หมดแล้ว ***$$$สมบัติหลวงพ่อฤาษีลิงดำและพระเกจิอาจารย์ครับ บูชาเบาๆ$$$****

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Loungpor, 11 สิงหาคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ryuma9

    ryuma9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    1,496
    ค่าพลัง:
    +1,263
    จองครับ
     
  2. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015
    รับทราบการจองครับผม ขอบคุณมากครับ
     
  3. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015

    รายการจัดส่งวันนี้ครับ


    20210224_124140.jpg
     
  4. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015
    ขอลงรายการเร็วกว่ากำหนดสักวันสองวันนะครับ


    8021.พระคำข้าวมหาลาภ พิมพ์มาตราฐาน สภาพสวยตามรูป เปิดบูชาเบาๆ สภาพนี้ปรกติต้องมีพันขึ้นครับ

    บูชา 950 บาท

    ***ปิดรายการ****



    120431405_1305404813139498_5902133234728240062_n_resize-jpg.jpg 120396973_980395442446474_9094903717619114187_n_resize-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  5. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015


    8022.เหรียญทรงผนวช ปี 2550 เนื้อทองแดง วัดบวรนิเวศวิหาร

    เหรียญทรงผนวช ปี พ.ศ. 2550 นี้ มีรูปลักษณะคล้ายกับเหรียญทรงผนวชที่สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2508 ต่างกันตรงที่ เหรียญทรงผนวชปี พ.ศ. 2550 เป็นเหรียญกลมไม่มีห่วง (หายห่วง) และจารึกข้อความบนขอบเหรียญด้านหลังว่า "บูรณะพระเจดีย์ วัดบวรนิเวศวิหาร ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระขนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐" เหตุที่ในหลวง ทรงผนวช วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อปี พ.ศ.2499 สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ พระสังฆราช ผู้ที่ทรงนิยมนับถือโดยวิสาสะอันสนิท และทรงถือว่ามีคุณูปการส่วนพระองค์มากทรงประชวรลงพระอาการเป็นที่น่าวิตก แต่ด้วยเดชะบุญได้หายประชวรอย่างน่าประหลาด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระราชดำริว่า ถ้าได้ทรงผนวชโดยสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว จะสมพระราชประสงค์ในอันที่จะได้ทรงแสดงพระราชคารวะและศรัทธาในพระองค์ท่านเป็นอย่างดี แล้วในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2499 พระองค์ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในพระบวรพุทธศาสนา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีพระสมณนามว่า "ภูมิพโล" และทรงจำพรรษา ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร สำหรับ "เหรียญทรงผนวช" ถึงแม้ไม่ได้จัดสร้างในวโรกาสเดียวกันก็ตาม แต่ก็นับเป็นเหรียญที่ทำให้น้อมระลึกถึงพระราชพิธีสำคัญแห่งประวัติศาสตร์เมื่อครั้งอดีตได้เป็นอย่างดี เหรียญนี้จัดสร้างในปี พ.ศ.2508 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในโอกาสที่มีพระชนมายุเสมอด้วยสมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้า มหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ โดยทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการกุศล 4 อย่าง อันเรียกว่า "จาตุรงคมงคล" และได้มีการจัดพิมพ์ "หนังสือจาตุรงคมงคล" แจ้งหมายกำหนดการและกำหนดการพระราชกรณียกิจสำคัญที่ทรงปฏิบัติ ปรากฏในหัวข้อเรื่องที่ 4 ตอนหนึ่งเอ่ยถึงที่มาของ "เหรียญทรงผนวช" ไว้ดังนี้ "...อนึ่ง ทางวัดบวรนิเวศวิหารได้ขอพระบรมราชานุญาตสร้างเหรียญพระบรมรูปทรงผนวช ซึ่งมีพระเจดีย์อยู่อีกด้านหนึ่ง เพื่อเป็นอนุสรณ์ในงานจาตุรงคมงคลนี้ เหรียญที่สร้างขึ้นนี้มีรูปกลมขนาดเหรียญบาท ด้านที่มีพระบรมรูปทรงผนวช มีพระปรมาภิไธยซึ่งเป็นลายพระหัตถเลขาทรงไว้ในสมุดทะเบียนวัดว่า "ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.ภูมิพโล" อยู่ภายใต้พระบรมรูป (ถ่ายทำจากลายพระหัตถ์ตามจริง) เบื้องบนมีอักษรว่า "ทรงผนวช ๒๔๙๙" ส่วนอีกด้านหนึ่งมีรูปพระเจดีย์มีรูปพระเจดีย์วัดบวรนิเวศวิหาร มีอักษรเป็นวงกลมที่ขอบเหรียญว่า "เสด็จฯ สมโภชพระเจดีย์ทองบวรนิเวศ ปี2550 เหรียญทรงผนวช รุ่นนี้ผลิตโดย สำนักกษาปณ์ (กองกษาปณ์) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง จึงมีความละเอียดประณีตมาก เพราะแม่พิมพ์ต้นแบบนั้นมีขนาดใหญ่มาก แล้วย่อส่วนลงเท่ากับขนาดของเหรียญ ( ๓ ซม.) ด้านหลังเหรียญ ตรงใต้ฐานพระเจดีย์ จะมีสัญลักษณ์ของกระทรวงการคลัง คือ “นกวายุภักดิ์” ประทับอยู่ด้วย อันเป็นการยืนยันว่า เหรียญนี้ผลิตโดยกองกษาปณ์อย่างแท้จริง และยากที่จะมีผู้นำไปปลอมแปลงในภายหลัง เหรียญทรงผนวช อันเป็นวัตถุมงคลที่มีคุณค่าอย่างสูงส่งเช่นนี้ จะบูชาเอาไว้เอง หรือบูชาเพื่อนำไปมอบเป็นของขวัญก็ย่อมจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตครับ เป็นเหรียญวัดแท้100% มีแค่1เหรียญ บูชาเบาๆครับ ช่วงแรงๆเคยขึ้นไปถึงเกือบพันหรือพันกว่าบาทผมก้จำไม่ค่อยได้ครับ

    บูชา 650 บาท


    ****ปิดรายการ***



    120135183_2687931508112058_2115129746784334384_n_resize-jpg.jpg 120012775_334885061053587_500648610571913526_n_resize-jpg.jpg 120201376_336500221025494_2299620509107506458_n_resize-jpg.jpg 120139298_390868812306523_6037883944976173215_n_resize-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2021
  6. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015


    8023.พระปิดตา หลวงพ่อโอด วัดจันเสน พิมพ์เล็บมือ เนื้อผงเหลืองอมเขียว หลังยันต์นะปี2531


    พระปิดตาเล็บมือ เนื้อเหลืองอมเขียว (ผสมเส้นกศา)

    รุ่นนี้ถือเป็นรุ่น 3 พิมพ์ทรงมีเอกลักษณ์สวยงามเฉพาะตัว ด้านหลังยันต์นะ... จัดสร้างที่วัดจันเสนเมื่อปี 2531

    มีอยู่ด้วยกัน 3 เนื้อ คือ เนื้อขาวขุ่น เนื้อเหลือง และเนื้อน้ำตาล บางองค์สีอาจจะเข้มออกไปโทนสีเขียวก็มี (หายาก)

    ที่สำคัญมีเส้นเกศา เล็บมือหลวงพ่อโอด ผสมในองค์พระไม่มากก็น้อยทุกองค์

    พิธีดี พุทธคุณสูง หายากครับ พร้อมเลี่ยมมาให้เสร็จพร้อมบูชา


    บูชาเบาหวิว 1300 บาท


    ****จองแล้วครับ***


    20180114_105944_resize-jpg-jpg.jpg 20180114_105951_resize-jpg-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2021
  7. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015
    8024.พระผงรุ่นบารมี81 หลวงพ่อเกษม เขมโก ปี2535 ติดจีวร และด้านหลังปั้มโค๊ต กงจักร สภาพสวยๆครับ
    บูชา 250 บาท


    ***ปิดรายการ***


    20170504_102234_resize-jpg-jpg.jpg 20170504_102242_resize-jpg-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2021
  8. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015



    8025.เหรียญเสมา รุ่นบารมีท่วมท้น หลวงพ่อเกษม เขมโก ปี พ.ศ.2536 โค๊ดชัดเจน พุทธาภิเษก ณ สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง
    เนื้อทองแดงรมดำ สวยๆ


    บูชา 250 บาท


    ****จองแล้วครับทางไลน์***


    20170504_102054_resize-jpg-jpg.jpg 20170504_102102_resize-jpg-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2021
  9. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015


    8026.สิงห์แกะหลวงพ่อเพี้ยนวัดเกริ่นกฐิน พร้อมเลี่ยมวัดเดิมๆเลยครับ

    สิงห์หลวงพ่อเพี้ยนวัดเกริ่นกฐิน หลวงพ่อเพี้ยน อัคคธัมโม หรือ พระครูวิมลสมณวัตร เป็นพระเกจิอาจารย์อาวุโสของเมืองลพบุรี สิงห์เป็นวัตถุมงคลที่มีพุทธคุณโดดเด่นทำให้ผู้คนยำเกรง มีอำนาจ วาสนา เป็นมหานิยม ผู้คนให้ความนับถือ บริวารมาก เหมาะสำหรับผู้เป็นหัวหน้าที่จำเป็นต้องปกครองลูกน้องจำนวนมาก นักปกครองข้าราชการ หัวหน้าครอบครัว หัวหน้าหน่วย หรือผู้มีบริวาร เชื่อว่าจะทำให้เป็นที่เคารพอย่างสูง ใครมาดูหมิ่นมิได้ จะได้รับการปกป้องจากผู้ใต้บังคับบัญชา ได้รับความไว้วางใจในฐานะผู้นำอย่างสูงส่ง

    คาถาบูชา ตั้งนะโม 3 จบ "นะเมตตา โมกรุณา พุทปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู มะคือตัวกู อุคือคนทั้งหลาย อะระหังเมตตาจิต จิตเมตตาพระอะระหัง ตะมะถังปะกาเสนโต ตัวกูคือพญาราชสีโห สัตถาอะหะ" (ภาวนาไว้เป็นเมตตามหานิยม มหาอำนาจดีนักแล)

    บูชา 450 บาท


    ****จองแล้วครับ***




    82414365_481848122735958_5170233222348406784_n-jpg.jpg 83241273_469050360437079_2210865064502624256_n-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2021
  10. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015


    8027.เต่ามหาลาภ ไม้ม่วงคำแกะทาทอง ครูบาวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน พร้อมเส้นเกศา จีวร และพระธาตุข้าวบิณฑ์ เด่นทางด้านเมตตาค้าขาย มหาลาภ หายากแล้วครับ
    ******************************************
    ต้นมะม่วงป่าขนาดยักษ์ หรือ “ พญาม่วงคำ (ไม้ม่วงทอง /ไม้ม่วงคำ) ” เป็นต้นมะม่วงศักดิ์สิทธิ์ที่มีคู่กับรอยพระพุทธบาทห้วยต้มมาช้านาน ซึ่งเมื่อก่อนนั้นได้อยู่ข้างวิหารครอบรอยพระบาทภายในวัดพระบาทห้วยต้ม ซึ่งขณะนั้นท่านครูบาชัยวงษ์ฯ และครูบาพรรณ ได้ร่วมกันก่อสร้างวิหารครอบรอยพระบาทอยู่ หลวงปู่ครูบาชัยวงศ์ฯ เคยเล่าว่า ...ไม้ม่วงคำ หรือ ต้นมะม่วงป่า เป็นต้นไม้ที่อยู่คู่กับรอยพระพุทธบาท มีเทพเทวดาคอยปกปักษ์รักษา เป็นที่สิงสถิตของหมู่ทวยเทพเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรอยพระพุทธบาทห้วยต้มแห่งนี้ ต่อมาทางวัดต้องมีการปรับพื้นที่ของวัดซึ่งเป็นที่ลาดเอียงเชิงเขาให้เป็นที่ราบขั้นบันได เพื่อที่จะสร้างวิหารครอบรอยพระบาทและถาวรวัตถุอื่นๆ จึงทำให้ต้องตัดต้นไม้ม่วงคำออกไป หลวงปู่ท่านจึงนำต้นไม้ม่วงมาทำเป็นวัตถุมงคลต่างๆ และอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้ให้บรรดาลูกศิษย์มีไว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล เหตุที่หลวงปู่ท่านนำไม้ม่วงคำมาทำเป็นวัตถุมงคลก็เพราะว่า ....ไม้ม่วงคำมีความหมายที่ดีซึ่งหมายถึง เงิน ทอง และไม้ม่วงคำต้นนี้ก็เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์คู่รอยพระพุทธบาทห้วยต้มมายาวนาน เป็นที่สิงสถิตของเทพเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรอยพระพุทธบาทห้วยต้ม เมื่อนำไปบูชาทวยเทพเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็จะตามไปดูแลปกปักรักษาท่านเจ้าของผู้ครอบครองด้วย *************************************

    บูชาองค์ละ 450 บาท มีแบ่งให้บูชา 3 องค์ครับ


    ****คงเหลือ 1 องค์*****


    ****จองครบแล้วครับ***



    69614842_1123038561221227_5015460274790989824_o.jpg

    69932939_1123038521221231_6799308742853656576_o.jpg

    121641564_1564437910418869_3069711445269720025_n.jpg





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2021
  11. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015


    8028.ตะกรุดยันต์เก้ากุ่ม(กลุ่ม) ของพระคุณครูบาวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้มอำเภอลี้ จังหวัดลำพูนได้ซึ่งได้รับการถ่ายสรรพวิชาทั้งหลายจากพระคุณครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนา ตระกรุดเก้ากุ่มครูบาวงศ์จะเป็นผู้จารเองสร้างไปแจกไปเริ่มทำแจกประมาณปี 2511-2512 เป็นต้นมาหลังจากนั้นมาท่านชราภาพจารทำตะกรุดไม่ไหวท่านจะครอบครูให้ศิษย์ใกล้ชิดเป็นผู้จารแล้วท่านเป็นผู้เสกส่วนใหญ่จะอยู่กับชาวเขาและบุคคลนับถือท่าน ตะกรุดยันต์เก้ากุ่มเป็นตะกรุดยันต์ล้านนาชนิดหนึ่งที่มีรูปแบบที่สวยงามโดยจะนำตะกรุด 9 ดอกมาถักรวมกันเป็นหนึ่งกุ่ม(กลุ่ม)โดยเชื่อกันว่าหากมียันต์เก้ากุ่มติดตัวบูชาแล้ว **จะประสบความสำเร็จพบเจอกับความโชคดีมีชัยเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันอันตรายต่างๆทั้งคุณผีคุณคน โดยกุ่ม(กลุ่ม)จะดูภายนอกจะนับตะกรุดได้ 8 ดอกโดยดอกที่ 9 จะอยู่ด้านในซึ่งเรียกว่า หัวใจตะกรุดยันต์ 9 กุ่ม แต่ละลูกมีชื่อและพระคาถาต่างกันโดยมีพุทธคุณต่างๆไปด้วยดังกล่าวดังต่อไปนี้

    ยันต์ลูกที่ 1 นั้นมีชื่อว่า "แก้วอุษามณี" มีพุทธคุณในด้านความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า
    ยันต์ลูกที่ 2 มีชื่อว่า สรีกัญไชย มีพุทธคุณในด้านป้องกันและปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง
    ยันต์ลูกที่ 3 มีชื่อว่า มหาชัยปิด มีพุทธคุณในด้านกันคุณผีคุณคนอันจะมากระทำย่ำยี
    ยันต์ลูกที่ 4 ชื่อว่า รัตนะมังคละ มีพุทธคุณในด้านเสริมดวงให้มีเมตตามหานิยมผู้คนนิยมชมชอบอัน ข้อความในตำปั๊บสา"ได้กล่าวไว้ว่าจะมีความใจบานทุกมื้อทุกวัน มหาพญาธิบ่ ได้เป็นที่รักแก่มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย แล

    ยันต์ลูกที่ 5 ชื่อว่า พระเจ้าผาโลก มีพุทธคุณในด้านเสริมอำนาจบารมีไปที่ใดให้มีผู้คนเกรงขาม
    ยันต์ลูกที่ 6 มีชื่อว่า พระยาหงษ์คำ มีพุทธคุณในด้านเมตตามหานิยมเป็นอย่างมากมีแต่ผู้อุปถัมภ์ค้ำชูเปรียบเสมือนหงษ์ทองที่ไปที่ใดมีแต่คนดูและนิยมชมชอบในความสง่าและสวยงาม
    ยันต์ลูกที่ 7 มีชื่อว่า พระเจ้านั่งแต่นแก้ว(แท่นแก้ว)" มีพุทธคุณในด้านชัยชนะความสำเร็จทุกประการ
    ยันต์ลูกที่ 8 มีชื่อว่า คลาดแคล้วหลวง มีพุทธคุณในด้านแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งปวง
    นต์ลูกที่ 9 มีชื่อว่า จักรวรรดิติ มีพุทธคุณในด้านเสริมดวงชะตาหนุนดวงชะตาให้ดีขึ้น

    บอกได้เลยว่าตะกรุดเก้ากุ่มนี้หายากมากๆผู้คนทั้งหลายมักจะตีเป็นของครูบาวังวัดบ้านเด่นหรือของครูบาชุ่มวัดโพธิโกแห่งวัดวังมุ่ยเพื่อที่จะได้อัพราคาให้สูงขึ้นแต่ไม่ว่าจะเป็นของครูบาอาจารย์ท่านใดจะมีอานุภาพคล้ายคลึงกันเพราะได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาจากครูบาอาจารย์ทางสายเหนือ แต่ชุดนี้ผม(เจ้าของเดิม)ได้มาเป็นของครูบาวงศ์แท้ๆจากชาวเขาในอำเภอลี้จังหวัดลำพูนเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจเงินท่านแท้ของก็ต้องแท้ของครูบาวงศ์ทุกชิ้นแท้ทันท่านและที่สำคัญถูกกว่าที่อื่น.. ผมรักและเคารพพระคุณหลวงพ่อฤาษีและในสายครูบาอาจารย์ทุกท่านผมคงไม่ปรารถนาเอานรกเป็นที่ไปครับ

    เปิดแบ่งปันตะกรุดเก้ากุ่ม ในราคาดอกละ 600 บาท มีแบ่งปัน 8 ดอก หมดแล้วหมดเลย รับประกันแท้ 100 %




    ****จองครบแล้วครับ***


    123505070_1582791828583477_3282037642597569977_o.jpg

    123513411_1582791701916823_804882152173981148_n.jpg

    123913205_1582791671916826_2844933879180178608_o.jpg

    123298924_1582791771916816_8577417098369841202_n.jpg

    123435599_1582792001916793_2065157791423576593_n.jpg

    123454073_1582791741916819_5793677982183965819_n.jpg

    123513411_1582791701916823_804882152173981148_n.jpg

    123570581_1582792255250101_1680395917365856486_n.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2021
  12. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015

    8029.พระผงอัฐิหรือกระโหลกหน้าผากครูบาสมเกจิยุคเก่าจอมขมังเวทย์สายล้านนา พระผงครูบาสม วัดป่าแดด(วัดมงคลวราราม) อ.สารภี จ.เชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๑๘ พระผงอัฐิหรือกระโหลกหน้าผากครูบาสม วัดป่าแดด ผู้เป็นอาจารย์ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้แก่..ครูบาสิงห์แก้ว แห่งวัดปากกอง พิมพ์บล็อกโบราณกดมือพระอาจจะไม่สวยแต่เข้มขลังมากพุทธคุณและมีเสน่ห์ ครูบาสมท่านเป็นสหธรรมมิกกับท่านครูบาเจ้าศรีวิไชย ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ ครูบาสม มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก ทั้งการหายตัว แปลงกายเป็นเสือ จนได้รับสมญานามว่า #เสือสม จากชาวบ้าน และอื่นๆอีกมากมาย อย่างเช่น การนอนบนยอดใบตองกล้วย กระโดดลงน้ำบ่อหายตัว เป็นต้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ครูบาปากกองไปขอเป็นศิษย์ครูบาสม ไปด้วยกัน 3 รูป ครูบาสมท่านได้จำแลงกายเป็นเสือ พระอีก 2 รูปวิ่งหนี แต่ครูบาปากกอง ได้นิ่งนั่งลงต่อหน้าเสือ ครูบาสมท่านจึงได้รับครูบาปากกอง เป็นศิษย์เอก ถ่ายทอดวิชาให้หมด เป็นที่มาของตะกรุดต่าง ๆ ของครูบาปากกอง จะมีชื่อว่าเสือนำหน้าหลายรุ่น แต่ครูบาสมท่านไม่ได้สร้างเหรียญวัตถุมงคลไว้จึงไม่ค่อยมีใครรู้จักท่าน จะมีก็แต่ตะกรุดที่นำให้ญาติโยม” สำหรับพระผงรุ่นนี้ ครูบาสิงห์แก้ว วัดปากกองเป็นเจ้าพิธีในการจัดสร้าง โดยท่านเป็นผู้กดพระเองทุกองค์ โดยผงที่นำมาจัดสร้างนั้นเป็นผงพุทธคุณนานาชนิดที่ท่านได้รวบรวม อาทิเช่น ผงอิทธิเจ(ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ) ผงปัทธมัง ผงตรีนิสิงเห ผงพุทธคุณนานาชนิด และที่สำคัญคืออัฐิ(กะโหลกหน้าผาก)ของท่าน ครูบาสม วัดป่าแดด

    สำหรับพระเกจิที่ร่วมปลุกเสกนั้นมีทั้งหมด 9 รูป ได้แก่

    1.ครูบาสิงห์แก้ว วัดปากกอง
    2. ครูบาบุญมา วัดแม่สะลาบ
    3.ครูบาบุญมี วัดท่าสะต๋อย
    4. ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง
    5.ครูบาคำแสน วัดป่าดอนมูล
    6.ครูบาคำแสน วัดสวนดอก
    7.ครูบาน้อย วัดบ้านปง
    8.ครูบาผัด วัดศรีดอนมูล
    9.ครูบาคำปัน วัดหม้อคำตวง

    เฉพาะครูบาที่ปลุกเสกก็ระดับแถวหน้าของเมืองไทยเกจิยุคเก่ารุ่นก่อน สำหรับพระผงครูบาสม วัดป่าแดด นี้ท่านครูบาสิงห์แก้ว วัดปากกอง(ผู้เป็นศิยษ์เอก) จะพกติดย่ามทุกครั้งที่ไปร่วมงานปลุกเสก อิทธิคุณเน้น ป้องกันภูตผี ปีศาจ คุณไสย เป็นมหาอำนาจ เมตตามหานิยม ป้องกันภูตผีปีศาจ กันแก้คุณไสย มหาอำนาจ ตบะเดชะบารมี เมตตามหานิยม โชคลาภร่ำรวย

    เปิดให้บูชาเบาๆ องค์ละ 350 บาท มีให้บูชา 6 องค์ครับ


    ****ปิดรายการ***


    121959578_1564313490431311_4920124519957464076_o.jpg

    122062861_1564313543764639_4312657476201078943_o.jpg

    121473614_1564313637097963_4380900600562251201_o.jpg

    121335676_1564313443764649_5848254062713848575_n.jpg

    121443221_1564313667097960_1675936601981271082_n.jpg


    121454356_1564314200431240_7329879931549854750_n.jpg

    121248617_1564313757097951_3256754338116921460_n.jpg

    121726902_1564314300431230_5446922407371154388_n.jpg

    121730654_1564314450431215_3152436800073343279_n.jpg
    121830848_1564314403764553_2652815178221178415_n.jpg



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2021
  13. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015


    8030.ล็อกเก็ตโบโบอ่อง(พู่พู่อ่อง)รุ่นแรกด้านหลังเนื้อมวลสารฝังว่านยาแดงพม่าปิยะเมตตาฝังตะกรุดเงิน
    สร้างโดยพ่อครูศรีอ่องจอมขมังเวทย์แห่งเชียงดาว
    สร้างเพียง 399 องค์ออกเมื่อปีพ.ศ 2561
    ในราคาจองเมื่อสมัยนั้นองค์ละ 499 บาท
    ยอดวิชาแห่งเมืองม่าน สายยาแดง
    ..ไม่ต้องสักให้เจ็บตัว

    ถ้าจะกล่าวถึงตำนานเรื่องราวพ่อครูเมืองม่านหรือพม่านั้น ว่ากันแล้วเรื่องราวของพ่อครูพม่านั้นเริ่มต้นตั้งแต่ยุคพันกว่าปีมาแล้วก่อนมีพม่าเสียอีก คงเริ่มมาตั้งแต่ยุคมอญรุ่งเรือง เพราะพม่าเริ่มถูกรวมแผ่นดินครั้งแรกในยุคของบาเยงนองหรือผู้ชนะสิบทิศซึ่งมีระยะเวลา ๔๐๐ กว่าปีที่ผ่านมานี่เอง
    อย่างเรื่องราวของพู่พู่อ่อง ก็น่าจะมีตำนานมากกว่าพันปี จากนั้นจึงสืบสายต่อ ๆ กันมาถึงในปัจจุบัน ตำนานพ่อครูทั้ง ๑๐ ของสายวิชายาแดงนั้นถูกปิดบังเปิดเผยออกมาน้อยมาก เพราะหาผู้รู้จริงยาก และผู้รู้ก็มักไม่พูด ที่จะนำมาเล่านั้น เพราะความเมตตาของครูหย่วน ลิ่งแสง ได้เมตตามอบตำราสำคัญทั้งยันต์ ทั้งตำนาน ทั้งนี้ท่านมอบให้ พระอาจารย์ภูไทย ปภากโร วัดเขาแก้วชัยมงคล อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย และทางคณะผมได้ขออนุญาตพ่อครูหย่วนนำเรื่องราวบางส่วนออกเผยแพร่ เพื่อให้ตำนานของพ่อครูทั้ง ๑๐ ไม่สูญหายไปตามกาลเวลา และเพื่อเป็นการรักษาองค์ความรู้ที่บริสุทธิ์ ซึ่งมาจากการถ่ายทอดของคนในสายวิชาจริง ๆ อย่างเรื่องราวของพ่อครูโพมินข่องนั้น ปัจจุบันมีบางสำนักเล่าเรื่องออกมาอย่างพิสดาร ไม่มีเค้ามูลเรืองราวของท่านไว้เลย จึงทำให้เกิดความเข้าใจ หรือการเรียนรู้เรื่องราวแบบผิด ๆ ซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายชื่อเสียงของท่านทั้งที่ตั้งใจและรู้เท่าไม่ถึงการณ์
    ดังนั้นจึงตั้งใจจะเผยแพร่เรื่องราวของบรมครูและวิชาสายนี้ในบางส่วนที่พิจารณาว่าเปิดเผยได้ ยังไงก็ลองอ่านไว้เป็นวิทยาทานครับ ถือว่าอ่านนิทานสนุกๆก็ได้
    ยอดวิชาสุ่ยหยิ่นจ่อ
    วิชาในเมืองม่านนั้นเป็นสิ่งที่ได้รับมรดกมาจากมอญ โดยมอญรับมาจากคติพราหมณ์จากประเทศแม่คืออินเดีย ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมดั่งเดิมของมอญจนก่อให้เกิดหลักวิชาอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมๆกับตำนานที่น่าอัศจรรย์ ต่อมาหงสาวดีได้รับเอาคติความเชื่ออารยะธรรมต่างๆสืบมาจากมอญ จนกระทั่งภายหลังรวมเป็นประเทสพม่าขึ้นมา วิชาในสายเมืองมอญอันเก่าแก่และตำนานอันยิ่งใหญ่ของพ่อครูทั้ง ๑๐ จึงเป็นสุดยอดมรดกสำคัญทางจิตวิญญาณ ที่ในปัจจุบันนี้ได้ฝังรากลึกลงไปในกลุ่มผู้ปฏิบัติทั้งชาวกระเหรี่ยง ไทยใหญ่ พม่า มอญและล้านนาของไทย
    บรรดาวิชาแห่งเมืองม่านทั้งหลายนั้นก็นับว่ามีมาก เช่น เช่นตำราของพู่พู่อ่องซึ่งท่านก็เป็นหนึ่งในบรมครูทั้ง ๑๐ แห่งเมืองม่าน ก็มีตำราที่เรียกว่า โลกหิตะอัคคะนียะศาสตร์ ว่าด้วยการทำปรอทสำเร็จ หรือวิชาสุ่ยหยิ่นจ่อ อันเป็นการสักยาแดง ตามวิชาของบรมครูสัจจะยามิน และนอกจากนี้ยังมีอีกหลายวิชา เช่นการเข้าฌาน มโนยิทธิ และวิชาว่านยา เป็นต้น
    วิชาสายยาแดง หรือบางท่านก็เรียกว่าวิชาสายยาสัจจะ มีชื่อเต็มๆว่า สุ่ยหยิ่นจ่อ คำนี้มีความหมายในทางธรรมว่า “ชนะใจตนเอง” ซ่อนอยู่ในความหมาย ผู้ที่รับวิชาสายยาแดงหรือสายสัจจะนั้นแม้ไม่เคยเรียนพระเวทย์ ไม่ถือนั่งสมาธิแต่ก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์ช่วยเหลือคนได้
    เพราะอะไร คำตอบคือเมื่อรับวิชาสายนี้แล้ว สิ่งที่ต้องรับภาระหน้าที่คือ คุณต้องมีสัจจะในการรักษาศีล โดยมีอธิศีลหรือข้อห้ามสามข้อนอกเหนือจากการเคร่งครัดในศีล ๕ นั่นคือ
    ห้ามดื่มเครื่องมึนเมา ห้ามทานเนื้อวัวเนื้อควาย ห้ามผิดลูกผิดเมียคนอื่น
    สามข้อนี้ให้รักษาตลอดชีวิต ทั้งศีล ๕ ก็อย่าได้พร่องได้ผิด
    วิชาสุ่ยจิ่นจ่อนั้น จะนับถือพ่อครูสัจจะยามินเป็นต้นเป็นเค้าเป็นบรมครู เรื่องความพิเศษของสายนี้ก็คือผู้รับวิชา คือผู้ได้รับการสักยาแดงลงบนตัว เมื่อสักแล้วจะได้รับทิพยอำนาจจากครูผู้วิเศษทั้ง ๑๐ สามารถใช้มือและพลังทิพย์ของครูหยิบพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยออกมาจากร่างผู้ป่วยได้ หยิบคุณไสยมนต์ดำไล่อำนาจจากภูติผีปีศาจ ขับสิ่งชั่วร้ายจากมนต์ดำออกจากตัวคนไข้ได้ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นเก่ง แต่เป็นพลังครูและเป็นผลจากการที่คนนั้นมีสัจจะมีศีล เป็นปัจจัยเป็นสาระสำคัญ หากไม่ถือศีลไม่มีสัจจะ วิชาที่ลงไว้ก็ไม่มีความขลังอะไรเลย จะนับถือบูชากราบไหว้พ่อครูอย่างใดก็ไม่เป็นผล เพราะไม่มีศีลไม่มีสัจจะนั่นเอง
    ทีนี้ผู้ที่รับของมงคลเป็นวัตถุมงคลแทนองค์ครูท่านก็ควรที่จะเว้นเรื่องเนื้อวัวเนื้อควาย ของมึนเมาทั้งหลายและเว้นจากการประพฤติผิดในกาม เรียกว่าสามข้อนี้ระวังไว้อย่างให้พลาดพลั้งเลยทีเดียวก็รับรองผลได้ครับว่าวัตถุมงคลในสายพ่อครูทั้ง ๑๐ ทุกชิ้นทุกองค์จะทรงพลานุภาพดลบันดาลให้ท่านร่มเย็นเป็นสุขสิ่งร้ายทั้งหลายไม่กล้ากล้ำกราย มนต์ดำภูติผีจะไม่มีผลต่อตัวท่านได้เลย
    ด้านปฏิบัตินั้นเอาศีล สัจจะเป็นหลักและหมั่นทำสมาธิ ภาวนาขัดเกลาจิตใจให้สงบ มองเห็นทุกข์โทษของวัฏฏสงสาร ที่จะเน้นก็คือเน้นเรื่องการภาวนา ถือศีลสัจจะเป็นหลัก เท่านี้ก็เป็นสิริมงคลกับตัวอย่างยิ่งแล้ว
    ผู้ที่ร่ำเรียนวิชาสายนี้หรือสายไหนก็ตามให้ยึดหลักประการหนึ่งคือ เรายึดวิชาไหนให้ใช้วิชานั้นเป็นหลัก ถ้าจับหลายสายอาจไม่ขลังสักสายเลยก็ได้ เพราะหลักตัวเองหาไม่เจอ
    เรื่องการปฏิบัติและข้อห้ามสายวิชายาแดง สุ่ยหยิ่นจ่อ
    อนึ่งวิชาสายยาแดง สุ่ยหยิ่นจ่อ นั้นไม่ได้เน้นสักเพื่อหนังเหนียว แต่สักเพื่อให้ครูมาสถิตย์มีอำนาจในการถอดถอนอาถรรพ์ทุกชนิด การภาวนาสายนี้คล้ายหลวงปู่ดู่ เพราะท่านมีคำภาวนาว่า
    โอง พุทธัง สะระณังคัจฉามิ โอง ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ โอง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
    ข้อห้ามธรรมดามาก ๆ คือศีล 5 ประกอบกับห้ามกินเนื้อวัวควาย เหล้าและห้ามผิดกาเมสุมิจฉา ข้อเสียวิชานี้ไม่มีเว้นแต่ผิดศีลปุ๊ปหรือเสียสัจจะก็เสื่อมทันที วิชาที่ได้ไปจะไม่เป็นผล
    ในปัจจุบันสายวิชายาแดงก็แพร่หลายในไทยแถบภาคเหนือ และแถบตะวันตก แต่ก็ยังเป็นที่รู้จักในส่วนน้อยยังไม่นับว่าเป็นที่รู้จักในวงกว้างสักเท่าใดนัก
    ยาแดงยาครูสายสุวรรณภูมิ ยาเสต่อกี ยาเสต่อ ยาเซด่อ ยาสัจจะ ยาปรมัติ ยาปฐมัง ยาสัจจามิน ยาสุ่ยหยิ่นจ่อ สรุปง่ายๆ ก็คือยาตัวเดียวกันมาจากที่เดียวกันคือสายสุ่ยหยิ่นจ่อแต่เรียกชื่อต่างกันตามความเข้าใจของแต่ละคนตามเหตุผลการตลาดของคน นับประสาอะไรกับชื่อยาที่จะเรียกต่างกันแม้แต่ประวัติของพ่อครูพม่าในสายสุ่ยหยิ่นจ่อมันยังแต่งเติมโกหกตอแหลกันได้เลย เอาอ่านและจำกันไว้นะต่อไปใครก็จะมาหลอกไม่ได้
    ประวัติและความเป็นมาของพ่อครูสำนักสุ่ยหยิ่นจ่อที่ถูกต้องอย่างแท้จริง (สายยาพม่า)จากพ่อครูยวญ เจ้าสำนักสุ่ยหยิ่นจ่อฝังไทย
    1.พ่อครูสย่าเอ ท่านเกิดในเศวตฉัตรแห่งราชวงศ์พม่า ตอนท่านเกิดมาที่ฝ่ามือขวามีเครื่องหมายสวัสดิกะและมีเม็ดยาสัจจะมาด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าท่านต้องเป็นผู้มีบุญมาเกิดเป็นแน่แท้ และต่อไปในภายภาคหน้าท่านต้องได้สืบทอดราชวงศ์เป็นที่แน่นอน จึงทำให้พระราชโอรสและพระสนมองค์อื่นๆ กลัวว่าต่อไปพระราชโอรสองค์นี้จะเป็นภัยแกตน จึงทำการติดสินบนกับโหรหลวงให้ใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นกาลกิณิและเป็นภัยต่อราชสำนักให้ขับไล่ออกไปเสีย กษัตริย์พม่าหลงเชื่อในคำพูดของโหรหลวงจึงทำการเนรเทศท่านเสียแต่พระสนมเอกไม่วางใจจึงติดสินบนกับผู้ที่นำพ่อครูสย่าไปทิ้ง ให้นำไปประหารชีวิตด้วยการถ่วงน้ำแทนร้อนถึงพ่อครูโป๊ะโป๊ะอ่องต้องเหาะมาช่วยท่านและนำท่านไปฝึกวิชาต่างๆ จนสำเร็จ จึงถือว่าพ่อครูสย่าเอเป็นพ่อครูองค์แรกในสำนักสุ่ยหยิ่นจ่อ(สายยาพม่า) ซึ่งพ่อครูสย่าเอนั้นท่านมีหลายชื่อคือ สย่าเอ สย่ามิน สัจจะมิน สัจจะยามิน สัจจามิน โปต่อเอ โป๊ะต่อเอ ภูต่อเอ โป๊ะโต๊ะสัจจะมิน โป๊ะโต๊ะสัจจามิน และอีกหลายๆ ชื่อ
    2.พ่อครูสย่าปิ้ว ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครสย่าเอไปไหนมาไหนพร้อมกับพ่อครูสย่าเอตลอด เมื่อพ่อครูทั้งสองไปด้วยกันและเวลาหยุดพักจะมีฉัตร 5-7 ชั้น คอยบังร่มเงาให้เป็นอัศจรรย์นัก ซึ่งในสมัยนั้นชาวบ้านจะศรัทธาผู้วิเศษกันมากจนพากันมาหาและขอของดีกับพ่อครูทั้งสองเป็นอันมาก จนพ่อครูสย่าเอท่านเกิดความเบื่อหน่ายท่านจึงหักฉัตรทิ้งและมอบยาสัจจะพร้อมดอกมณฑาทิพย์ให้พ่อครูสย่าปิ้วเพื่อทำยาวิเศษส่วนตัวท่านก็ได้กลับไปหาพ่อครูโป๊ะโป๊ะอ่อง เมื่อพ่อครูสย่าเอท่านไปแล้ว พ่อครูสย่าปิ้วก็ได้รวบรวมของทั้งหมดแบกใส่บ่าเพื่อหาผู้ที่มีบุญญาบารมีมาเพื่ิอที่จะทำยาวิเศษเป็นเวลาหลายร้อยปีในที่สุดท่านก็พบผู้ที่จะทำยาได้
    3.พ่อครูสย่าปุ้ย ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครูสย่าปิ้วและเป็นพ่อครูที่ทำยาวิเศษเป็นคนแรกในสายสายพม่า(สุ่ยหยิ่นจ่อ) เมื่อท่านทำยาวิเศษเสร็จแล้วก็ได้ไปอาราธนาอัญเชิญพ่อครูโป๊ะโป๊ะอ่อง พ่อครูโป๊ะมินข่อง พ่อครูสย่าเอ พ่อครูสย่าปิ้วตลอดจนผู้ที่มีบูญญาบารมี มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ทั้งพระ ฤาษี ผู้ถือศีล ฆราวาสทั่วทั้งพม่าให้มาปลุกเสกยาวิเศษและวัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจนสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ได้เอาตัวยาวิเศษเหล่านั้นไปบรรจุตามพระเจดีย์ต่างๆ ทั่วพม่า หลังจากนั้นท่านก็ได้ทำการเปิดสำนักสายยาพม่า(สุ่ยหยิ่นจ่อ) ขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ
    4.พ่อครูสย่าห่าน ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครูสย่าปุ้ยไปคอยปรนนิบัติรับใช้พ่อครูสย่าปุ้ยอยู่หลายปีทั้งหุงหาข้าวปลาอาหาร ปัดกวาดถูบ้านถูเรือน หาบน้ำ ผ่าฟื้น เพื่อหวังได้เรียนวิชาแต่พ่อครูสย่าปุ้ยก็ไม่สอนท่านสักที ไปสอนแต่คนอื่นจนท่านน้อยเนื้อต่ำใจคิดไปต่างๆนานา อีกอย่างท่านก็จากบ้านเรื่อนที่อยู่อาศัยและภรรยามาเป็นเวลานานจนเกิดความคิดถึงท่านก็ได้ไปลาพ่อครูสย่าปุ้ยเพื่อกลับไปเยื่อนภรรยาที่บ้าน เมื่อท่านกลับไปหาภรรยาท่านแล้ว ปรึกษากับภรรยาแล้วท่านก็ได้รวบรวมทรัพย์สมบัติแก้วแหวนเงินทองของมีค่าทั้งหมดในบ้านของท่านแล้วนำมามอบให้พ่อครูสย่าปุ้ย เมื่อพ่อครูสย่าปุ้ยท่านรับของมีค่าเหล่านั้นแล้วท่านก็เริ่มทำการสอนวิชาความรู้ที่มีทั้งหมดให้กับพ่อครูสย่าห่านจนสำเร็จแล้วท่านก็เรียกพ่อครูสย่าห่านมาหาเพื่อมอบข้าวของมีค่าทั้งหมดคืนให้พ่อครูสย่าห่าน พ่อครูสย่าปุ้ยท่านบอกว่าท่านทดสอบและดูพ่อครูสย่าห่านมานานจนท่านไว้ใจและสอนวิชาให้จนหมดสิ้นโดยไม่ปิดบังหลังจากนั้นท่านก็ไปอยู่พ่อครูสย่าเอ ให้พ่อครูสย่าห่านเป็นเจ้าสำนักสืบต่อมา
    5.พ่อครูอะเพจี่อู่เมี้ยะขิ่น ท่านเป็นลูกศิษย์ของพ่อครูสย่าห่านและเป็นเจ้าสำนักสืบต่อมาที่กรุงย่างกุ้งประเทศพม่า ท่านเป็นผู้ที่เผยแพร่วิชาของสำนักจนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
    เมื่อได้ทราบประวัติของพ่อครูทั้ง 5 คนไปแล้ว ขอย้ำน่ะครับว่าพ่อครูสายสุ่ยหยิ่นจ่อมีแค่ 5 คนเท่านั้น ที่นี้จะพูดถึงว่ายาสัจจะทั้ง 9 ขั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เฝ้ารักษาดังนี้คือ
    ขั้นที่ 1.พ่อครูเฝ้ารักษาทั้งหมด
    ขั้นที่ 2.พระอินทร์เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 3.พระเจ้า 4 พระองค์และองค์เทพทั้ง 4 เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 4. โป๊ะต่อเอเฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 5. พญางาสู่เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 6.พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 7. คุณพระเจ้า 9 พระองค์เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 8.พระอินทร์เฝ้ารักษา
    ขั้นที่ 9.องค์เทพอะฉิ๋งอูอ๋อปาเต๊ะเฝ้ารักษา
    มือซ้าย ใช้ไล่พิษต่างๆ เช่นพิษตะขาบ แมงป่อง หมาบ้า ผดผื่น ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก มะเร็งไข่ปลา
    มือขวา ใช้ไล่วิญญาณ คุณผีคุณคน คุณเสน่ห์ยาแฝด ล้างอาถรรพณ์เมฆหมอกมนต์ดำ ทำลายวิชาอาคมต่างๆ ได้
    ไหล่ซ้าย กลางวัน ร้อน
    ไหล่ขวา กลางคืน เย็น
    เวลาที่เรารักษาคนต่างๆ เราสามารถเรียกกองทหารเอกของพ่อครูสย่าเอมาใช้งานได้ เรียกแผนกค้อน มีด หอก ดาบ ขวาน ธนู หน้าไม้ ไฟบรรลัยกัลป์ น้ำกรด ช้าง ม้า ครุฑ นาค มาช่วยเราได้
    การใช้ยาสัจจะแก้อาถรรพ์ต่างๆในสถานที่อยู่อาศัย สามารถแก้ได้โดย
    1.การหว่านทราย
    2.การหว่านข้าวสาร
    ทรายและข้าวสารต้องผ่านการเสกจากครูบาอาจารย์ในสายเท่านั้น
    สำหรับผู้ที่สักยาสัจจะ 5 ขั้น 9 ขั้น เรียบร้อยแล้วนั้นจะมีคุณประโยชน์ดังนี้คือ
    1.เมตตา
    2.รวย
    3.คงข่าม
    4.อำนาจ
    5.ดิน
    6.อายุ
    7.อาหาร
    8.ทิศ
    9.ยาแดง

    ผู้หญิงสักได้แค่ 5 ขั้น ผู้ชายสักได้ 9 ขั้น
    การสักยาสัจจะมีข้อห้ามคือ
    1.ห้ามผิดลูกผิดเมียโดยเด็ดขาด ข้อนี้ถ้าใครผิดไปแล้วไม่สามารถจะมาสักใหม่ได้ เพราะถึงสักไปก็ไม่มีประโยชน์
    2.ห้ามกินเนื้อวัวเนื้อควาย
    3.ห้ามกินเหล้า

    ผู้ที่ได้สักยาสัจจะไปแล้วนั้นไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตามขอให้รักษาไว้ให้ดีเพราะสามารถช่วยและแก้ไขให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ หลักสำคัญในการสักยาสัจจะคือให้หมั่นเติมยาบ่อยๆ จากครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือและควรจะไปไหว้ครูทุกครั้งที่แม่สอด สายยาสัจจะดูง่ายๆ ครับ ผู้ที่จะสักหรือแต้มยาให้เรานั้นต้องประกอบไปด้วยตำราการสักที่ถูกต้อง ชุดเข็มสัก แยกถอดได้ 4 ชิ้นครับ(บางคนก็ทำเข็มเองแล้วไปให้พ่อครูมอบอำนาจให้ก็ได้ครับ) ชุดยาสัก เสต่อ หางแดง สะมาดยันต์คุม 9 ขั้น สะมาดยันต์ต่างๆ จำไว้ว่าผู้หญิงสักได้ 5 ขั้น ผู้ชายสักได้ 9 ขั้น จะสักที่เดียวครบเลยหรือสักที่ล่ะกี่ขั้นก็ได้ ถ้าใครสักครบ 5 ขั้น 9 ขั้นแล้ว ต่อไปก็ให้เติมยาแต้มยาบ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้ครับบรมครูโบโบอ่องและพ่อครูโพมินข่อง มหาสิทธา( ผู้สำเร็จ หรือผู้ทรงพลังเหนือธรรมชาติ ) ที่ชาวพม่า มอญ ไทยใหญ่ และผู้ศรัทธาให้ความเคารพนับถือ
    ชาวพม่าเชื่อว่าผู้ที่บูชาและอธิษฐานถึงท่านทั้งสองเป็นประจำ จะได้รับความเมตตา จะได้รับพรอันวิเศษ จะมีโชคลาภ การค้าขายจะดี ร่ำรวย การงานเจริญรุ่งเรือง ชีวิตจะพบแต่สิ่งดีๆ
    ตำนานของบรมครูโบโบอ่องนั้นเล่าไว้ว่า
    แต่เดิมท่านออกปฏิบัติบำเพ็ญพรตคราวแรกบรรพชาเป็นพระภิกษุ ต่อมาเห็นว่ามีข้อศีลสิกขามากทำให้เกิดความกังวลจึงลาสิกขาออกมา แล้วออกบวชเป็นผ้าขาว บำเพ็ญตนเป็นนักพรตฝ่ายฤๅษีชีไพร ท่านได้รับคัมภีร์วิเศษเป็นพระเวทย์วิชาอาคมที่จารึกลงบนแผ่นทอง ท่านได้ศึกษาคัมภีร์เล่มนี้ และเดิน
    ธุดงค์รอนแรมไปเรื่อย จนพบยอดเขาโปปา ภูเขานี้อยู่ระหว่างเส้นทางจากพุกามจะไปมันฑะเลย์ มียอดภูเขาไฟเก่ามาก่อนอยู่ยอดหนึ่ง เมื่อบรมครูโบโบอ่องเห็นชัยภูมิดีเป็นที่สัปปายะจึงใช้เป็นที่บำเพ็ญพรตพร้อมๆ กับใช้เป็นสถานที่ศึกษาเรื่องปรอทสำเร็จ ท่านร่ำเรียนทางไตรเพทย์วิทยามาเจนจบ ศึกษาเรื่องว่านยาและกายสิทธิ์จนล่วงรู้ความเร้นลับของธรรมชาติอย่างเหล็กไหลและปรอทเป็นอย่างดี จึงทดลองดักปรอทหมอกจากยอดเขา แล้วนำมาฆ่าด้วยว่านยาอันมีฤทธิ์ จากนั้นหุงด้วยวิทยาอาคมผสมผสานพลังจิตขั้นฌานชั้นสูง ผลออกมาก็ได้ปรอทวิเศษ เมื่ออมแล้วสามารถเหาะลอยไปยังสถานที่ใดก็ได้ ท่านสำเร็จปรอทจนถึงขั้นสูงสุดสำเร็จเป็นแก้วจักรพรรดิ์เรียกว่า “สำเร็จปรอท” ท่านก็ได้ทำแผ่นทองจารึกชื่อตัวเอง พร้อมกับวันเดือนปีที่สำเร็จปรอท แล้วก็เอาไปถวายบูชาตามเจดีย์ต่าง ๆ การสำเร็จปรอทนั้นท่านคงบรรลุธรรมไปพร้อมๆกัน คือสำเร็จซึ่งสมาบัติสูงสุด ด้วยเหตุนี้ทำให้บรมครูโบโบอ่องกลายเป็น “นักสิทธิวิทยา” ผู้มีชีวิตเป็นอมตะ
    บรมครูโบโบอ่องนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สำเร็จวิชาจากคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ จนเป็นมหาสิทธาผู้มีอิทธิฤทธิ์สูงสุด สำเร็จซึ่งวิชาปรอทวิชาเลขยันต์ วิชาการทำประคำ และวิชาการทำตัวยาวิเศษ ทั้งนี้ท่านทรงฌานสมาบัติสูงสุด ทั้งมีฤทธิ์อภิญญาอย่างเยี่ยมยอด กล่าวกันว่าท่านดำรงสังขารอยู่ได้ด้วยอำนาจจากฌานสมาบัติที่ท่านทรงไว้ เรียกว่าการทรงอิทธิบาท ๔ และประกอบกับท่านสำเร็จปรอทวิเศษและตัวยาวิเศษ จึงทำให้ท่านอยู่ได้ชั่วกัปล์ คำว่ากัปล์นี้ไม่ได้หมายถึงระยะเวลา ๑๒๐ ปีตามกำหนดอายุมนุษย์ทั่วไป แต่หมายถึงระยะเวลาที่ยาวนานมากๆอาจเป็นหมื่นปี แสนปี ล้านปี หรือยาวนานกว่านั้นก็ทำได้ดังใจของท่านปรารถนาทุกประการ ท่านทำหน้าที่โปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายที่พึงจะสงเคราะห์ได้ตามวาสนาบารมี คอยดูว่าผู้ใดมีบุญวาสนามีใจสุจริตเหมาะสมที่จะรับเป็นศิษย์ ก็จะไปโปรดสอนวิชากรรมฐานและเล่นแร่แปรธาตุ
    ครั้งหนึ่งขณะที่ท่านเดินจาริกแสวงหาความรู้นั้นท่านเคยจาริกไปถึงเมืองชมพูทวีปคืออินเดียในปัจจุบัน คราวที่ท่านไปถึงเมืองอินเดียนั้นได้พบกับพระเจ้าปุดอตอนนั้นยังเป็นเจ้าชายยังมิได้ทันขึ้นครองราชย์ คราวนั้นเมื่อพบกันจึงเกิดคำมั่นสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกันซื่อสัตย์ต่อกันตลอดชั่วชีวิต ต่อมาไม่นานบรมครูโบโบอ่องสำเร็จซึ่งฌานสมาบัติและพระเวทย์วิเศษ สำเร็จปรอทธาตุอันวิเศษ ทำให้เป็นอมตะไม่มีวันแก่เฒ่า ไม่มีวันตาย ประกอบด้วยอิทธิฤทธิ์พิสดารยิ่งนัก ส่วนเจ้าชายปุดอก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ปุดอแห่งพม่า พอกษัตริย์ปุดอรู้เข้าว่าเพื่อนของตนสำเร็จวิชาเป็นผู้วิเศษสมปรารถนา แล้วก็เกิดความระแวงว่าบรมครูโบโบอ่องจะมาชิงราชบัลลังค์ เลยประกาศจับตัวแล้วจะประหารโดยฝังทั้งเป็น ทหารยกกองทัพออกตามหาบรมครูโบโบอ่องจนเจอแล้วจับมัดตัวขึ้นเรือ เพื่อพากลับมายังวังของกษัตริย์ เมื่อเรือเริ่มออกจากท่า ทหารก็แทบหัวใจวาย เพราะบรมครูโบโบอ่องไปยืนยิ้มอยู่ที่ฝั่ง พวกทหารต้องกลับขึ้นฝั่งไปใหม่ เพื่อจับท่านอีกครั้ง คราวนี้พวกทหารขอวิงวอนว่า ถ้าท่านไม่ไปด้วย คนที่จะตายคือพวกเขาแน่นอน ท่านเกิดสงสารเลยบอกว่า "พวกเจ้าจงกลับไปหากษัตริย์ของเจ้าเถอะ เราสัญญาว่าจะให้เจ้าจับตัวส่งกษัตริย์ของเจ้าอย่างแน่นอน" ทันทีที่ทหารพาเข้าเฝ้ากษัตริย์ปุดอ ท่านก็ปรากฏขึ้นในรูปของผู้โดนพันธนาการด้วยการมัด แต่เมื่อกษัตริย์ปุดอสั่งให้ไปฝังทั้งเป็น ท่านก็เนรมิตรตนลอยขึ้นไปกลางอากาศ อะไรก็จับไม่อยู่โซ่ตรวน เชือกมัดต่างหลุดออกทั้งหมด บรมครูโบโบอ่องประกาศว่า "การจะประหารเรานั้นท่านต้องลบอักขระที่ปรากฏขึ้นบนพื้นของพระราชวังให้ได้" ทันใดนั้นอักขระวิเศษก็ปรากฏขึ้นบนพื้นของพระราชวัง ทหารทุกคนต่างช่วยกันลบ แต่ยิ่งลบอักขระนั้นกลับยิ่งเพิ่ม มากขึ้น มากขึ้น จนเต็มพระราชวังไปหมด สุดท้ายก็ไม่มีใครลบอักขระวิเศษออกได้ ท่านกล่าวกับกษัตริย์ปุดอว่า "ท่านตระบัดสัตย์ เพราะท่านเคยสัญญาว่าจะเป็นมิตรแก่เรา แต่บัดนี้ท่านกลับคำ คิดสังหารเราเสีย ด้วยอคติที่โง่เขลา ด้วยความสามารถของเรานั้นสามารถทำให้ท่านปกครองโลกทั้งโลก" บรมครูโบโบอ่องกล่าวก่อนที่จะจากไป ในขณะที่กษัตริย์ปุดอสำนึกผิด ได้แต่เพียงวิงวอนว่า ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองลูกหลานของท่านสืบไป จากนั้นบรมครูโบโบอ่องก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตากษัตริย์ปุดอและปวงทหารทั้งหลาย ทิ้งไว้แต่ความเสียดายที่ไม่สามารถนำผู้มีความสามารถอย่างท่านมาช่วยราชการบ้านเมืองเพื่อความผาสุกได้
    อีกครั้งสมัยพระเจ้าบุเรงนองปกครองแผ่นดินพม่าท่านมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง วันหนึ่งท่านประสงค์จะนำเพชรเม็ดใหญ่น้ำหนักหลายสิบกะรัตขึ้นไปประดิษฐานที่ยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ท่านมีรับสั่งว่า"ถ้าใครผู้ใดสามารถนำเพชรขึ้นไปประดิษฐานบนยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ได้ไดยไม่ใช้บันใดหรือนั่งร้าน ท่านจะมอบแผ่นดินให้ครองกึ่งหนึ่ง" บรมครูโบโบอ่องได้อาสาเป็นคนทำ เมื่อได้เพชรมาแล้วท่านสำแดงฤทธิ์เหาะลอยขึ้นไปยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากอง นำเพชรไปประดิษฐานพร้อมจารอักขระ “ สะ ตะ ปะ วะ “ สุดยอดพระคาถาเอกอุ เอาไว้กันภัยพิบัติทั้งปวง เมื่อกลับลงสู่พื้น พระเจ้าบุเรงนองทรงพอพระทัยรับสั่งว่าจะขอมอบแผ่นดินกึ่งหนึ่งให้ปกครอง แต่บรมครูโบโบอ่องถวายพระพรขอไม่รับ แต่ขอให้พระองค์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้สถิตยสถาพร พระเจ้าบุเรงนองทรงยกย่องบรมครูโบโบอ่องเป็นราชครู หรือครูของพระราชา ราชการงานเมืองต่าง ๆ ที่สำคัญ ตลอดจนเรื่องพิธีกรรมของพระองค์จะปรึกษาบรมครูโบโบอ่องเสมอ
    บริเวณลานด้านทิศตะวันออกของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง มีเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องที่งดงามมากและมีอักษรจารึกว่าเป็นพระพุทธรูปที่บรมครูโบโบอ่องสร้างถวายไว้ ใกล้ๆกันมีเจดีย์สีขาว ที่ลานเจดีย์มีรูปเหมือนของท่านหันหน้าสักการะพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ประดิษฐานอยู่
    บรมครูโบโบอ่อง เคารพศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนามาก รูปของท่านถ้าอยู่เดี่ยวๆ จะสังเกตได้ว่าข้างบนมักจะต้องมีรูปพระพุทธเจ้าประทับไว้เสมอ ท่านจึงเปรียบได้กับนักพรตหรือฤๅษี ที่สูงด้วยคุณธรรม จริยธรรม ที่พิเศษเหนืออื่นใดคือเป็นผู้อยู่เหนือโลก อยู่เหนือกาลเวลา ท่านเป็นผู้วิเศษมีฤทธิ์มาก ปัจจุบันก็ยังดำรงสังขารอยู่อายุยาวนาน ไม่แก่ไม่เฒ่า ร่างกายเป็นหนุ่มอยู่เสมอ ไปไหนมาไหนก็ล่องหนหายตัวหรือเหิรฟ้านภากาศไป ชั่วขณะจิตเดียวหรือลัดนิ้วมือเดียวก็ถึง ไปไหนมาไหน ท่านจะแปลงร่างทำตนเป็นเด็กหนุ่ม หรือเป็นคนชรา หรือแกล้งทำเป็นคนพิการ คนขอทานก็มีเพื่อลองใจผู้ที่พบเห็นว่าจะมีน้ำใจเช่นไร
    ตำนานของพ่อครูโพมินข่องนั้นเล่าไว้ว่า
    แต่เดิมท่านบวชเป็นพระและไปปลีกวิเวกในป่าเขาเป็นเวลานานถึง ๒๐ ปีท่านได้ร่ำเรียนวิชากายสิทธิ์ปะฐะมะสิทธิ อันเป็นตำราเล่มเดียวกันกับบรมครูโบโบอ่อง แต่การร่ำเรียนวิชาของท่านพิสดารนัก คือท่านเรียนวิชาย้อนกลับ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่เรียนพิสดารเช่นนี้ได้ ย่อมเป็นผู้มีบุญวาสนาเป็นอัจฉริยะบุคคลลงมากำเนิด เป็นผู้บำเพ็ญบารมีทางพระโพธิญาณมานับไม่ถ้วน มิเช่นนั้นแล้วไฉนเลย จึงสามารถเรียนวิชาย้อนทวนได้
    พ่อครูโพมินข่อง อาศัยการทานว่านยาและการเรียนวิชาแบบย้อนกลับหรือย้อนทวนวิชา จนกระทั่ง จิตเป็นทิพย์ กายเป็นทิพย์ วาจาศักดิ์สิทธิ์ บรรลุสมาบัติสูงสุดพร้อมด้วยอภิญญา ๕ ประการ สำเร็จวัชระกาย เนื้อตัวเป็นทิพย์ มีอำนาจวิเศษ บันดาลสิ่งต่างๆได้ตามปรารถนา ทั้งควบคุมธาตุทั้ง ๔ ได้อย่างพิสดารเด็ดขาดตายตัว อยู่บนโลกในฐานะคุรุเทพผู้วิเศษ ทำหน้าที่ประดุจพระโพธิสัตว์ท่องเที่ยวโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณ
    เมื่อบรรลุแล้วท่านปล่อยตัวไม่ยึดติดกับสมมุติใดๆ บางครั้งปรากฏกายในรูปแบบคนผมยาว บางครั้งปรากฏกายคล้ายนักบวช บางครั้งก็นุ่งผ่าแบบฆราวาส บางครั้งก็แต่งตัวดุจพระ เอาแน่กับท่านไม่ได้ ท่านมีเมตตาสูงมากสามารถพูดคุยกับสัตว์ชนิดต่างๆได้ ความสามารถทางจิตทางอภิญญา เป็นสิ่งที่เหนือคำบรรยาย
    พ่อครูโพมินข่อง เป็นบุคคลที่อยู่ในช่วงเหตุการณ์อังกฤษปกครองพม่า ตรงกับช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕ ของไทยเรา ในเวลานั้นชื่อเสียงของพ่อครูโพมินข่องดังมากในพม่า เพราะท่านได้แสดงฤทธิ์ปราบทิฐิชั่วของพวกอังกฤษหลายครั้ง เช่นครั้งหนึ่งกองกำลังฝ่ายเจ้าอาณานิคมจะจับตัวท่าน ท่านตัวคนเดียวแต่ผู้ที่ใช้กำลังเข้าจับตัวท่านมี 30 คน ผลปรากฏว่าจับท่านไม่ได้ แต่กลับกลายเป็นไล่จับกันเอง เพราะแต่ละคนมองเห็นหน้าตาคนอื่นเป็นพ่อครูโพมินข่องไปหมด คราวนึงท่านต้องการสั่งสอนพวกอังกฤษท่านก็สั่งให้พวกภรรยาของนายทหารอังกฤษ์ขี่ม้าก้านกล้วยวิ่งรอบสนาม ภรรยาของนายทหารอังกฤษทุกคนเหมือนโดนมนต์สะกด คว้าก้านกล้วยมาขี่เหมือนเด็ก วิ่งไปรอบๆสนาม เป็นที่ขบขันของชาวพม่ายิ่งนัก อีกคราวหนึ่งท่านถูกจับตัวไปที่โรงพัก นายตำรวจอังกฤษถามท่านว่า เขาว่าท่านมีฤทธิ์เป็นเรื่องจริงหรือ พ่อครูโพมินข่องไม่ตอบคำถามแต่กลับลุกขึ้น สะเดาะกุญแจมือแล้วค่อยๆเดินทะลุกำแพงปูนหายตัวไป ทิ้งไว้แต่ความตื่นตะลึงของนายตำรวจอังกฤษ นี่คือฤทธิ์เพียงบางส่วนของพ่อครูโพมินข่อง ท่านยังคงอยู่ในดวงใจของชาวพม่าทั้งหลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
    พ่อครูโพมินข่อง คือหนึ่งในผู้บรรลุอภิญญาฤทธิ์แห่งเมืองพุกาม มีผู้คนนับถือบูชาท่านมากมาย ตามศาสนสถานสำคัญแม้กระทั่งที่ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ก็ยังมีรูปเหมือนของท่านประดิษฐานอยู่
    ที่เขาโปปาแดนศักดิ์สิทธิ์ใกล้เมืองพุกามอันเป็นสิงสถิตของมหาคีรีนัต ยังได้จัดห้องแสดงข้าวของเครื่องใช้และรูปเคารพของท่านไว้บนเขาโปปา เพื่อให้คนได้มีโอกาสไปสักการะ ระลึกถึงท่านอยู่เป็นประจำ
    รูปของพ่อครูโพมินข่อง มักเห็นในรูปที่ปล่อยผมสยาย นั่งไขว้เท้าในท่าขัดสมาธิสบาย ๆ
    ตามตำนานนั้นกล่าวไว้ว่า บรมครูโบโบอ่องและพ่อครูโพมินข่องต่างเคยทดสอบฝีมือกัน ปรากฏว่าไม่มีใครแพ้ใครชนะ เป็นยอดฝีมือด้วยกันทั้งคู่ บรมครูโบโบอ่องผู้เป็นยอดวิชาจึงยกให้พ่อครูโพมินข่องเสมอด้วยกับตน เป็นสหายธรรมอันรักกันยิ่ง และเป็นที่มาที่ทำให้คนพม่าต่างวาดภาพหรือตั้งรูปเคารพของทั้งสององค์ไว้คู่กันเสมอ
    บรมครูโบโบอ่องและพ่อครูโพมินข่อง การสำเร็จวิชาของท่านทั้งสองนั้น คือสำเร็จทั้งด้านสมาธิจิต คือการเข้าฌานสมาบัติ กสิณ การเพ่งดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ จนเข้าอรูปฌานได้ การสำเร็จพระเวทย์คือการท่องมนตราและการตั้งพิธี การสำเร็จวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ทั้งปรอทสำเร็จและเหล็กไหลวิเศษ รวมทั้งการปรุงยาอมตะจากสมุนไพรที่หาได้จากเขาโปปา ด้วยความสามารถความสำเร็จทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงเป็นคุณวิเศษเหนือโลก ที่ทำให้ท่านทั้งสองสมบูรณ์ด้วยฤทธิ์ยิ่งกว่าผู้ใดในปฐพี มีชีวิตเป็นอมตะ ยืนยาวเป็นกัปล์
    เล่ากันว่าบรมครูโบโบอ่องและพ่อครูโพมินข่อง อธิษฐานรอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธพระศรีอาริยเมตไตรยมาอุบัติ เมื่อท่านได้ฟังธรรมจากพระศรีอาริยเมตไตรยแล้วท่านก็จะเข้านิพพาน ณ กาลบัดนั้นเลยทีเดียว ดังนั้นดวงจิตดวงใจของท่านนั้นเป็นดวงจิตที่พร้อมจะบรรลุธรรมขั้นสูง เพียงแต่ท่านอธิษฐานขอเข้าเฝ้าองค์พระศรีอาริยเมตไตรยไว้เท่านั้น จึงชะลอจิตยั้งจิตไว้ยังไม่เข้าสู่มรรคผลขั้นสูงสุด
    ทุกวันนี้ชาวพม่ายังเชื่อกันว่าท่านทั้งสองยังคงดำรงสังขาร พำนักอยู่ที่ บุพเพวิหทวีป อันเป็นทวีปมงคลเป็นแดนลับแล โดยมีเขาโปปาเป็นทางเชื่อมมิติ ในส่วนของแดนทิพย์อันเป็นภพภูมิที่เหลื่อมซ้อนกับตัวเขาอย่างลี้ลับ คนธรรมดามองไปจะเห็นเพียงแท่งหินทึบ แต่ผู้บรรลุจตุถฌานหรือได้ฌาน ๔ จะสามารถเห็นถ้ำลี้ลับซ้อนอยู่ภายใน อันเป็นที่สถิตย์ของท่านทั้งหลายผู้เป็นอมตะได้
    เรียบเรียงประวัติโดย Fิb โป่งข่าม แก้วขนเหล็ก คุณทิพย์

    ลองบูชาได้ไม่เสียหลายถูกกว่าราคาจองตั้งเยอะครับ
    รับประกันแท้ตลอดชีพ

    บูชาองค์ละ 300 บาท มีให้บูชา 7 องค์ครับ


    *********คงเหลือ 3 องค์ ************


    ****ปิดรายการ ******

    131301542_1614179758778017_447662566063830235_n.jpg

    131004068_1614179715444688_4840445492574752437_n.jpg

    130517054_1614180282111298_5130326973328495169_n.jpg

    130724181_1614179618778031_1484178504663599495_o.jpg

    130806813_1614179588778034_4155546101783655282_o (1).jpg

    131419081_1614179975444662_5893491221009380699_n.jpg

    131430841_1614179678778025_1933801259883560470_o.jpg
    130922687_1614179898778003_6139764093122046193_n.jpg

    130991324_1614179795444680_7928195830087981374_n.jpg

    130798361_1614180122111314_5666626243340481146_n.jpg



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2022
  14. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,302
    ค่าพลัง:
    +6,459
    ขอจอง1ดอกครับ
     
  15. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,302
    ค่าพลัง:
    +6,459
    ขอจอง1องค์ สีฟ้าครับ
     
  16. ryuma9

    ryuma9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    1,496
    ค่าพลัง:
    +1,263
    จอง2องค์ครับ
     
  17. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015

    สำหรับวันนี้ก็ลงแค่นี้ก่อน ขอบพระคุณทุกๆท่านที่ได้เยี่ยมชมและเช่าบูชาด้วยครับ ทุกรายการจองได้ไม่เกิน 15 วัน ส่วนท่านที่โอนมาแล้วผมจะรีบจัดส่งให้โดยเร็วครับผม..ปลายๆ อาทิตย์นี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีลงอีกหรือเปล่านะครับ ถ้ามีก็จะลงให้บูชากันเหมือนเดิมครับ
    แต่ว่าอาทิตย์หน้ามีลงให้บูชาแน่นอนท่านที่สนใจติดตามชมได้ครับผม
     
  18. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015
    รับทราบการจองครับผม ขอบคุณมากครับ
     
  19. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015

    รับทราบการจองครับผม ขอบคุณมากครับ
     
  20. Loungpor

    Loungpor เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    25,602
    ค่าพลัง:
    +9,015
    ต้องขออภัยคุณศักดิ์ชายด้วยนนะครับ สีเหลืองจะเป็นตระกรุดทองคำ ผมไม่ได้นำมาให้บูชา (เป็นรูปตัวอย่างเฉยๆ) ที่ผมนำมาให้บูชาจะเป็นตระกรุดเงิน (ฉากฟ้า) เท่านั้นครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...