พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ควันหลง งานบุญผ้าป่าที่ วัดป่าภัทรปิยาราม
    .
    มาร่วมพิธีการหล่อเสาเอก วัดป่าภัทรปิยาราม
    .
    ร่วมถวายพระบูชา หลวงปู่บรมครูมูนียะโลกอุดร (หลวงปู่อิเกสาโร) กับ พระอธิการบุญญฤทธิ์ ฝ่ายจันทร์ วัดประชาสามัคคี
    .
    และมาถวายปัจจัยร่วมสร้างพระอุโบสถวัดป่าภัทรปิยาราม , อุปกรณ์ไฟพลังงานแสงอาทิตย์ , หนังสือมนต์พิธ๊ , หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร , ชนวนหล่อหลวงปู่บรมครูมูนียะโลกอุดร , พระวังหน้า และ พระสมเด็จของวังหน้า เนื้อผงยาวาสนา ถวายแด่ พระอาจารย์ณริชธันร์
    .
    ขอโมทนาบุญกับทุกท่าน
    .
    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ
    .
    .**********************************
    .
    #หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า
    .
    #หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า
    .
    #หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพธิ์
    .
    #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี
    .
    #หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
    .
    #หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์
    .
    #หลวงปู่เทพโลกอุดร
    .
    #หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
    .
    #คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
    .
    #สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
    .
    #หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ
    .
    #พระเจ้าอโศกมหาราช
    .
    #ชมรมพระวังหน้า
    .
    #พระวังหน้า
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948


    ผมนำไปลงไว้ที่ เพจหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร & พระวังหน้า ครับ

    หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร & พระวังหน้า

    เผยแพร่โดย Noom Sithiphong Wangna · 18 ชม. ·
    .
    สำหรับท่านใด ที่ต้องการไปกราบหลวงปู่เทพโลกอุดร
    .
    ผมมาแนะนำ
    .
    เรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดร ผมเคยนำไปลงไว้ที่ กระทู้ #พระวังหน้าที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสกถ้าต้องการที่จะได้ ในเว็บพลังจิต
    .
    ในครั้งแรกที่เจอประสบการณ์ที่ผมต้องตามหาประวัติของหลวงปู่เทพโลกอุดร ผมได้พบกับประสบการณ์นั้นในปี 2538
    .
    หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2548 ผมได้พบกับประวัติที่ถูกต้องของหลวงปู่เทพโลกอุดร โดยผมได้ไปศึกษากับ #ท่านอาจารย์ประถมอาจสาคร
    .
    เมื่อผมได้พบกับเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่ส่วนตัวมั่นใจว่า เป็นประวัติที่ถูกต้องของหลวงปู่ฯ อีกทั้งได้พบกับเรื่องราวของ พระวังหน้า ที่ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ท่านได้มีเมตตาสอนให้ผมได้รู้ ได้เห็น ได้ทราบในเรื่องราวต่างๆของพระวังหน้า อีกทั้งได้พบ ได้เห็น ได้เจอ ประสบการณ์ต่างๆอย่างมากมาย รวมทั้งประสบการณ์ที่อัศจรรย์
    .
    .
    .
    ในโพสนี้ ผมมาแนะนำว่า หากท่านใดที่ต้องการไปกราบหลวงปู่เทพโลกอุดร ตามนี้ ครับ
    .
    หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร องค์ที่ 1 คือ #หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า (เป็นพี่ชายของหลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า)
    และ หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร องค์ที่ 2 คือ #หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า (เป็นหัวหน้าคณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตระ และเป็นน้องชายของหลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า

    สามารถไปกราบหลวงปู่ทั้งสององค์ได้ ที่ พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม ที่มีรูปหล่อของหลวงปู่ฯ
    .
    หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร องค์ที่ 3 คือ #หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพธิ์

    ผมแนะนำให้ไปกราบ หลวงปู่อิเกสาโร ที่ วัดป่าภัทรปิยาราม ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี และ อาศรมศรีชัยรัตนโคตร ต.พังขว้าง อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร
    .
    หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร องค์ที่ 4 คือ #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี

    สามารถไปกราบองค์หลวงปู่ขรัวขี้เถ้าได้ที่ วัดเขาสาริกา ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
    .

    หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร องค์ที่ 5 คือ #หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ

    สามารถไปกราบองค์หลวงปู่หน้าปานได้ที่ วัดโอภาสี ต.บางมด อ.ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร

    00 - 1 _ 2  หลวงปู่พระอุตระ และ หลวงปู่โสณะ.png

    00 - 3 หลวงปู่อิเกสาโร.png

    00 - 4 หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า.png

    00 - 5 หลวงปู่หน้าปาน.png
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    มาย้ำเตือนกัน สำหรับ #เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า ที่กูรูเก๊ #นำพระที่เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้าโชว์
    อย่าไปหลงงมงาย ย้ำ ย้ำ และ ย้ำ ว่า มุสาวาท ยังไม่หนักมากเท่ากับปรามาสผู้มีธรรม ถ้าปรามาสผู้มีธรรม ไปนรกทันที
    .
    อย่าไปโง่ตาม เพราะ ผมแนะนำให้คิดง่ายๆว่า การสร้างพระเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้าน้อยๆ จะได้ทำให้คนตามหายาก ทำให้คนไปคิด(กันเอง)ว่า พิมพ์นี้พิเศษ หาได้ยาก
    .
    แต่คนที่สร้างพระเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า คงนั่งหัวเราะว่า คนที่ตามหา พระเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า พวกนี้โง่กันจังเลย
    .
    ที่นำมาลงเป็นพระของผมเอง ขอสงวนลิขสิทธิ์รูปภาพ
    .
    มานั่งยัน นอนยัน ยืนยันว่า
    .
    พระพิมพ์ , พระสมเด็จ หรือ วัตถุมงคลอื่นๆ ที่มีลักษณะดังนี้ คือ เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า นั่นคือ ไม่เคยมีการสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 , รัชกาลที่ 4 และ รัชกาลที่ 5 ไม่ว่าจะเป็น วังหน้า , วังหลวง , วังหลัง , วัดระฆัง หรือ สถานที่อื่นๆ
    .
    แต่มีการสร้างในสมัยรัชกาลที่ 9 โดย กลุ่มสร้างพระวังหน้าเก๊ หรือ กลุ่มสร้างพระกรุวัดพระแก้วเก๊
    .
    1.#พระสมเด็จที่ด้านหลังมีพระคาถาชินบัญชร
    .
    2.#ปะคำเหล็กไหลไพรดำที่แม่เหล็กดูดติด
    .
    3.#พระสมเด็จที่แม่เหล็กดูดติด หรือ #พระพิมพ์ที่แม่เหล็กดูดติด
    .
    4.#พระสมเด็จที่ด้านหลังเป็นอักษรจีน
    .
    5.#พระสมเด็จที่ด้านหลังมีตราพระราชลัญกรรัชกาลที่4
    .
    ถ้าเห็นพระสมเด็จ หรือ พระพิมพ์ต่างๆ ที่มีลักษณะแบบนี้ หลีกหนีให้ไกล อย่าไปยุ่ง
    .
    ที่สำคัญ #อย่าไปหลงโง่ตาม
    .
    อีกเรื่อง คือ ระวังเรื่อง #มุสาวาท และ #ปรามาสผู้มีธรรม ที่ผมเคยอธิบายไว้แล้วในเพจฯ นี้
    .
    ด้วยความเป็นห่วง ครับ
    .
    .
    .
    ผมไปแสดงความเห็น ในเพจ.ๆหนึ่ง
    .
    ก็โดนด่ากลับมา แต่ในเรื่องที่ผมตอบไป ตามนี้
    .
    ผมทำหน้าที่ ที่เผยแพร่องค์ความรู้ที่ถูกต้อง มาไม่น้อยกว่า 14 ปี.เรื่องปูนเพชร เป็นผมที่นำออกมาอธิบายให้ได้ทราบกันบนโลกออนไลน์เป็นคนแรก ที่ทำให้ปัจจุบันได้ทราบกันว่า ปูนที่ใช้ในการสร้างพระสมเด็จ หรือพิมพ์อื่นๆ คือ ปูนเพชร ไม่ใช่ปูนเปลือกหอย
    .
    ผมเจอกับการที่ผมไปขัดผลประโยชน์กับกลุ่มค้าขายพระ
    .
    ผมเจอกับเรื่องความเชื่อในรูปแบบต่างๆมาอย่างมากมาย
    .
    แต่ผมยังต้องทำหน้าที่ เผยแพร่องค์ความรู้ที่ถูกต้องต่อไป
    .
    ผมย้ำมาตลอดว่า เวลาศึกษา ต้องเรียนทั้ง #รูป (#เนื้อหาทรงพิมพ์) และ #นาม (#พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)
    .
    ผมไม่เสี่ยงกับ #มุสาวาท และ #ปรามาสผู้มีธรรม ที่จะไปบั่นทอนระยะเวลาในการเดินทางไปสู่เป้าหมาย คือ #พระนิพพาน
    .
    เป็นการบั่นทอนระยะเวลาที่นานมาก ซึ่งผมเคยลงในเพจ.นี้แล้ว
    .
    ใครจะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้
    .
    #ไม่ว่าใหญ่แค่ไหน
    .
    #ไม่ว่ารวยล้นฟ้าเพียงใด
    .
    #ไม่มีใครหนีกรรมพ้น
    .
    #แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังหนีกรรมไม่พ้น
    .
    #บุพกรรมพระพุทธเจ้า
    .
    .
    .
    และอีกโพส ผมตอบไปตามนี้
    .
    ถ้าเรื่องที่ผมโพสไป ทำให้ไม่พอใจ ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้
    .
    ผมทำหน้าที่ ที่เผยแพร่องค์ความรู้ที่ถูกต้อง มาไม่น้อยกว่า 14 ปี
    .
    เรื่องปูนเพชร เป็นผมที่นำออกมาอธิบายให้ได้ทราบกันบนโลกออนไลน์เป็นคนแรก ที่ทำให้ปัจจุบันได้ทราบกันว่า ปูนที่ใช้ในการสร้างพระสมเด็จ หรือพิมพ์อื่นๆ คือ ปูนเพชร ไม่ใช่ปูนเปลือกหอย
    .
    ยกตัวอย่างเรื่องปูนเพชร (ยังมีเรื่องอื่นๆอีกเยอะแยะมากมาย) ผมนำไปลงในกระทู้ พระวังหน้า ที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้ ในเว็บพลังจิต ที่ผมตั้งกระทู้เมื่อ 23 ธันวาคม 2548
    .
    ผมเจอกับการที่ผมไปขัดผลประโยชน์กับกลุ่มค้าขายพระ
    .
    ผมเจอกับเรื่องความเชื่อในรูปแบบต่างๆมาอย่างมากมาย
    .
    แต่ผมยังต้องทำหน้าที่ เผยแพร่องค์ความรู้ที่ถูกต้องต่อไป
    .
    ผมย้ำมาตลอดว่า เวลาศึกษา ต้องเรียนทั้ง #รูป (#เนื้อหาทรงพิมพ์) และ #นาม (#พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)
    .
    ผมไม่เสี่ยงกับ #มุสาวาท และ #ปรามาสผู้มีธรรม ที่จะไปบั่นทอนระยะเวลาในการเดินทางไปสู่เป้าหมาย คือ #พระนิพพาน
    .
    เป็นการบั่นทอนระยะเวลาที่นานมาก ซึ่งผมเคยลงในเพจ.นี้แล้ว
    .
    ใครจะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้
    .
    #ไม่ว่าใหญ่แค่ไหน
    .
    #ไม่ว่ารวยล้นฟ้าเพียงใด
    .
    #ไม่มีใครหนีกรรมพ้น
    .
    #แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังหนีกรรมไม่พ้น
    .
    #บุพกรรมพระพุทธเจ้า
    .
    #อย่าพึ่งเชื่อผมกรรมของจริงต้องพิสูจน์
    .
    เรื่องที่บอก ผมเจอมาเยอะมากมายมโหฬารมหาศาลแล้วครับ
    .
    เข้ามาดู พิมพ์แปลกๆใหม่ๆ
    .
    เรื่องข้อมูลที่ผมมี ผมไม่แจ้ง เพราะเดี๋ยวโดนลอกไปใช้อีก
    .
    โดนลอกไปใช้แล้วไม่ได้ให้เครดิตเยอะมาก
    .
    เวลาที่ผมเรียนเรื่อง #พระวังหน้า แท้หรือไม่แท้ ผมเรียนทั้ง #รูป (#เนื้อหาทรงพิมพ์) และ #นาม (#พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต ซึ่งทราบว่า ใครเป็นผู้อธิษฐานจิต)
    .
    ส่วนใครจะเชื่อผมหรือไม่ ก็แล้วแต่
    .
    ส่วนตัวไม่กล้าเรื่อง #มุสาวาท กับ #ปรามาสผู้มีธรรม
    .
    ผมเรียนกับผู้รู้ที่กล้าการันตีได้ว่า เป็นผู้รู้เรื่องพระวังหน้าเป็นอันดับ 1 ของโลกนี้
    .
    ผมไม่เคยไประรานใคร
    .
    ในเมื่อโพสเป็นสาธารณะ
    .
    คนที่เห็น สามารถแสดงความเห็นได้
    .
    ส่วนตัวยังไม่เก่งได้ 1 ใน 100 ของครูบาอาจารย์ แน่นอน
    .
    แต่ ได้เห็น ได้จับ พระวังหน้ามาไม่น้อยกว่า 4-50,000 องค์
    .
    เห็นพระบูชาของวังหน้ามาไม่น้อยกว่าเป็นร้อยองค์
    .
    เห็นวัตถุมงคลที่ไม่ใช่พระพิมพ์ต่างๆ หรือ พระบูชา มาเป็นร้อยชิ้น เช่น บาตรน้ำมนต์ของวังหน้า , ไม้ครูของวังหน้า , ไม้เท้าของวังหน้า , ตะกรุด เบี้ยแก้ ปรอทกรอ ลูกสะกด พระขรรค์ กฤช ของวังหน้า เป็นต้น
    .
    ต้องขอโทษอีกครั้งที่โพสผมไปทำให้เกิดความไม่พอใจ ครับ
    .

    .
    .
    .-----------------------
    .
    #หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า
    .
    #หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า
    .
    #หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพธิ์
    .
    #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี
    .
    #หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
    .
    #หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์
    .
    #หลวงปู่เทพโลกอุดร
    .
    #หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
    .
    #คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
    .
    #สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
    .
    #หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ
    .
    #พระเจ้าอโศกมหาราช
    .
    #ชมรมพระวังหน้า
    .
    #พระวังหน้า
    .

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมเขียนเรื่องราวองค์ความรู้คร่าวๆ หากสนใจไปอ่านกัน ครับ
    .

    .
    สาเหตุบางส่วนที่ ผมไม่อนุญาตให้แชร์
    .
    เพราะว่า จะได้ให้กูรูเก๊ ไปนรก จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองว่า เรื่องที่ผมบอกไป ถูกต้องหรือไม่
    .
    เมื่อรู้เรื่องในนรกแล้ว ต่อไปจะได้ไม่กระทำเช่นนั้นอีก
    .
    ผมไม่เรียนรู้ไปกับท่าน
    .
    เราไม่เรียนรู้ไปด้วยกัน
    .
    เพราะเมื่อไหร่ ไปเรียนรู้กับกูรูเก๊ เรียนไปด้วยกัน พากันไปนรก
    .
    ดังนั้น เวลาที่เรียนรู้ ต้องเรียนกับผู้ที่รู้จริงเท่านั้น ครับ
    .
    .
    .
    โพสนี้ รวมลิงค์ทั้ง 9 ตอน องค์ความรู้เรื่อง พระวังหน้า , พระวังหลวง , พระของวัดระฆัง และ พระพิมพ์ต่างๆในสถานที่ต่างๆ
    .

    .
    องค์ความรู้เรื่อง พระวังหน้า , พระวังหลวง , พระของวัดระฆัง และ พระพิมพ์ต่างๆในสถานที่ต่างๆ
    .
    สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ และ รูปภาพ
    .
    เขียนโดย Sithiphong (Noom@wangna) ชมรมพระวังหน้า และ คณะพระวังหน้า
    .
    ผมอนุญาตเฉพาะการนำข้อมูลไปใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น
    .
    ผมไม่อนุญาตให้นำข้อมูลไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการซื้อขายพระวังหน้า , พระสมเด็จวังหลวง , พระสมเด็จวัดระฆัง และ ซื้อขายพระเครื่องต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเด็ดขาด
    .
    ผมไม่อนุญาตให้นำข้อมูลไปใช้เพื่อโชว์ว่า ตนเองเป็นกูรู ทั้งๆที่เป็นกูรูเก๊
    .
    ผมไม่อนุญาตให้คัดลอกด้วยวิธีการต่างๆ และไม่อนุญาตให้แชร์ไปยังสื่อออนไลน์ทุกประเภท
    .
    ตอนที่ 1 จาก 9 ตอน
    .

    .
    ตอนที่ 2 จาก 9 ตอน
    .

    .
    ตอนที่ 3 จาก 9 ตอน
    .

    .
    ตอนที่ 4 จาก 9 ตอน
    .
    https://www.facebook.com/Noom.Wangna11122553/posts/2522521554705098?__tn__=K-R
    .
    ตอนที่ 5 จาก 9 ตอน
    .
    https://www.facebook.com/Noom.Wangna11122553/posts/2522527988037788?__tn__=K-R
    .
    ตอนที่ 6 จาก 9 ตอน
    .
    https://www.facebook.com/Noom.Wangna11122553/posts/2522533204703933?__tn__=K-R
    .
    ตอนที่ 7 จาก 9 ตอน
    .
    https://www.facebook.com/Noom.Wangna11122553/posts/2522539398036647?__tn__=K-R
    .
    ตอนที่ 8 จาก 9 ตอน
    .
    https://www.facebook.com/Noom.Wangna11122553/posts/2522544418036145?__tn__=K-R
    .
    ตอนที่ 9 จาก 9 ตอน
    .
    https://www.facebook.com/Noom.Wangna11122553/posts/2522552331368687?__tn__=K-R
    .
    ผมขอแจ้งการเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ผมสงวนลิขสิทธิ์รูปภาพ และเนื้อหาที่ผมนำมาลงในเรื่องราวของพระวังหน้า หรือ พระวังหลวง หรือ พระพิมพ์ต่างๆ ที่ผมเป็นผู้ที่เขียนขึ้นในเฟสฯหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร & พระวังหน้า ในวันที่ 20 มกราคม 2561 เวลา 7.35 น.
    .
    https://www.facebook.com/Noom.Wangna11122553/posts/1859886487635278?hc_location=ufi
    .
    .
    .
    ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ
    http://www.tairomdham.net/index.php?topic=4172.msg46661;topicseen#msg46661
    .
    .
    .
    พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
    https://palungjit.org/threads/พระวั...โลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้.22445/page-2605
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ช่วงสายๆ ผมเข้าไปดูใน YouTube เข้าไปดู เก็บพระสมเด็จตามตำราEP13: พระสมเด็จดำ โพสโดย ณัฐพนธ์สนทนา
    .
    ที่โพสเป็นสาธารณะ และ ไม่มีข้อห้ามใดๆ ยกเว้น เป็นข้อห้ามของ Youtube
    .
    ผมไปแสดงความเห็นในโพส
    .
    ความเห็นแรก ก็คือ ส่วนตัวผม ศึกษาและตามเก็บพระ ตามวิธีส่วนตัวผม
    .
    และ พระที่ว่าคือ พระวังหน้า , พระวังหลวง , พระของวัดระฆัง และ พระพิมพ์ในสถานที่อื่นๆ ที่สร้างก่อนปี 2428
    .
    ไปเจอความเห็นของ คนที่ผมเขียนไว้ว่า แสดงความคิดเห็นคนที่ 3 มาแสดงความเห็นเยอะเลย
    .
    ผมไม่ไปตอบอีกสำหรับคนแสดงความคิดเห็นคนที่ 3
    .
    แต่จะมาบอกในที่นี้ จะตอบให้เข้าใจ
    .
    คนที่แสดงความคิดเห็นคนที่ 3 พิมพ์มาว่า
    .
    1. ลองดูคลิบนี้ พระใหม่ที่ท่านเจ้าคุณเที่ยงก็สร้างตามตำราและใช้มวลสารในการสร้างเหมือนพระสมเด็จ พระใหม่ที่ท่านสร้างแม่เหล็กดูดได้เหมือนกัน แบบนี้คุณจะบอกว่าท่านเป็นพวกหลอกลวงไหม
    .
    2.พระของท่านเจ้าคุณเที่ยงก็สร้างตามตำรา ในหนังสือของท่านเจ้าคุณเที่ยงก็มีให้ดูชัดเจนแม่เหล็กก็ดูดได้เหมือนกัน หลักฐานมีให้ดูชัดเจนขนาดนี้คุณไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณ ผมก็มีพระสมเด็จที่ไม่ใช่สมเด็จดำและได้ใช้แม่เหล้กแรงสูงมาทดสอบก็ได้แค่ขยับหน่อยเดียวเหมือนกัน ผมเป็นคนนึงที่เชื่อเรื่องนี้เพราะเค้ามีหลักฐานที่จับต้องได้กัน ไม่ใช่เหมือนพระพวกเซียนใหญ่ที่จำกัดพิมจำกัดเนื้ออยู่แค่นั้นแต่พอถามมีตำราไหนบอกใหมว่าสร้างไม่กี่พิมกี่องค์ก็อ้ำอึ้งกันหมด แล้วถ้าคุณแน่จริงคุณก็เอาหนังสือตำราพระสมเด็จที่คุณเล่นมีทั้งหมดกี่เล่มเอามายืนยันสู้กับเค้ามั้งไม่ใช่มีแต่ปากเปล่าพูดมาแบบนี้
    .
    3.ขอหนังสือยืนยันมีเล่มไหนเขียนมั้งว่าไม่มีการใช้เหล็กไหล เรื่องเหล็กไหลมีมาแต่โบราณแล้ว มีมาตั้งแต่ก่อนยุคสมเด็จโต สมัยอยุธยาก็มีการใช้เหล็กไหลให้ไปดูประวัติศาสในหนังสือได้ว่าเหล็กไหลมันมีมานานขนาดไหนแล้วคุณก็เกิดไม่ทัน คุณจะรู้ได้ไงว่าไม่มีการใส่เหล็กไหลเข้าไป
    .
    4.การที่พระของเจ้าคุณเที่ยงสร้างตามตำราแล้วแม่เหล็กดูดได้เค้าสร้างและทำให้เห็นมาแล้ว ขอหลักฐานต่างๆอะไรก็ไม่มีบอกยืนยันได้ ใครมันน่าเชื่อถือกว่า ตัวเองยังไม่กล้าถ่ายเอาคลิบมาลงพร้อมหลักฐานหนังสือต่างๆ ยังมีหน้าไปค้านคนที่เอาคลิบมาลงพร้อมหนังสือหลักฐานเยอะแยะอีก ถ้าเปรียบไปขึ้นศาลทางศาลเค้าจะเชื่อหลักฐานหรือเชื่อเพียงคำพูดละ แค่นี้ก็เห็นแล้วว่ามีหลายอย่างที่หาหลักฐานมายืนยันไม่ได้ในขณะที่อีกคนมีหลักฐานชัดเจนทั้งหนังสือและพระใหม่ที่สร้างตามตำรา ใครมันน่าเชื่อถือกว่ากันก็คิดดูเอาละกัน
    .
    .
    .
    ขอตอบในคำถามที่ 1
    .
    ผมไม่นำคลิปมาใช้ในการเรียน ประเด็นก็คือ เรื่องที่ผมเรียน ผมย้ำในเฟสหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร & พระวังหน้า ว่า ผมเรียนทั้ง #รูป (#เนื้อหาทรงพิมพ์) และ #นาม (#พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) เป็นอย่างไร ไปหาอ่านดู ผมลงไว้หลายรอบแล้ว
    .
    การสร้างพระของ ท่านพระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺโม) เป็นส่วนของท่านที่จะสร้างพระอย่างไรก็ได้
    .
    ส่วนที่บอกว่า ท่านพระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺโม) สร้างพระตามตำรา ผมไม่แน่ใจว่า ตำราที่บอกมานั้น ใครเขียน และในการเขียน เนื้อหาเป็นอย่างไร
    .
    ขอตอบในคำถามที่ 2
    .
    เพียงแค่กล้องส่องที่มีความละเอียดสูง และ แม่เหล็กแรงสูง นำมาทดสอบต่างๆ ก็ยังไม่ใช่การทดสอบอยู่ดี นั่นเป็นเพียงแค่มองจากที่เห็น แต่ในสิ่งที่เห็นนั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้เท่ากับการตรวจสอบทาง #นาม
    .
    ขอตอบในคำถามที่ 3
    .
    ไม่เถียงว่า เรื่องเหล็กไหล มีมานานแสนนานแล้ว แต่ส่วนที่แจ้งผมมา ว่า ผมเกิดไม่ทัน ผมเองไม่ได้ถามกลับว่า มีใครเกิดทันบ้าง ทุกคนไม่มีใครเกิดทัน คำถามเรื่องเกิดไม่ทัน ผมตอบมาเป็นหลายร้อยครั้งแล้ว ตั้งแต่ที่ผมตั้งกระทู้ พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... (ผมตั้งกระทู้เมื่อ 23 ธันวาคม 2548) หลังจากที่ตั้งกระทู้มาได้ไม่นานเท่าไหร่ ผมก็โดนเรื่อง ใครเกิดทันบ้าง
    .
    อีกเรื่องที่ผมไม่ได้ถามกลับ ก็คือ ผมรู้ได้อย่างไรว่า ไม่มีการใส่เหล็กไหลเข้าไปในองค์พระ
    .
    เรื่องเหล็กไหล ผมเคยพิมพ์เป็นบทความคร่าวๆให้อ่านกันแล้ว แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น การตรวจสอบด้วย นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) ทราบได้อย่างแน่ชัดและแน่นอน อีกทั้ง เรื่อง รูป(เนื้อหาทรงพิมพ์) ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ท่านมีความรู้ในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ท่านมีความสามารถในการสร้างพระพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งท่านลบผงตามวิธีที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านลบผง ซึ่งท่านไปเรียนในเรื่องนี้กับ อาจารย์เทพ สาริกบุตร
    .
    อีกเรื่องที่ผมไม่ได้ถามกลับไปเช่นกันก็คือ แล้วผู้ถามรู้ได้อย่างไรว่า มีการนำเหล็กไหล ใส่ลงไปในองค์พระ (ต้องไม่ใช่การสร้างพระใหม่ แต่เป็นการสร้างพระในสมัยโบราณ)
    .
    สำหรับบทความที่ผมเขียนและลงไป เรื่องของเนื้อหา ผมลงไปว่า 1 ในมวลสารที่นำไปใช้ในการสร้างพระวังหน้า , พระวังหลวง ก็คือ เศษเหล็กไหล ไม่ใช่เหล็กไหลเป็นก้อน
    .
    ขอตอบในคำถามที่ 4
    .
    มา นั่งยัน ยืนยัน นอนยัน รับรอง คอนเฟิร์ม ฟันธง ว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องนำหลักฐานมาแสดง
    .
    เพราะสิ่งที่พิสูจน์ในเรื่องนี้ได้แน่นอนอย่างชัดเจนที่สุดคือ เรื่องที่ผมได้บอกไปหลายครั้ง บอกไปจนผม(คิด)ว่า คงมีหลายๆท่านในเฟสหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร & พระวังหน้า เบื่อคำนี้แล้วก็คือ #มุสาวาท และ #ปรามาสผู้มีธรรม ต้องไป #พิสูจน์เองด้วยตนเอง เท่านั้น
    .
    ผมมาบอกในเฟสหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร & พระวังหน้า อีกครั้ง
    .
    หนังสือที่ผมใช้เรียนเรื่อง พระวังหน้า , พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า , พระวังหลวง , พระของวัดระฆัง และ พระพิมพ์ต่างๆในสถานที่ต่างๆ นอกจากเรียนจากหนังสือแล้ว ยังได้นำพระพิมพ์ต่างๆไปเรียนกับท่านยังที่บ้านท่านด้วยหลายปี
    .
    หนังสือ 3 เล่ม เขียนโดย ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร คือ
    .
    1.#หนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯและพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (ใช้นามปากกาว่า ปรัศนี ประชากร)
    .
    2.#ประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร
    .
    3.#หนังสือปู่เล่าให้ฟัง
    .
    กระทู้ พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
    .
    เฟสหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร & พระวังหน้า

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาย้ำอีกรอบ ย้ำมาหลายรอบแล้วสำหรับ #กูรูเก๊

    ที่ว่า เป็น #พระวังหน้า #พระวังหลวง #พระสายวัดระฆัง หรือ #พระที่สร้างที่อื่นๆ ในสมัยรัชกาลที่ 3 หรือ รัชกาลที่ 4 หรือ รัชกาลที่ 5

    ไม่เคยมีการสร้าง พระสมเด็จที่แม่เหล็กดูดติด

    หรือพวก #เนื้อเทียนชัยแบบนี้ก็ไม่มี

    หรือพวก #เนื้อที่มีเกสาแบบนี้ก็ไม่มี

    หรือพวก #เนื้อข้าวเหนียวแบบนี้ก็ไม่มี ไม่เคยมีการนำข้าวเหนียวมาสร้างพระ

    ผมมาย้ำอีกเรื่องว่า #ไม่มีการเรียนรู้เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้าไปด้วยกัน

    #อย่าโง่ไปนรกกับกูรูเก๊ ในเรื่อง #ปรามาสผู้มีธรรม และ #มุสาวาท
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีวาระงานบุญ มาบอกบุญ ครับ
    .
    ท่านใดสนใจที่จะร่วมทำบุญบูชามวลสารที่ใช้ในการหล่อพระประธาน ที่วัดไหลดุม
    โดยถวายมวลสารกับพระมหาอาคม เจ้าอาวาสวัดไหล่ดุม
    เพื่อนำไปสร้างพระประธาน (ประดิษฐานในพระอุโบสถวัดไหล่ดุม)
    .
    (วันนี้ คือวันที่ 15 สิงหาคม 2563 ผมได้จัดส่งมวลสารไปถวายพระมหาอาคม ทางไปรษณีย์ เรียบร้อยแล้ว)
    .
    สามารถร่วมทำบุญได้ที่
    .
    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 014-1-36530-7
    ชื่อบัญชี นายสิทธิพงศ์ สงวนศักดิ์
    บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนตากสิน
    .
    เริ่มต้นทำบุญได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    สิ้นสุดในวันพฤหัสที่ 20 สิงหาคม เวลา 12.00 น.
    .
    เงินที่ทุกท่านร่วมทำบุญมาในครั้งนี้ ผมนำไปร่วมงานบุญในการสร้างพระอุโบสถ วัดไหล่ดุม และ สร้างพระประธาน ที่วัดไหล่ดุม ทั้งหมด
    .
    หากมีการโอนเงินร่วมทำบุญมาหลังเวลาที่สิ้นสุดการร่วมทำบุญ
    ถือว่า ท่านได้ให้เงินผมมา และให้ผมเป็นผู้ที่ตัดสินใจเองว่า ผมจะนำเงินไปทำบุญที่ไหนก็แล้วแต่ผมจะตัดสินใจ
    .
    .
    .
    มวลสารที่ผมได้จัดส่งถวายพระมหาอาคม มีดังนี้
    .
    .
    .
    หมายเลข 1.
    แผ่นทองเหลือง 2 แผ่น , แผ่นเงิน 2 แผ่น และ แผ่นทองแดง 2 แผ่น
    .
    ที่ผมเคยนำไปร่วมในงานพิธีพุทธาภิเษก ผ้ายันต์ครอบจักรวาล ที่บ้านท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ในปี 2550
    (ที่พระอาจารย์นิล ท่านเป็นผู้ให้จัดสร้างในปี 2550 และ นำไปมอบให้กับทหารที่ปฎิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดงภาคใต้)
    .
    องค์ผู้อธิษฐานจิต ( มี 3 กลุ่ม)
    .
    กลุ่มที่ 1
    คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตระ
    (คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร)
    1.พระอุตระเถระเจ้า
    2.พระโสณะเถระเจ้า
    3.พระมูนียะเถระเจ้า
    4.พระฌาณียะเถระเจ้า
    5.พระภูริยะเถระเจ้า
    .
    กลุ่มที่ 2
    1.หลวงปู่โพนสะเม็ก (หรือ พระครูขี้หอม)
    2.สำเร็จลุนแห่งนครจำปาศักดิ์
    .
    กลุ่มที่ 3
    1.พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค)
    2.พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
    .
    .
    .
    หมายเลข 2
    .
    ตะกรุดวังหน้า เนื้อตะกั่ว ที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านจารและอธิษฐานจิต
    .
    .
    .
    หมายเลข 3
    แผ่นทองเหลือง(ขนาดเล็ก) 2 แผ่น , แผ่นเงิน(ขนาดเล็ก) 2 แผ่น และ แผ่นทองแดง(ขนาดเล็ก) 2 แผ่น
    .
    องค์ผู้อธิษฐานจิต คือ หลวงปู่สุภา กันตสีโล
    .
    ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่าน
    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ
    .
    01 ถวายมวลสารสร้างพระประธาน 15-8-63.png
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน พระมหาอาคม วัดไหล่ดุม
    ในวาระงานบุญ (ที่ได้บอกบุญด้านล่าง)
    .
    ขอร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม (พระประธานที่วัดไหล่ดุม) และ ร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดไหล่ดุม
    แล้วแต่พระมหาอาคม จะจัดสรรเงิน แต่ขอให้ไปทำทั้ง 2 งาน ครับ
    .
    สมาชิกชมรมพระวังหน้า และ สมาชิกคณะพระวังหน้า และ น้องๆในที่ทำงาน
    และสมาชิกเพจฯ หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร & พระวังหน้า ได้ร่วมทำบุญกันมา
    ผมได้ดำเนินการโอนเงินที่ทุกท่านร่วมทำบุญมาในครั้งนี้
    โอนเข้าบัญชีเลขที่ 7580123680 ชื่อบัญชี วัดไหล่ดุม
    บมจ.ธนาคารกรุงเทพ สาขาเทสโก้ โลตัส กันทรลักษ์
    .
    ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ
    .
    พระมหาอาคม แจ้งว่า ท่านได้รับมวลสารชุดนี้เรียบร้อยแล้วในวันที่ 20 สิงหาคม 2563

    ผมเรียนท่านว่า เวลาที่หล่อองค์พระ ให้ใส่ลงไปทั้งหมดได้เลย

    การหล่อสมเด็จองค์ปฐม (พระประธาน) ที่วัดไหล่ดุม จะหล่อในวันที่ 18 ตุลาคม 2563

    และท่านได้ให้พรมาดังนี้
    .
    วัดไหล่ดุม จ.ศรีสะเกษ
    .
    ขออนุโมทนาคุณโยมสิทธิพงษ์ และคณะ สายบุญของท่าน ขออนิสงค์ในการสร้างสมเด็จองค์ปฐม และอุโบสถ ขอให้คุณโยมและคณะสายบุญนี้ จงประสบแต่ความสุขความเจริญ อย่าเจ็บอย่าป่วย ร่ำรวยๆๆ ทุกๆท่าน
    ขึ้นชื่อว่าความยากจนเข็ญใจ คำว่าไม่มีไม่ได้ ขอจงอย่าปรากฏแก่คุณโยมทุกภพทุกชาติ เป็นปัจจัยให้ทุกท่านเข้าถึงพระนิพพานใชชาติปัจจุบันนี้เทอญ

    .
    .-----------------------------------------------------------------------------
    .
    มีวาระงานบุญ มาบอกบุญ ครับ
    .
    ท่านใดสนใจที่จะร่วมทำบุญบูชามวลสารที่ใช้ในการหล่อพระประธาน ที่วัดไหลดุม
    โดยถวายมวลสารกับพระมหาอาคม เจ้าอาวาสวัดไหล่ดุม
    เพื่อนำไปสร้างพระประธาน (ประดิษฐานในพระอุโบสถวัดไหล่ดุม)
    .
    พระประธานในพระอุโบสถวัดไหล่ดุม

    สร้างเป็นรูปสมเด็จองค์ปฐม
    (พระพุทธเจ้าองค์แรก ของจักรวาลเรา)

    ให้ตั้งจิตในการร่วมสร้าง ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆบูชา และ เพื่อชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่ในอดีตชาติทุกๆชาติจนถึงปัจจุบัน ครับ
    .
    (วันที่ 15 สิงหาคม 2563 ผมได้จัดส่งมวลสารไปถวายพระมหาอาคม ทางไปรษณีย์ เรียบร้อยแล้ว)
    .
    สามารถร่วมทำบุญได้ที่
    .
    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 014-1-36530-7
    ชื่อบัญชี นายสิทธิพงศ์ สงวนศักดิ์
    บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนตากสิน
    .
    เริ่มต้นทำบุญได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    สิ้นสุดในวันพฤหัสที่ 20 สิงหาคม เวลา 12.00 น.
    .
    เงินที่ทุกท่านร่วมทำบุญมาในครั้งนี้ ผมนำไปร่วมงานบุญในการสร้างพระอุโบสถ วัดไหล่ดุม และ สร้างพระประธาน ที่วัดไหล่ดุม ทั้งหมด
    .
    หากมีการโอนเงินร่วมทำบุญมาหลังเวลาที่สิ้นสุดการร่วมทำบุญ
    ถือว่า ท่านได้ให้เงินผมมา และให้ผมเป็นผู้ที่ตัดสินใจเองว่า ผมจะนำเงินไปทำบุญที่ไหนก็แล้วแต่ผมจะตัดสินใจ
    .
    .
    .
    มวลสารที่ผมได้จัดส่งถวายพระมหาอาคม มีดังนี้
    .
    .
    .
    หมายเลข 1.
    แผ่นทองเหลือง 2 แผ่น , แผ่นเงิน 2 แผ่น และ แผ่นทองแดง 2 แผ่น
    .
    ที่ผมเคยนำไปร่วมในงานพิธีพุทธาภิเษก ผ้ายันต์ครอบจักรวาล ที่บ้านท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ในปี 2550
    (ที่พระอาจารย์นิล ท่านเป็นผู้ให้จัดสร้างในปี 2550 และ นำไปมอบให้กับทหารที่ปฎิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดงภาคใต้)
    .
    องค์ผู้อธิษฐานจิต ( มี 3 กลุ่ม)
    .
    กลุ่มที่ 1
    คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตระ
    (คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร)
    1.พระอุตระเถระเจ้า
    2.พระโสณะเถระเจ้า
    3.พระมูนียะเถระเจ้า
    4.พระฌาณียะเถระเจ้า
    5.พระภูริยะเถระเจ้า
    .
    กลุ่มที่ 2
    1.หลวงปู่โพนสะเม็ก (หรือ พระครูขี้หอม)
    2.สำเร็จลุนแห่งนครจำปาศักดิ์
    .
    กลุ่มที่ 3
    1.พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค)
    2.พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
    .
    .
    .
    หมายเลข 2
    .
    ตะกรุดวังหน้า เนื้อตะกั่ว ที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านจารและอธิษฐานจิต
    .
    .
    .
    หมายเลข 3
    แผ่นทองเหลือง(ขนาดเล็ก) 2 แผ่น , แผ่นเงิน(ขนาดเล็ก) 2 แผ่น และ แผ่นทองแดง(ขนาดเล็ก) 2 แผ่น
    .
    องค์ผู้อธิษฐานจิต คือ หลวงปู่สุภา กันตสีโล
    .
    ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่าน
    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948

    .
    ผู้มีวาสนาต่อกันเท่านั้นจึงจะผูกพันต่อกัน
    .
    โพสโดย คำสอน พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก

    17 กันยายน 2563

    .
    ผู้มีวาสนาต่อกันเท่านั้นจึงจะผูกพันต่อกัน
    .
    คุณเชื่อเรื่องวาสนาต่อกันไหม ...
    ทำไมคนบางคนจึงได้เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน ...
    ชี้ชวนแนะนำกันไปทำความดี ...
    ชวนได้โดยง่ายดาย ..
    .
    แต่กับอีกหลายคนชวนเท่าไรก็ไม่ไป ...
    สอนกล่าวตักเตือนก็ไม่ฟัง ...
    ดีกับเขาเขาก็ไม่มีวันดีตอบ ...
    กลับคิดว่าเราประสงค์ร้าย ...
    ไม่เห็นความหวังดีของเรา ...
    .
    ไม่ต้องกังวลเดือดร้อนใจไป ...
    ทุกคนมีบุพกรรมของตนเอง ...
    ต้องเคยมีปัจจัยผูกฝ่ายกุศลต่อกัน
    ก็จะเป็นกัลยาณมิตรกัน ...
    .
    พระพุทธเจ้าก็มีสิ่งที่แม้พระองค์ก็ทำไม่ได้ 3 อย่าง
    .
    ที่บันทึกไว้ในมหายาน แต่ในทางเถรวาทมีกล่าวไว้ว่า 4 อย่าง 3 ประการที่ว่าคือ
    .
    1. ไม่สามารถโปรดสัตว์ที่ไม่มีวาสนาต่อพระองค์
    .
    2. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกรรมของสัตว์
    .
    3. ไม่สามารถโปรดสัตว์ให้สิ้นได้
    .
    วันหนึ่งพระศากยมุนีพุทธเจ้า กำลังแสดงธรรมอยู่ แล้วทันใดนั้นพระพุทธองค์กล่าวแก่พระอานนท์ว่า
    .
    “อานนท์เธอเอาถังน้ำใบหนึ่ง ไปเบื้องหน้าตามทางจะมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีหญิงชรานางหนึ่งกำลังซักเสื้อผ้าอยู่ ขอน้ำนางกลับมาถังหนึ่ง แต่จำไว้ต้องแสดงกิริยาสุภาพกับนางด้วย”
    .
    พระอานนท์รับคำ แล้วก็นำถังน้ำเปล่า เดินไปทางที่พระพุทธองค์ทรงบอก คิดในใจว่า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ยากเย็นอะไร ก็ไปถึงหมู่บ้านแห่งนั้น
    .
    เห็นสตรีชราผมขาวนางหนึ่งกำลังซักผ้าอยู่จริง ๆ พระอานนท์จึงกล่าวปิยวาจา ขอน้ำจากหญิงชรานั้นอย่างสุภาพ
    .
    “แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม”
    .
    หญิงชรานั้น เมื่อได้เห็นพระอานนท์ เหมือนไม่รู้ไปโกรธใครมา
    .
    “ไม่ได้หรอก น้ำในบ่อนี้ ใช้ได้แต่คนที่ในหมู่บ้านนี้เท่านั้น คนอื่นห้ามตักเชียวนะ ไม่ให้ๆ”
    .
    แถมยังไล่พระอานนท์อีกเสียอย่างนั้น พระอานนท์จะอ้อนวอนขอนางอย่างไรก็ไม่เป็นผล พระอานนท์สิ้นหนทาง ก็เดินถือถังเปล่ากลับไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ แล้วแจ้งความตามที่เกิด พระพุทธองค์ทรงพยักหน้ารับ แล้วบอกให้พระอานนท์นั่งลง แล้วขอให้พระสารีบุตรไปทำแทน
    .
    พระสารีบุตรก็กล่าวเช่นเดียวกัน
    .
    “แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม”
    .
    ก็น่าแปลกใจ สตรีชรานางนั้นเมื่อได้เห็นพระสารีบุตร ก็ทำหน้าเหมือนได้พบกับญาติที่ไม่ได้เจอกันเนิ่นนาน ไม่โกรธ ไม่โวยวาย แถมยังกล่าวตอบด้วยดี ๆ
    .
    “ได้ๆๆ เอาเลย ตามสบายเลยพระคุณเจ้า มาๆ ข้าช่วยท่านตักน้ำดีกว่า”
    .
    ก่อนที่พระสารีบุตรจะกลับ นางก็กุลีกุจอกลับบ้าน รีบกลับไปเอาสิ่งของมาถวายพระสารีบุตรให้พระสารีบุตรนำกลับไปอีก เมื่อพระสารีบุตรรับน้ำมาถวายพระพุทธเจ้าแล้ว ก็บอกให้พระสารีบุตรนั่งลง
    .
    พระอานนท์สงสัยเป็นกำลัง จึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้า
    .
    “ด้วยเหตุอะไร จึงเป็นเช่นนี้พระพุทธเจ้าข้า”
    .
    "ที่นางปฏิบัติกับเจ้าทั้งสองแตกต่างกันเช่นนี้ เพราะในชาติอันล่วงมาแล้ว สตรีชรานางนี้มีสภาพเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นหนูตัวหนึ่ง แล้วนางก็ตายอยู่บนถนน พระอานนท์ในชาตินั้นเป็นพ่อค้าผ่านทางมา เมื่อได้เห็นซากของหนูตัวนั้นตายอยู่ ในใจของพระอานนท์ก็เกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียน เดินเอามือปิดจมูกแล้วจากไป
    .
    แต่ตรงกันข้ามกับพระสารีบุตร เมื่อพระสารีบุตรได้เห็นซากหนูตัวนั้น ก็ให้บังเกิดจิตเวทนาสงสาร ซ้ำยังเอาซากหนูตัวนั้นไปฝังกลบอย่างดี เมื่อชาตินี้พวกเจ้าได้พบกันอีกครั้ง สิ่งที่นางปฏิบัติต่อเจ้า ทั้งสองจึงมีความแตกต่างกันเช่นนี้"
    .
    จิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราต้องรอบคอบ ไม่ก้าวล่วงผู้อื่นแม้ความคิด
    .
    จากมหาปรัชญาปารมิโตปเทศน์ มีบันทึกไว้ว่า พระพุทธเจ้าพร้อมพระอานนท์ เดินบิณฑบาตในเมืองไวศาลี พระอานนท์มองเห็นสตรีนางหนึ่งยากจนข้นแค้นเป็นที่น่าสงสาร พระอานนท์ทูลขอให้พระพุทธองค์ไปโปรดนาง พระพุทธองค์ตรัสว่า
    .
    “เรากับนางไม่มีเหตุปัจจัยผูกต่อกัน ดังนั้นนางก็จะไม่ศรัทธาในเรา เราก็ไม่สามารถที่จะโปรดนางได้”
    .
    พระอานนท์รบเร้าอยู่ถึงสามครั้ง พระพุทธเจ้าจึงดำเนินไปหานาง เมื่อยืนต่อหน้านาง สตรีนางนั้นก็กลับหันหลัง ไม่สนใจพระพุทธเจ้า ไม่ว่าพระองค์จะเดินไปต่อหน้านางกี่ครั้ง นางก็จะหันหลังให้กับพระองค์ทุกครั้ง แม้พระพุทธองค์จะใช้ฤทธิ์ให้พระกายปรากฏขึ้นทั้งสี่ทิศพร้อมกัน สตรีนางนั้นก็ปิดตาเสีย ไม่มอง ไม่สนใจพระองค์ พระอานนท์จังได้ประจักษ์แก่คำพูดของพระพุทธเจ้าที่ว่า “หากไร้วาสนา ไร้ปัจจัยผูกพันต่อกัน ไม่สามารถโปรดกันได้”
    .
    แม้กับพระพุทธเจ้าเองก็ไม่มียกเว้น...
    .
    Cr.มหาปรัชญาปารมิโตปเทศน์
    .

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อานิสงส์ของการอนุโมทนาบุญ เรื่องเล่าสมัยพุทธกาล
    .

    เรื่อง อานิสงส์ของการอนุโมทนาบุญ ในพระไตรปิฎก เล่มที่ 26 ข้อ 44 ได้กล่าวถึงการอนุโมทนาบุญของเพื่อนนางวิสาขาไว้ว่า
    .
    เมื่อครั้งที่พระอนุรุทธเถระจาริกไปในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้ไปเห็นทิพยวิมานหลังใหญ่ล่องลองอยู่ในอากาศ แวดล้อมไปด้วยอุทยานและสระโบกขรณี เจ้าของวิมานนั้นเป็นเทพธิดาวรรณะงาม มีรัศมีสว่างไปทั่วทุกทิศ เมื่อยามเยื้องกรายหรือร่ายรำก็มีเสียงทิพย์อันไพเราะ น่าฟัง น่ารื่นรมย์ใจดังขึ้น พระอนุรุทธเถระจึงถามเทพธิดาเจ้าของวิมานนั้นว่า นางทำบุญด้วยอะไรมาทิพยสมบัตินี้จึงเกิดขึ้น
    .
    นางเทพธิดาตอบพระเถระว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ดิฉันเป็นเพื่อนของนางวิสาขามหาอุบาสิกา เมื่อเพื่อนของดิฉันสละทรัพย์ถึง 27 โกฏิ เพื่อสร้างบุพพารามมหาวิหาร และได้ชวนดิฉันและสหายอีก 500 คน ไปเที่ยวชม เมื่อดิฉันเห็นมิคารมาตาปราสาทที่เธอสร้างถวายพระภิกษุสงฆ์ที่ดิฉันเคารพแล้ว ก็เกิดความเลื่อมใสในบุญของเธอ จึงอนุโมทนาบุญกับเธอออกไปว่า ‘สาธุ สาธุ’”
    .
    จะเห็นได้ว่าเพียงแค่เปล่งวาจาสาธุเท่านั้นก็มีอานิสงส์ผลบุญมาก ถึงขั้นทำให้คนเราไปเกิดในสวรรค์ได้เลยทีเดียว
    .
    อย่างไรก็ตาม การอนุโมทนาสาธุ คือการร่วมยินดีในบุญของผู้อื่นนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นบุญที่ทำได้ง่าย ๆ อย่างตื้นเขิน หากแต่บุญจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามีความศรัทธาเลื่อมใสในบุญของผู้อื่นอย่างแท้จริงเท่านั้น เพราะการร่วมยินดีกับผู้อื่นอย่างแท้จริง ย่อมช่วยชำระความอิจฉาริษยาในใจของเราให้หมดสิ้นไป และยิ่งเรายินดีกับผู้อื่นได้มากเท่าไร ความอิจฉาริษยา อยากชิงดีชิงเด่นในใจก็จะจางหายไปมากเท่านั้น
    .
    กล่าวคือ เราต้องร่วมอนุโมทนาให้ได้ด้วยใจที่บริสุทธิ์เป็นกลาง ปราศจาความยึดมั่นถือมั่น และความทะยานอยากอย่างสิ้นเชิง และความยินดีนั้นต้องไม่ได้เจือปนด้วยความคิดเชิงเปรียบเทียบว่า เขาดีกว่า เสมอกัน หรือแย่ไปกว่าเราแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่นับว่าเป็นบุญนั้นก็คือจิตที่บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสนั่นเอง
    .
    ดังนั้น หากเรามีจิตที่แปดเปื้อนด้วยกิเลส ไม่ว่าจะเป็นความคิดเชิงเปรียบเทียบ ค่อนแคะ หรือหมั่นไส้เกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย บุญข้อนี้ก็จะหมดลงในทันที ด้วยเหตุนี้การจะชื่นชมยินดีผู้อื่นได้ อย่างเต็มใจจึงเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อเราได้ฝึกจิตใจของตนเองให้มั่นคงและหนักแน่นเพียงพอแล้วเท่านั้น
    .
    นอกจากนั้น อานิสงส์อีกประการหนึ่งของการอนุโมทนาบุญก็คือ เมื่อเรายินดีในความดีของผู้อื่นบ่อยครั้งเข้า เราก็จะมีจิตฝักใฝ่ในการทำความดีด้วยตัวเองมากขึ้น บุญข้อนี้จึงเท่ากับเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการทำความดีของคนเรานั่นเอง
    .
    ที่มาจาก : หนังสืออมรินทร์ธรรมะ คู่มือทำบุญ โดย ศรัณยู นกแก้ว สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ
    .
    ที่มา https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/46380.html
    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    วันเทคโนโลยีของไทย
    วันที่ 19 ตุลาคม
    .
    ฝนหลวง
    .
    โพสโดย Thin Thin Chinnapha
    วันที่ 19 ตุลาคม 2563 เวลา 9.49 น.
    .
    โพสต์นี้จะว่าด้วยคำกล่าวหาที่ว่า
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ “ก๊อป” ฝนเทียมนะครับ
    .
    “ฝนหลวง” คือกรรมวิธีในการทำให้ฝนตก
    สิทธิบัตรคือ “กรรมวิธี” ไม่ได้บอกว่าเป็นผู้คิดค้น “ฝนเทียม” คนแรก
    แปลสั้น ๆ คือโมเดลของพระองค์เพิ่มประสิทธิภาพครับ
    .
    นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศมาขอศึกษาและนำไปใช้เพราะวิธีของพระองค์ท่านค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เช่น จอร์แดน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกา เป็นต้น
    .
    การพูดว่า “ก๊อป” คือคิดไปเองครับ
    .
    ................
    .
    1. ต้องเล่าที่มาก่อนว่าผู้ที่คิดค้น “ฝนเทียม” คือ ฝรั่งสองคนที่ชื่อวินเซนต์ เชฟเฟอร์ และเออร์วิง ลองมัวร์ โดยเริ่มในปี ค.ศ.1946/2489
    .
    2. โดยพวกเขาเชื่อว่าสามารถกระตุ้นให้เกิดฝนได้โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ พวกเขาเติม Silver Iodide แทนน้ำแข็งแห้งซึ่งเป็นอนุภาคขนาดเล็กทำให้เมฆเย็นเหนือจุดเยือกแข็งและโปรยอนุภาคนี้ลงมาจากเครื่องบินหรือปล่อยให้ลมหอบขึ้นไปซึ่งสารนี้ก็จะไปทำให้เกิดการควบแน่นขึ้นและหนักมากพอจนตกลงมาเป็นฝน
    .
    3. ซึ่งย่อยอย่างง่าย ๆ ก็คือเป็นการระหว่าง “ปล่อยให้ลมหอบไป” กับ “ลงไปปล่อยลงมา” ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้เข้มาเป็นกษัตริย์ในระบอบใหม่อย่างเต็มตัวและโตแล้ว ในระหว่างที่เสด็จเยือนที่ภาคอีสานตอนปี พ.ศ.2498 จึงเกิดความคิดว่าจะทำอย่างไรให้ “ฝนตกลงสู่พื้นที่แห้งแล้ง” แต่ไม่ใช่นึกแล้วทำปุ๊บจดสิทธิบัตรปั๊บนะครับ เพราะการทดลองครั้งแรกของการทำ “ฝนหลวง” คือในปี พ.ศ.2512 โดยเริ่มที่นครราชสีมาโดยการโรยน้ำแข็งแห้งก็ปรากฏว่ามีฝนตก ต่อมาเปลี่ยนที่ทดลองไปที่ประจวบฯ
    .
    4. โดยการพ่นละอองน้ำพร่อมโปรยน้ำแข็งแห้งและใช้เครื่องบินอีกชุดพ่นจากพื้นดิน สังเกตนะครับว่าใช้วิธีแบบที่ผมกล่าวไปข้างบนตอนแรกร่วมกัน ต่อมาพระองค์ยังได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสูตรที่ใช้อีกหลายครั้งจนในปี พ.ศ. 2516 พระองค์ก็คิดค้นวิธีการทำ “แซนด์วิช” ได้สำเร็จ มันคือ คือ ก่อกวน เลี้ยงอ้วน และโจมตี เป็นสามขั้นตอนในการทำให้ฝนไปตกในพื้นที่เป้าหมายอย่างหวังผลแม่นยำ แต่อย่างไรก็ตามพระองค์มีพระราชกระแสต่อว่าจำเป็นต้องพัฒนาต่อไปอีก เพราะการพัฒนาไม่มีที่สิ้นสุด
    .
    5. ซึ่งตรงนี้ควรกล่าวด้วยว่าประเทศไทยเราโชคดีที่สภาพภูมิอากาศมีความชื้นสูงและจะกลายเป็นเหตุผลอีกอย่างที่ทำให้เกิดการจดสิทธิบัตรสำเร็จเพราะมันทำได้ผลกว่า
    .
    6. ต่อมาหลังจากใช้เวลาพัฒนากว่า 40 ปี ในปีพ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดภาวะแล้งอย่างหนักพระองค์จึงกลับมาปัดฝุ่นเรื่อง “ฝนหลวง” อีกรอบโดยครั้งนี้ปรับปรุงจากการที่ ก่อกวน เลี้ยงอ้วน และโจมตีขึ้นมาอีกเป็น 6 ขั้นตอน คือเพิ่ม การเสริมโจมตี โจมตีแบบเมฆเย็น และโจมตีแบบซูเปอร์แซนด์วิช (ผมขอละเว้นเรื่องทางเทคนิคไว้นะครับ) ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือ Super Sandwich อันสุดท้ายนี่แหละครับ ซึ่งตรงนี้ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญไม่ใช่การโปรยสารอย่างเดียว
    .
    7. มันคือเทคนิคการโจมตีเมฆอุ่นและเมฆเย็นพร้อมกันในกลุ่มเมฆเดียวกัน (เดิมทีทำกับเมฆอุ่นอย่างเดียว) หลังจาก “ฝนหลวง”ถูกใช้ช่วยภัยแล้งในปี พ.ศ. 2542 พระองค์จึงเห็นว่าการพัฒนามาเกือบ 50 ปี นี้เอาไปจดสิทธิบัตรดีกว่า ซึ่ง Super Sandwich คือสิ่งที่พระองค์คิดนะครับ ไม่ได้มีใครทำมาก่อนหน้า
    .
    8. ดังนั้นการยื่นจดสิทธิบัตรจึงเริ่มในช่วงนั้น และได้รับในปี พ.ศ.2545 ทีนี้แล้วทำไมถึงจดได้ในเมื่อมีคนทำมาก่อนนี่นา? คำตอบก็คือมันเป็น “กรรมวิธี” ครับ และกรรมวิธีนี้คือกรรมวิธีใหม่ ผมจะขอเล่าถึงกระบวนการจดสิทธิบัตรก่อน ในการจดสิทธิบัตรนั้นจะมีอยู่สามแบบ คือ ผลิตภันฑ์ (product) กรรมวิธี (process) และการทำให้อย่างใดอย่างหนึ่งดีขึ้น (improvement of known product or process) ซึ่งจะแบ่งออกเป็น “สิทธิบัตร” และ “อนุสิทธิบัตร” แบบสิทธิบัตรมีเงื่อนไขคือต้องประดิษฐ์ขึ้นใหม่ มีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น
    .
    9. และสามารถปรยุกต์ใช้ทางอุตสาหกรรม ส่วนอนุสิทธิบัตรนั้นก็เหมือนกันแต่ตัดขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้นออกไป สิ่งที่พระองค์คิดมาเป็น “กรรมวิธี” ซึ่งยื่นจดได้ โดยในตอนแรกพระองค์จดกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาในไทย ต่อมาพระองค์ได้จดทะเบียในสหรัฐฯ ด้วย
    .
    10. หมายเลขการจัดสิทธิบัตรในไทยคือ 13898 การดัดแปรสภาพอากาศเพื่อให้เกิดฝน (ฝนหลวง) จดในสหรัฐฯ คือ Weather modification by royal rainmaking technology (รหัส US20050056705A1) และต่อมาสำนักสิทธิบัตรยุโรปก็ถวายสิทธิบัตรให้ (ไม่ได้ไปจดนะครับ ยุโรปถวายให้) รหัส EP1491088B1 เทคนิคของพระองค์ได้รับการเผยแพร่และเป็นที่ยอมรับในหมู่นักวิทยาศาสตร์ องค์กรและสถาบันที่มีกิจกรรมการดัดแปรสภาพอากาศวิทยาศาสตร์และอุตุนิยมวิทยาทั้งในระดับนานาชาติและระดับโลก และร่วมจัดแสดงในงานนิทรรศการ Brussels Eureka 2001
    .
    11. การยื่นคำขอจดสิทธิบัตรต่อสำนักงานสิทธิบัตรทั้งใน และต่างประเทศดังกล่าวต่างมีขั้นตอนและกระบวนการตรวจสอบ และค้นหากับสำนักงานสิทธิบัตรทั่วโลกว่ามีการซ้ำซ้อนหรือมีการจดสิทธิบัตรมาก่อนหรือไม่ เป็นนวัตกรรมใหม่หรือเป็นแนวคิดใหม่หรือไม่
    .
    12. ฉะนั้นสิทธิบัตรที่ได้รับจากสำนักงานสิทธิบัตรต่างประเทศ จึงได้รับการกลั่นกรองและเผยแพร่สู่การรับรู้ของสำนักงานสิทธิบัตรทั่วโลกโดยปริยาย โดยเฉพาะประเทศสมาชิกขององค์กรการอุตุตนิยมวิทยาโลก 181 ประเทศ
    .
    13. สหรัฐฯ เองก็มีความสนใจในสิ่งที่พระองค์ทำนะครับ โดยกระทรวงมหาดไทยสหรัฐฯ จัดทำรายงาน Thailand Applied Atmospheric Research Program ขึ้นมาศึกษาอย่างจริงและยังมีงานวิจัย เช่น Results of the Thailand Warm-Cloud Hygroscopic Particle Seeding Experiment ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ เช่น Journal of Applied Meteorology and Climatology ซึ่งระบุว่า “ The evaluation of the Thailand warm-rain enhancement experiment has provided statistically significant evidence and supporting physical evidence that the seeding of warm convective clouds with calcium chloride particles produced more rain than was produced by their unseeded counterparts. An exploratory analysis of the time evolution of the seeding effects resulted in a significant revision to the seeding conceptual model.”
    .
    ที่มา Jitta O. Tunho
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ฝนหลวง โพสโดย โบราณนานมา
    .
    โบราณนานมา
    20 ตุลาคม 2563
    .
    ว่าด้วยเรื่อง “ฝนหลวง” ที่ถูกคนบางกลุ่มบิดเบือน
    .
    สืบเนื่องจากตอนนี้มีคนบางกลุ่มได้โพสต์บิดเบือนเกี่ยวกับเรื่อง “ฝนหลวง” ว่าในหลวง รัชกาลที่ ๙ ไม่ได้คิดขึ้นเอง ได้ “ก๊อป” แนวคิด “ฝนเทียม” ของต่างชาติมาแล้วเอามาจด “สิทธิบัตร”
    ย้อนไปในปี ๒๔๘๙ วินเซนต์ เชฟเฟอร์ และเออร์วิง ลองมัวร์ เริ่มทดลอง “ฝนเทียม” โดยพวกเขาเชื่อว่าสามารถกระตุ้นให้เกิดฝนได้โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ พวกเขาเติม Silver Iodide แทนน้ำแข็งแห้งซึ่งเป็นอนุภาคขนาดเล็กทำให้เมฆเย็นเหนือจุดเยือกแข็ง และโปรยอนุภาคนี้ลงมาจากเครื่องบินหรือปล่อยให้ลมหอบขึ้นไปซึ่งสารนี้ก็จะไปทำให้เกิดการควบแน่นขึ้นและหนักมากพอจนตกลงมาเป็นฝน ซึ่งย่อยอย่างง่าย ๆ ก็คือเป็นการระหว่าง “ปล่อยให้ลมหอบไป” กับ “ลงไปปล่อยลงมา”
    .
    หลังจากการทดลองผ่านไป ก็ไม่มีการใช้งานจริงในเชิงเกษตรกรรม
    จนเมื่อปี ๒๔๙๘ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรในภาคอีสาน ได้ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อนทุกข์ยากของราษฎรและเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและการเกษตร
    .
    “...แต่มาเงยดูท้องฟ้ามีเมฆ ทำไมมีเมฆ อย่างนี้ทำไมจะดึงเมฆนี่ให้ลงมาได้ ก็เคยได้ยินเรื่องทำฝนก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์ ฝนทำได้ มีหนังสือ เคยอ่านหนังสือทำได้...”
    พระราชดำรัสในหลวง รัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๒๙ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกร เมื่อปี ๒๔๙๘
    .
    ในตอนนั้นพระองค์จึงเกิดพระราชดำริว่าจะทำอย่างไรให้ “ฝนตกลงสู่พื้นที่แห้งแล้ง” แต่ไม่ใช่มีพระราชดำริแล้วทำและจดสิทธิบัตรทันที เพราะการทดลองครั้งแรกของการทำ “ฝนเทียม” ที่ชื่อโครงการ “ฝนหลวง” คือในปี ๒๕๑๒ โดยเริ่มที่จังหวัดนครราชสีมา โดยการโรยน้ำแข็งแห้งก็ปรากฏว่ามีฝนตก ต่อมาเปลี่ยนที่ทดลองไปที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
    .
    ทดลองโดยการพ่นละอองน้ำพร้อมโปรยน้ำแข็งแห้ง และใช้เครื่องบินอีกชุดพ่นจากพื้นดิน โดยพระองค์ใช้วิธีแบบที่กล่าวไปข้างต้นตอนแรกร่วมกัน ต่อมาพระองค์ยังได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสูตรที่ใช้อีกหลายครั้งจนในปี ๒๕๑๖ พระองค์ก็คิดค้นวิธีการทำ “แซนด์วิช (Sandwich)” ได้สำเร็จ นั่นคือ คือ ก่อกวน เลี้ยงอ้วน และโจมตี เป็น ๓ ขั้นตอนในการทำให้ฝนไปตกในพื้นที่เป้าหมายอย่างหวังผลแม่นยำ แต่อย่างไรก็ตามพระองค์มีพระราชกระแสต่อว่าจำเป็นต้องพัฒนาต่อไปอีก เพราะการพัฒนาไม่มีที่สิ้นสุด
    .
    ซึ่งตรงนี้ควรกล่าวด้วยว่าประเทศไทยเราโชคดีที่สภาพภูมิอากาศมีความชื้นสูงและจะกลายเป็นเหตุผลอีกอย่างที่ทำให้เกิดการจดสิทธิบัตรสำเร็จเพราะมันทำได้ผลกว่า
    .
    ต่อมาหลังจากใช้เวลาพัฒนากว่า ๔๐ ปี ในปี ๒๕๔๒ เกิดภาวะแห้งแล้งรุนแรงในขั้นวิกฤติ โปรดเกล้าฯ ให้ทบทวนเทคนิคที่ทรงประดิษฐ์คิดค้นที่เคยใช้ปฏิบัติการที่ได้ผลมาแล้ว และพระราชทานให้ใช้เสริมการประยุกต์เทคโนโลยีฝนหลวงให้สัมฤทธิ์ผลยิ่งขึ้น โดยให้สภาวะแห้งคลายความรุนแรงลง จนคืนเข้าสู่สภาวะปกติได้อย่างสิ้นเชิงในระยะเวลาอันสั้น ในระหว่างการปฏิบัติการสู้ภัยแล้งนี้ ทรงประดิษฐ์คิดค้นเทคนิคควบคู่ไปด้วย
    .
    โดยโปรดเกล้าฯ ให้นำเทคโนโลยีการทำฝนในส่วนของเมฆเย็นที่ทดสอบได้ผลแล้ว ร่วมกับเทคโนโลยีฝนหลวงจากเมฆอุ่น พร้อมทั้งพัฒนาเทคนิคการโจมตีเมฆอุ่นและเมฆเย็นในขณะเดียวกันได้อย่างสัมฤทธิ์ผล สามารถชักนำฝนให้ตกลงสู่พื้นที่เป้าหมายหวังผลได้อย่างแม่นยำและเพิ่มปริมาณฝนสูงยิ่งขึ้น
    .
    โปรดเกล้าฯ ให้เรียกเทคนิคที่ทรงประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาใหม่ว่า เทคนิคการโจมตีแบบ “ซูเปอร์แซนด์วิช (Super Sandwich)” เทคโนโลยีฝนหลวงจึงได้รับการพัฒนาจาก ๓ ขั้นตอนเป็น ๖ ขั้นตอน
    .
    มีการพัฒนา “ฝนหลวง” มาเกือบ ๕๐ ปี พระองค์ทรงเห็นสมควรให้ขอจดสิทธิบัตรเทคโนโลยี “ฝนหลวง” ซึ่งรวมทั้งเทคนิคต่าง ๆ ที่ทรงประดิษฐ์คิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งเทคนิคในการโจมตีแบบ “ซูเปอร์แซนด์วิช (Super Sandwich)” นี่คือสิ่งที่พระองค์คิดค้นเองไม่ได้มีใครทำมาก่อนหน้านั้น
    .
    ดังนั้น การยื่นจดสิทธิบัตร “ฝนหลวง” ด้วยเทคนิค “ซูเปอร์แซนด์วิช (Super Sandwich)” จึงเริ่มในช่วงนั้น และได้รับในปี ๒๕๔๕ คำถาม คือ “ฝนเทียม” ที่มีมาก่อนหน้านี้เกือบ ๖๐ ปี แล้วทำไม “ฝนหลวง” ของพระองค์ถึงยื่นจดสิทธิบัตรได้ คำตอบก็คือ มันเป็น “กรรมวิธี” หรือ “เทคนิค” และกรรมวิธีนี้คือกรรมวิธีใหม่
    .
    หมายเลขการจัดสิทธิบัตร “ฝนหลวง” ในไทยคือ ๑๓๘๙๘ การดัดแปรสภาพอากาศเพื่อให้เกิดฝน (ฝนหลวง) จดในสหรัฐอเมริกา คือ Weather modification by royal rainmaking technology (รหัส US20050056705A1) และต่อมาสำนักสิทธิบัตรยุโรปก็ถวายสิทธิบัตรให้ รหัส EP1491088B1 เทคนิคของพระองค์ได้รับการเผยแพร่และเป็นที่ยอมรับในหมู่นักวิทยาศาสตร์ องค์กรและสถาบันที่มีกิจกรรมการดัดแปรสภาพอากาศวิทยาศาสตร์และอุตุนิยมวิทยาทั้งในระดับนานาชาติและระดับโลก และร่วมจัดแสดงในงานนิทรรศการ Brussels Eureka 2001
    .
    การยื่นคำขอจดสิทธิบัตรต่อสำนักงานสิทธิบัตรทั้งใน และต่างประเทศดังกล่าวต่างมีขั้นตอนและกระบวนการตรวจสอบ และค้นหากับสำนักงานสิทธิบัตรทั่วโลกว่ามีการซ้ำซ้อนหรือมีการจดสิทธิบัตรมาก่อนหรือไม่ เป็นนวัตกรรมใหม่หรือเป็นแนวคิดใหม่หรือไม่
    .
    ฉะนั้นสิทธิบัตรที่ได้รับจากสำนักงานสิทธิบัตรต่างประเทศ จึงได้รับการกลั่นกรองและเผยแพร่สู่การรับรู้ของสำนักงานสิทธิบัตรทั่วโลกโดยปริยาย โดยเฉพาะประเทศสมาชิกขององค์กรการอุตุตนิยมวิทยาโลก ๑๘๑ ประเทศ
    .
    ดังนั้น การพูดว่า “ก๊อป” คือคิดไปเอง โมเดลของพระองค์เพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศมาขอศึกษาและนำไปใช้เพราะวิธีของเรามค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เช่น จอร์แดน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกา
    .
    “ฝนหลวง” คือกรรมวิธีในการทำให้ฝนตก สิทธิบัตรคือ “กรรมวิธี” ไม่ได้บอกว่าพระองค์เป็นผู้คิดค้น “ฝนเทียม” คนแรก
    .
    ที่มา เว็บไซต์มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
    .
    สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
    และบทความจากเฟซบุ๊ก Jittra O. Tunho
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563
    ขอเรียนเชิญทุกท่าน ไปร่วมงานทำบุญที่วัดป่าภัทรปิยาราม กัน
    .
    งานผ้าป่าหล่อยอดสัมฤทธิ์ พระอุโบสถเจดีย์ วัดป่าภัทรปิยาราม
    .
    และพุทธาเทวาภิเษก เจริญพระพุทธสมโภช
    .
    1f31f.png สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อนำไปประดิษฐานที่

    กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ ๑ กองทัพภาค ๑ กรุงเทพมหานคร

    กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ ๒ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ นครราชสีมา

    กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ ๓ ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ พิษณุโลก

    กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ ๔ ค่ายวชิราวุธ นครศรีธรรมราช

    .
    1f31f.png สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

    กรมต่อสู้อากาศยานที่ ๑ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ

    .
    1f31f.png พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

    เพื่อนำไปประดิษฐานที่
    เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยาน เสด็จในกรมหลวงชุมพร “ด้านทิศเหนือ ตอนบน” ประจวบคีรีขันธ์
    .
    .
    .
    ขอโมทนาบุญกับ ทุกๆท่านด้วยที่ร่วมทำบุญผ้าป่าหล่อยอดสัมฤทธิ์ พระอุโบสถเจดีย์ วัดป่าภัทรปิยาราม ครับ
    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ
    .
    .*************************************.
    .
    #หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ
    .
    #หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ตีนโต
    .
    #หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพธิ์
    .
    #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี
    .
    #หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
    .
    #หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์
    .
    #หลวงปู่เทพโลกอุดร
    .
    #หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
    .
    #คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
    .
    #สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
    .
    #หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ
    .
    #พระอาจารย์ณริชธันร์ศรีอิทธิมนต์
    .
    #วัดป่าภัทรปิยาราม ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี
    .
    #อรุโณโลกุตตระ
    .
    #ชมรมพระวังหน้า
    .
    #พระวังหน้า
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    มีลูกค้าท่านหนึ่งที่เคยขอรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชจากผม ไปบูชาที่บ้าน
    วันนี้ แจ้งมาว่า ขอวิธีการบูชาอีกครั้ง ผมก็เลยเขียนเรื่องราวการบูชาองค์พยามัจจุราชเจ้าให้อีกครั้ง ครับ
    .
    .
    .
    การบูชาองค์พยามัจจุราชเจ้า
    .
    จุดธูป 9 ดอก
    .
    คำบูชา
    .
    นโม 3 จบ
    .
    ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ จิตตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ
    .
    ขอให้สัตว์โลกทั้งหลายใน 3 ภพ จงพ้นจากภัยพิบัติและเคราะห์กรรมทั้งปวงเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    (พระคาถาพญายม ประชุมกับ พระอินทร์ พระพรหม ให้มีคาถาบทนี้ ไว้ช่วยคนให้รอดพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบาก และภัยพิบัติทั้งปวง)
    .
    น้ำที่ใช้ถวาย ขอให้เป็นน้ำเปล่าก็ได้ หรือ เป็นน้ำชาก็ได้ แต่เป็นน้ำเปล่าเย็นๆ หรือ น้ำชาเย็นๆ ใส่น้ำแข็งได้ยิ่งดี
    .
    พวงมาลัย หรือ ดอกไม้ที่ถวาย ขอให้เป็นดอกมะลิ , ดอกรัก , ดอกกุหลาบ หรือดอกไม้อื่นๆ ก็ได้
    ยกเว้น ดอกดาวเรือง เพราะว่า ดอกไม้ชนิดเดียวที่ขึ้นอยู่ในนรก มีลักษณะเหมือนกับดอกดาวเรือง
    .
    ส่วนตัว ไม่เคยใช้ดอกดาวเรืองไหว้พระมาสิบกว่าปีแล้ว
    .
    พยามัจจุราชเจ้า ชื่อนี้เป็นตำแหน่ง ที่ผู้ที่จะไปเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต จะต้องมาดำรงตำแหน่งนี้เสมอ
    .
    เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ผมได้รู้จักกับบุคคลญาณลาภีท่านนึง ผมขอเรียกชื่อท่านในที่นี้ว่า พี่ใหญ่ (ปัจจุบันนี้ ผมเคารพท่านเป็นครูบาอาจารย์) ท่านเป็นผู้ที่ปฎิบัติสมาธิมาเป็นอย่างดี กระทั่งสามารถถอดจิตออกไปยังที่ต่างๆไป แม้แต่ไปที่นรก ในเรื่องนี้ มีผู้ที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ไม่ว่าจะเป็นฆารวาส หรือ พระภิกษุ ท่านรับรองในเรื่องนี้
    .
    หลังจากนั้น ผมเองมีความรู้สึกว่า อยากบูชาองค์พยามัจจุราชเจ้า ผมจึงไปเดินหารูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าที่ท่าพระจันทร์ ปรากฎว่า ผมได้มาหลายองค์ ผมจึงนำรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า ไปขอให้พี่ใหญ่ อาราธนาองค์พยามัจจุราชเจ้า มาอธิษฐานจิตรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า
    .
    ต่อมา ผมไปรับรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า พี่ใหญ่เล่าให้ฟังว่า องค์พยามัจจุราชเจ้า ท่านมาบอกกับพี่ใหญ่ว่า ของๆท่านกันผีกะวะราดได้ แต่กันคนของท่านไม่ได้ และ หากมีรูปหล่อลอยองค์ขององค์พยามัจจุราชเจ้า เหมือนกับมีโทรศัพท์ส่วนตัวที่สามารถโทร.(บอก)ท่านได้ตลอดเวลา เพียงแต่ถ้าเราไม่ได้ฝึกฝนและนั่งสมาธิมาอย่างดีแล้ว เราไม่สามารถที่จะรับรู้และติดต่อกับองค์พยามัจจุราชเจ้าได้
    .
    รูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า ในชุดนี้ จะมีท่านยมทูตมาอยู่ประจำในองค์ท่านเสมอ แต่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา
    .
    สำหรับท่านใดที่มีรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าชุดนี้ เวลาที่ทำบุญ สามารถอาราธนา องค์พยามัจจุราชเจ้า , นายนิริยบาลทั้ง 8 ท่าน และ ท่านยมทูตทุกๆท่าน มาเป็นสักขีพยานบุญ และร่วมโมทนาบุญในการที่หลายๆท่านได้ทำบุญในวาระต่างๆ
    .
    อีกเรื่อง หากไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องใดๆก็ตาม ก็สามารถขอความเป็นธรรมต่อองค์พยามัจจุราชได้เช่นกัน ขอให้ท่านมาเป็นสักขีพยานในการกระทำของบุคคลต่างๆที่กระทำไม่ดีต่อตัวเรา และขอองค์พยามัจจุราชเจ้าตัดสินในการกระทำของบุคคลต่างๆตามหลักกฎแห่งกรรม ตามหลักของธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    .
    ในการทำบุญทุกครั้ง หากเรามีรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าที่ผมให้ไปแล้วนั้น เราสามารถที่จะอัญเชิญพระองค์ท่านมาร่วมโมทนาบุญและเป็นพยานบุญให้กับเรา ในบุญที่เรากระทำในทุกๆครั้งได้
    .
    สาเหตุที่จำเป็นต้องอัญเชิญพระองค์ท่านมาร่วมโมทนาบุญและเป็นพยานบุญให้กับเรา เนื่องจากว่า หากเราเสียชีวิตไป ไม่ว่าการเสียชีวิตจะเสียชีวิตอย่างไร วิญญาณของเราไม่สามารถจดจำบุญต่างๆที่เราได้เคยกระทำไว้ได้เลย
    .
    การเสียชีวิตโดยปกติแล้ว จิตก่อนที่จะเสียชีวิต จะนำเรื่องราวต่างๆที่เราได้เคยกระทำไว้ นำกลับมาให้เราได้เห็น เหมือนกับเราดูภาพยนต์ หากจิตของเรานำเรื่องที่ไม่ดี นำมาให้เราได้เห็น เราจะไปอบายภูมิทันที
    .
    หรือ หากเราเสียชีวิต(ที่ถึงเวลาที่ต้องเสียชีวิต) เราต้องไปตามผลของบุญและกรรมที่เราได้กระทำไว้ โดยอาจจะไปยังนรกภูมิ ไปพบกับองค์พยามัจจุราชเจ้า พระองค์ท่านมีคำถามที่มาถามเรา ซึ่งในเวลานั้น หากจิตที่ไม่ได้มีการนั่งวิปัสนากรรมฐานมา จิตไม่สามารถจดจำในบุญต่างๆที่เราทำได้ หากเมื่อก่อนที่เราได้เคยอัญเชิญพระองค์ท่านมาร่วมโมทนาบุญ และ เป็นพยานบุญ พระองค์ท่านจะเป็นพยานให้กับเราได้ว่า เราเคยทำบุญอะไรมาบ้าง ก่อนที่พระองค์ท่านจะเป็นผู้ที่พิจารณาในบุญและกรรมของเราอีกครั้ง
    .
    ที่สำคัญ วิญญาณไม่สามารถโกหกในเรื่องของบุญและ่บาป ต่อหน้าองค์พยามัจจุราชเจ้าได้เลย
    .
    ขอเพิ่มเติม หากท่านใดที่ได้รับรูปหล่อลอยองค์พระยามัจจุราชเจ้า (ที่ผมได้นำก้อนดิน และ เม็ดข้าว ใส่ใต้ฐานไปด้วย)
    .
    การบูชา พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ
    .
    จุดธูป 9 ดอก
    .
    คำบูชา (บทสวดและการอธิษฐานขอในเรื่องต่างๆ)
    ผมใช้ภาษาไทย ที่เป็นเรื่องของการมีกตัญญูกตเวทิตา หรือเรื่องอื่นๆ ต่อ พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ (การขอในเรื่องต่างๆ ต้องไม่เกินกรรมของตนเอง)
    .
    ส่วนตัวผมเอง ผมถวายน้ำชา(จีน)ร้อนๆ ครับ
    .
    แต่สำหรับรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชชุดนี้บางส่วน ผมบรรจุก้อนดินเล็กๆ และ เม็ดข้าวสาร (ที่ผมได้เคยขอให้พระภิกษุรูปหนึ่ง อาราธนา พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ อธิษฐานจิต) ใส่ในใต้ฐานรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า ด้วย
    .
    ดังนั้น หากท่านใดที่มีรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้าที่ผมได้บรรจุก้อนดิน และเม็ดข้าวสาร ในชุดนี้ นอกเหนือจากการอาราธนาองค์พยามัจจุราชเจ้า , นายนิริยบาลทั้ง 8 ท่าน และ ท่านยมทูตทุกๆท่านแล้ว ยังสามารถอาราธนา พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา และ พระแม่โพสพ มาเป็นสักขีพยานได้เช่นกัน
    .
    เขียนเมื่อ 12 ธันวาคม 2563
    .

    ขอนำเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเคยเทศนาสอนไว้ นำมาให้อ่านกัน
    .
    .
    .
    'บุญชายผ้าเหลืองลูกชายทำให้พ่อแม่ตายไปไม่ตกนรก' โอวาทธรรม 'หลวงพ่อฤาษีลิงดำ'
    .
    วันศุกร์ ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 19.40 น.
    .
    ตัวอย่างในพระสูตรที่มีมาในเรื่องของเณรสุบิน ท่านกล่าวว่า เณรสุบินคนนี้ปรากฏว่า บิดามารดาเป็นพราน แต่ว่าลูกชายมีจิตเลื่อมใสในศาสนาขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มีคติไม่ตรงกัน
    .
    พ่อชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม่ก็มีอารมณ์จิตเหมือนกันพ่อ แต่ว่าสำหรับลูกชายกลับเป็นคนที่มีจิตน้อมไปในกุศล ในพระพุทธศาสนา หนีพ่อหนีแม่ไปบรรพชาเป็นสามเณร
    .
    เป็นอันว่าพ่อแม่สามเณรไม่มีโอกาสจะพบกัน... ต่อมาเมื่อกาลเวลาเข้ามาถึง พ่อและแม่ก็ตายจากความเป็นคน ด้วยอำนาจกรรมที่เป็นอกุศล พระยายมก็สั่งคนมาเชิญไปเป็นแขกรับเชิญ คือ เชิญไปในขุมนรก เชิญไปในสำนักพระยายม ก็สอบสวนตามความเป็นจริงว่า ทำกรรมที่เป็นอกุศลอะไรบ้าง
    .
    แกก็รับทุกอย่างว่า ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตั้งแต่สัตว์เล็กถึงสัตว์ใหญ่ อาศัยกฎของกรรมอันนี้ ก็ปรากฏว่า ท่านทั้งสองต้องลงนรก เขาจึงนำไป เมื่อนำไปแล้ว ตามธรรมดาสัตว์นรกที่มีกรรมที่เป็นอกุศลทั้งหมด เมื่อเข้าเขตของนรกแล้วก็ต้องลงขุมได้ทันที
    .
    แต่ว่าบิดาและมารดาของสามเณรนี้ลงไม่ได้ นายนิรยบาลจึงจับโยนลงไปเข้าขุมนรก ก็ปรากฏว่า มีหวายใหญ่มารองรับ เป็นหวายร่างแหรองรับเข้าไว้ ไม่ตกลงไปในนรก
    .
    ทำอย่างนี้ถึง ๓ วาระ คนทั้งสองคนลงนรกไม่ได้ เพราะอะไร...เพราะว่าในเมื่อพ่อและแม่เห็นแสงไฟก็คิดขึ้นมาในใจว่า แสงไฟนี้คล้ายจีวรของพ่อเณรน้อย เพราะว่าเณรไปบวช ทราบว่าบวช ก็ไปทวงให้สึก เณรไม่สึกเห็นภาพเณรเพียงนิดเดียวเท่านั้น จิตใจนึกขึ้นมาได้ว่า เณรลูกชายของเรามีสีจีวรคล้ายเปลวไฟ เพราะไฟบางตอนมันมีสีเหลือง จิตคิดเป็นอย่างนี้ เป็นอันว่าบิดามารดาทั้งสองศรีลงนรกไม่ได้ นายนิรยบาลก็กลับนำมาสำนักพระยายม
    .
    พระยายมก็สอบถามว่า "กรรมใดที่เป็นกุศลน่ะ ท่านไม่เคยทำบ้างเลยหรือ?" สำหรับบิดามารดาของสามเณรก็กล่าวว่า "กรรมใดๆ ที่เป็นกุศล ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งถึงตาย ไม่เคยทำมีอย่างเดียว คือ มีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อ สุบิน เธอไม่พอใจในการทำอกุศลกรรมความชั่ว สอนให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเธอก็ไม่ทำ ในที่สุดเธอก็หนีไปบวชเป็นสามเณรน้อยในพระพุทธศาสนา"
    .
    เป็นอันว่าพระยายมก็ทราบว่า นี่บุญลูกชายบวชเณร ท่านจึงกล่าวว่า "ในเมื่อลูกชายบวชเณร เราสอบสวนในตอนก่อน ทำไมเจ้าจึงไม่บอก?" บิดามารดาของสามเณรบอกว่า "นึกไม่ออก เพราะกรรมที่เป็นอกุศลบัง มันกดปากเข้าไว้ บังใจไม่ให้นึกถึง"
    .
    เป็นอันว่าในเมื่อพระยายมทราบอย่างนั้น จึงได้กล่าวว่า เพราะอำนาจกุศล ที่ลูกชายของท่านบวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา จึงเป็นเหตุบันดาลให้ลงในขุมนรกไม่ได้ ฉะนั้น ท่านจงได้รับผลของกรรม คือ ความดีต่อไป
    .
    ก็หมายความว่า ไปเกิดบนสวรรค์ นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ที่องค์สมเด็จสวัสดิโสภาคย์แสดงให้เห็นว่า ท่านทั้งหลายที่มีบุตรชายบวชเป็นสามเณรก็ดีบวชเป็นพระก็ดี ในพระพุทธศาสนา แม้แต่ว่าท่านจะไม่ยินดีหรือไม่ทราบ ท่านก็มีอานิสงส์มาก
    .
    คัดลอกเนื้อหามาจาก หนังสือ การอุทิศส่วนกุศล หน้า ๒๙-๓๑ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) (ลานธรรมจักร)
    .
    ที่มาของบทความ naewna
    .
    s001.jpg
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    มาเล่าเรื่องให้ฟังกัน พอได้รับทราบเรื่องราว ต้องนำมาโพสให้ได้มีความเห็นที่ถูกต้อง
    .
    ว่าด้วยเรื่อง ค.ว.ย.
    .
    ค. คือ คิด
    ว. คือ วิเคราะห์
    ย. คือ แยกแยะ
    .
    มีสถานที่ทำงานที่หนึ่ง คือ บริษัท เกรียงไกร จำกัด(มหาชน)
    .
    ในที่ทำงานแห่งนี้ มี 3 แผนก คือ
    1.แผนกถีบหัว
    2.แผนกเกื้อกูล
    3.แผนกบักบื้อ
    .
    แต่เนื่องจากเกิด Covid19 ทางบริษัทฯ ก็เลยมีการจัดทำแผนการทำงานขึ้น โดยแบ่งคนไปทำงานอีกสถานที่หนึ่ง หากเกิดการระบาดที่บริษัทฯ ก็ยังคงมีพนักงานที่ทำงานอีกสถานที่หนึ่ง ยังสามารถทำงานได้
    .
    วันที่ 30 ธันวาคม 2563 เป็นวันที่มีการเลี้ยงปีใหม่ แต่เนื่องจากเกิด Covid19 ขึ้นมา ก็เลยมีการสั่งอาหาร โดยสั่งมาเป็นกล่องแล้วนำไปแจกเป็นรายคน โดยมีการเลี้ยงกลางวัน
    .
    ปรากฎว่า มีการนำอาหาร(กล่อง) ไปส่งยังสถานที่ทำงานอีกแห่งหนึ่ง โดยไปถึงตอน 13.00 น. (ย้ำว่า เลี้ยงอาหารกลางวัน) แต่เนื่องด้วยทางแผนกถีบหัว ต้องมีการนำส่งเอกสารไปยังอีกบริษัทฯ จึงทำให้ส่งอาหารไปช้า
    .
    มีพนักงานคนหนึ่งที่ทำงาน(อีกสถานที่หนึ่ง) โยนอาหารกล่องที่ทางสำนักงานใหญ่ทิ้งลงถังขยะ
    .
    โดยทั่วๆไป น่าด่าพนักงานคนที่โยนอาหารกล่องลงถังขยะ คนนี้นิสัยไม่ดี หรือ โมโหหิว แต่ที่ทราบมา อยากจะบอกว่า พนักงานที่โยนอาหารกล่องลงถังขยะ มีตังหากินอาหารอร่อยๆ กินเองได้
    .
    มาขยายความ
    .
    แผนกถีบหัว ที่ต้องส่งเอกสารไปยังอีกบริษัทฯ เอกสารชุดนี้ทางแผนกถีบหัว ทราบอย่างละเอียดด้วยว่า ต้องส่งเอกสารชุดนี้ไปยังอีกบริษัท ที่ถูกต้อง ต้องจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน หรือในตอนเช้า พอบริษัทฯเปิดทำงาน หรืออาจจะเป็นเวลาไม่เกิน 9 โมงเช้า ก็สามารถให้พนักงานไปส่งเอกสารได้ทันที และพนักงานสามารถกลับมารับอาหารกล่อง ไปส่งให้พนักงานอีกแห่งหนึ่งได้ จะได้เป็นขวัญและกำลังใจให้กับพนักงานที่เสียสละ ?????
    .
    และรู้ทั้งรู้ว่า วันนี้มีการเลี้ยงอาหารกลางวัน ที่ต้องมีการส่งอาหาร(กล่อง) ที่บริษัทฯเลี้ยง ไปให้กับพนักงานที่อยู่อีกสถานที่ ในเวลา 12.00 น. ไม่ควรเกิน 12.30 น. และต้องมีการสื่อสารกันโดยผ่านไลน์กลุ่ม
    .
    อีกทั้งพนักงานที่ต้องไปทำงานยังสถานที่อีกแห่ง ต้องนับว่า เป็นคนที่เสียสละเพื่อบริษัทฯ , เป็นคนที่มีความสำคัญมากกว่าคนที่อยู่ที่บริษัทฯ เพราะต้องเดินทางไกลขึ้น , มีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ถ้าไม่ ค. ว. ย. ( คือ คิด , วิเคราะห์ , แยกแยะ) แล้ว สับเปลี่ยนตัวคนทำงานได้
    .
    แต่ไม่ว่าจะเป็นการส่งเอกสารก็ตาม หรือ การสื่อสารในเรื่องต่างๆผ่านไลน์ ไม่ได้มีการ ค. ว. ย. (คือ คิด , วิเคราะห์ และ แยกแยะ) ตามที่บอกไปข้างต้น
    .
    ดังนั้น การทำงานกันเป็นทีม ต้องใช้มาก ยิ่งมีตำแหน่งที่สูงมากเท่าไหร่ ต้องมองรอบด้านมากเท่านั้น อีกอย่าง แค่เก่งงาน ยังไม่พอ ต้องเก่งคนด้วย
    .
    ที่ว่าเก่งงาน ก็คือ มีความรอบรู้ในงานที่ทำอย่างชำนาญ , การทำงานถูกต้องตามระเบียบของบริษัท
    .
    ที่ว่าเก่งคน เรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือ ต้องปกป้องลูกน้องที่ทำงานอย่างทุ่มเท ไม่ให้ใครมาระราน
    .
    ค. คือ คิด หมายถึง การเริ่มคิดวางแผนในการทำงานให้ดี ไม่ให้กระทบกับบุคคลอื่น ให้เป็นไปตามธรรม
    ว. คือ วิเคราะห์ หมายถึง การเริ่มต้นการวิเคราะห์ความสำคัญต่างๆ ให้ถูกต้องตามธรรม
    ย. คือ แยกแยะ หมายถึง การเริ่มต้นการแยกแยะ ในหัวโขนที่สวมไว้ หัวโขนไม่สามารถนำไปในนรกได้
    .
    จบแล้วสำหรับนิทานในวันนี้ ที่ผมได้รับทราบมา
    .
    ไม่มีที่มา แต่มีที่ไปเสมอ สำหรับคนที่กระทำถูกต้องกับ กฎระเบียบ , กฎหมาย และ กฎแห่งกรรม
    .
    #ต่อให้ไปไหว้พระพุทธรูปทั่วโลก
    #ต่อให้ไปไหว้พระสงฆ์ทั่วโลก
    #ต่อให้ไปไหว้รูปปั้นองค์เทพเทวาทั่วโลก
    #แต่กระทำผิดหลักกฎแห่งกรรมต้องรับกรรมเสมอ
    .
    #ไม่ว่าใหญ่แค่ไหน #ไม่ว่ารวยล้นฟ้าเพียงใด #ไม่มีใครหนีกรรมพ้น
    #แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังหนีกรรมไม่พ้น
    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สวัสดีปีใหม่

    ไม่มีทุกข์ ไม่มีโศก

    ไม่มีโรค ไม่มีภัย

    เงินทองเหลือใช้ ร่างกายแข็งแรง

    กันทุกท่าน ครับ

    ด้วยรัก

    Sithiphong

    ----------------------------------------------------------------

    เพลงพระราชนิพนธ์ พรปีใหม่ - ธงไชย แมคอินไตย์ และ วิโอเลต วอเทียร์ Ost.พรจากฟ้า【Official MV】



    GDH

    เผยแพร่เมื่อ 14 ธ.ค. 2016

    ----------------------------------------------------------------

    เก่าไปใหม่มา - สุนทราภรณ์【Karaoke : คาราโอเกะ】



    Metro Records

    เผยแพร่เมื่อ 24 พ.ย. 2014

    ----------------------------------------------------------------

    ส.ค.ส. - สุนทราภรณ์【Karaoke : คาราโอเกะ】



    Metro Records

    เผยแพร่เมื่อ 24 พ.ย. 2014
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
    .
    โลกุตตะโร ปัญจะมหาเถโร อะหังวันทามิ ตังสะทา
    เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ
    .
    .
    .
    มีใครหลายๆคนที่รู้จักหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร (หลวงปู่เทพโลกอุดร) เป็นอย่างดี
    แต่มีอีกหลายๆคนที่ไม่เคยรู้จักหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
    .
    ผมขอมาเล่าให้ฟังโดยย่อ จากประสบการณ์ตรงที่ได้รับมา
    .
    สมัยก่อนผมเองเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ ชอบถึงขนาดที่ต้องพกกล้องถ่ายรูป (กล้องใหญ่ที่ใช้ฟิล์ม) มาที่ทำงานทุกวัน และในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ที่ออกไปที่ไหนก็ตาม ก็พกกล้องไปด้วยเสมอ
    .
    เมื่อประมาณปี 2538 ตอนนั้นผมทำงานในสถานที่แห่งหนึ่ง มีอยู่วันหนึ่งที่รุ่นพี่ได้รับรูปพระสงฆ์จากลูกค้า โดยลูกค้าท่านนั้นแจ้งว่า รูปนี้คือ รูปหลวงปู่เทพโลกอุดร
    .
    วันนั้น ผมจึงได้ขอถ่ายรูป จากรูปที่พี่ท่านนั้นได้รับมา
    ตอนที่ผมนำรูปขึ้นไปบนดาดฟ้า ปรากฎว่า ฟ้าครึ้มมาก (ตอนอยู่ในสำนักงาน ผมเองไม่ได้ดูท้องฟ้าว่า ฝนกำลังจะตกลงมา
    ผมนำรูปขึ้นไปยังดาดฟ้า เพื่อที่จะถ่ายรูป โดยใช้แสงแดดช่วยในการถ่ายรูปให้ชัด แต่เมื่อขึ้นไปแล้ว ฟ้าครึ้มมาก ไม่สามารถถ่ายรูปได้เลย ผมจึงยกมือขึ้นพนม แล้วอธิษฐานว่า หากหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดรมีจริง ขอให้ฟ้าเปิด เพื่อผมจะขอถ่ายรูปหลวงปู่ฯไว้บูชา
    .
    หลังจากที่อธิษฐานจบ ปรากฎว่า ฟ้าเปิด เมฆแหวกในบริเวณที่ดวงอาทิตย์อยู่ เมื่อผมเห็นดังนั้น ผมจึงได้รีบดำเนินการถ่ายรูป (ถ่ายไว้หลายรูป) จนเสร็จเรียบร้อย เมื่อผมแกะรูปออกจากผนัง เมฆได้ขยายตัวปิดดวงอาทิตย์ทันที และเมื่อผมเก็บรูปและเดินเข้าไปในอาคาร ฝนก็ได้ตกลงมาอย่างนัก
    .
    หลังจากวันนั้น ผมได้ตามหาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเล่มไหนๆ ผมหาซื้อมาอ่านจนหมด และมีความพยายามค้นหาว่า ผมสามารถไปกราบหลวงปู่ฯได้ที่ไหนบ้าง แต่ก็ยังหาข้อมูลที่คิดว่า "ใช่" ไม่ได้เลย
    .
    ต่อมาเมื่อปี 2548 น้องชายผม ได้ชวนผมไปหา ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร โดยบอกผมว่า ท่านอาจารย์ประถม ท่านเก่งในเรื่องของพระกรุวัดพระแก้ว ผมจึงตอบตกลง และไปหาท่านอาจารย์ประถมฯ เมื่อไปพบท่านอาจารย์ประถมฯแล้ว ผมจึงได้ขออนุญาตท่านว่า ผมจะกลับมาหาท่านใหม่
    .
    ต่อมาผมก็ได้ไปหาท่านอาจารย์ประถมฯ อีก ท่านจึงได้ให้หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร มาให้ท่าน และผมจึงได้เริ่มศึกษาในเรื่องประวัติของหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร และ เรื่องพระวังหน้า ว่ามีความเป็นมาอย่างไร และเรียนรู้พระวังหน้า (ในช่วงแรกๆ ท่านได้นำพระวังหน้าของท่านมาให้ผมได้เห็น ได้ศึกษา ต่อมาผมจึงได้ไปหาพระวังหน้า แล้วนำมาให้ท่านช่วยสอนให้ ส่วนสถานที่ที่ผมไปหาพระวังหน้าที่ผมได้มาจากใคร ผมขอปิดไว้เป็นความลับ )
    .
    เมื่อผมได้พบกับท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผมจึงได้เรียนรู้ในเรื่องที่ถูกต้อง เรื่องประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร และ พระวังหน้า ส่วนข้อมูลอื่นที่เคยได้อ่านมาจากในหนังสือที่เคยได้ซื้อมาก่อนหน้า(ที่จะได้พบกับอาจารย์ประถมฯ) ผมก็ไม่ได้นำมาใช้ในการเผยแพร่ประวัติของหลวงปู่ฯและพระวังหน้า อีกเลย
    .
    ต่อมาเมื่อประมาณเดือน มกราคม 2550 ผมเองได้รับการยืนยันในเรื่องที่เกี่ยวกับการสร้างพระวังหน้า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ อัศจรรย์ และ มหัศจรรย์ สำหรับตัวผมเอง โดยท่านผู้ให้สร้างก็คือ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ท่านมาหาผม ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ท่านมาในรูปของ พระภิกษุ ท่านมายืนยันในเจตนาที่ท่านให้สร้างพระวังหน้าขึ้น (เรื่องนี้ผมเคยเล่าไปแล้ว)
    .
    ความรู้เดิมที่ผมเคยได้รับทราบมา เวลาที่กราบไหว้หลวงปู่ฯ จะใช้คำไหว้ ดังนี้
    โลกุตตะโร จะมหาเถโร อะหังวันทามิ ตังสะทา
    เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ
    .
    แต่ท่านอาจารย์ประถมฯ ท่านบอกผมว่า หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ท่านไม่ได้มาองค์เดียว แต่ท่านมาเป็นคณะ นั่นก็คือ คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตระ ที่เป็นคณะพระธรรมทูตที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิเป็นคณะแรก และแกนหลักของคณะโสณะอุตระ มีพระภิกษูสงฆ์ 5 รูป ดังนั้น เวลาที่กราบไหว้หลวงปู่ฯ ให้กราบหลวงปู่ฯที่เป็นแกนหลักทั้ง 5 รูป จะดีที่สุด
    .
    พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ทรงกระทำตติยสังคายนาพระไตรปิฎก แล้วอาราธนาพระมหาโมคคัลลีปุตตติสสเถระเป็นประธานคัดเลือกพระธรรมทูต และได้เลือกพระโสณะ พระอุตระ พระมูนิยะ พระฌาณิยะ พระภูริยะ อีกทั้งพรามณ์ , อุบาสก และอุบาสิกา รวม 38 คน เป็นคณะพระธรรมทูตมายังสุวรรณภูมิประเทศ
    .
    ผมจึงใช้คำไหว้หลวงปู่ ตามคำไหว้ ดังนี้
    โลกุตตะโร ปัญจะมหาเถโร อะหังวันทามิ ตังสะทา
    เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ
    .
    หลังจากที่ผมได้พบกับท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ที่ผมเคารพท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ และ เป็นครูบาอาจาย์ ผมการันตีได้ว่า ท่านเป็นผู้ที่รู้เรื่องประวัติที่ถูกต้องของ หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร และ ท่านเป็นผู้ที่รู้เรื่องพระวังหน้ามากที่สุด ที่ผมการันตีได้ว่า ท่านเป็นผู้รู้อันดับ 1 ของโลกในปัจจุบันนี้ และท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว) ทำให้ผมได้พบกับ บุคคลที่ผมนับถือเป็นครูบาอาจาย์ ที่ผมสามารถการันตีได้ว่า ท่านเป็นผู้รู้อันดับ 2 ของโลกในปัจจุบัน (ปัจจุบันท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อ)
    .
    ผมได้พบกับ พระภิกษุ 2 รูป ที่ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
    .
    รูปแรก คือ พระอาจารย์ณริชธันร์ ศรีอิทธิมนต์ (ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาส วัดป่าภัทรปิยาราม ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี) ตอนที่ผมรู้จักท่านครั้งแรก ท่านเป็นฆราวาส แต่ต่อมาท่านได้บวชเป็นพระภิกษุ ผมเองได้ติดตามและร่วมทำบุญในวาระงานบุญต่างๆของท่านอยู่เสมอ อีกทั้งถ้ามีโอกาส ผมเดินทางไปกราบท่านอยู่บ่อยครั้ง
    .
    รูปที่สอง คือ พระอาจารย์ธวัชชัย ชาครธมฺโม (หลวงพี่นิล) (ปัจจุบันท่านอยู่ที่ อาศรมศรีชัยรัตนโคตร ต.พังขว้าง อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร ตอนที่ผมรู้จักท่านครั้งแรก ท่านไปหาผมที่บ้านท่านอาจารย์ประถมฯ ท่านไป 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้เจอกับผม เนื่องจากวันที่ท่านไป ผมไม่ได้ไปหาท่านอาจารย์ประถมฯ แต่ท่านได้อธิษฐานขอให้ได้พบกับผม ในครั้งที่ 3 ผมได้พบกับหลวงพี่นิล ที่บ้านท่านอาจารย์ประถมฯ ท่านบอกว่า ให้ผมไปช่วยบอกบุญในวาระการสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต.ตลาดแร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ผมจึงได้ไปช่วยท่านบอกบุญ และร่วมทำบุญ จนกระทั่งการสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งจนเสร็จ
    .
    แต่ในระหว่างที่บอกบุญการสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ได้มีงานบุญอื่นๆ ที่ผมได้ช่วยท่านบอกบุญ เช่น งานกฐินตกค้างพระราชทาน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ งานกฐินพระราชทาน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นงานบุญที่ใหญ่มาก โดยงานครั้งแรกเริ่มในปี 2553 จนถึงปี 2559 (และโอกาสที่ไม่สามารถหาได้อีกแล้วในชีวิต คือ ปี 2557 , 2558 และ 2559 ผมได้มีโอกาสถือผ้าไตรพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (หรือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช) ) เป็นต้น
    .
    ต่อมาเมื่อประมาณเดือนเมษายน 2558 ผมได้ไปช่วยหลวงพี่นิล ในการสร้างอาศรมศรีชัยรัตนโคตร ที่ปัจจุบัน ผมยังคงช่วยบอกบุญและร่วมทำบุญในวาระงานบุญต่างๆของอาศรมศรีชัยรัตนโคตร
    .
    อีกเรื่องที่สำคัญก็คือ ผมได้พบกับ กัลยาณมิตรที่ดี ที่ร่วมทำบุญกันในหลายๆงานบุญ ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตลอดมา และ ได้ร่วมกันเผยแพร่ประวัติที่ถูกต้องของหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร และ พระวังหน้า
    .
    ผมและกัลยาณมิตร ได้ร่วมกันตั้งชมรมพระวังหน้าขึ้น เพื่อเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องราวที่ถูกต้องของพระวังหน้า โดยตั้งชมรมพระวังหน้าขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2553
    .
    sithiphong
    Noom Wangna
    20 กุมภาพันธ์ 2564
    .
    #พระอุตระเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ
    .
    #พระโสณะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ตีนโต
    .
    #พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพธิ์
    .
    #พระฌาณียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี
    .
    #พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
    .
    #หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
    .
    #หลวงปู่เทพโลกอุดร
    .
    #คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
    .
    #หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
    .
    #อาจารย์ประถมอาจสาคร
    .
    #ชมรมพระวังหน้า
    .
    #พระวังหน้า
    .
    ที่มาของรูป
    รูปคณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตระ ผู้วาดคือ คุณสุกิจ เยี่ยงอร่ามกุล
    รูป(วาด)หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ผู้วาดไม่ทราบชื่อ เป็นลูกศิษย์ท่านหนึ่งของพันเอกชม สุคันธรัตน์
    ขอขอบพระคุณท่านผู้วาดทั้งสองท่าน
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    วันกตัญญูแห่งชาติ
    .
    #ว่าด้วยเรื่องความกตัญญู
    คณะรัฐมนตรี ในปีพ.ศ.2549 กำหนดให้วันมาฆะบูชา เป็นวันกตัญญูแห่ง่ชาติเพิ่มเติมขึ้นมาอีกวัน
    .
    .
    .***************************************.
    .
    .
    รัตนะที่หาได้ยาก
    .
    เจ้าลิจฉวีทั้งหลาย ! ความปรากฏขึ้นแห่งรัตนะ ๕ ประการ หาได้ยากในโลก.
    ๕ ประการ อย่างไรเล่า ? คือ :-
    .
    (๑) ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ
    (๒) บุคคลผู้แสดงธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว
    (๓) บุคคลผู้รู้แจ้งธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว อันผู้อื่นแสดงแล้ว
    (๔) บุคคลผู้รู้แจ้งธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว อันผู้อื่นแสดงแล้ว ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
    (๕) กตัญญูกตเวทีบุคคล
    .
    เจ้าลิจฉวีทั้งหลาย ! ความปรากฏขึ้นแห่งรัตนะ ๕ ประการนี้แล หาได้ยากในโลก.
    .
    -บาลี ปญฺจก. อํ. ๒๒/๒๖๖/๑๙๕.
    .
    .
    .***************************************.
    .
    .
    [๒๗๗]
    .
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงภูมิอสัตบุรุษและสัตบุรุษแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
    .
    ภิกษุทั้งหลายนั้น ทูลรับพระดำรัสพระผู้มีพระภาคแล้ว
    .
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภูมิอสัตบุรุษเป็นไฉน อสัตบุรุษย่อมเป็นคนอกตัญญูอกตเวที ก็ความเป็นคนอกตัญญูอกตเวทีนี้ อสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญ
    .
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเป็นคนอกตัญญูอกตเวทีนี้ เป็นภูมิอสัตบุรุษทั้งสิ้น
    .
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนสัตบุรุษย่อมเป็นคนกตัญญูกตเวที ก็ความเป็นคนกตัญญูกตเวทีนี้ สัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญ . ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเป็นคนกตัญญูกตเวทีทั้งหมดนี้ เป็นภูมิสัตบุรุษ ฯ
    .
    พระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับหลวง
    เล่มที่ ๒๐ หน้าที่ ๕๘ ข้อที่ ๒๗๗.
    .
    .
    .***************************************.
    .
    .
    ความกตัญญู
    .
    โพสโดย Baan Ananya บ้านอนัญญา
    .
    11 เมษายน 2019
    .
    #ความกตัญญู คือ การรู้สึกสำนึกในคุณ ด้วยแสดงความเคารพ นับถือ เชื่อฟัง และช่วยเหลือในกิจการงานต่าง ๆ การกระทำเช่นนี้ ย่อมนำมาซึ่งความสุข ความเจริญ และเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและหน้าที่การงาน
    .
    #ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี
    .
    การที่เยาวชนไทยได้รับการปลูกฝังคุณลักษณะที่ดีในเรื่องของความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคม การเลี้ยงดูของครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยอบรมและส่งเสริมพฤติกรรมของเยาวชนให้มีคุณลักษณะของการเป็นคนมีความกตัญญู ความตระหนักรู้ในคุณของบุคคล สัตว์ และสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อตนเองทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
    .
    ปัจจุบันมีกระแสความเจริญทางเทคโนโลยีอย่างไร้ขีดจำกัด สิ่งยั่วยุให้เกิดการเบี่ยงเบนของพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของเยาวชน ตลอดจนการสร้างความเจริญทางวัตถุที่มากไป จนลืมคำนึงถึงความเจริญทางด้านจิตใจ ตลอดจนความต้องการทางด้านวัตถุเพื่อมาสนองความต้องการทางกาย ทางใจในการดำรงชีวิตประจำวันของสมาชิกในสังคมนั้น ทำให้เกิดการแย่งชิงโอกาส เพื่อการประกอบการเลี้ยงชีพ โดยลืมคำนึงเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมในจิตใจ ลืมคำนึงถึงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของคนไทยที่มีความกตัญญู รู้จักตอบแทนบุญคุณ ซึ่งความกตัญญูเป็นคุณธรรมที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่จะช่วยรักษาและพยุงสังคมไทย
    .
    ผู้ที่มีความกตัญญู คือ มีจิตสำนึกในคุณท่านและคิดตอบแทน ส่วนผู้ที่ไม่มีความกตัญญูคือคนอกตัญญู ไม่รู้คุณ ย่อมถูกประณามว่า เป็นคนไม่ดี ไม่น่าคบหา ความกตัญญูเป็นคุณธรรมพื้นฐานของมนุษย์ในสังคมมนุษย์ต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้อื่นและสิ่งอื่น ชีวิตด้านกายภาพดำรงอยู่ได้เพราะได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากบุคคลต่างๆ มีพ่อแม่ ครูอาจารย์ ญาติพี่น้อง เป็นต้น
    .
    ความกตัญญูนี้เป็นคุณธรรมที่มนุษย์ควรปฏิบัติไม่เฉพาะต่อมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น แต่รวมไปถึงต่อสัตว์และพืชด้วย ผู้ที่มีความกตัญญูย่อมจะทำตนเองให้มีความสุขและทำผู้อื่นให้มีความสุขด้วย
    .
    ลักษณะของคนมีความกตัญญูตามหลักพระพุทธศาสนา มี 2 ลักษณะ ได้แก่
    .
    1. #กตัญญูชั้นสามัญ คือ กตัญญูอย่างสามัญทั่วไป หมายถึง รู้อุปการคุณที่บุคคลอื่นทำให้เรา ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดกตเวที คือ การตอบแทนคุณ ซึ่งเด็กจะยอมรับว่าใครมีคุณก็ต่อเมื่อเขาทำอะไรให้กับตนเท่านั้น เช่น ยอมรับว่าพ่อแม่มีพระคุณ เพราะได้เลี้ยงดูมา ยอมรับว่าครูมีพระคุณ เพราะได้อบรมสั่งสอน ยอมรับว่าญาติพี่น้องมีบุญคุณ เพราะเคยให้ข้าวให้ขนม
    .
    2.#กตัญญูชั้นสัตบุรุษ เป็นความกตัญญูชั้นสูง หมายถึง การรู้จักคุณธรรมความดีที่มีอยู่ในตัวบุคคลอื่น ใครมีความดีก็รู้ว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าจะทำอะไรให้เราหรือไม่ก็ตาม ไม่ยึดเอาตัวเองเป็นเครื่องวัดความดีของคนอื่น เป็นการตัดสินความดีด้วยความดี และรู้จนกระทั่งว่าธรรมทั้งหลายมีคุณค่าอย่างไร และพยายามถ่ายทอดคุณลักษณะที่ดีนั้นมาใส่ตัวเรา เพื่อจะได้ทำความดีเป็นแบบอย่างที่ดีเหมือนเขา
    .
    ส่วนการแสดงออกต่อผู้มีพระคุณมีลักษณะ ดังนี้
    .
    - ประกาศคุณท่าน คือ การประกาศว่าผู้มีพระคุณของเราดีอย่างไรบ้าง เช่น ถ้าผู้มีพระคุณเป็นพ่อแม่ ทำโดยพูดถึงพ่อแม่ให้คนอื่นฟังได้ว่า ท่านดีกับเราอย่างไร กิจกรรมที่นิยมทำกันมากคือ การทำบัตรอวยพรวันพ่อและวันแม่ แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ ประกาศที่ตัวเอง เพราะเป็นลูกและได้รับการอบรมมาจากพ่อแม่ ฉะนั้น ความประพฤติของเด็กจะเป็นตัวประกาศคุณพ่อแม่ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
    .
    ตอบแทนคุณท่าน คือ เมื่อรู้ว่าท่านมีคุณหรือมีอุปการะ ต้องตอบแทน เช่น ถ้าผู้มีพระคุณเป็นพ่อแม่ ก็ต้องตอบแทนคุณ โดยกระทำตนเป็นบุตร ธิดาที่ดี
    .
    #ความกตัญญูมีความสำคัญอย่างไร?
    .
    ความกตัญญูกตเวทีเป็นคุณธรรมที่สำคัญสำหรับมนุษยชาติ เป็นคุณธรรมพื้นฐานของมนุษย์ ทำให้มีความสัมพันธ์กันในสังคมมนุษย์และเป็นบ่อเกิดแห่งความรับผิดชอบต่อความเป็นมนุษย์ และเป็นคุณธรรมเบื้องตนของมนุษยธรรมทั้งหลาย เพราะเป็นเครื่องทำลายความเห็นแก่ตัวซึ่งเป็นศัตรูสำคัญของความดี เป็นเหตุให้เกิดความสุขุม รอบคอบ ความสำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบ จำแนกความสำคัญของความกตัญญูกตเวทีได้ดังนี้
    .
    ความกตัญญูกตเวทีเป็นวัฒนธรรมที่ดีงาม ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมไทยได้สอดแทรกความกตัญญูกตเวทีไว้เกือบทุกเรื่อง เช่น การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตาย การบวช วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ วันลอยกระทง เป็นต้น
    .
    ความกตัญญูกตเวที ทำให้สถาบันครอบครัวและสังคมมั่นคง ซึ่งนับว่าเป็นหลักธรรมพื้นฐานที่ทำให้มนุษย์รู้จักการกระทำหน้าที่อันเหมาะสมของตนเอง โดยเริ่มจากความรับผิดชอบต่อตนเอง ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในสถาบันครอบครัว โดยบิดามารดาทำหน้าที่ในฐานะบุพการี และบุตรธิดาปฏิบัติหน้าที่ต่อบิดามารดาในฐานะผู้มีความกตัญญูกตเวที อันจะขยายผลในระดับสังคมที่กว้างออกไป ความกตัญญูช่วยให้โลกอยู่รอดไม่มีปัญหา ปัญหาคนชราไม่มีคนเลี้ยง ปัญหาสงคราม ปัญหาความโหดร้ายทารุณ ปัญหาการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ฯลฯ ก็จะหมดไป
    .
    สภาวะสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติจะสมดุลไม่ถูกทำลาย คนมีความกตัญญูย่อมระลึกถึงบุญคุณของป่าไม้ ทุ่งนา แม่น้ำ ลำธาร ถนนหนทาง และสิ่งสาธารณประโยชน์อื่นๆ ฯลฯ ช่วยกันอนุรักษ์ บำรุง รักษาให้สิ่งเหล่านั้นคงอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสมดุลและกลมกลืน
    .
    ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี
    .
    ความกตัญญูทำให้สถาบันครอบครัวและสังคมมั่นคง ซึ่งนับว่าเป็นหลักธรรมพื้นฐานที่ทำให้มนุษย์รู้จักการกระทำหน้าที่อันเหมาะสมของตนเอง โดยเริ่มจากมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในสถาบันครอบครัว โดยพ่อแม่ทำหน้าที่เป็นบุพการี และลูกปฏิบัติหน้าที่ต่อพ่อแม่ในฐานะผู้มีความกตัญญู ซึ่งจะขยายผลในระดับสังคมที่กว้างออกไป
    .
    ความกตัญญูช่วยให้โลกอยู่รอดปลอดภัย ปัญหาสังคม เช่น ปัญหาคนชราไม่มีคนเลี้ยง ปัญหาสงคราม ปัญหาความโหดร้ายทารุณ ปัญหาการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจจะหมดไป สภาวะสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติจะไม่ถูกทำลาย เพราะคนมีความกตัญญูย่อมระลึกถึงบุญคุณของป่าไม้ ทุ่งนา แม่น้ำ ลำธาร ถนนหนทาง และสิ่งสาธารณประโยชน์อื่นๆ ช่วยกันอนุรักษ์ บำรุง รักษาให้สิ่งเหล่านั้นคงอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสมดุล การที่เด็กเป็นคนกตัญญูกตเวที ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อตัวเด็กมีดังนี้
    .
    - ได้รับคำสรรเสริญจากสังคมส่วนรวม
    .
    - กระทำการใดๆที่ดีก็จะสำเร็จเนื่องจากได้รับการช่วยเหลือจากสังคม
    .
    - ได้รับการยกย่องจากสังคม
    .
    - เป็นคนที่สังคมต้องการและยอมรับ
    .
    #ประโยชน์ของความกตัญญู และโทษของการไม่มีความกตัญญูทั้งต่อตนเองและต่อสังคม
    .
    บุคคลผู้มีความกตัญญูเป็นคนดีและรักษาความดีไว้ได้ เป็นผู้น่าคบค้าสมาคม ได้รับการยกย่องสรรเสริญ ความกตัญญูยังทำให้คนในสังคมช่วยเหลือกัน พึ่งพาอาศัยอยู่กันด้วยดี มีความร่มเย็นเป็นสุข
    .
    ส่วนโทษของการไม่มีความกตัญญู ย่อมทำให้ตนเองและสังคม มีแต่ความทุกข์ ความเดือดร้อน ความเสื่อม หาคนคบค้าสมาคมได้ยาก เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งตนเองและสังคม ย่อมจะได้รับโทษของการไม่มีความกตัญญู
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดำรงชีวิตส่วนตัว
    .
    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน
    .
    เรื่องที่เป็นอันดับ 1 ก็คือ การปฎิบัติตนตามหลักธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    .
    ต้องเริ่ม คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ในการอ่านเรื่องราวต่างๆ
    .
    #อย่าไปบ้าอำนาจ เพราะ #อำนาจไม่เคยจีรังยั่งยืนเลย
    .
    #อย่าไปหลงตำแหน่ง เพราะ #ตำแหน่งก็คือหัวโขนที่มีคนมอบมาให้ใช้ในการทำงาน
    .
    #อย่าไปใช้อำนาจในตำแหน่งข่มขู่คนอื่น
    .
    ถ้าทำ ให้ทำเลย ทำมาเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วค่อยว่ากันในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง
    .
    เรื่องที่เพิ่มเติมคือ ไปพิสูจน์เรื่องกฎแห่งกรรมด้วยตัวเอง ว่า สิ่งที่กระทำมานั้น ถูกต้องตามกฎแห่งกรรมหรือไม่
    .
    #ของจริงต้องพิสูจน์ได้ด้วยตนเองเท่านั้น
    .
    เคยมีเจ้าของกิจการที่มีอำนาจมากที่สุด และ ใหญ่ที่สุดในองค์กรนั้นๆ
    .
    ปัจจุบันคนนี้ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว
    .
    อาจารย์ผมเคยถอดจิตไปนรก ไปพบกับวิญญาณของคนๆนี้
    อาจารย์ผมท่านบอกต่อไปว่า วิญญาณตนนี้ ยังต้องรับผลกรรมที่กระทำไว้ในอดีต
    กรรมส่วนหนึ่งที่กระทำไว้ก็คือ การใช้อำนาจที่ตนเองมีอยู่ ไปสร้างกรรมกับคนอีกเป็นจำนวนมาก
    ถึงแม้ว่า พระศรีอาริยเมตตรัย มาประสูติ , ตรัสรู้ และ ปรินิพพานแล้ว
    วิญญาณตนนี้ ยังไม่ขึ้นมาจากขุมนรกขุมนั้นเลย
    .
    ถ้าอ่านแล้ว อย่าเชื่อ ให้ทำไปเรื่อยๆ ทำไปเยอะๆ ทำไปมากๆ
    แล้วไปพิสูจน์ว่า ผลที่กระทำนั้น จะได้รับผลอย่างไร
    .
    รวมทั้งไปพิสูจน์ว่า #ระยะเวลาในนรก มีเวลาที่นานแค่ไหน
    #ของจริงสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเองเท่านั้น
    .
    .
    .-------------------------------------.
    .
    .
    ว่าด้วยเรื่อง ระยะเวลาที่เรียกว่ากัป
    .
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘
    สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
    .
    ๕. ปัพพตสูตร
    .
    [๔๒๙] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
    อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งได้เข้าไปเฝ้า
    พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ฯลฯ เมื่อภิกษุรูปนั้นนั่งเรียบร้อย
    แล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กัปหนึ่ง นาน
    เพียงไรหนอแล
    .
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ กัปหนึ่งนานแล มิใช่ง่ายที่จะนับกัป
    นั้นว่าเท่านี้ปี เท่านี้ ๑๐๐ ปี เท่านี้ ๑,๐๐๐ ปี หรือว่าเท่านี้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี ฯ
    .
    ภิ. ก็พระองค์อาจจะอุปมาได้ไหม พระเจ้าข้า ฯ
    .
    [๔๓๐] พ. อาจอุปมาได้ ภิกษุ แล้วจึงตรัสต่อไปว่า ดูกรภิกษุ
    เหมือนอย่างว่า ภูเขาหินลูกใหญ่ยาวโยชน์หนึ่ง กว้างโยชน์หนึ่ง สูงโยชน์หนึ่ง
    ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ บุรุษพึงเอาผ้าแคว้นกาสีมาแล้วปัดภูเขานั้น
    ๑๐๐ ปีต่อครั้ง ภูเขาหินลูกใหญ่นั้น พึงถึงการหมดไป สิ้นไป เพราะความ
    พยายามนี้ ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยังไม่ถึงการหมดไป สิ้นไป กัปนาน
    อย่างนี้แล บรรดากัปที่นานอย่างนี้ พวกเธอท่องเที่ยวไปแล้ว มิใช่หนึ่งกัป มิใช่
    ร้อยกัป มิใช่พันกัป มิใช่แสนกัป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้
    กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้
    พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่าย ในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะ
    หลุดพ้น ดังนี้ ฯ
    .
    จบสูตรที่ ๕
    .
    ที่มา เว็บไซด์ 84000
    .
    .
    .
    .
    .
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘
    .
    สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
    .
    ๖. สาสปสูตร
    .
    [๔๓๑] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
    อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้า
    พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ฯลฯ ครั้นภิกษุนั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ทูลถาม
    พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กัปหนึ่งนานเพียงไรหนอแล ฯ
    .
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ กัปหนึ่งนานแล มิใช่ง่ายที่จะนับกัป
    นั้นว่า เท่านี้ปี ฯลฯ หรือว่าเท่านี้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี ฯ
    .
    ภิ. ก็พระองค์อาจจะอุปมาได้ไหม พระเจ้าข้า ฯ
    .
    [๔๓๒] พ. อาจอุปมาได้ ภิกษุ แล้วจึงตรัสต่อไปว่า ดูกรภิกษุ
    เหมือนอย่างว่า นครที่ทำด้วยเหล็ก ยาวโยชน์ ๑ กว้างโยชน์ ๑ สูงโยชน์ ๑
    เต็มด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาด มีเมล็ดพันธุ์ผักกาดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน บุรุษพึงหยิบ
    เอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่งๆ ออกจากนครนั้นโดยล่วงไปหนึ่งร้อยปีต่อเมล็ด
    เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่นั้น พึงถึงความสิ้นไป หมดไป เพราะความพยายาม
    นี้ ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยังไม่ถึงความสิ้นไป หมดไป กัปนานอย่างนี้แล
    บรรดากัปที่นานอย่างนี้ พวกเธอท่องเที่ยวไปแล้วมิใช่หนึ่งกัป มิใช่ร้อยกัป มิใช่
    พันกัป มิใช่แสนกัป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้อง
    ต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ
    .
    จบสูตรที่ ๖
    .
    ที่มา เว็บไซด์ 84000
    .
    .
    .
    .
    .
    #ไม่ว่าใหญ่แค่ไหน
    #ไม่ว่ารวยล้นฟ้าเพียงใด
    #ไม่มีใครหนีกรรมพ้น
    #แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังหนีกรรมไม่พ้น
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ควันหลงจากทริปงานบุญ 3 วัด ในวันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564
    .
    ทริปงานบุญนี้ ผมได้นำคำถามที่ได้จัดเตรียมไว้ก่อนหน้า ที่นำไปขอความรู้ในทางธรรมะ กับ พระสงฆ์
    ที่แต่เดิม ผมใช้การตั้งคำถามที่นั้นเลย
    ผมจะเขียนมาเฉพาะที่ผมลงแล้วจะได้ประโยชน์กับท่านผู้อ่านเป็นสำคัญ
    .
    การสนทนาธรรมะกับพระอาจารย์ชนินทร์ วัดป่าถ้ำเสือ (จ.ลพบุรี)
    .
    เรื่องแรก การที่คนเราเกิดมาในภพชาตินี้แล้วได้มาพบกัน เป็นเรื่องที่เราได้เคยพบกันมาก่อนในอดีตชาติ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ในเรื่อง อภิณหปัจจเวกขณ์ คนเรามีกรรมเป็นแดนเกิด , มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ , มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมใดไว้ต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้น
    .
    หมายเหตุ อภิณหปัจจเวกขณ์ อธิบายเพิ่มเติม (เพิ่มจากในส่วนที่พระอาจารย์ชนินทร์ท่านให้ธรรมะมา)
    ชราธัมโมมหิ ชะรัง อะนะติโต เรามีความแก่เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้
    พะยาธิธัมโมมหิ พะยาธิง อะนะตีโต เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้
    มะระณะธัมโมมหิ มะระณัง อะนะตีโต เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้
    สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว เราจักพลัดพรากจากของที่รัก ของชอบใจทั้งหลาย
    กัมมัสสะโกมหิ กัมมะทายาโท เรามีกรรมเป็นของๆตน เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
    กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ เรามีกรรมเป็นแดนเกิด เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธ์
    กัมมะปะฏิสะระโน ยัง กัมมัง กะริสสามิ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันใดไว้
    กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา เป็นกรรมดีก็ตาม เป็นกรรมชั่วก็ตาม
    ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ เราจักต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น
    เอวัง อัมเหหิ อะภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง เราทั้งหลายพึงพิจารณาเนืองๆอย่างนี้แล.
    จบอธิบายเพิ่มเติมในส่วน อภิณหปัจจเวกขณ์ (เพิ่มจากในส่วนที่พระอาจารย์ชนินทร์ท่านให้ธรรมะมา)
    .
    ในการรู้จักกับบุคคลใดก็ตาม หากยิ่งมีคุณธรรมมากเท่าไหร่ แสดงว่า เรายิ่งมีความผูกพันธ์กับบุคคลนั้นมาก และ ต้องรู้จักกันในอดีตชาติ ยกตัวอย่าง เช่น ผู้ชาย กับ ผู้หญิง ที่แต่ละคนอยู่กันคนละสถานที่ ได้มาพบกัน มาแต่งงานกัน นั่นคือ ทั้งสองคน ต้องมีความผูกพันธ์กันมาในอดีตชาติ จึงส่งผลมาให้ได้พบกัน เมื่อแต่งงานแล้ว มีลูก หากมีลูกหลายๆคน ลูกแต่ละคนก็มีนิสัยไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่มีพ่อแม่คนเดียวกัน แต่เนื่องจากมนุษย์มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ จึงต้องมาเจอกัน มาเป็นพ่อแม่พี่น้อง ส่วนนิสัยของแต่ละคน เป็นเรื่องของความละเอียดปราณีตในกรรมของแต่ละคนที่สร้างมาไม่เท่ากัน จึงส่งผลให้การประพฤติของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ลูกบางคนช่วยพ่อแม่ตนเองอย่างเต็มที่ ลูกบางคนมาล้างผลาญพ่อแม่ การกระทำเหล่านี้ เกิดจากกรรมของแต่ละคน
    .
    เรื่องที่สอง คนที่ไปด่าพ่อแม่ของคนอื่น
    คนในปัจจุบันนี้ มีการผิดในเรื่องของวาจากันมาก เหตุที่เกิดมา มาจากจิต(ความคิด)ของตนเอง เปลี่ยนมาเป็นพฤติกรรม จากพฤติกรรมที่ทำซ้ำๆจนเป็นอุปนิสัย จากอุปนิสัยที่ทำซ้ำๆจนเป็นสันดาน ทุกอย่างเกิดจากความคิดทั้งนั้น
    คนที่ไปด่าพ่อแม่ของคนอื่น ในขณะที่กระทำ กระทำด้วยจิตที่เศร้าหมอง ตนเองก็ร้อน(อยู่ในใจ) และคนที่กระทำเป็นคนที่จิตไม่บริสุทธิ์ อีกทั้งเป็นการกระทำพร้อมด้วย กาย วาจา ใจ ครบองค์ประกอบในการกระทำกรรมที่จะส่งผลบริบูรณ์ในภายภาคหน้า
    ส่วนคนที่ถูกด่าพ่อมแม่แล้วไม่ด่ากลับไป เป็นคนที่มีสติมากกว่า
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า คนที่ด่าเราแล้วเราด่ากลับ เราเลวกว่าคนที่ด่าเราอีก
    .
    อธิบายเพิ่มเติม (เพิ่มจากในส่วนที่พระอาจารย์ชนินทร์ท่านให้ธรรมะมา)
    ถ้ามีคนด่าเรา แล้วเราไม่รับคำด่า แล้วจะให้ผลเช่นไร?
    ในสมัยพุทธกาลมีพราหมณ์ผู้หนึ่งที่แค้นเคืองพระพุทธองค์ เมื่อพบหน้าก็ตรงเข้าด่าทอ
    พระองค์ทันที เมื่อพราหมณ์พูดจบ พระองค์ตรัสว่า
    “พราหมณ์เอ๋ย ท่านมีผองเพื่อน หรือญาติมิตรหรือไม่”
    “มีซิ เราไม่ใช่คนไร้ญาติขาดมิตร”พราหมณ์ตอบ
    พระพุทธองค์ “แล้วท่านให้อะไรต้อนรับผู้มาเยือน”
    “ก็เอานำดื่มและของกินต้องนรับ” พราหมณ์ตอบ
    พระพุทธองค์ “ถ้าแขกของท่านไม่ทาน ของเหล่านั้นจะตกเป็นของใคร”
    “ก็เรานะซิ” พราหมณ์ตอบ
    พระพุทธองค์”เฉกเช่นเดียวกัน ท่านด่าทอเรา เราไม่รับคำด่าท่าน คำ
    พูดนั้นย่อมตกเป็นของท่านเอง”
    พราหมณ์สำนึกผิดว่าตนด่าผู้ไม่สมควรด่าจึงได้รับพระรัตนตรัยและทูลขอ
    บวชในพระพุทธศาสนาในที่สุด
    ผู้โกรธตอบคนด่า…นับว่าแย่ยิ่งกว่าคนด่าเสียอีก
    ผู้ไม่โต้ตอบคนด่า…นับว่าชนะสงครามที่ชนะยากที่สุด
    เพราะฉะนั้นเมื่อเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ จึงต้องรู้จักคำว่า”ให้อภัย”คิดเสีย
    ว่าเขายังไม่เข้าใจและลืมไปเสีย หากเราทำเช่นนี้ได้โดยไม่ติดขัดใด ๆ
    ในใจอย่างสิ้นเชิง แม้จะเจอคนที่ด่าเราก็ไม่มีความคิดโกรธแค้นใดๆผุด
    ขึ้นมา เช่นนี้ จึงว่าเป็น”บุคคลผู้สูงค่าและน่าถือยิ่งนัก”
    ที่มา dhamma.serichon.us
    จบคำอธิบายเพิ่มเติม (เพิ่มจากในส่วนที่พระอาจารย์ชนินทร์ท่านให้ธรรมะมา)
    .
    การกระทำของบุคคลที่ทำนั้น จิตของผู้กระทำเก็บข้อมูลที่กระทำไว้ทั้งหมด (เหมือนกับการบันทึกเทป) เช่น สมัยเด็ก อาจจะเคยขโมยเงินพ่อแม่มา พอผ่านมาหลายปี ทั้งๆที่เราเองได้ลืมไปแล้ว แต่อยู่ดีๆก็ผุดเรื่องนั้นขึ้นมา (ทำไมไม่ลืม) เพราะจิตใต้สำนึกเก็บข้อมูลไว้หมด
    เวลาก่อนตาย หากยังไม่เป็นพระอรหันต์ จิตใต้สำนึกที่เคยบันทึกการกระทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว จิตใต้สำนึกนั้นเป็นผู้ที่พาคนที่ตาย ไปในภพภูมิตามที่ตนกระทำไว้เสมอ
    .
    ส่วนจิตของคนที่ยังไม่ได้ตาย ในแต่ละช่วงขณะ ถึงแม้ว่ายังไม่ตาย สามารถเป็นได้ทุกอย่างตามในแต่ละวัน อยู่ที่การกระทำของตนเอง
    เป็นสัตว์เดรัชฉานก็ได้ เช่น พ่อข่มขืนลูก , อาจารย์ข่มขืนลูกศิษย์ เหมือนกับหมา เมื่อหมาคลอดลูกออกมาแล้ว เลี้ยงลูกจนโต เมื่อลูกมันโตแล้ว มันก็กลับไปผสมพันธ์กับพ่อหรือแม่ของมัน
    เป็นเปรต หรือ อสูรกายก็ได้ เช่น การมีความโลภอย่างไม่สิ้นสุด
    เป็นมนุษย์ก็ได้ จิตของมนุษย์สูงกว่าจิตของสัตว์เดรัชฉาน รู้ผิดชอบชั่วดี
    เป็นเทวดาก็ได้ เพราะเทวดามีหิริโอตัปปะเป็นคุณธรรมประจำตัว (หิริ คือ ความละอายแก่ใจในการทำบาป ส่วน โอตัปปะ หรือ ความเกรงกลัวต่อบาป)
    เป็นพรหมก็ได้ เพราะ พรหมมีพรหมวิหาร 4 เป็นคุณธรรมประจำตัว (พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ มี 4 ข้อคือ 1. เมตตา หมายถึง ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข 2.กรุณา หมายถึง ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ 3.มุทิตา หมายถึง ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี และ 4.อุเบกขา หมายถึง การรู้จักวางเฉย
    .
    บุคคลเลือกว่าจะเป็นอะไรก็ตาม (ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เดรัชฉาน , เปรต , อสูรกาย , มนุษย์(คน) , เทวดา หรือพรหม) จิตใต้สำนึกเป็นผู้ที่บันทึกข้อมูลที่กระทำไว้ทั้งหมด ถ้าบุคคลใดที่มีความเข้าใจ ก็สามารถที่จะเตือนตนเอง ว่า อย่าเผลอให้ความไม่ดีเข้ามาในใจ แต่อย่างไรก็ตาม บุคคลปกติที่ไม่มีสติ และ สัมปชัญญะ ในบางวันจิตก็แพ้ความไม่ดีได้
    เมื่อจิตของเรามี สติ(ความระลึกได้ ความนึกขึ้นได้ ความไม่เผลอ ฉุกคิดขึ้นได้ การคุมจิตไว้ในกิจ) และ สัมปชัญญะ(ความระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ, ความไม่เผลอตัว) มากพอ ตัวเราเองสามารถชนะกิเลสได้ แต่เมื่อใดที่จิตของเราอ่อนแอ เราแพ้กิเลสได้เช่นกัน
    ดังนั้น เราต้องระมัดระวังจิตของตนเอง ให้จะทำอะไรก็ช่างเขา แต่เราปฎิบัติตัวเราให้ดีขึ้น
    .
    เรื่องที่สาม เรื่องของการพิจารณาการขึ้นเงินเดือนและการจ่ายโบนัส ของหน่วยงานต่างๆ ทั้งหน่วยงานราชการ , รัฐวิสาหกิจ และ บริษัทห้างร้านต่างๆ
    .
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนในเรื่อง อคติ 4 (อธิบายไว้ด้านล่างของเรื่องนี้) คนที่มีกิเลส และ ความไม่ยุติธรรม เป็นคนที่มีอคติ 4 เป็นพื้นฐาน
    ผลที่ได้รับคือ คุณธรรมของตนเองไม่สูง วาสนาไม่เจริญก้าวหน้า จะเป็นอยู่ในลักษณะนี้ และเป็นมาหลายๆภพชาติแล้ว อีกทั้งปัญญาน้อย และ มีคุณธรรมน้อย
    ถ้าคนที่มีสติปัญญามาก มีคุณธรรมมาก เป็นคนที่วางจิตให้เป็นกลางได้ดี ตามงานที่เกิดขึ้นจริง โดยเป็นไปตามหลักธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    .
    ส่วนผลที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับผลจากการพิจารณาในการขึ้นเงินเดือนและการจ่ายโบนัสที่ไม่เป็นธรรม คือ มีความน้อยใจ , ความโกรธ และ ประชด ในเรื่องของการน้อยใจ หรือ โกรธ สามารถเกิดได้กับทุกคน แต่อย่าให้ถึงกับการประชด (อย่าขาดสติ) เพราะการประชดนั้น บางครั้งอาจจะถึงกับการฆ่าตัวตาย หรือ ไปฆ่าบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ ในเรื่องนี้จำเป็นมากสำหรับ การมีสติและสัมปชัญญะให้มาก
    .
    อีกเรื่องก็คือ คนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชา หรือ ผู้ใต้บังคับบัญชา ผลของการกระทำทุกอย่าง จิตเก็บบันทึกข้อมูลไว้ทั้งหมด และ จิตเป็นผู้ที่นำพาตนเองไปตามวิบากกรรมที่ได้กระทำไว้นั่นเอง
    ในเรื่องของการกระทำของบุคคล มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ
    1.เคยกระทำกรรมต่อกันมาในอดีต
    2.มากระทำกรรมใหม่ในปัจจุบัน
    .
    หมายเหตุ อคติ 4 อธิบายเพิ่มเติม (เพิ่มจากในส่วนที่พระอาจารย์ชนินทร์ท่านให้ธรรมะมา)
    อคติ 4 ประการ และแนวทางการละอคติ
    อคติ 4 หมายถึง วิถีในทางที่ผิดหรือการดำเนินไปในทางที่ผิด ทั้งนี้ อันเกิดจากทัศนะหรือความคิดเห็นในทางที่ผิด ซึ่งต่อมาจึงใช้คำให้เข้าใจง่ายเป็น ความลำเอียง หรือ ความไม่เที่ยงธรรม ประกอบด้วย 4 ประการ คือ
    1. ฉันทาคติ คือ ความลำเอียงเพราะชอบพอ
    2. โทสาคติ คือ ความลำเอียงเพราะโกรธหรือชิงชัง
    3. โมหาคติ คือ ความลำเอียงเพราะหลง หรือ ความลำเอียงเพราะความเขลา
    4. ภยาคติ คือ ความลำเอียงเพราะกลัว
    อคติ 4 เป็นธรรมสำหรับปุถุชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่เป็นผู้นำ เป็นหัวหน้า ผู้ที่ทำหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือเป็นข้าราชการ เพราะธรรมเหล่านี้ เป็นสัจจะความจริงที่มักเกิดขึ้นกับบุคคลเหล่านี้ และมีผลอย่างมากต่อการบริหารงาน ต่อการปกครอง และความสงบสุขของสังคม
    ผู้นำ หัวหน้างานหรือฝ่ายปกครองที่ละเว้นจากอคติ 4 ประการนี้ได้ ย่อมทำให้ลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือประชาชนเกิดความสุข อันส่งผลต่อความเจริญของสังคม และความสงบสุขของสังคมตามมา
    อคติ มาจากภาษาบาลี คำว่า
    อะ หมายถึง ผิด, ไม่, ไม่ถูกต้อง, ไม่ดีงาม, ไม่สมควร
    คติ หมายถึง วิถี, แนวทาง, สิ่งที่เป็นไป, การดำเนินไป, ความเป็นไป, การตอบสนอง, การแสดงออก
    คติ มีความแตกต่างกับ ทัศนะ คือ
    ทัศนะ หมายถึง ความเห็น, ความคิดเห็น, มุมมอง ส่วน คติ หมายถึง ดังข้างต้น ดังนั้น ทัศนคติ จึงหมายถึง การแสดงออก หรือ วิถีที่ดำเนินไปอันเกิดจากความคิดหรือความเห็น
    ความหมายที่ครอบคลุมของอคติ
    – วิถีในทางที่ผิด
    – แนวทางที่ผิด
    – สิ่งที่เป็นไปในทางที่ไม่ดีงาม
    – การดำเนินไปในทางที่ผิด
    – ความลำเอียง
    – ความไม่เที่ยงธรรม
    – ความไม่เป็นกลาง
    ความหมายของอคติแต่ละประการ
    1. ฉันทาคติ คือ ความลำเอียงเพราะชอบพอ
    ฉันทาคติ มาจากคำว่า ฉันทะ + อคติ
    ฉันทะ หมายถึง ความชอบใจ หรือ ความพอใจ
    2. โทสาคติ คือ ความลำเอียงเพราะโกรธหรือชิงชัง
    โทสาคติ มาจากคำว่า โทสะ + อคติ
    โทสะ หมายถึง ความโกรธ
    ปัจจัยที่ก่อเกิดความโกรธหรือชิงชังในคัมภีร์ปริวาร
    – โกรธเพราะได้ทำแล้วซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่ตนเอง
    – โกรธเพราะกำลังทำซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่ตนเอง
    – โกรธเพราะคิดจะทำซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่ตนเอง
    – โกรธเพราะได้ทำแล้วซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่คนที่ตนรัก
    – โกรธเพราะกำลังทำซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่คนที่ตนรัก
    – โกรธเพราะคิดจะทำซึ่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือก่อโทษแก่คนที่ตนรัก
    – โกรธเพราะได้ทำแล้วซึ่งประโยชน์ต่อผู้ที่ตนชิงชัง
    – โกรธเพราะกำลังทำซึ่งประโยชน์ต่อผู้ที่ตนชิงชัง
    – โกรธเพราะคิดจะทำซึ่งประโยชน์ต่อผู้ที่ตนชิงชัง
    3. โมหาคติ คือ ความลำเอียงเพราะหลง หรือ ความลำเอียงเพราะความเขลา
    โมหาคติ มาจากคำว่า โมหะ + อคติ
    โมหะ หมายถึง ความหลง ความลุ่มหลง
    4. ภยาคติ คือ ความลำเอียงเพราะกลัว
    ภยาคติ มาจากคำว่า ภยะ + อคติ
    ภยะ หมายถึง ความกลัว ความหวาดหวั่น หรือ มักเรียกกลายเป็นศัพท์ว่า ภัย
    แนวทางการละอคติ 4
    1. ไม่คบคนพาล
    2. จักกสูตร 4 ประการ
    – อยู่ในประเทศอันสมควร หมายถึง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเป็นคนดี
    – การคบสัตบุรุษ
    – การตั้งตนไว้ชอบ คือ ยึดมั่นในการประพฤติตนให้เป็นคนดีอย่างสม่ำเสมอ
    – ความเป็นผู้มีบุญที่ทำไว้ในปางก่อน คือ เชื่อถือในความดีงามที่ทำมาว่าจะเกิดกุศลกรรมที่ดีงามต่อเราในภพนี้ และภพหน้า
    3. สัมมาทิฏฐิ คือ ตั้งมั่นในความเห็นชอบ
    4. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ พิจารณาสภาพจิตของตนเอง
    5. กุศลวิตก 3 คือ การตรึกตรองถึงสิ่งที่เป็นกุศล 3 อย่าง คือ
    – การตรึกตรองที่เว้นจากกาม
    – การตรึกตรองที่เว้นจากพยาบาท
    – การตึกตรองที่เว้นจากการเบียดเบียน
    6. สาราณียธรรม 6
    7. พรหมวิหาร 4
    ที่มา thaihealthlife
    จบอธิบายเพิ่มเติม (เพิ่มจากในส่วนที่พระอาจารย์ชนินทร์ท่านให้ธรรมะมา)
    .
    รักษาธรรม ธรรมรักษา
    Noom Wangna
    Noom Sithiphong Wangna
    ผู้เขียน ที่ได้เรียบเรียงจากการสนทนาธรรมะกับพระอาจารย์ชนินทร์ วัดป่าถ้ำเสือ จ.ลพบุรี
    บทความ ไม่สงวนลิขสิทธิ์
    #พระอาจารย์ชนินทร์เขมจาโร
    #วัดป่าถ้ำเสือ
    #ชมรมพระวังหน้า
    #คณะพระวังหน้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...