คุณคิดว่า พอแล้วหรือกับการช่วยโลกให้พ้นภัย เพียงแค่คุยกันในเวบบอร์ด

อ่านข้อความากมายในเวบบอร์ดนี้มาหลายวัน ผมขอถามว่า มันพอแล้วหรือ แค่การให้ข่าวสารข้อมูลเรื่องภัยพิบัติต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น พวกเราทุกคนคิดว่ามีทางอื่นอีกไหม ที่จะช่วยให้โลกพ้นจากเคราะห์กรรมในครั้งนี้ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็เบาบางลง(bb-flower

 

ผู้ทรงวิชชาธรรมกายชั้นสูง ท่านเจริญวิชชาช่วยอยู่นะครับ

ในสายวิชชาอื่นๆ ไม่ว่า โพธิสัตว์ทั้งหลายก็เร่งสร้างบุญกุศลหลายๆทางเพื่อบรรเทาความรุนแรงอยู่ เช่น สร้างเจดีย์ มงคลวัตถุต่างๆ ให้คนส่วนมากมีส่วนร่วม ฯลฯ เจริญกรรมฐานเร่งสอนให้คนปฏิบัติธรรม มีเมตตามากๆ พอมโนธาตุ(ใจ)ของส่วนรวมที่สะอาดมีมากความรุนแรงของภัยพิบัติก็ลดลงได้

แต่กฏแห่งกรรม..... เหตุไม่ดีทั้งหลายสะสมมามากเหลือเกิน
ผู้ที่ช่วยอยู่ก็ต้องเหนื่อยมากๆๆๆๆๆ

ตอนนี้แกนโลกเสียสมดุลย์อยู่ครับ สังเกตุได้จากทิศเหนือเบี่ยงเบนไป ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลก มโนธาตุที่ควบคุมสมดุลย์โลกเหลือน้อยกว่าปกติ จึงต้องมีชีวิตต่างๆตายทีละมากๆ

อีกทางหนึ่ง คือ .....ผู้มีจิตบริสุทธิ์ (พระอริยะ ,ผู้ทรงฌาณ,โพธิสัตว์บารมีเข้ม, อวตารแห่งเทพสัมมาทิฐิ )
ต้องทิ้งกายสังขาร คืนมโนธาตุให้กับโลก ภัยพิบัติจึงจะลดความรุนแรงได้มากครับ

(สังเกตุ ไหมว่า ตั้งแต่ต้นปี มีพระอริยะ และผู้ทรงฌาณ ละสังขารกันมาก )

เพราะท่านเห็นว่ากายสังขารนี้ไม่มีค่าแล้ว จึงแลกกับชีวิตอีกมากมายทีจะมีโอกาสสร้างบุญก่อนตาย แต่คนส่วนมากก็ยังหลงระเริง ทำชั่วกันมากอยู่ดี
ช่วยๆกันหน่อยนะครับ

แค่ให้คนหมู่มากมีเมตตาต่อกันเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยได้มากแล้วครับ

 

เรื่องการสละชีวิต เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบาของพระสงฆ์บางรูป นั้น ผมเชื่อแน่นอนว่ามี มันเป็นความรู้สึกว่า พวกท่านกำลังช่วยอยู่ แต่ผมกำลังคิดในแง่ของพวกเราที่เป็นมนุษย์ จะมีวิธีอื่น ๆ อีกไหม ที่จะทำให้พวกที่หลงงมงายในวัตถุ อำนาจ หันมาสนใจรักษาโลกกันมากขึ้น ผมคิดเสมอว่า โลก เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ เพราะฉะนั้น จะมีแต่มนุษย์เท่านั้น ที่รักษาโลกได้ ถ้าอะไรก็ตาม ดลใจให้มนุษย์บางคนรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า มันก็น่าจะมีทางออก

 

นั่นสิครับ ไปๆมาๆ ก็ไม่พ้นมนุษย์ส่วนใหญ่ที่ยังลุ่มหลงกันอยู่นั่นแหละ

เลื่อนเวลามาให้ตั้งแต่ก่อนปี ค.ศ.2000 แล้ว

กรรมดีที่จะมาช่วยตอนนี้ก็ไม่เข้มข้นพอ

มันเป็นเรื่องหนักใจ ......... เทวดายังปวดหัวเลยครับ



เอ้า...เวบนี้โพธิสัตว์ก็มีเยอะ ช่วยระดมความคิดกันหน่อยครับ

[b-wai]

 

ได้มีกลุ่มของผู้ทรงธรรมหลายกลุ่มได้เร่งรัดการปฏิบัติธรรม รวมทั้งเผยแผ่หลักธรรมให้สาธารณชนได้พึงรู้พึงปฏิบัติ เพื่อลด ละความโลภ โกรธ หลงมุ่งปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อลดภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าหมู่ชนส่วนใหญ่ยังทะยานยากในความโลภ กระทำในสิ่งที่สะสมแต่ความชั่ว ก็คงจะไม่พ้นภัยพิบัติ ไทยได้สร้างพุทธมณฑลและสร้างเจดีย์บรรจุพระธาตุไว้ตามจุดสำคัญ ไว้เพื่อป้องกันภัยพิบัติ การมุ่งมั่นปฏิบัติธรรม รวมทั้งการช่วยเผยแผ่ก็จะเป็นหนทางที่ช่วยได้

 

วันนั้น ผมดูรายการอะไรผมจำไม่ได้แล้ว ที่ ด.ร.องอาจ มาพูดว่า "โลกเรากำลังจะเกิดภัยพิบัติ แบบร้ายแรง" น่ากลัวจังเลย เราต้องสร้างบุญกุศลเยอะ ๆ แล้วล่ะ เดิมก็ทำอยู่แล้ว แต่จะทำให้มาก ๆ ขึ้นไปอีก เพราะไม่รู้ว่าเราจะตายวันนี้ พรุ่งนี้...จริงมั้ยครับผม
ด้วยความขอบพระคุณ

 

ตายไม่กลัวอ่ะครับ แต่ตายแล้วกลัวได้ไปนรกครับ เหอะๆ

 

Need to know

เพิ่งเข้าไปอ่าน เวบของคุณ เวบสโนว์ คุณฝันเห็นขนาดนี้ ทั้ง พระพุทธเจ้า หลวงปู่แหวน และ พระสงฆ์องค์อื่น ๆ อีก เชื่อว่า ตอนนี้ คุณน่าจะปฎิบัติได้ถึงขั้นสูงพอ ขอถามหน่อยว่า คุณเคยคิดหาทางช่วยโลกไหม นอกจากที่สร้างเวบมา แล้วให้คนมากมายมาโพส ความเห็นกันมากมายขนาดนี้ ตัวคุณเอง เคยคิด หรือได้รับการบอกเล่าจากพระพุทธเจ้า หรือพระสงฆ์รูปอื่น ๆ ไหมว่าวิธีที่จะช่วยโลกรอดพ้นจากภัยพิบัติต่าง ๆ ได้ มีไหม แต่อย่าบอกนะว่า ให้รักษาศีล เป็นคนดี เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว

 

ใครกันเหรอที่จะมาถล่มโลก... ( ถ้ามันไม่ช่วยกันถล่มเองแล้วใครมันจะมาถล่มฟะ ไม่เข้าใจ... )

(b-ng)

 

Whatever you got meaning. If you did not understand the point , you should not reply any post or thread. Anyway it is your right to do bad or good becasue only you get its result. Thanks for reading .

 

ผมรู้แค่ว่า มันใก้ลเข้ามาทุกทีแล้วครับ ดูจากเหตุการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ โดนกันทั้งโลก ฝนตก น้ำถ้วม แผ่นดินไหว ไฟไหม้ เดี๋ยวต่อมา ภูเขาไฟคงจะระเบิด เฮ้อ หนักใจ

 

แค่พื้นฐานคนยังทำกันไม่ค่อยได้เลย ดูอย่างประไทยสิ
เมืองพุทธแท้ๆ คนยังผิดศีลกันเป็นว่าเล่น
ตอนนี้ความเจริญทางด้านวัตถุยังไม่แข็งแรงพอ
ที่จะเอาชนะภัยพิบัติทางธรรมชาติได้
จึงต้องพึ่งความเจริญทางด้านจิตแทน
การสอนให้คนทำความดี โดยส่วนตัวแล้ว
ผมคิดว่าไม่ใช่หนทางให้รอดพ้นจากภัยพิบัติโดยตรง
ใครจะตายหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับชะตากรรมของแต่ละคน
แต่หากผู้ใดโชคร้าย ต้องตายในภัยพิบัติ
ก็จะได้มีบุญมากพอสำหรับใช้ในชีวิตหลังความตายไงครับ
การบอกให้คนทำความดีนี่แหละ น่าจะเป็นหนทางที่ดีมากทางหนึ่ง
ในขณะนี้ การกระจายข่าวสารผ่านทางระบบ Internet น่าจะรวดเร็วที่สุด
ถ้าคนจะไม่เชื่อ และไม่สนใจทำความดีซะอย่าง
แหล่งข่าวน่าเชื่อถือแค่ไหน ก็มีค่าเท่ากันครับ

 

สัตว์โลกย่อมเป็นตามกรรม ........

 

ผมว่าที่ไม่เกิดอะไรขึ้นตอนปี 2000 นั้น เพราะเหตุใหญ่เหตุหนึ่งซึ่น่าจะเป็น "มหาธรรมกายเจดีย์" นี่เอง ซึ่งอาจจะทำให้มีทั้งคนขึ้นสวรรค์และลงนรกมานักต่อนักแล้ว (เพราะร่วมบุญ กับ เพราะวิพากย์วิจารณ์เสียๆหายๆไงหละครับ)

 

<TABLE width="98%" align=center><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width=227 align=left border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>ศพหลายพันเน่าอืดอยู่ในบ้านและท้องถนนเมืองนิวออร์ลีนส์

นิวออร์ลีนส์ 5 ก.ย.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width=227 align=left border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

ทั่วโลกประกาศให้ความช่วยเหลือสหรัฐ

วอชิงตัน 5 ก.ย.

 

กรรมเป็นเรื่องเฉพาะตน ใช้กรรมแทนกันไม่ได้หรอกครับ ผมว่าท่านพระอาจารย์หลายท่านที่ละสังขารในช่วงนี้ เป็นเพราะท่านถึงอายุขัยแล้วครับ ถ้ามีผู้ทรงบุญ อยู่ท่ามกลางหมู่คนพาล และระบบต้องการล้างคนพาล ผู้ทรงบุญก็จะหลุดไปก่อน เพราะโลกในเวลานั้น สำหรับท่านเหล่านั้น ไม่มีสิ่งที่ระบบจะตอบสนองหรือให้ผลต่อบุญนั้นได้แล้ว ( สังเกตนะครับ รถขบวนแสวงบุญ มักจะพลิกคว่ำ หรือเกิดอุบัติเหตุ เสียชีวิตยกคัน ท่านที่เสียชีวิตเหล่านั้น ไม่ทรมานหรอกครับ ไปดีกันทั้งนั้น บุญพาไปอยู่ที่ควร กว่ามนุษยโลกแล้ว ) แล้วมนุษย์ที่เหลือล่ะ ระบบจะจัดการอย่างไร ก็คือจัดหาเหตุแห่งการทรมานต่างๆ ทุกข์ต่างๆ มาทับถมไงครับ เช่นภัยธรรมชาติเป็นต้น อีกอย่าง สังคมมนุษย์ที่กำลังถูกลงโทษก็จะเข้าใกล้นรกภูมิทุกที ( ข่าวนะครับ ว่าที่อเมริกา ที่โดนพายุ คนของเขาซ้ำเติมกันเองโดยการปล้นสะดม ทำร้ายกัน รังแกกัน แย่งชิงกัน สภาพคล้ายกับการลงโทษในนรก (โดยสัตว์นรกต่างก็กัดกินกันเอง) ลองเปรียบเทียบกับเหตุการณ์คลื่นยักษ์ที่บ้านเราสิครับ ตายพอๆกัน แต่บ้านเราไม่มีการซ้ำเติมของกรรม เนื่องจากยังมีผู้ทรงบุญอยู่ การสนองกรรมในลักษณะของขุมนรกจึงไม่อุบัติขึ้น อีกไม่นานนะครับ สภาพของอเวจีมหานรก จะปรากฎบนโลก ลอฃคิดดูเล่นๆนะครับ ว่ากรรมใดชักนำให้หมู่สัตว์อุบัติในอเวจี ชนชาติใด ที่ก่อกรรมเหล่านั้นเป็นอาจินต์ อเวจี(นรกที่อุดมด้วยไฟ)ก็จะปรากฏขึ้นที่นั่น ประเทศไทย ยังมีดวงจิตนับล้าน ที่ก่อกรรมดี อำนาจของบุญเหล่านั้น แม้นไม่มากพอที่จะชักพาให้พ้นไปจากสภาพมนุษย์ แต่ก็ไม่น้อยจนกระทั่งตกไปอยู่ในสภาพของนรกบนดินได้ ยกเว้นบางบุคคลที่สมควรจริงๆ ก็จะมีเหตุให้ต้องไปอยู่ ณ สถานที่ วัน เวลา นั้นเองครับ คุณลองคิดดู(อีกที) ว่าบุคคลที่ละสังขารในสภาพที่เหมือนอยู่ในขุมนรก ก่อนตายจะมีเวลารำลึกถึงบุญกุศลของตนเพื่อไปสุคติหรือเปล่า หรือว่า แว่บ....แล้วก็อยู่ในขุมนรก...ของจริง

 

เร่งสร้างกุศลกันเถอะครับ ถึงเวลา เราจะได้ไปอย่างที่ไม่มีห่วง หมั่นเจริญมรณานุสติกันนะครับ เราเกิดมา มีความตายเป็นเงาตามตัว ( ขอยกย่องบุคคลผู้กล้าหาญ ที่เปลี่ยนชื่อตนเป็น นายตายแน่ มุ่งมาจน ผมว่า เขาเข้าถึงชีวิตนะครับ)

 

ชื่นชมทุกท่านที่กล้าออกมาเปิดเผยตนเองว่า กำลังเดินอยู่ในทางที่ดีงามขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และหลายท่านที่กล้าออกมายอมรับว่า ตัวเอง มีสัมผัสพิเศษ และไม่หลงในความพิเศษนั้น สมัยนี้ ถ้าใครบอกว่า กำลังหัดนั่งสมาธิ ศึกษาพุทธศาสนา ก็จะเป็นเรื่องแปลก และบางคนถึงกับไม่มีใครคบ หรือถ้าใคร มีสัมผัสที่ ๖ ก็อาจจะถูกมองเป็นเรื่องตลกไป เรื่องภัยพิบัติต่าง ๆ นั้น ถ้าเราชาวเวบคนใด ที่มีความสามารถพิเศษเหล่านี้ หรือปฎิบัติธรรมได้ขั้นที่พลังจิตเข้มแข็งพอ ลอง ตั้งจิตอธิษฐานดี ๆ และพยายามแผ่เมตตา ต่อวิญญาณด้านลบ หรือพลังงานด้านลบทั้งหลาย อีกทั้ง แผ่เมตตา ถึงสวรรค์เบื้องบน ให้ชะลอเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์ร้าย หรือทำให้เหตุการณ์นั้นเบาบางลง ๆ เชื่อว่าน่าจะทำได้ ลองคิดดูนะครับ

 

ผู้ที่คิดถึงความตายตลอดเวลาจะทำให้ไม่ประมาทในชีวิต จะได้เร่งรัดสร้างบุญบารมีให้มาก เพื่อการหลุดพ้น"หายใจ เข้า หายใจออก ไม่หายใจเข้า แค่นี้ เราก็ตายแล้ว ความตายอยู่แค่ปลายจมูก" ได้เข้ามาเวปนี้ทำให้ได้ความรู้ไปมาก รวมทั้งได้ฟื้นความรู้ที่เคยไปอบรมที่วัดมา