♥ มาแต่งกลอนแก้เหงากันนะ ♥

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย kib_jang, 21 มีนาคม 2008.

  1. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,793
    ดีแท้จริงกลอนธรรมที่ท่านสอน เป็นบทกลอนชี้ให้เห็นสิ้นสงสาร
    แม้ไม่ถึง ดิ้นรนพยามตาม คงต้องพ้นสงสารสักวันนึง
     
  2. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,151
    ค่าพลัง:
    +18,075
    หนึ่งดวงจิตนั้นไซร้เฝ้าว่ายวน
    อาบกายเปลี่ยนขันธ์ตนน่าเวียนหัว
    หลงร่างหลงชาติรักให้เมามัว
    เอาความชั่วเก็บใส่กระเป๋าใจ

    เพียงร้อยถ้อยธรรมทางหายสงสัย
    หลงอื่นใดไหนเล่าเขาให้ขัน
    หลงในสิ่งรั้งมิอยู่ขืนยืนวัน
    หลงสีสันสุดท้ายกลายซากดิน



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2008
  3. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    อันเหล่าธรรมที่มวลมิตรได้เรียงร้อย
    ถ้วนทุกถ้อยกระทงความตามประสงค์
    จะเป็นเครื่องบ่มเพาะเจตจำนงค์
    อันหมายตรงจะไปถึงซึ่งนิพพาน

    แม้จะต้องฟันฝ่าอุปสรรค
    ที่ล้วนจักต้องลำบากมหาศาล
    แต่ก็เพื่อให้หลุดซึ่งบ่วงมาร
    พ้นวัฏสงสารที่ไหลวน
     
  4. ก.แก้วคำ

    ก.แก้วคำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +71
    ประนมกรณ์ ถวายพรพระ ศากยะมุนี ชีวิตนี้ มีแสงธรรม ล้ำเลิศหมาย
    กุศลจิตร อธิษฐาน มารมลาย ตราบชีพวาย กายทิพย์อยู่ คู่นฤพาน(พี่ป้าน้าอาไปรอกันก่อนนะเดี๋ยวผมตามไปขอใช้กรรมสักครู่ อิอิอิ)
     
  5. Pure

    Pure Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +50
    ขอกล่าวคำ..
    ๐..อนุโม-ทนา-ศรัทธาจิต
    ต่อเหล่ามิตรสหายธรรมจำเสมอ
    แม้นไม่ได้กล่าวตลอดเปิดบอร์ดเจอ
    ได้โปรดเธอรับรู้ไว้ใจยินดี


    ไม่มีของมีค่าที่หาให้
    แต่มีใจร้อยใยถักเป็นสักขี
    กล่าวคำบอกชื่นและชมสมยินดี
    คำกล่าวนี้ออกมามีจากที่ใจ


    มีบทกลอนสอนธรรมนำมากล่าว
    เป็นเรื่องราวชาวพุทธสุดไสว
    แบ่งปันเผื่อเจือน้อมสู่อ้อมใจ
    จุดหทัยให้สว่างในทางธรรมฯ..๐

    Pure/
     
  6. บุษบากาญจ์

    บุษบากาญจ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9,476
    ค่าพลัง:
    +20,271
    อรุณสวัสดิ์เพื่อนนักกลอนตอนเช้า ๆ
    ตื่นเถิดเราจากรักโลภโกรธและหลง
    อย่ามัวเมากันอีกเลยให้เฉย-ปลง
    ละลุ่มหลงมัวเมาเข้า......นิพพาน
     
  7. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,151
    ค่าพลัง:
    +18,075
    เสียงเจื้อยแจ้วแว่วหวานมาเขย่า
    ปลุกจิตเราให้ตื่นฟื้นสังขาร
    เผลอหลงหลับในวัฎมาเนิ่นนาน
    เกือบวายวางทั้งหลับในบัดดล

    ใยแก้วโยงนำคำพระมาให้
    ฝังจิตใจให้คิดติตรองผล
    อันว่าชื่นโลกชอบชินกมล
    แต่ว่าผลสุดท้ายก็วายวาง

    รัก โลภ โกรธ หลงใหล ใช่ใดเล่า
    อันคนเราสะสมยาวเป็นหาง
    เพื่อจะสุขจะทุกข์ชั่วโมงยาม
    ตัณหาตามใจอยากลำบากนาน

    ฟื้นแล้วเห็นทางรอดมีเพียงหนึ่ง
    ที่อันซึ่งนิราศทุกข์สุขหนักหนา
    ที่อันซึ่งเพริดแพร้วอัครา
    ที่นั้นหนาควรคิดจริตปอง

    นฤพานทางแก้วเคยเห็นไหม
    จะห่างไกลเพียงใดเฝ้าหา
    แม้พากเพียรเหนื่อยยากไม่นำพา
    ถึงชีวาจะมอดม้วยด้วยก็ตาม

    เพื่อให้พ้นวงวัฎในชาตินี้
    เลิกเสียทีตัณหาที่สืบสาน
    ตัดใยรักกิเลสลวงให้วายวาง
    จะถึงทางเลิศรัตนะธรรม








     
  8. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    ยลยินเสียงเพื่อนแก้วแว่วมาปลุก
    ให้รีบลุกจากทุกข์กันเถิดหนา
    ลุกหลีกพ้นจากบ่วงห้วงมายา
    และมุ่งหน้าสู่นิพานบานเบิกใจ

    อันสายธารเสียงธรรมที่พันผูก
    ชี้ทางถูกสู่ทางธรรมสว่างไสว
    แม้หนทางเบื้องหน้าอาจยาวไกล
    ก็ฝันใฝ่ได้ไปถึงซึ่งดินแดน

    ดินแดนที่แสงธรรมส่องสว่าง
    แจ่มกระจ่างกลางจิตรประสิทธิ์แสน
    ทั้งสวยสดงดงามเยี่ยงเมืองแมน
    สุขใดแม้นเหมือนเช่นถึงซึ่งนิพพาน

    ได้หลุดพ้นการเกิดดับของดวงจิต
    พ้นชีวิตพ้นวัฏสงสาร
    พ้นกิเลสพ้นตัณหาพ้นบ่วงมาร
    ทุกทิวารจิตเป็นสุขสงบเอย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2008
  9. ก.แก้วคำ

    ก.แก้วคำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +71
    มองสังขาร ย้อนวันวาน ยังหวานอยู่ นี่หรือตู ดูเมื่อก่อน ละอ่อนใส
    หลงในรูป จูบว่าหอม (แน่ะ) จิตรน้อมไป ชนม์ชีพวาย กลายเป็นผี นี่หรือคน
    ดูก่อนท่าน ปัจจุบัน ยังชีพอยู่ คิดตรองดู วาระจิตร พิศมัย
    เหตุใดเล่า มัวเมาคง หลงรูปกาย เป็นปัจจัย ให้คงอยู่ คู่โลกีย์
     
  10. Pure

    Pure Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +50
    ๐..มีบ้างไหมใครหนอที่พอรู้
    เราเกิดอยู่ตั้งเป็นคนแต่หนไหน
    แล้วจะไปสิ้นสุดที่จุดใด
    อีกเท่าไหร่ต้องเกิดตายจึงหน่ายพอ


    ใครเป็นคนลิขิตชีวิตสร้าง
    ใครเบิกทางสร้างลิขิตชีวิตหนอ
    ใครกำหนดกฏต่างอย่างถักทอ
    ใครกันหนอต่อร่างก่อสร้างคน


    หรือกรรมเก่าเราต่างเป็นทางเชื้อ
    ก่อและเกื้อเจือเจตต์เป็นเหตุผล
    ใครมีกรรมเก่าก่อนแต่จรจล
    ต้องรับผลต้นกรรมที่ทำเคย


    ก็แล้วกรรมต้นแรกที่แบกไว้
    มาจากไหนใคร่ฉงนกลเฉลย
    หรือจู่จู่ก็กำหนดกฏมาเลย
    ต้นกรรมเอ๋ยเกิดจากไหนใคร่รู้ที..๐
     
  11. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,151
    ค่าพลัง:
    +18,075
    การกระทำเรียกว่ากรรมนำมาเกิด
    จักเลอเลิศสูงยศอยู่เหนือฟ้า
    จักโศกทรุดทรามซ้ำตรมอุรา
    ก็ล้วนแต่กระทำมาด้วยตนเอง

    หาจิตผ่องกิเลสวางถึงศีลพร้อม
    ไม่หม่นหมองสคราญรัตนบรรเลอสรร
    อนุสติจิตสุดท้ายกราบพระทรงธรรม
    เมื่อวายพลันจุติสู่สราลัย

    หลงเมารัก เมาทรัพย์ และเมาโลก
    จิตรซวนโศกทรวงทรุดชำรุดไห้
    ผวากลัวจะอดยากพรากสบาย
    จิตสุดท้ายนำสู่ทุกขภูมิ
     
  12. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    โอ้กรรมใดใครเล่าที่เฝ้าก่อ
    มนุษย์หนอใยไม่หยุดสุดเฉลย
    สะสมกรรมเพิ่มทุกข์มิสุขเอย
    ไฉนเลยจึงจะหยุดสุดสิ้นกรรม

    จงหันหน้าเข้าสู่ทางธรรมเถิด
    ธรรมบรรเจิดเลอค่ามิน่าขำ
    ธรรมจะคอยเป็นเครื่องช่วยชี้นำ
    พ้นห่วงกรรมพ้นทุกข์สุขสำราญ

    หากเราละการก่อเกิดแห่งกรรมได้
    เท่ากับละเวียนว่ายวัฏสงสาร
    เท่ากับลี้หลีกล้นพ้นบ่วงมาร
    ได้ลิ้มรสพระนิพพานอันน่ายล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2008
  13. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    เวลาล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่

    ถึงฝนฟ้าที่ตกมาไม่ทั่วฟ้า
    หลายเพลาผ่านไปยังไม่สาง
    ยังได้ยินเสียงฝนเป็นลางๆ
    เลยนึกคลางแคลงใจในราตรี
    หลายเพลาผ่านไปในชีวิต
    ยิ่งนึดคิด ยิ่งตรึกตรอง ยิ่งสับสน
    อะไรหนอคือสาระในชีวิตคน
    นอกจากปล่อยให้ผ่านพ้นไปวันๆ
    คือ กุศล ผลบุญ ที่ทำไว้
    คือ ดวงใจ ที่ผ่องแผ้วด้วยกุศล
    คือ ดวง จิต ที่ สดใสไม่หมองมล
    ยังราตรีชีวิตคนให้รุ่งเรื่อง
     
  14. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    กรรมมุนาวัตติโลโก
    ตามพระโพธิสัตว์ท่านตรัสสอน
    อันสัตว์โลกย่อมเป็นตามกรรมแน่นอน
    ทุกข์นิวรณ์ย่อมก่อเกิดกำเนิดกาย

    เกิดเป็นบ่วงถ่วงโน้มประโลมจิต
    ให้หลงติดซึ่งกิเลสปัญญาหาย
    ติดตัญหากามามิเคลื่อนคลาย
    สุขมลายด้วยกรรมชั่วที่ตัวตน

    แต่หากเห็นธรรมเกิดประเสริฐแล้ว
    ดุจดังแก้วส่องสว่างกลางเวหน
    ชี้ให้เห็นแสงธรรมนำจิตดล
    ให้หลุดพ้นหลีกลี้หนีเมืองมาร

    ปฏิบัติตามธรรมเถิดบรรเจิดแล้ว
    จึงคลาดแล้วจากบ่วงห้วงสงสาร
    ไม่มัวเมาหวังเข้าสู่นฤพาน
    สิ้นสงสารละล่วงการว่ายเวียนวน
     
  15. ก.แก้วคำ

    ก.แก้วคำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +71
    แสงทองส่อง มองเห็นธรรม ค้ำจุนโลก บรรเทาโศก วิโยคคลาย มลายสูญ
    ทรงศีลห้า สมาธิกล้า ปัญญาพูน ก่อเกื้อกูล สุขพัฒน์ สวัสดิโสภา
     
  16. เวฬุวัล

    เวฬุวัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,843
    ค่าพลัง:
    +505
    แสงธรรมส่องมองเห็นทางสว่างจิต
    ให้พิชิตหมู่มารที่ผลาญผยอง
    จิตเกิดธรรมเห็นความตามครรลอง
    ชนะผองหมู่มารรานราวี

    รักษาศีลรักษาธรรมทำตามเถิด
    แล้วจักเกิดผลดีเลิศประเสริฐศรี
    ละลดชั่วกอรปกุศลบุญล้นมี
    ดลฤดีสุขเกษมปรีเปรมเอย
     
  17. นิพพิทา2008

    นิพพิทา2008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +55
    <TABLE align=center border=0><TBODY><TR><TD>จากคำกลอน ที่ร่าย ได้สลวย
    เพราะคุณรวย เรื่องศัพท์ ระยับแสง
    พร้อมเนื้อหา มาเสริม เพิ่มอีกแรง
    สมตำแหน่ง กวี ธรรมะไทย

    คุณเก่งแล้ว เรื่องกวี วิธีร่าย
    พร้อมบรรยาย ธรรมา-ภิสมัย
    สื่อสราญ อ่านลำเนา ก็เข้าใจ
    สื่อความใน ได้สม คารมณ์ดี

    ยามราตรี มีแสงดาว พราวระยับ
    ที่ประดับ บนนภา คราดิถี
    คืนฟ้าใส มองเห็น ยามตรี
    เป็นวิถี สีสัน ดันดารา

    ยามสงัด เงียบสนิท จิตสงบ
    จึงได้พบ ธรรมดี ที่มีค่า
    กายวิเวก จิตวิเวกรู้ อยู่เอกา
    ธรรมดา อุปธิ มีได้แล

    ได้ถ่ายทอด ความรู้สึก ที่ลึกซึ้ง
    ยิ่งถ่ายทอด ยิ่งตราตรึง จึงเผื่อแผ่
    ได้ชุ่มจิต เหมือนมิตร มาดูแล
    ได้ตีแผ่ ความรู้ ขึ้นสู่จอ

    .........................................................
    ขอให้กำลังใจ ทุกท่านที่แต่งกลอนธรรมะ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. นิพพิทา2008

    นิพพิทา2008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +55
    กายเดียว จิตเดียว <!--colorc--><!--/colorc-->

    รู้กายเดียว ...จิตเดียว ...ไม่เกี่ยวข้อง
    สติจ้อง ...รู้จิต ...ปลิดสังขาร
    ทั้งดีชั่ว ...ปล่อยไป ...ไม่รำคาญ
    ชนะมาร ...ภายใน ...ใช้ปัญญา

    กำหนดรู้ ...กายจิต ...ไม่คิดแส่
    ตัดกระแส ...สมุทัย ...ไกลตัณหา
    แจ้งประจักษ์ ..ในไตร- ...ลักษณา
    จับอัตตา ...ฆ่ามัน ...ให้บรรลัย

    อัตตาตาย ...กลายเป็นพระ ...ละกิเลส
    พ้นวิเศษ ...ปรากฏ ....ความสดใส
    พระพุทโธ ...โผล่รู้ ...ดูภายใน
    ให้จิตใจ ...ชื่นบาน ...พ้นมารยา

    เราเขียนกลอน ...สอนใจ ...ใช้ความคิด
    ให้ญาติมิตร ...ตริตรึก ...ได้ศึกษา
    ดำเนินตาม ...ทางตรง ...ปลงปัญญา
    มีดวงตา ...เห็นธรรม ..ประจำเอย.
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  19. นิพพิทา2008

    นิพพิทา2008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +55
    อย่าเพ่งออก <!--colorc--><!--/colorc-->

    การปรารภ ...ธรรมะ ...มีประโยชน์
    คอยเพ่งโทษ ...ตัวเอง ..อย่าเพ่งเขา
    หมั่นมองดู ...หน้าตา ..ฆ่าตัวเรา
    ให้ว่างเปล่า ...จากใจ ..อย่าไว้มัน

    การเพ่งออก ...หลอกตัวเอง ...เก่งกว่าเขา
    ใจมัวเมา ...เพลิดเพลิน ...เที่ยวเหิมหัน
    เพิ่มทุกข์โทษ ...ให้แก่ตัว ...ใจพัวพัน
    ทุกข์ทั้งนั้น ...อย่างวยงง ...หลงมารยา

    จงเพ่งดู ...จิตใจ ...อย่าได้ขลาด
    ความฉลาด ...ตรวจดู ...รู้รักษา
    สิ่งสกปรก ...รกใจ ...ไม่เก็บมา
    ผ่านหูตา ...ปล่อยไป ...ไม่ไยดี

    คอยปลดเปลื้อง ...เรื่องร้าย ...ให้คลายออก
    หมั่นซักฟอก ...จิตใจ ...ให้เต็มที่
    รู้เท่ากล ...มารยา ....ทุกนาที
    โทษเกิดมี ...ละมัน ...ในทันใด

    ปฏิบัติ ...คัดเลือก ...ทิ้งเปลือกนอก
    ให้จางออก ...เห็นชัด ...ตัดสงสัย
    เป็นแนวทาง ...หลุดพ้น ...ควรสนใจ
    ปล่อยวางไป ...ไม่กังวล ...พ้นโทษเอย.
     
  20. นิพพิทา2008

    นิพพิทา2008 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    346
    ค่าพลัง:
    +55
    การเพ่งโทษ <!--colorc--><!--/colorc-->

    การเพ่งโทษ ...เพื่อประโยชน์ ...จะชี้ทาง
    เป็นแบบอย่าง ...วางไว้ ...ให้รู้เห็น
    การเพ่งเพื่อ ...สอนกัน ...นั้นจำเป็น
    ผู้บำเพ็ญ ...ประโยชน์ ...โทษไม่มี

    การเพ่งโทษ ...เพื่อประโยชน์ ...จะอวดอ้าง
    ใจกระด้าง ...โกรธเกลียด ...เฝ้าเสียดสี
    เพ่งโทษเขา ...เมามัว ...ว่าตัวดี
    เพ่งอย่างนี้ ...มีโทษ ...โปรดไตร่ตรอง

    เพ่งโทษเขา ...เหมือนหาเหา ...มาใส่หัว
    โทษที่ตัว ...เพ่งเขา ...ใจเศร้าหมอง
    ใครจะดี ...จะชั่ว ...ไปมัวมอง
    ดูโทษของ ...คนอื่น ...ทุกคืนวัน

    โทษของตน ...ไม่สนใจ ...ไม่รู้สึก
    ไม่นึกฝึก ...ตนบ้าง ...ช่างขยัน
    เพ่งโทษเขา ...เอามา ...นินทากัน
    เพราะคนนั้น ...มีทิฏฐิ ...ดำริพาล

    อีกการพูด ...เพ้อเจ้อ ...เสนอข่าว
    รู้เรื่องราว
     

แชร์หน้านี้

Loading...