ฝันว่าดวงจิตลอยนิ่งเงียบโดดเดี่ยวอยู่ในจักรวาล สงสัยมากว่าคืออะไร ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Asher, 20 สิงหาคม 2022.

  1. Asher

    Asher สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2022
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    สวัสดีค่ะ ดิฉันมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความฝันของตัวเองเมื่อปีก่อน
    ดินับถือศาสนาพุทธ ช่วงนั้นทำงานตามปกติ และพักอยู่ที่ออฟฟิศ ที่ออฟฟิศมีหิ้งพระอยู่ ทุกวันพระดิฉันจะซื้อดอกไม้มาไหว้บูชาพระพุทธรูปและเปลี่ยนน้ำถวายพระพุทธรูป ซึ่งทั้งชีวิตที่ผ่านมาแม้ตอนอยู่บ้าน ดิฉันไม่เคยทำแบบนี้เลยค่ะ พึ่งมาทำตอนพักอยู่ที่ออฟฟิศนั้น และช่วงนั้นดิฉันไม่ได้ฟังธรรมะ ไม่ได้สวดมนต์ ไม่ได้ปฏิบัติธรรม ไม่ได้ดูหนังที่เกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลเลยค่ะ

    ***แต่มีคืนหนึ่ง คืนนั้นนอนคนเดียว ดิฉันฝันว่าลอยไปในอวกาศ ลอยไปเรื่อยๆจนเห็นภาพภาพหนึ่งซึ่งภาพที่เห็นก็เห็นคล้ายภาพที่แนบด้านล่างนี้ พอเห็นแล้วก็หยุดนิ่งอยู่มองอยู่อย่างนั้น แต่ที่แปลกคือดิฉันรู้สึกว่าลอยไปแค่จิต เพราะขณะกำลังลอยไปและหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ดิฉันไม่มีแขนขาไม่มีลำตัวไม่มีศีรษะที่เป็นร่างกายดิฉันเลย พูดง่ายๆคือไม่มีร่างกาย เหมือนมีแค่จิตที่กำลังลอยอยู่ ซึ่งดิฉันก็ไม่แน่ใจว่านั้นเรียกว่าจิตหรือวิญญาณ แต่ที่แน่ใจคือไม่เห็นแขนขาลำตัวไม่มีศีรษะแน่ๆ ขณะที่กำลังลอยนิ่งมองระบบสุริยะจักราลอยู่ ดิฉันรู้สึกโดดเดี่ยว เหมือนที่ตรงนั้นมีแค่ดิฉันอยู่คนเดียว และไม่มีเสียงอะไรเลย มีแต่ความเงียบความนิ่ง ไม่รู้สึกอะไรเลยไม่รู้สึกทั้งทุกข์และสุข ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความว่างเปล่า ความเงียบ ความนิ่ง โดดเดี่ยว ไม่มีความคิด ไม่มีอารมณ์ แต่เห็นภาพตามด้านล่างนี้เท่านั้น เป็นแบบนั้นได้ประมาณ1นาทีได้ รู้สึกว่ามันแปปเดียวจริงๆ แล้วจิตที่กำลังอยู่ในสภาวะนั้นก็ค่อยๆถอยออก จากที่ลอยนิ่งเงียบอยู่ จิตนั้นค่อยๆเคลื่อนที่ออกจากตรงนั้น ซึ่งดิฉันรู้ตัวว่ากำลังจะไปจากที่ตรงนั้น และรู้ว่านี่คือฝันแน่ๆ แต่ทำไมฝันแบบนี้ เกิดมาไม่เคยฝันแบบนี้ แล้วก็ไม่อยากจากที่ตรงนั้นมา พยายามกำหนดให้จิตลอยนิ่งเงีบบอยู่ที่ตรงนั้นแต่ทำไม่ได้ บังคับไม่ได้ จิตมันลอยเคลื่อนที่ออกมาเองช้าๆ ประมาณว่าได้ไปท่องนอกโลกแปปเดียวและหมดเวลา ขณะที่จิตกำลังเคลื่อนที่ในใจคิดว่า " เดี๋ยวๆอย่าพึ่งลอยกลับได้ไหม อยากอยู่ตรงนี้อีกสักพักก่อน อย่าพึ่งตื่นจากฝันนี้ได้ไหม มันดีมากเลย ขออีกเดี๋ยวได้ไหม " แต่ก็บังคับไม่ได้ ต้องลอยกลับมา และตื่นจากฝันทันที จำได้ว่าเป็นช่วงเวลากลางคืนแต่จำไม่ได้ตอนนั้นฝันเวลาไหน

    ซึ่งความฝันนี้ได้ทิ้งคำถามให้ดิฉันสงสัยมาก ว่านั้นคืออะไร หมายความว่าอย่างไร หรือจะเป็นแค่ความฝัน แต่เป็นฝันที่ดีมากๆ อยากจะกลับไปฝันแบบนั้นอีก ถ้าเป็นไปได้อยากอยู่แบบนั้นไปตลอด หรือเขาเรียกว่าจิตสงบ จิตเข้าสู่ภวังค์ หรือดิฉันคิดไปเอง หรืออะไรดิฉันก็ไม่ทราบและไม่เข้าใจ บางครั้งดิฉันอยู่ในภาวะซึมเศร้าหนักมากกับปัญหาชีวิตที่เจอ เคยคิดอยากฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่พอนึกถึงว่าเราเคยฝันแบบนี้นะ ถ้าเราฆ่าตัวตายไปเราจะไม่รู้เลยว่าฝันนี้คืออะไร และคงจะไม่มีโอกาสได้ฝันแบบนี้อีกแน่ เพราะการฆ่าตัวตายเป็นบาปหนัก จิตคงจะกลับมาสงบจนฝันดีๆแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วในภพหน้า สิ่งที่ฉุดรั้งไม่ให้ฆ่าตัวตายคือฝันนี้ค่ะ

    รบกวนผู้รู้อธิบายทีค่ะว่าฝันนี้คืออะไร หมายความว่าอย่างไร ดีหรือไม่ดีคะ ช่วยไขความให้กระจ่างทีค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า

    ***ขอแนบภาพด้านล่างนี้เพื่อสื่อให้เห็นภาพที่ดิฉันเห็นในฝันนะคะ ***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. volvo16738

    volvo16738 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +228
    มีประสบการณ์คล้ายๆกันครับ แต่ตอบไม่ได้ว่าคืออะไร รอผู้รู้มาตอบ แสดงว่าที่เล่ามาเป็นเรื่อง เพราะคล้ายๆกับที่ผมเจอ เพราะตอนผมออกไปก็มีแต่ดวงจิตที่ไม่มีร่างกาย ไม่มีแขน ขา ตัว รู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่กลุ่มก้อนพลังงานก้อนนึง แต่ต่างกันตรงของผมไม่ได้ฝัน ตอนนั้นนั่งสมาธิอยู่ กำหนดจิตไว้เหนือสะดือ แล้วทำจิตให้สงบ อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนตัวเองลอยออยมาจากร่างกาย เป็นลักษณะอย่างที่บอก เหมือนตัวเองเป็นแค่พลังงานที่ไม่มีแขน ขา แต่มองเห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนแบบปกติ แล้วก็ลอยออกไปเล่นนอกหน้าต่างบริเวณรอบๆบ้าน ใช้ความคิดในการเคลื่อนที่ไปมา คิดว่าไปซ้าย-ขวา มันก็จะไปตามนั้น

    คุณได้เจอแบบนี้ก็ดีกับคุณนะ แต่เคสคุณไม่แน่ใจว่ามันเป็น lucid dream (ฝันรู้ตัว) ไหม ต้องรอคนอื่นมาตอบ...
     
  3. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    ก่อนอื่นผมขออนุญาตเรียกคุณ @Asher ว่า “คุณ Jinny” นะครับ ชื่อสมมตินะครับ เพราะผมโพสต์เรียกคุณ @Asher มันพิมพ์ยากกว่าพิมพ์ว่า คุณ Jinny” นะครับ (^_^) และผมขอออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ใช่ ผู้รู้ แต่อย่างใดครับ _/\_ ผมเป็นเพียงแค่ กัลยาณมิตรธรรมดา คนหนึ่งซึ่งพอจะมีความรู้อยู่บ้างในทางธรรมะ พยายามรักษาศีลอย่างเคร่งครัด สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำและปฏิบัติธรรมตามสมควรครับ (^ ^) ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ขอให้คุณ Jinny ลองพิจารณาอ่านอย่างช้าๆอย่างพินิจพิเคราะห์นะครับ _/\_

    ประเด็นแรกนะครับคุณ Jinny: มาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าความฝันคืออะไร? และ ทำไมเราจึงฝัน? ความฝันเป็นอารมณ์ของจิตในมโนทวาร (ความคิด) ครับ มันคล้ายกันกับ “นิมิต” ครับ แต่ระดับความชัดเจนต่างกัน... โดยทั่วๆไปภาพและความรู้สึกในนิมิตที่เกิดจากการฝึกสมาธินั้นจะชัดเจนกว่าภาพและความรู้สึกในความฝันครับ


    การ "เห็น" ในสมาธิซึ่งเป็นการเห็นด้วยจิตนั้น ไม่ว่าจะเห็นอะไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นเรียกว่า นิมิต” ทั้งสิ้นครับ การเห็นด้วยจิตนั้นไม่ใช่ภาพที่เห็นจริงๆ โดยมากเป็นจิตคิดปรุงแต่งขึ้น เห็นในรูป เรียกว่า “รูปนิมิต” เห็นในเวทนา เรียกว่า “เวทนา (นิมิต)” สัญญา สังขาร วิญญาณ (อาการรู้) ทั้งหมดนี้ล้วนเรียกว่า “นิมิต” ครับ นิมิตเกิดจาก มโนยตนะ (มานะยตนะ - ใจ) ผัสสะกับอายตนะภายใน อาการที่มีผัสสะ เรียกว่า เสพ-เข้า เสพ-เสวยอารมณ์ (เป็นต้น) ครับ


    ส่วน “ความฝัน” นั้นตามหลักพุทธศาสนา… เท่าที่ผมได้พอศึกษาอ่านจากตำรับตำราต่างๆมาบ้าง… มีการแบ่งความฝันออกเป็น 4 แบบใหญ่ๆ นะครับ คือ


    1. สุบินนิมิตหรือบุพนิมิต ความฝันประเภทนี้เป็นการบอกให้ทราบถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายครับ เป็นเหมือนลางสังหรณ์ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า “Deja Vu” ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น กรรมเก่า เจ้ากรรมนายเวร ภูติผี หรือบรรพบุรุษมาเข้าฝัน เป็นต้นครับ ยกตัวอย่างจากพุทธประวัติเช่นพระนางสิริมหามายา ฝันว่ามีช้างนำดอกบัวมาถวาย โหรทำนายว่าจะมีพระโพธิสัตว์ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ามาเกิดในครรภ์ของพระนาง ซึ่งก็เป็นจริงครับ


    2. จิตนิวรณ์ ความฝันประเภทนี้เกิดจากการได้ประสบกับสิ่งที่ตนเองชอบหรือไม่ชอบ หรือ ได้ประสบกับสิ่งที่ตนเองมีความผูกพันอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นสิ่งของ สถานที่ หรือบุคคลก็ได้ในยามที่ตื่นอยู่ พอตอนนอนหลับก็เลยเก็บไปฝันต่ออีก เช่น สมมตินะครับ สมมติว่าเมื่อปีก่อนคุณ Jinny ทำงานอยู่ที่เกาะภูเก็ตและได้ซึมซับกับความสวยงามของท้องฟ้ายามค่ำคืนจึงเกิดความประทับใจ พอถึงยามหลับจึงนำมาปรุงแต่งเป็นความฝัน ก็เลยฝันไปว่าได้ล่องลอยไปในอวกาศ ลอยไปเรื่อยๆ เหมือนมีแค่จิตที่กำลังลอยอยู่ เหมือนที่ตรงนั้นมีแค่คุณ Jinny อยู่คนเดียว มีแต่ความเงียบความนิ่ง ไม่รู้สึกอะไรเลยไม่รู้สึกทั้งทุกข์และสุข มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีความคิด ไม่มีอารมณ์ เป็นแบบนั้นได้ประมาณ 1 นาที แล้วที่กำลังอยู่ในสภาวะนั้นก็ค่อยๆถอยออก จากที่ลอยนิ่งเงียบอยู่ ก็ค่อยๆเคลื่อนที่ออกจากตรงนั้น แล้วก็ไม่อยากจากที่ตรงนั้นมา พยายามกำหนดให้ลอยนิ่งเงียบอยู่ที่ตรงนั้นต่อแต่ทำไม่ได้ บังคับไม่ได้ เป็นความฝันที่ดีมากๆ อยากจะกลับไปฝันแบบนั้นอีก ถ้าเป็นไปได้อยากอยู่แบบนั้นไปตลอด (เป็นต้น) ครับ


    3.jpeg

    3. เทพสังหรณ์ ความฝันประเภทนี้เกิดจากเทวดาหรือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วยังมีความห่วงใยและผูกพันกับเราอยู่มาดลใจให้ฝัน ซึ่งอาจแม่นหรือไม่แม่นก็ได้ ก็เลยมาเยี่ยมเยียนในฝันเพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เราได้ทราบล่วงหน้า มีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย เพื่อบอกให้เรารู้ตัวจะได้เตรียมตัวเอาไว้ แม่นหรือไม่แม่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะเทวดานั้นมีทั้งสัมมาทิฐิ และมิจฉาทิฐิ มีทั้งมีบุญบารมีมากและมีน้อย หากเทวดาที่มีสัมมาทิฐิมีบุญบารมีมากมาเข้าฝัน เรื่องที่ฝันก็เป็นความจริงครับ


    4. ธาตุกำเริบ ความฝันประเภทนี้เกิดจากสภาพร่างกายไม่สบาย มีความแปรปรวน ร่างกายไม่ปกติจึงได้ฝัน ซึ่งเป็นความฝันที่ไม่ค่อยจริง เช่น เป็นหวัดคัดจมูก เลยฝันว่าจมน้ำเป็นต้นครับ


    ในบรรดาความฝันทั้ง 4 ประเภทนั้น ความฝันที่มีโอกาสจะกลายเป็นความจริงได้ก็คือ “สุบินนิมิตหรือบุพนิมิต” กับ “เทพสังหรณ์” ครับ… ยิ่งถ้าหากฝันในช่วงระหว่างเวลาตี 2 ถึงตี 4 ซึ่งเป็นช่วงที่ “จิต” กำลังดำดิ่งเข้าสู่ภวังค์ด้วยแล้ว ยิ่งมีโอกาสที่จะกลายเป็นความจริงสูงขึ้นไปอีกครับ


    ส่วนความฝันที่ไม่น่าจะมีโอกาสกลายเป็นความจริงได้เลย ก็คือ “จิตนิวรณ์” กับ “ธาตุกำเริบ” ครับ ซึ่งความฝันทั้งสองประเภทนี้ เป็นเพียงแค่ ความฝันธรรมดาทั่วๆไปเท่านั้นเองครับ เอาเป็นว่า... ความฝันมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ชีวิตเราจะดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเราเองในปัจจุบันตามความเป็นจริงเป็นสำคัญครับ



    ประเด็นที่ 2 นะครับคุณ Jinny: ผมเดาๆมั่วๆจาก Sense ของผมเองนะครับ… และโปรดอย่าถามหาเหตุผลว่าผมทราบได้อย่างไรนะครับ ผมว่าในตอนนี้คุณ Jinny กำลังไม่สบายใจ และ ทุกข์อยู่กับปัญหาคนใกล้ตัวครับ… ผมขอตอบแบบพลีชีพว่า “มารไม่มี… บารมีไม่เกิด” ครับ… อยากให้คุณ Jinny พิจารณาและจำไว้เสมอครับว่าเจ้ากรรมนายเวรที่จองล้างจองผลาญและผูกใจเจ็บกับเรามากที่สุดโดยมากมักจะมาเกิดเป็นบุคคลใกล้ตัวกับเราครับ… คนที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุด หรือ คนที่เรารักมากที่สุด หรือ คนที่รักเรามากที่สุด … ถามว่าเพราะอะไร? เพราะไม่ว่าจะอย่างไร… เราก็หนีไปไหนไม่ได้ครับ… จะอย่างไรเราก็ต้องเจอครับ (^_^) และก็ยังทำให้เรามี “ทุกข์” มากที่สุดด้วยครับ… สู้ต่อไปนะครับ ทุกข์คือสิ่งที่ควรกำหนดรอบรู้และยอมรับมัน… “ทุกข์” เป็นหนึ่งใน อริยสัจ 4 ประการครับ… จำไว้ว่า ถ้าไม่เห็น “ทุกข์” ก็ไม่เห็น “ธรรม” ครับ ผู้ใดเห็น “ธรรม” ผู้นั้นเห็น “ตถาคต” คำตรัสของพระพุทธองค์ประโยคนี้เป็นความจริงแท้อย่างแน่นอนครับ _/|\_

    เวลาที่คุณ Jinny ไม่สบายใจ อยู่ในภาวะซึมเศร้ากับปัญหาชีวิตที่เจออยู่ครั้งใดให้เข้าไปพิจารณาดูความทุกข์ว่า มันเป็นอย่างไร? แค่ไปรับรู้ความรู้สึกแล้วก็สลับกับการรับรู้ลมหายใจเข้า ออก พยายามมีสติอยู่กับลมหายใจที่เข้าออก… ก่อนหน้านี้ที่เราทุกข์ เพราะมีการปรุงแต่งความคิด มีสมมติบัญญัติไว้ว่า มีคน มีสัตว์ บุคคล เรา เขา เรื่องปัญหาชีวิตที่เราต้องเจออยู่ ปรุงมาปรุงไปเป็นวงจรแห่งความขุ่นมัว ทำให้ต้องมาเสียใจและรู้สึกซึมเศร้าหนักมากกับปัญหาชีวิตที่เจอ เคยคิดอยากฆ่าตัวตายหลายครั้ง? แต่ช่วงเวลาที่เรากลับมาดูลมหายใจเข้าออก… เป็นการดึงสติกลับมา จากสมมติ ไม่รับรู้เรื่องคน เรื่องใคร… จิตของเราจะรู้สึกว่าง แล้วค่อยกลับไปดูความรู้สึกใหม่ ทำสลับไปมา… เมื่อคุณ Jinny รู้สึกดีขึ้นจะมีการแทนค่า… กุศลจะตีตื้นขึ้นมาแทนค่าความทุกข์… สุดท้ายทุกข์ทางใจจะค่อยๆสลายไป… หากคุณ Jinny สะดวกอาจลองใช้วิธีสวดมนต์… บทใดก็ได้ครับที่คุณชอบ… เป็นการทำให้จิตมีที่ตั้งอยู่กับปัจจุบัน ถ้าจิตไม่มีหลัก ความคิดที่รู้สึกไม่สบายใจ อยู่ในภาวะซึมเศร้ากับปัญหาชีวิตที่เจออยู่จะเกิดขึ้น ถ้าคิดวนซ้ำแต่เรื่องที่เกิดขึ้น ใจก็ยิ่งเศร้าหมองครับ…

    หากดึงสติกลับมาแล้วคิดในด้านดีก็ทำให้เกิดความสบายใจครับ _/\_ หลังจากสวดมนต์แล้ว… อยากให้คุณ Jinny ลองหมั่นอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรแบบเฉพาะเจาะจงลงไปโดยใช้คำอุทิศประมาณนี้ครับ ตัวอย่างเช่น สมมติว่าหลังจากการสวดมนต์ภาวนาเสร็จแล้ว "ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญกุศลจากการสวดมนต์ภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังมาทวงหนี้กรรมกับข้าพเจ้าในขณะนี้ และ ที่กำลังจะเข้ามาทวงหนี้กรรมกับข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจงได้รับผลบุญส่วนกุศลนี้โดยทั่วกัน และ เมื่อท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้รับผลบุญส่วนกุศลนี้แล้วขอได้โปรดโมทนาบุญ แล้วจงโปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ"


    ทั้งหมดนี้นั้นเป็นแค่เพียงความคิดเห็นส่วนตัวของ กัลยาณมิตรธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ไม่ใช่ ผู้รู้ นะครับ… ผมเป็นเพียงแค่ กัลยาณมิตรธรรมดาๆ คนหนึ่งที่พอจะมีความรู้อยู่บ้างในทางธรรมะครับ (^__^) ขอให้คุณ Jinny ลองพิจารณาอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์นะครับ _/|\_


    2.png

    ฝากข้อคิดทิ้งท้ายไว้นิดนึงนะครับว่า เวลาที่เรามี ปัญหา หรือ ความทุกข์ หนักๆสิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรจะต้องมีคือ สติ ครับ… จงตั้ง สติ พิจารณาทบทวน ปัญหา หรือ ความทุกข์ ของเราให้ดีๆครับ อย่าได้หลงเชื่ออะไรง่ายๆครับ แม้กระทั่งความคิดเห็นของผมในโพสต์นี้ก็ตามทีครับ (^ ^) ฝากไว้ให้คุณ Jinny ได้พิจารณานะครับ _/\_ เข้มแข็งและอดทน… สู้มี สติ และ อดทน เพื่อตัวคุณเองนะครับ… บุญรักษาครับ _/|\_


    1.png
     
  4. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เวลาจิตจะโดดออกจากร่าง ไปที่ๆไกลมาก อาจไม่ได้เกิดจากความสงบอย่างเดียว บางทีก็เกิดจากความทุกข์มากๆก็ได้
    จิตไปจักรวาลได้ไหม ได้ แต่มักไม่ใช่ภาพแบบที่คุณเห็น ส่วนมากจะเป็นความเวิ้งว้าง หรือเห็นกลุ่มดาวไกลๆ มากกว่า ไปได้ ไปแล้วห้ามติดห้ามหลง ที่จิตคุณชอบไม่อยากกลับเพราะมันไม่มีร่างกายในจักรวาล ไม่มีร่างก็ไม่มีอัตตา ไม่มีปัญหา ไม่ทุกข์
    มองให้เป็นธรรมะ รู้จักปล่อยวาง แล้วจะพบทางออก จากทุกข์ แต่ถ้าติดถ้าหลง ไปถึงกี่จักรวาลก็ต้องกลับมาค้นหารู้จักตนเองอยู่ดี
     
  5. Kinglondon

    Kinglondon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +70
    น่าจะเกิดจากจิตปรุงแต่ง ( สังขาร ) นะครับ แต่ไม่มีอะไรเสียหาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...