงสัย) ตั้งแต่นั้นมาก็เป็นแบบนี้

    เห็นหมอผีเป่าคาถาลงหิน (ไม่รู้อะไร ลักษณะเหมือนหินขัด เป็นดุ้น) แล้วก็กด กดทีก็ร้องที

    เรารึก็อยากรู้อยากเห็นว่ายังไง ดันไปยืนอยู่ปลายเท้าเด็กหนุ่มนั่น (เห็นว่าว่าง ไม่มีใครยืน) เด๋วสักแป๊ป ก็มีคนข้างๆ บอกให้ไปยืนที่อื่นน๊ะ ห้ามมายืนปลายเท้า:d แล้วเขาก็ทำพิธีไล่ผีกัน สำเร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ได้ติดตามตอนต่อไป:d

    -------------------------------

    อีกครั้งนึง ตอนพ่อกลับมาจากทำไร่ เห็นพ่อเดินกระสับกระส่ายอยู่ไต้ถุนบ้าน (ปรกติพ่อจะอาบน้ำทันที แต่วันนี้ไม่) พ่อเดินเท้าสะเอว แล้วบ่นๆๆ เดินไปๆมาๆ ฟังไม่เข้าใจ แม่มาถาม ก็ไม่สนใจ เดินบ่นๆๆ แล้วก็ฟังได้ความว่า "กูจะเอาเหล้าไห ไก่คู่"

    แค่นั้นแหล่ะ แม่ปั่นจักรยานไปเรียกพี่ชายพ่อมาทันที (แล้วยังไงต่อก็ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้) แต่หลังจากนั้น ก็ได้ความว่า พ่อไปฉี่ผิดที่ผิดทาง ก็ต้องทำพิธีสู่ขวัญ สืบชะตา และไปขอขมาตามที่เขาเรียกร้อง

    มันแปลก เหลือเชื่อจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...