คืนปล่อยผี

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 29 มกราคม 2007.

แท็ก: แก้ไข
  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    วิญญาณมีจริง
    เรื่องที่ ๑๖ คืนปล่อยผี
    โดย ชบาดำ
    จากหนังสือ “คืนปล่อยผี”
    *********************
    โศกนาฏกรรมครั้งนั้นแม้ว่าจะล่วงเลยมานานถึง ๔๐ ปี แล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และผมได้ประสบมาด้วยตัวเอง อย่างไม่มีวันลืมเลือนได้ ความสยดสยอง การสูญเสีย ความเฮี้ยน ซึ่งบังเกิดขึ้นตามกันมา ตามผมมาซิครับ ผมจะเล่าให้ท่านฟัง
    ในปี ๒๕๐๖ ที่ผ่านมา ได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นบนถนนใหญ่ นอกเขตตัวจังหวัด ได้มีรถเมล์โดยสารบรรทุกนักเรียนมัธยมของโรงเรียนที่มีชื่อแห่งหนึ่งของจังหวัด ไปทัศนศึกษาต่างจังหวัด ขากลับรถเมล์ได้วิ่งมาเกือบเข้าตัวจังหวัดแล้ว ฉับพลัน.... มีรถดั๊มพ์ ๖ ล้อ บรรทุกหิน ได้วิ่งสวนทางมาด้วยความเร็ว และโดยไม่คาดฝัน ทั้งรถเมล์โดยสาร และรถดั๊มพ์ได้พุ่งเข้าชนกันอย่างจัง
    ผลที่ออกมาคือ รถเมล์โดยสารที่บรรทุกนักเรียนมานั้น ถึงกับหมุนคว้างกลางถนน และพลิกลงไปข้างถนนใหญ่ ไกลจากชุมชนมากพอดู ส่วนรถดั๊มพ์นั้นก็ขวางถนน หินก้อนใหญ่ตกกระจายเกลื่อน เท่าที่ทราบคือ นักเรียนหญิงตายคาที่ ๘ ศพ นอกนั้นอาการร่อแร่ทั้งสิ้น ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีรถมูลนิธิ กว่าที่เจ้าหน้าที่จะรู้ก็กินเวลาไปนานพอดู กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึงที่เกิดเหตุ ลำเลียงผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล นำศพมาฝากไว้ที่วัด ซึ่งอยู่ใกล้บ้านที่ผมพักเสียด้วย บังเอิญตอนหัวค่ำวันนั้น ผมเพิ่งกลับมาจากไปธุระต่างอำเภอ พอกลับมาถึงบ้าน แม่จึงบอกกับผมว่า มีรถเมล์โดยสารบรรทุกนักเรียนชนกับรถบรรทุกหิน และมีนักเรียนตาย เขาเอาศพมาฝากไว้ที่วัดนี้ ผมก็ไม่ได้สังหรณ์หรือระแวงอะไร เพราะผมจะต้องรีบเอารถสามล้อออกไปถีบหาลำไพ่ในตอนกลางคืน (กลางวันผมทำงานช่างก่อสร้าง)
    ขณะนั้นรถสามล้อยังใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด ติดไว้สองข้างรถเป็นไฟส่องทาง ผมถีบสามล้อรับผู้โดยสารอยู่ ๖ เที่ยว ก็คิดว่าขออีกสัก ๒ เที่ยว ก็จะกลับบ้านนอนแล้ว เพราะเช้าจะต้องไปทำงานอีก จนถึงเวลาสามทุ่มเศษ ผมได้รับญาติผู้ป่วยที่มาซื้อของที่ตลาดไปส่งโรงพยาบาล ส่งเสร็จผมก็ถีบรถกลับจะเข้ามาในตลาด เพื่อขออีกสักเที่ยวเดี๋ยวก็จะกลับบ้าน ขณะที่ผมถีบรถออกมาพ้นหน้าโรงพยาบาล พลันก็มีเสียงเรียกรถสามล้อ ผมรีบเบรก แล้วหันไปมองข้างทาง ที่โคนต้นหูกวางอันมืดสลัวนั้น มีร่างของนักเรียนสาววัยรุ่น (เพราะเธอทั้งสองแต่งเครื่องแบบนักเรียนด้วย) ยืนอยู่ ๒ คน กำลังกวักมือเรียกให้ผมแวะเข้าไปรับ ผมเลี้ยวรถเข้าไปจอดใกล้เธอทั้งสอง แล้วถามเธอว่า
    “น้องจะให้ไปส่งที่ไหนครับ”
    “ปาย...ย....ย.....ส่งที่วัด..... จะปายเยี่ยมเพื่อน......”
    อะไรกัน ไปเยี่ยมเพื่อนที่วัดในเวลากลางคืน แถมยังแต่งชุดนักเรียนด้วย อ้อ... คงจะเป็นเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ซึ่งมาเยี่ยมคนป่วยแล้วก็จะไปเยี่ยมศพเพื่อนที่ตายก็ได้ ขณะที่ผมได้พาเธอทั้งสองมานั้น บังเอิญมีเพื่อนสามล้อด้วยกัน ถีบรถสวนทางมา ร้องถามว่า
    “เฮ้ย จะรีบกลับบ้านแล้วหรือวะ”
    “ยังโว๊ย กำลังไปส่งผู้โดยสารที่วัด”
    ผมตอบเขา และก็เห็นเขาเหลียวมามองทำหน้าชอบกล ผมจึงชำเลืองมองเธอทั้งสอง ก็เห็นว่ายังนั่งนิ่งตัวตรง ผมจึงหันกลับไปถีบรถต่อ และก็มีความรู้สึกว่า รถที่ถีบอยู่นั้น บางครั้งก็เบา บางครั้งก็หนักอึ้ง ครั้นพอไปถึงหน้าวัด ผมก็จอดรถ และหันกลับมาบอกเธอว่าถึงแล้ว เอ๊ะ..ผมมองเห็นเธอนั่งอยู่เพียงคนเดียว อ้าว..แล้วอีกคนหายไปไหน ผมขนลุกซู่ วาบไปทั้งตัว สะดุ้งโหยง เมื่อมีเสียงพูดเย็น ๆ อยู่ข้าง ๆ
    “มองหาหนูหรือจ๊ะ หนูยืนอยู่นี่ไงล่ะ ฮิ ฮิ ฮิ”
    ผมหันขวับไปมอง ก็เห็นเธอยืนหัวเราะคิก ๆ อยู่ข้าง ๆ ผมนี่เอง อะไรกันวะ เธอทำไมถึงลงจากรถได้เร็วแบบนี้ ผมกวาดตามองรอบ ๆ บริเวณหน้าวัด ก็เงียบเชียบ มีแต่ร่มไม้ขึ้นอยู่ทะมึนทั่วไป
    “พี่ชาย....รอหนูอยู่ที่นี่เถอะนะ เดี๋ยวไปส่งที่โรงพยาบาลอีก”
    แล้วร่างเธอทั้งสองก็เดินตัวตรง หายเข้าไปทางประตูหน้าวัด เสียงหมาในวัดหอนกันเกรียว ทำให้จิตใจผมเริ่มเต้นแรง และความว้าเหว่เงียบเหงารอบกาย ชักจะทำให้ผมไม่อยากรอรับเธอทั้งสอง ผมล้วงมือลงไปทางหลังเบาะพิง หยิบมีดพกออกมา พลางดึงใบมีดออกจากฝัก เอาละวะ เอาไงก็เอากัน ผมเสียบมีดพกไว้ข้างเอว ถอนหายใจลึก ๆ ๒ – ๓ ครั้ง พลางเดินเข้าไปยืนมองดูภายในเขตวัด ก็มองเห็นแต่ความว่างเปล่า และความมืดทะมึนของต้นไม้ สิ่งก่อสร้างในวัด เสียงหมาหอนกันเกรียวลึกเข้าไปทางป่าช้า ผมเดินไปที่จอดรถ แล้วเดินเลยไปข้างถนน เพื่อจะฉี่สักหน่อย
    พอฉี่เสร็จก็จะเดินมาที่รถจอดไว้ เฮ้ย นั่น บนรถสามล้อของผม บัดนี้มีร่างของนักเรียนนั่งรออยู่สองคนแล้ว เอ๊ะ เธอมาเมื่อไหร่ ไม่ยักได้ยินเสียง ผมเดินเข้าไปที่รถ เสียงเธอในรถบอกว่า
    “ปายส่งที่โรงพยาบาล เอ้า นี่เงินค่าโดยสาร และค่าที่รอด้วย พอหรือเปล่าจ๊ะ”
    ผมเอื้อมมือไปรับเงินค่าโดยสาร ซึ่งเป็นแบ๊งค์ใบละ ๑๐ บาท รวม ๓ ใบ ผมรีบนำรถออกจากที่หน้าวัด ถีบลิ่วตรงไปทางโรงพยาบาลทันที ขณะที่ถีบผ่านไปทางชายตลาด ก็เห็นเพื่อนที่ถีบสามล้อด้วยกัน ๓ – ๔ คน กำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ข้างฟุตบาท เพื่อนพวกนั้นกวักมือเรียกให้ผมหยุดดื่มเหล้าก่อน ผมบอกว่า เดี๋ยวจะกลับมาแวะดื่มด้วย ขอไปส่งผู้โดยสารก่อน พวกเพื่อนมันพากันหัวเราะครืน พลางตะโกนตามหลังผมมาว่า
    “เฮ้ย...ไอ้นี่ถ้าจะบ้าแล้ว มันถีบรถเปล่า ๆ มันยังบอกว่ามีคนโดยสาร ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
    ผมแปลกใจในคำพูดของเพื่อน จึงหันกลับไปมองดูด้านหลัง เอ... ก็เธอทั้งสองยังนั่งกันอยู่นี่นา แล้วทำไมเจ้าพวกนั้นมันจึงไม่เห็น ช่างมันเถอะ พวกมันอาจจะแกล้งพูดเล่นก็ได้ จนถีบมาถึงหน้าโรงพยาบาล ก็ได้ยินเสียงบอกให้จอด ผมรีบเบรกทันที พอเธอทั้งสองลงจากรถ พลันก็มีเพื่อนนักเรียนหญิงอีก ๓ คน เดินกันออกมาจากทางหน้าโรงพยาบาล แล้วเรียก สามล้อ ๆ ๆ รอเดี๋ยว และเมื่อนักเรียนทั้ง ๕ คน กำลังยืนคุยกันอยู่ ผมคิดว่า ถ้าไม่รอก็จะต้องกลับรถเปล่า เอาวะ เที่ยวนี้ถ้าไปส่งที่หน้าวัด ก็จะเข้าบ้านเลย เพราะมันชักจะดึกมากแล้ว และเมื่อเธอทั้งสามคนขึ้นมานั่งอัดกันบนรถแล้ว ก็หันไปถามพวกเธอว่า
    “จะให้ไปส่งที่ไหนครับ”
    “ไปส่งที่หน้าวัดจ้ะ แต่ไม่ต้องรอรับกลับหรอก”
    เสียงพวกเธอคนหนึ่งตอบมา ทำให้ผมโล่งใจที่ไม่ต้องรอรับกลับ คงได้กลับเข้าบ้านแน่คราวนี้ ผมถีบรถผ่านพวกเพื่อน ๆ ไป พวกเขาก็เรียกกันอีก ผมก็บอกว่า ไปส่งคนโดยสารก่อน พวกเขาก็หัวเราะครืนตามหลังมา แต่พอถีบรถมามองเห็นหน้าวัด ผมก็มองไปเห็นเด็กนักเรียนหญิงอีก ๔ คน ยืนกันอยู่ที่ข้างประตูหน้าวัด ๑ ใน ๔ คนนั้น ถูกเพื่อนประคองเอาไว้ เพราะที่แขนข้างซ้ายของเธอ ปรากฎว่ามีเลือดไหลออกมาเรื่อย ๆ พอผมจอดรถ เธอทั้งสามก็ลงจากรถ และส่งเงินให้ผม ๓๐ บาท ปกติระยะทางจากโรงพยาบาลถึงวัดนี้ คิดคนละ ๓ บาท เป็นอย่างมาก โอ้.. คืนนี้เราช่างมีรายได้งามเหลือเกิน
    แต่พอผมจะจูงรถออกถีบกลับบ้าน ทันทีนั้น พวกนักเรียนที่ยืนอยู่ ๔ คน ก็พากันมายืนกั้นอยู่ที่หน้ารถ และเธอคนหนึ่งก็ยกมือไหว้ผม พร้อมกับพูดว่า
    “หนูไหว้ล่ะพี่ชาย ช่วยรับคนเจ็บกลับไปทำแผลที่โรงพยาบาลอีกครั้งเถอะนะ เพราะเมื่อครู่นี้เธอหกล้ม แผลที่เย็บไว้ใหม่ ๆ จึงแตกปริออกมาอีก เอ้า หนิง ขึ้นไปนั่งบนรถ”
    เธอพูดยังไม่ทันจบ คนบาดเจ็บกับเพื่อนอีกคนก็ขึ้นมานั่งอยู่บนรถเสียแล้ว ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรถูก และก็นึกสงสารคนเจ็บที่นั่งครางเพราะเจ็บแผล เอาวะ ไปอีกเที่ยว ก็คงจะไม่เสียหายหรอก เพราะพวกเธอให้ค่าโดยสารที่ดีออก คราวนี้ผมไม่เจอเพื่อนที่นั่งดื่มเหล้ากันเลย ผมถีบรถมาได้ครู่หนึ่ง ก็สวนทางกับพวกสามล้ออีกคัน คนถีบสามล้อคันนั้น ได้ตะโกนถามผมว่า
    “เฮ้ย ลื้อปั่นสามล้อเปล่า ๆ จะรีบไปรับใครวะ”
    ผมชำเลืองไปมองดูนักเรียนหญิง ๒ คน ที่นั่งรถผมมา ยังเห็นว่า เธอทั้งสองก็ยังนั่งกันอยู่เช่นเดิม ไอ้นี่ถ้าไม่เมาก็คงง่วงนอน จึงมองไม่เห็นคนนั่งรถมาด้วย ผมคิดในใจ พลางถีบรถต่อไป สายตามองไปข้างทาง แต่ก็อดชำเลืองไปที่สองนักเรียนสาว เฮ้ย.. ที่เบาะนั่งด้านหลังนั้นว่างเปล่า ผมเบรกรถลั่นถนน ขยี้ตาตัวเอง แล้วหันขวับไปมองอีกครั้ง อ้าว..เธอทั้งสองยังนั่งอยู่บนรถนี่นา เธอคนหนึ่งถามผมว่า
    “เอ๊ะ ยังไม่ถึงหน้าโรงพยาบาล หยุดทำไมล่ะ สามล้อ”
    ผมแกล้งลงไปขยับหมุนโซ่กลับไปมา แล้วทำเป็นบ่นเสียงดัง ๆ ว่า
    “เฮ้อ โซ่หย่อน เกรงว่าจะขาด”
    แล้วผมก็จูงรถสามล้อออกจากที่ และขึ้นนั่งถีบต่อไป จนถีบมาถึงหน้าประตูทางเข้า ผมกำลังจะหันหน้ารถเลี้ยวเข้าหน้าประตูโรงพยาบาล พลัน ?”
    “หยุดตรงนี้แหละ หยุดซิ...”
    ผมก็เบรกหยุดรถทันใจเหมือนกัน เธอทั้งสองลงมาจากรถ ผมมองดูและช่วยจับรถไม่ให้เคลื่อนตัว ขณะนั้นผมก็แว่วเสียงคนวิ่งเข้ามาที่รถจอดอยู่ ผมหันกลับไปมองทางหน้าประตู ก็เห็นว่ามีนักเรียนสตรีพากันวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาที่รถ ๓ คน และพวกเธอก็พากันประคองเพื่อนหญิงที่บาดเจ็บ พากันเดินไปที่ประตูทางเข้าโรงพยาบาล ซึ่งมีต้นไม้ที่ครึ้มพอควร ผมจะมองตามไป ก็พอดี
    “เอ้า สามล้อ กลับไปส่งที่หน้าวัดอีกครั้งนะจ๊ะ นี่ เงินค่าโดยสาร”
    พูดจบ เธอก็ส่งแบ๊งค์ ๑๐ บาท ๓ ใบ มาให้ผม เอ๊ะ ? ทำไมพวกเธอจึงตั้งใจให้ค่าโดยสารกับผมเหมือนกันหมด ผมรับค่าโดยสารมาใส่กระเป๋า แล้วพารถออกมาจากที่นั่น ตั้งใจแน่นอนแล้วว่า คราวนี้ต้องกลับเข้าบ้าน จะไม่ยอมไปส่งใครอีกเด็ดขาด พอเบรกรถตรงหน้าวัด เธอก็บอกว่า
    “พี่สามล้อจ๊ะ....ช่วยไปส่งหนูที่ศาลาตั้งศพเพื่อนด้วยนะจ๊ะ หนูเดินไปคนเดียว กลัวจ้ะ”
    เอาละวะ เธอจะให้ผมเข้าไปส่งถึงศาลาตั้งศพ ซึ่งหนทางมันครึ้มน่าดู จะไม่ไปหรือก็เกรงว่า เธอจะหาว่าผมเป็นคนขี้ขลาดตาขาว ผมจึงถีบรถช้า ๆ เข้าไปในบริเวณวัด มือข้างหนึ่งขยับด้ามมีดพกข้างเอว พอผ่านกุฏิพระ ก็ยังเห็นว่า พระท่านยังจุดตะเกียงอยู่บ้าง จึงใจชื้นขึ้นมาอีกหน่อย แต่พอย่างเข้าเขตป่าช้า ขนบนศีรษะก็ขยายวูบขึ้นมาทันที เมื่อสายตาของผมมองตรงไปเห็นว่า บนศาลาที่ตั้งศพเด็กนักเรียนสตรีทั้ง ๘ ศพนั้น มันมีตะเกียงหรือเทียน จุดอยู่ ๒ ดวง พอที่จะมองเห็นบนศาลาได้อย่างสลัว ๆ และบนนั้นมีร่างของนักเรียนหญิง ๓ คน นั่งคุยกันอยู่ ส่วนศพนั้นยังไม่ได้ใส่โลง คงวางไว้บนโต๊ะเตี้ย ๆ แต่ยาว นอนเรียงรายกันเป็นแถว มีผ้าขาวคลุมอยู่ พอไปเกือบถึงศาลา ผมก็เบรกรถ
    เอี๊ยด...ด....ด.....
    ฉับพลัน หญิงสาวทั้ง ๓ คน ที่นั่งกันอยู่นั้น ก็สะดุ้ง และผวาวาบเข้าไปที่โต๊ะวางศพอยู่ แล้วเธอทั้งสามก็ล้มตัวลงนอน คลุมผ้าขาวทันที
    นั่นมันศพที่คลุมผ้าขาวไว้ ๗ ศพ แต่ ก็มีผ้าขาววางกองอยู่อีก ๑ ผืน เอ๊ะ ? แล้วอีกศพไปไหน ?
    เฮ้ย...ย....ย.... พวกเรา สำลี มาแล้ว ลุกขึ้นมาทักทายพี่สามล้อกันหน่อยเร็ว ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ....”
    ผมรีบหันขวับไปมองผู้โดยสารทันที คุณพระช่วยด้วยเถิด..? จากแสงตะเกียงสามล้อ ผมมองเห็นร่างของเด็กสาวชุ่มโชกไปด้วยเลือดสด ๆ ถึงใบหน้าที่เปิดไปแถบหนึ่ง จนมองเห็นฟันเป็นซี่ ๆ ข้างแก้ม และที่ดวงตาของเธอนั้น มีแต่เบ้าตา ส่วนลูกนัยน์ตานั้นห้อยร่องแร่งไปมา ผมเองตอนนั้นบอกอาการไม่ถูกว่า ผมมีสภาพอย่างไร เพราะร่างทั้งร่างของผมมันพองเห่อขึ้นมาหมด ขาทั้งสองข้างอ่อนทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นดิน ใจผมเต้นกระตุกอย่างแรง เหมือนกับว่า มันจะขาดผึงออกจากขั้ว เสียงเอะอะปนกับเสียงหัวเราะคิก ๆ ดังขึ้นบนศาลา ผมหันไปมองเหมือนมีใครมาจับใบหน้าบิด โอ้...บนศาลานั้น บัดนี้ ร่างที่นอนคลุมโปงทุกร่าง ต่างก็พากันลุกขึ้นนั่ง และกำลังจะลงมาจากโต๊ะ แต่ละร่างอาบไปด้วยเลือด ทันใด ?....
    เจ้าพวกหมามันมาจากไหนก็ไม่ทราบ มันต่างพากันหอนอย่างโหยหวน จนผมหายจากตกตะลึง พวกเธอเหล่านั้นได้มายืนล้อมร่างผมไว้หมดแล้ว เสียงครวญครางปนกับเสียงหัวเราะของพวกเธอ มันดังชอนไชเข้าไปในประสาทของผม จนผมรู้สึกว่า เส้นสายภายในร่างของผมมันกระตุก สมองเย็นวูบ แล้วทุกอย่างก็สงบลง ประสาทของผมไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
    ผมมารู้สึกตัว เมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายหลายคนคุยกัน ผมจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองดู แต่ก็ยังงง ๆ อยู่บ้าง ในลำคอแห้งผาก สิ่งที่ผมมองเห็นคือ พระสงฆ์ ๒ – ๓ รูป กับลุงผล สัปเหร่อในวัด พร้อมทั้งผู้ชายสูงอายุอีก ๓ คน นั่งอยู่ใกล้ ๆ ที่ผมนอนอยู่ ผมทำมือและปากขอน้ำดื่ม ลุงผลแกก็หยิบขันใส่น้ำส่งมาให้ผมดื่ม พร้อมกับพูดบอกผมว่า
    “เอ้อ พ่อหนุ่ม เมื่อคืนนี้ เอ็งคงจะโดนพวกนักเรียนหญิงที่ตายเล่นงานเอาละซิ ข้าเพิ่งจะไปพบเอ็งนอนสลบอยู่ที่หน้าศาลาไว้ศพนั่นแหละ ข้าจึงวานให้พระและศิษย์วัด ช่วยกันหามเอ็งมานอนที่กุฎิพระนี่แหละ นี่ก็บ่ายกว่าแล้ว เอ็งเพิ่งจะฟื้น เฮ้อ...พ้นเคราะห์ไปที”
    ผมค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่ง ก็มองเห็นรถสามล้อของผมยังจอดอยู่ที่หน้ากุฏิพระ ผมล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง ปรากฎว่ามีแต่เหรียญหนึ่งบาท ซึ่งได้ค่าโดยสารเมื่อตอนหัวค่ำ แต่แบ๊งค์ใบละ ๑๐ จำนวน ๙ ใบ ที่ได้จากนักเรียนหญิงหายไปไหนหมด ผมถามลุงผลดู แกหัวเราะ
    “ไอ้หนุ่มเอ๊ย... เงินของผีก็ต้องเป็นเงินของผีนั่นแหละ เมื่อวานนี้ข้าเห็นญาติของนักเรียนคนหนึ่ง เขาเอาแบ๊งค์ใบละสิบบาทสามใบ ใส่ไว้ในมือศพ เมื่อเช้าเข้าไปเปิดดูศพ ก็ยังเห็นเงินอยู่เลย”
    เฮ้อ.... นี่ก็เป็นอันว่า ผมต้องเหนื่อยในการถีบรถเปล่า ๆ ไปกลับ ๕ เที่ยว แถมเงินที่ได้มาก็เป็นเงินของผีเสียด้วย แถมท้ายด้วยการถูกผีหลอกเข้าอีก อย่างนี้จะไปโทษใครล่ะ ก็ต้องโทษความซวยของผมเองนั่นแหละ


    http://www.lekpluto.com/
     
  2. darkphoenix

    darkphoenix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +608
    ซวยเจงด้วย
     
  3. lunasea

    lunasea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    429
    ค่าพลัง:
    +433
    ง่า ส่งสัยตายก่อนถึงได้ใช้
     
  4. Malangpoe1234

    Malangpoe1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +211
    น่ากลัวสุดๆอ่ะ ใครเจอแบบนี้จับไข้ชัวร์(cry)
     
  5. kitokung

    kitokung Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +84
    ทำกันได้ล่ะคับ
     
  6. GR09

    GR09 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
  7. chaikan

    chaikan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    สุดยอดน่ากลัว
     
  8. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
    เวรกรรม เวรกรรม นี่แหละเด็ก ตายแล้วยังสร้างกรรมอีก กรรมที่มีก่อนตาย+กรรมใหม่ตอนเป็นผี แล้วมันจะรวมก้นได้เท่าไหร่ดี คิดไม่ออก (กรรมหมายถึงกรรมกรรมไม่ดีนะ) โชคดีนะยังได้มีโอกาสมาเล่าให้พวกเราฟัง สาธุ สาธุ จำเริญ ๆน่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...