มีแต่อวิชชาและทุกข์แต่ไม่มีผู้ยึด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 4 พฤศจิกายน 2021.

  1. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    เพราะอวิชชาจึงมีผู้ยึด เพราะมีผู้ยึดจึงมีเรา เพราะมีเราจึงมีผู้ทุกข์
    -ใช่เลยครับ 555

    เมื่อปัญญาใจเข้าใจในอวิชชา ผู้ยึดจึงไม่มี ผู้ปล่อยวางก็ไม่มี และผู้ทุกข์จึงไม่มี
    (แต่ทุกข์นั้นยังคงมีเกิดดับตลอดเวลาเป็นธรรมดา)
    -ใช่ครับ รู้แจ้งในทุขสัจ

    ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    สุขเวทนา เป็นจิตสังขาร
    ทุกขเวทนา เป็นจิตสังขาร
    เฉยๆไม่ถึงกะสุข ไม่ถึงกะทุกข์ ก็เป็นจิตสังขาร
    เมื่อเมีการกระทบอารมย์(สิ่งที่ถูกรู้)
    จิตกะเจตสิกย่อมเกิดพร้อมกัน
    คือความรู้สึกชอบ รู้สึกไม่ชอบ รู้สึกเฉยๆ
    เป็นผลที่เกิดขึ้นในใจ หากยอมให้ผล
    ที่ไหลเข้าในใจ
    แล้วไหลออกไปทันทีโดยไม่กักเก็บไว้
    ทั้งสุข หรือทุกข์หรือเฉยๆ
    แค่ให้ไหลผ่านไปทุกครั้งที่เกิดพอใจ ไม่พอใจ
    หรือเฉยๆ
    ใจก็ไม่มีอะไรตกค้างก็จะไม่ทุกข์
    ส่วนทุกขอริยสัะจจ์ มันมาพร้อมกับการเกิด
    จะกำจัดได้โดยการชำระกิเลสอนุสัย
    ในใจให้ดับสนิท จึงจะสิ้นทุกข์ได้
    (คือหยุดการเกิด)คับ
     
  3. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ถ้าใจยังไม่ประจักษ์ ยังไง ก็ปล่อยไม่ได้
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ช่าย มันเร่งทำให้ประจักษ์
    ไม่ได้
    จนกว่าจะถึงพร้อมด้วยเหตุปัจจัย
    ไม่ใช่การดิ้นรนขวนขวาย
     
  5. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68

    เวทนา สามอย่าง
    1 สุขเวทนา
    2 ทุกขเวทนา
    3 อทุกขมสุขเสทนา

    เวทนาก็อย่างนึง
    สัญญาก็อย่างนึง
    สังขารก็อย่างนึง

    สัญญากับเวทนาตกแต่ง จึงเกิดจิต จิตสังขาร
    หรือจะเรียกว่า สัญญา เวทนา สังขาร เป็นปัจจัย จิตสังขารจึงเกิดขึ้น

    ภาษาบ้านๆ ก็ ความจำได้หมายรู้ ผสม ความรู้สึก สุขทุกเฉยๆ ปรุงแต่ง รวมกัน จึงเกิด
    ความสำคัญตนว่าจิตของกู อารมณ์กูประมานนี้
     
  6. ปวีรัศม์ชา

    ปวีรัศม์ชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    703
    ค่าพลัง:
    +642
    ยืนยันว่าเร่งได้ ความเพียรมีผล มีผลมากๆ

    ทำเหตุพอ ทำเหตุถูก ผลก็ปรากฎ ..ถ้าผลไม่ปรากฎ นั่นคือเหตุไม่พอ ไม่มีอะไรเกิดลอยๆ โดยไม่อิงเหตุบนพท.จิตอวิชชานี้

    เพราะขอบเขตของจิตอวิชชา มันต้องโดดไปมาระหว่างเหตุและผลตลอด

    อุเบกขาสัญญา คำง่ายๆ คือ ทำสัญญาตัวนี้ให้มันเคยชิน จนกลายเป็นนิสัยที่ตัวเรานั่นแหล่ะ ถ้าภาษาหนังสือคือ จิตมีกำลัง

    ถ้าจิตมันจำสัญญาตัวนี้ได้ และค่อยๆ มากขึ้น มากขึ้น มันจะมาทอน โลภ โกรธ หลงนี่นั่นอัตโนมัตเอง
     
  7. ปวีรัศม์ชา

    ปวีรัศม์ชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    703
    ค่าพลัง:
    +642
    และก็ไม่ต้องเอาจิตไปจ้องดูสิ่งที่ถูกรู้นี่นั่นด้วย จ้องตัดเท่าไหร่ก้อไม่หมดหรอก ฝึกไปเรื่อยๆ จิตมันจะรู้เอง

    จิตมันจะทวนตัวเองมาดูจิตที่ตัวเหตุ คือผู้รู้เลย
     
  8. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    ลุงไม่เห็น คำถาม พุทธะ ถาม อุรุเวลกัสปะเหรอ (พระมหากัสปะที่ลุงยกย่องเรื่องเซนสะด้วยนะ ต้นฉลับเลยนะพระมหากัสปะ
    แถมยังชำนาญกสินไฟสะอีก อภิญา6อีก)

    พุทธะ ถามอุรุเวลาว่า

    ถ้าเกิดจะข้ามแม่น้ำจะทำยังไง
    อุรุเวลกัสปะ ตอบ ว่า ถ้าน้ำไม่ลึกเกินไป ก้เดินข้ามไป
    ถ้าน้ำลึก ก็ว่ายข้ามไป

    แล้วพุทธะก็ถามต่อ หากเขาไม่พร้อมจะว่ายน้ำละ จะรอให้อีกฝั่งเข้ามาหาเองด้วยการอ้อนวอนพระเจ้า จะเรียกคนผู้นั้นว่าอย่างไร

    อุรุเวลกัสปะ ตอบว่า เราจะเรียกเขาคนนั้นว่าช่างโง่เขลานัก

    พุทธะก็เลยตอบว่า เป็นเช่นนั้นแล้ว การนั่งอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่พยายามจะเดินข้ามฝั่ง หรือจะว่ายข้ามฝั่ง มันก้ไม่มีทางที่จะข้ามไปอีกฝั่งได้

    เอาพอเคร่า ๆก็ทำให้ อุรุเวลกัสปะ ยอม บวช พร้อมกับบริวารอีก 500

    จนมาเป็นไอดอลของ ชาวเซน
    ที่ยกพระมหากัสปะ เป็นต้นแบบเซน
    ทีนี้ พวกที่ชอบบอก ดิ้นรนไปก้ไม่ใช่
    ไม่เพียร ไม่ปรารภความเพียร โอยยยยยยยยยยยยยย
    ไม่รู้ จะเว่า คำไหน เห็นแล้ว คันนิ้ว :D
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2021
  9. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    เด็กหญิง ฉวี
    กับ
    นางสาว ฉวี นี่ คนเดียวกัน ใช่หรือไม่

    ไหนๆ ยาย ฉวี ตอบ ดังเป้งๆ หน่อยซิ๊
     
  10. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    ท่านอุรุเวลกัสปะสะสมบารมีมาจน
    ปริ่มแล้วพระพุทธองค์จึงค่อยตะล่อม
    ให้ท่านกัสปะเปลี่ยนค่ายด้วยปัญญาที่พร้อมแล้วได้ทันที
    ส่วนผู้ยังสะสมมาน้อยแต่มีคามตั้งใจ
    จะล่วงทุกข์ด้วยความเพียร ก็เป็น
    การสะสม
    ต่อไปไม่เสียหลาย และไม่มีขาดทุน
    แต่ก็ต้องเพียรให้ถุกทาง
    คือขั้นแรกต้องเพียรจนเห็นความจริง
    ว่าอัตตาตัวตนของเราที่แท้จริง
    ไม่มีจริง
    เป็นแค่สิ่งปรุงแต่งของธาตุ 4 ขันธ์ 5
    บวกกับวิญญาณธาตุหรือธาตุรู้
    (คือตัวเราที่แท้จริง
    แต่ไม่มีสิ่งใดปรากฎให้ใครรับรู้ได้ นอกจากรู้ตัวเอง)
     
  11. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    มาม๊ะ ลุงแมว คิดว่า ท่านอุรุเวลสกัสปะ
    มีบารมีมากมายซะขนาดนั้น

    ยังต้อง ว่ายน้ำข้ามเลย
    เลิกการนั่งอ้อนวอนให้อีกฝั่งเข้ามาหาด้วยการบูชาไฟเป็นต้นฯ


    ขนาดบารมีมากโขนะนั่น
    ยังต้อง ว่ายน้ำข้ามหรือเดินข้ามแม่น้ำหากไม่ลึกเกินไป

    เก็ตอ๊ะยัง

    ซ้ำให้อีกที

    ขนาดบารมี มีมากโข ขนาดนั้น
    ยังต้อง ว่ายข้ามน้ำหรือเดินไปหาอีกฝั่งนะนั่น
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    เมื่อจิตบริสุทธิ์ปราศจากกิเลสอนุสัย
    ก็ไม่มีการย้ายภูมิลำเนาจากร่างเดิม
    ไปหาภพใหม่ร่างใหม่ เพียงแต่ยังเป็น
    ธาตุรู้ที่ไม่ปรากฎตัวตน
    แต่มีอยู่ตามธรรมชาติในความว่าง
    เช่นเดียวกับ
    ความว่างของตักรวาล(แต่ไม่ใช่
    แบบอากาศซึ่งว่างเวิ้งว้างโดยปราศจาก
    ความรู้)
     
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,410
    ค่าพลัง:
    +12,662
    บารมีเพื่อการบรรลุธรรม
    เป็นปัญญาบารมีที่เหมาะสมพร้อมรู้แจ้ง
    ถ้าได้รับการอบรมสั่งสอนตรง
    ตามพระสัทธรรม
    มีปัญญาบารมี แต่เหาะไม่ได้
    ทำกสิณไม่ได้
    ก็บรรลุธรรมได้
     
  14. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    นั่นนะเซ่ลุง ขนาดบารมี ขนาดนั้น
    ยังต้อง ว่ายน้ำข้ามอีก

    เก็ตหรือยัง

    ขนาดบารมีขนาดนั้นยังต้องว่ายน้ำข้ามอีก

    :D

    สมแล้ว ขนาดท่านอุรุเวลกัสปะ เจ้าแห่งเซน ยังต้องบอกว่า พวกที่ไม่ว่ายน้ำนั่น
    เราจะเรียกพวกเขาว่า ช่างโง่เขลานัก :D
     
  15. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    ยูตุ๊ปปรากรอบอีกรอบ

     
  16. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68

    ขอมะเหงก สะที คันมือ

    อุเบกขาสัญญาห้าอะไร ใครเขาสอนแบบนั้น

    ใครเขาสอนให้ไปปรุงแต่งให้เป็นอุเบกขาสัญญา


    การกำหนดรู้ อะไรเกิดขึ้น เขากำหนดรู้หมด

    สุขเวทนาเกิด กำหนดรู้
    ทุขเวทนาเกิด กำหนดรู้
    อุเบกขาเวทนาเกิด กำหนดรู้

    แต่อาการกำหนดรู้ ให้รู้แบบเฉยๆ ไม่พากไม่แทรกไม่แซง
    ไม่ใช่ให้ไปสร้าง สัญญาอุเบกขา

    พอกำหนดรู้บ่อยๆ จิตมันจึงจำสภาวะได้เองโดยไม่ต้องกำหนด พอเกิด ผัสสะ มันจึงระลึกได้เองโดยอัตโนมัติ สัมปยุติทันที


    มีสมาธิ ปัญญา ประกอบ พร้อมกัน
    กิเลสไม่ต้องพูดถึง มันวิ่งหนีไปเองอยู่แล้ว
     
  17. ปวีรัศม์ชา

    ปวีรัศม์ชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    703
    ค่าพลัง:
    +642
    ก็การให้รู้เฉยๆ ในทุกสิ่งไม่เรียกอุเบกขาหรอ

    รู้เฉยๆ, รู้ซื่อ ๆ, อุเบกขา = อาการเดียวกันหมด ต่างแค่คำศัพท์ที่ใช้เรียก

    ทำไปบ่อยๆ สัญญาอุเบกขามันจะเกิดที่จิตเอง ก็คือมีนิสัยนี้ปรากฎขึ้น เพราะเราทำสม่ำเสมอ
     
  18. ฟ้ากับเหว

    ฟ้ากับเหว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +372
    มันเหมือนแกล้งทำเป็นไม่รู้อะป่าวอะ แบบนั้นป๋มเป็นบ่อย แกล้งทำเป็นไม่รู้ ช่างมัน มันต้องเกิด อะไรที่มันต้องเกิด
    เช่นใจฉันหยุดเธอไม่ได้ 555 นี่มันเพลงนี่หว่า... ส่วนแมวหลากสี เขาคงเล่นเกมส์ ชิงร้อยชิงล้านอยู่ เอ๋ เกมส์อะไรนะ
    ที่ถ้าตอบถูก....พิธีกรจะพูดว่า....ถูกๆๆๆๆๆๆๆ....ถูกต้องค้าบ..555 มาเยี่ยมเฉยๆ
     
  19. ๑๓อักษร

    ๑๓อักษร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +68
    หึ๋ยย

    เขากำหนดรู้ ทุกอารมณ์ เพื่อ ให้จิต จำสภาวะนั้น
    ซึ่งสภาวะนั้น มันก็ คนละอย่าง
    มันจึงเรียกว่า รู้ตามความเป็นจริง

    เหมือนเรา น้ำตาลเข้าปาก มันหวาน
    พริกเข้าปาก มันเผ็ด
    เกลือเข้าปาก มันเค็ม
    น้ำมะนาวเข้าปาก มันเปรี๊ยว

    การกำหนดรู้พวกนี้
    จึงเรียกว่า รู้ตามความเป็นจริงที่มันเป็น
    คือ
    เปรี๊ยวก้เปรี๊ยว
    หวานก็หวาน
    เผ้ดก็เผ้ด
    เค็มก้เค็ม
    ไม่ได้ให้ไป เฉไฉทำเป็น ว่า
    นี่เผ้ดนะ แต่บอกไม่เผ้ด
    นี่หวานนะ แต่บอกไม่หวาน
    นี่เค็ม นี่เปรี๊ยวนะ แต่บอกไม่เค็มไม่เปรี๊ยว

    เมื่อจิตมันจดจำสภาวะได้แม่น
    สติมันจะเกิดเองเมื่อมีผัสสะ

    และเมื่อสติ เกิด ธัมในโพชฌง ทุกข้อ
    มันตามมาเป็นพรวนเอง
    ลงสุดท้าย ที่อุเบกขาสัมโพฌชง

    ฉะนั้นแล้ว หากไม่เข้าใจ สติตัวแรก
    ธัมในโพชฌงตัวอื่นจะไม่มีทางเข้าใจ
     
  20. ปวีรัศม์ชา

    ปวีรัศม์ชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    703
    ค่าพลัง:
    +642
    ก็เหตุที่สร้างคือรู้เฉยๆ , รู้ซื่อๆ ,สักว่า ในการกระทบนั้นๆ

    แล้วผลคือ อุเบกขาสัมโพชชงค์ เกิดมั้ยหล่ะ ก็สร้างเหตุไปยังไง ผลก็เป็นไปตามเหตุที่สร้างนั่นแหล่ะ

    นี่ยังต้องให้แปลไทยเป็นไทยอีกหรอ

    ก็อะไรที่เราทำบ่อยๆ ทำมาก ๆ จิตอวิชชามันก็จำสัญญามาหมดนั่นแหล่ะ สุดท้ายก็กลายเป็น"นิสัย" แต่ถ้าตำราเขาเรียก จิตมีกำลัง หรือสะสมบารมี

    จิตเวลารู้สภาวะ มันใช้คำง่ายๆคำชาวบ้านทั้งนั้น ไม่แต่งเครื่องแบบ แบบคำศัพท์เว่อร์ๆ ในหนังสือไปรู้หรอก
     

แชร์หน้านี้

Loading...