ขอคำแนะนำเรื่องการนั่งสมาธิ ดูกาย ดูจิต

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย คุณกรรณิการ์, 15 พฤษภาคม 2008.

  1. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    ตอนนี้อยู่ในขั้นฝึกหนักพอสมควร นั่งเป็นชั่วโมงได้แล้ว แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นนะคะ หลังจากฝึกนั่งมาได้ประมาณปีกว่า ๆ แต่ไม่ได้อะไรเลย และดูกาย ดูจิตไม่เป็น จะเล่าให้ฟังก่อน คือนั่งสมาธิพอเริ่มหลับตา จะเหมือนมุดท่อ ดำ ๆ ไปซัก 10 นาที จะเกิดสภาวะนิ่ง คือว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย ก็จะดูอารมณ์ตัวเองขณะนั้น จะเกิดการพากษ์จากจิตของตัวเองขึ้นมา ว่า
    ถาม ตอนนี้จิตเป็นงัยบ้าง
    ตอบ ว่าง
    ถาม ว่างจริงหรือเปล่า ดูอารมณ์สิเป็นยังงัย
    ก็เห็นโครงกระดูกตัวเองเป็นสีขาวสะอาดและชัดเจนมาก แต่ไม่เห็นตับ ไต ไส้ พุง โดยจิตตัวเองอยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คือหมุนดูได้ 180 องศา แต่เห็นในมโนจิต ก็หมุนดูไปเรื่อย ๆ รูสึกขนลุกที่ท้ายทอย ซักพักเกิดอาการพากษ์อีก ดูอารมณ์สิ ตอนนี้เป็นอย่างไร เห็นโครงกระดูกแล้วรู้สึกอย่างไร เราก็นึกถึงภาพที่เคยผ่านตา ภาพคนตายที่เละ ๆ เน่าเฟะ ก็รู้สึกปลง แต่ยังปลงไม่หมด ยังมีทุกข์อยู่ ก็ตรวจสอบสภาวะอารมณ์อีก ตอนนี้อารมณ์เป็นอย่างไร นิ่งจริงหรือเปล่า ก็จะรู้สึกเพ่งที่ตาและ รู้สึกเริ่มปวดตา ขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มเกิดอารมณ์ทุกข์แล้ว ทุกข์ทางกาย แต่ใจไม่ได้ทุกข์ พากษ์อีก ดูอารมณ์สิ ทุกข์มั้ย ทุกข์กาย แล้วใจหล่ะทุกข์มั้ย ใจไม่ทุกข์แต่ทุกข์กาย เพราะปวดขา และปวดตา ก็เริ่มค่อย ๆ คลายอารมณ์จากตรงนั้นก่อน คือถอยออกมาก่อน และทำใหม่อีกครั้ง ทีนี้ก็เกิดอาการเพ่งอีก ก็พากษ์อีก ทำไมถึงเพ่ง ดูอารมณ์ซิ มีโทสะ โมหะ โลภะ รัก โลภ โกรธ หลง อยู่หรือเปล่า มันไม่ตอบสนอง มันเงียบ ยังดูจิตไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น ตามจิตไม่ทัน แต่สภาวะนิ่ง คือนิ่งไม่จริง ซักพักจะเกิดอาการเพ่งขึ้นมาค่ะ

    อย่าเพิ่งต่อว่าเลย นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นฝึกอย่างจริงจัง ต้องการได้คำแนะนำที่ดีควรทำเช่นไร ครั้นจะไปฝึกกับพระอาจารย์ที่เก่ง ๆ ก็ไม่มีเวลา แต่ตอนนี้รู้สึกว่า โอกาสจะเอื้ออำนวยให้ฝึกที่บ้านได้มากขึ้น นั่งนานได้เป็นชั่วโมง<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2008
  2. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ก่อนอื่นนะครับ ต้องเข้าใจว่า ไม่มีการต่อว่า

    มีแต่การชี้ข้อเท็จจริงกำกับลงไป แต่เผอิญคู่สนทนานั้น คุณไม่เคยพบ
    หน้า โอกาสจะสร้างศรัทธานำ เพื่อให้น้อมฟังคำวิพากษ์วิจารณ์นั้น จะ
    ทำให้มีลักษณะแนวลบมากกว่าบวกตามเจตนาที่แท้จริง

    ทั้งหมดที่คุณกล่าวมานั้น ล้วนแต่เป็นอาการของจิต ยังไม่เห็นจิต การทำ
    แบบนี้จะทำให้เห็นจิต ก็ต่อเมื่อ ออกมากระดุกกระดิก ใช้ชีวิตามปรกติ
    โดยภาวะที่เห็น จิตคู่กับการเห็นไตรลักษณ์ที่แท้นั้น จะอยู่ในขั้นตอนนี้

    การดูจิต ก็คือคำพูดนี้ "... มันไม่ตอบสนอง มันเงียบ ยังดูจิตไม่ชัดเจน
    ว่าเกิดอะไรขึ้น ตามจิตไม่ทัน แต่สภาวะนิ่ง คือนิ่งไม่จริง ซักพักจะเกิด
    อาการเพ่งขึ้นมาค่ะ..." ของคุณ

    นอกนั้นถือว่าเป็นผลของการทำสมถะ ไม่ใช่วิปัสสนา

    แต่การที่คุณเอ่ยปากออกมาว่า เห็นการเพ่ง นั้นทำให้คุณเริ่มเข้าใจทาง
    ที่ถูก ที่ตรง ไม่เนิ่นช้า ไม่ชาชิน(การเห็นแบบสมถะ สักพักจพทำให้ชิน
    เช่นการเห็นอสุภะ เมื่อเห็นบ่อยๆ ก็จะหมดความตื่นเต้น แถมยังเห็นว่า
    ไม่ได้ให้คุณค่าอะไรเพิ่มเติม นับวันจะทำให้ยิ่ง นิ่ง ยิ่งติดอวิชชา )
     
  3. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    ลืมบอกไป เรื่องปลง อสุภะ คงจะยาก เพราะเรากลัวอสุภะมาก อาจต้องฝึกนานหน่อย ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
     
  4. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ถ้าคุณพร้อมจะฟัง เราก็สามารถชี้ได้ไม่มากก็น้อย
     
  5. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    คุณเลย การทำอสุภะอนุสติ ไปแล้ว หลังจากนี้ จะไม่ได้อะไรเพิ่ม

    นอกจากจะไปเห็นโครงสร้างร่างกาย ที่ละเอียดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ประโยชน์
    อะไรกับการเห็น ไตรลักษณ์
     
  6. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    ตอนนี้ยอมรับฟังค่ะ ชี้แนะด้วยค่ะ ควรทำอย่างไร และวิธีที่ทำนั้นเป็นอย่างไร มีข้อติตรงไหน ขอบคุณค่ะ
     
  7. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    หลังจากที่ออกจากสมาธิ เช็คสภาวะอารมณ์ของเรา ที่ติดมาจากการนั่งสมาธิ คือได้ความสงบ ไม่คิดฟุ้ง และอิ่มเอิบใจ สบายใจค่ะ แต่ก็อยากจะปฏิบัติต่อไป จนถึงวิปัสสะนาอย่างแท้จริงค่ะ
     
  8. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เนื่องจากคุณกรรณิกา ทำสมถะ มามาก จิต ได้ไปเรียนรู้ วิถีจิตของสมถะ

    ดังนั้น ต่อไปภาวะที่ควบคุมไม่ได้ จะค่อนไปทางอาการของสมถะ เมื่อ
    นั่งภาวนาดูจิต จิตอาจจะไหลไปเกาะสมถะตัวใดตัวหนึ่ง เพื่ออยู่ โดยจะ
    ชิน อิน ไปกับมันตามความเคยชิน พระท่านเรียกวิบาก เพราะเคยทำกรรม
    ในการทำสมถะมา ดังนั้น จะต้องได้รับผลแห่งวิบากนั้นไปตลอดวัฏสงสาร

    ดังนั้น อย่าไปพยายามถอนมัน ไปทำอะไรมัน อย่าไปเพ่ง ไปโกรธ ไป
    เกลียดมัน แต่ให้มันมาเป็นครูเสีย โดยเมื่อไหร่ ที่เริ่มการภาวนา แล้วจิต
    ไหลไปกับอุโมงค์ก็ดี ไปกับการหลุดออกมาดูกาย ดูโครงกระดูกก็ดี ขอให้
    รับรู้ไปอย่างกลางๆว่า ได้ถลำออกมาแล้ว ให้น้อมไปเห็นว่านั้นคือ อนัตตา
    ของจิต โดยไม่ต้องให้ใครมาพากษ์ ไม่มีเสียงมาบอก เป็นเพียงการระลึกเห็น
    แล้วให้เหมือนมันผ่านๆ เราไป ทำแบบนี้ ไม่เกินสามเดือน ถ้าทำถูกต้อง
    ต่อไป จิตจะไหลไปเกาะสมถะ หรือ ติดสมถะ เราจะไวมากขึ้น จะเริ่มทัน
    วิบาก อันจะเป็นอนุสัย วิบาก วาสนา ในอนาคตได้

    อย่าได้กลัวไปนะครับว่าจะถอดถอนมัน ของบางอย่างที่เป็นฝ่ายกุศล มันไม่
    ได้เกี่ยวกับการถอดถอน ส่วนที่ถูกถอดถอน ก็คือ ภาวะชอบใจ ไม่ชอบใจ
    ในอาการ หรือ ฤทธิ์ที่ได้จากวิบากเหล่านั้น ตัวนั้นคืออกุศลที่ถูกถอดถอน
    แบบนี้ จะมีผลดีด้วยต่อสิ่งที่คุณได้ไปแล้ว มันจะทำให้คุณเดินสมถะอย่างมี
    ปัญญา ไม่ไหลตามมากขึ้น ทำให้แจ่มชัดขึ้นด้วยซ้ำ
     
  9. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    ต่อค่ะ ยังอยากได้คำแนะนำต่อค่ะ ไม่คิดแง่ลบแน่นอนได้ค่ะ เพราะมาเพื่อเป็นนักเรียนค่ะ ต้องการครูสอนค่ะ
     
  10. D E E P

    D E E P สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +0
    ผ่านปิติแล้ว น้อมมาทางดูจิตดูกายสิ
    อารมณ์สุขเป็นอย่างไร ไม่ต้องไปไหลตามอารมณ์
    แต่ให้รู้สภาวะนั้นๆ เที่ยงไหม ใช่เราไหม หรือเป็นแค่สิ่งที่ถูกรู้
     
  11. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    ตอนนี้ไม่ได้ใช้คำภาวะนาใด ๆ เลยค่ะ คือนั่งนิ่ง ๆ และปล่อย ตามสบาย จิตก็เข้าอุโมงค์ไปเอง แต่ก่อนนั้นใช้เวลาเข้าอุโมงค์นานมาก ขนาดออกจากสมาธิแล้ว ยังไม่ออกจากอุโมงค์เลย แต่ตอนนี้ไปไวมาก 10 นาที ออกจากอุโมงค์ได้ ก็ถือว่า OK แล้ว แต่ก็ยังไม่ดีพอ เพราะเรายังยึดติดตรงนั้น ไหลไปตามมัน ไหลไปตามอาการพากษ์ของจิต ฉะนั้นแล้ว อย่าไปสนใจคำพากษ์ใช่หรือเปล่าคะ นั่งแบบสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ เมื่อเกิดเห็นโครงกระดูก ก็ให้พิจารณา ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ใช่หรือเปล่าคะ
     
  12. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ดช วิมุตติ รายงานตัวครับผม
    ขอโทษที่มาเรียนสาย
    เชิญคุณครูเอกสอนต่อเลยครับผม
     
  13. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    http://www.wimutti.net/pramote/cd.php?cd=22

    อันนี้เป็น Link ที่โหลด ธรรมเทศนา การต่อธรรมรายบุคคล ไม่
    ใช่การต่อธรรมแบบพรรณาโวหาร เป็นการต่อธรรมที่ยังผลให้เกิด
    ปัญญาได้จริง

    กรณีที่คุณยังไม่เชื่อมั่น ซึ่งจะต้องมี ก็ขอให้เลือกทางการฟังเสียง
    เทศนานี้แทนได้

    ผมขอแนะนำที่ ชุด 6 ตุลา มีสองช่วง หรืออาจจะเป็นชุดก่อนหน้า ไม่ค่อย
    แน่ใจสังขารสัญญาตัวเองเท่าไหร่ แต่รับรองได้ว่า คุณจะเห็นคนที่มีสภาวะ
    ธรรมใกล้เคียงกับคุณ อยู่ในการถามตอบ

    เดิมทีผมจะไม่ทำแบบนี้ แต่ ณ วันนี้ พระท่านถือว่ามีพยายานเยอะมากพอที่
    จะช่วยทำให้คุณน้อมใจรับฟังธรรมพระท่านมาไตร่ตรองได้

    ขอให้เจริญในธรรมครับ

    กรณีมีคำถามเพิ่มเติม ผมมั่นใจว่าผมชี้คุณได้อยู่ แต่อาจจะไม่ตรงเป้า
    แบบตรงใจ ถ้ายังยินดีที่จะทบทวนซึ่งกันและกัน ก็ยินดีเสวนาเสมอครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2008
  14. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    ยินดีเสวนากับทุกคนนะคะ และจะรับฟังทุกความคิดเห็น มีอะไรติ ติง ได้ค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะท้อถอยค่ะ ยังมีความพยายาม มานะอยู่มากค่ะ
     
  15. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    สาธุครับ

    การหลงไปกับอุโมงค์ นั้น โดยสภาวะธรรม จะไม่ต่างอะไรกับเรานั่งเหม่อ

    ดังนั้น เราต้องพยายามอย่าให้ถลำไปกับอุโมงค์ เมื่อเข้าสู่ภาวะอุโมงค์
    ก็ขอแค่ให้รู้สึกว่าเข้าอุมงค์ไปแล้ว แต่อย่าไปถอน อย่าไปแทรกแซงนะครับ
    เขาอยากเข้าก็ให้เขาเข้าไป เขาอยากพากษ์ อยากชี้ทางอะไร ก็ขอให้
    ระลึกว่า เขาพากษื เขาชี้ทาง แล้วไม่ต้องแทรกแซงอะไร ปล่อยเขาทำไป
    เมื่อจิตได้รับการอบรบ ด้วยการ ตามดู โดยไม่แทรกแซง สักพัก คุณจะพบ
    กับ ภาวะจิต ที่เบาสบายกว่า ที่เคยเป็น
     
  16. keawnum

    keawnum Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +51
    โกรธขึ้นมา มีอารมณ์ รู้ตัวแล้วรีบปล่อยวางได้ไหม?
    โลภขึ้นมา มีอารมณ์ รู้ตัวแล้วรีบปล่อยวางได้ไหม?
    หลงขึ้นมา มีอารมณ์ รู้ตัวแล้วรีบปล่อยวางได้ไหม?

    ถ้าเป็นตามนี้ได้ก็มาดีแล้ว แต่ถ้ายังไม่ เราอยากให้ลอง วาง ว่าง ว้างดูนะ
    ทำให้จิตว่าง อะไรมากระทบอย่าไปสน อย่าไปยินดียินร้ายกับมัน

    หากเจริญจึงหมั่น ลองดูสัก 1 วัน ถ้าหากว่าโลภ โกรธ หลง มันลดลง ก็เพิ่มเป็น 1 อาทิตย์ หากมันลดลงก็เพิ่มเป็น 1 เดือน...1ปีตามลำดับ

    หากไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร ลองวิธีเราก่อนก็ได้ ไม่เสียหายอะไรใช่ไหม
     
  17. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    ดูจิตด้วยความรู้สึกตัว ก็เหมือนกับการที่เรากำลังจะตาย ยกตัวอย่าง
    จะเกิดอุบัติเหตุรถชน แล้วเราเห็นแล้วว่าจะเกิด แต่เรารู้สึกตัว และไม่กลัวในการตาย ได้แต่ปลง เราคงตายแน่ ให้เรารู้สึกตัวอย่างนี้ตลอดไป ในชีวิตประจำวัน จะทำให้เราไม่หลงทาง เมื่อเวลาตายใช่หรือเปล่าคะ อันนี้ยกประเด็นเรื่องการตายขึ้นมาเลยนะคะ
     
  18. D E E P

    D E E P สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +0
    คุณได้สมาธิแล้วก็ไม่ใช่ของยากที่จะไปต่อ
    ใหม่ๆให้ดู กาย เวทนา จิต ธรรม
    หาสภาวะที่เกิดกับใจ กับกายในปัจจุบัน
    เช่น โกรธ เกลียด เมื่อย ฟุ้ง นี่เป็นสภาวะหยาบๆที่เกิดขึ้น
    ก็ให้มีสติระลึกรู้ อย่างจะกำหนดในใจก่อนก็ได้
    ว่าโกรธหนอ ฟุ้งหนอ แล้วดูอาการฟูๆแฟบๆที่เกิดไป ว่าเป็นอย่างไร
    นี่เป็นธรรมชาติที่สุด การกำหนดช่วยให้เราอยู่ในสติสัมปชัญญะ
    เมื่อดู เมื่อรู้จนทันอารมณ์ ก็จะย่อมาที่จิตตัวเดียวครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2008
  19. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166

    เป็นวิธีที่ดีมาก เพราะเรานำมาใช้เจริญมหาสติ ในชีวิตประจำวันได้ ตอนนี้ลองหมั่นทำอยู่เหมือนกันค่ะ คุณขวัญ ขอบคุณที่แนะนำนะคะ ต่อค่ะต่อ
     
  20. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อันนี้เป็น สมาธิอินทรีย์ ครับ ไม่ใช่ ปัญญาอินทรีย์ ภาวะปัญญษอินทรีย์
    ในกรณีรถชนนั้น พูดยาก จริงๆพูดง่าย แต่คนไม่รู้เรื่องที่มาอ่านจะเข้าใจผิด
    คิดว่าเรา คิดตื้นๆ เขาไม่ได้เห็นภาวะธรรมอันลึก

    มันจะกลับข้างนะครับ ภาวะปัญญาที่ลึกซึ้งนั้น เวลาพูดออกมา
    มันจะตื้นเสมอ ดังนั้น ที่ว่าของจริงนิ่งเป็นใบ้นั้น ไม่ได้แปลว่า
    เขาไม่พูด แต่เป็นเพราะเขารู้ว่า พูดออกมาแล้ว คนฟังอื่นๆ อาจ
    ไม่เข้าใจ

    แต่เรานั้น พูดกันได้ ผมเชื่อว่า คุณกรรรณิการ์พูด และรับฟังได้ แต่
    ไม่จำเป็นต้องพูดกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...