ขอคำแนะนำเรื่องการนั่งสมาธิ ดูกาย ดูจิต

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย คุณกรรณิการ์, 15 พฤษภาคม 2008.

  1. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    อธิบายได้สองเวอร์ชั่น
    เวอร์ชั่นละเอียด ผมขี้เกียจพิมพ์ เพราะต้องลงถึงกระบวนการการทำงานของจิต
    ตั้งแต่เริ่มจนขบอริยสัจแตก
    ส่วนเวอร์ชั่นเดโม่ มีเพียงประโยคเดียวคือ
    "เจริญสติตามรู้รูปนานตามความเป็นจริง"
    หรือ
    "เจริญสติตามรู้กายรู้ใจอย่างเป็นปัจจุบัน"
    ประมาณนี้

    ซึ่งทั้งสองเวอร์ชั่น ให้ผลเหมือนกัน
    เวอร์ชั่นเดโม ไม่มีอะไรต้องปรุงมาก น่าจะเหมาะกว่า
     
  2. พิญณ์

    พิญณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +19
    ขอบคุณมากค่ะ ตอนนี้นุกคิดว่าเข้าใจแล้วมีระดับความเข้าใจมากกว่าเดิมมาก ยอมรับค่ะว่าตอนแรกนั้นไม่เข้าใจ ปัญญา กะ ศรัทธา แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว อ่านออกเสียงหลายรอบช้าๆ ค่อยค่อยขบ
     
  3. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    สหายหลง ท่านเอก และ กระผม จะแนวเดียวกัน คุยกับใครก็เหมือนกัน
    แต่ถ้าต้องการละเอียดหน่อย ก็ท่านเอกวีร์นี่แหล่ะ เหมาะสุด
    แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ อาจสับสนได้ง่าย

    ส่วนท่านขุนพล จะเป็นอีกแนวทางหนึ่ง
    คุณพิญควรเลือกแนวทางให้ชัดเจนว่าจะไปทางไหน
     
  4. พิญณ์

    พิญณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +19
    กล่าวได้ว่า เมื่อเราน้อมจิตกับสิ่งใดมากเข้านานเข้า บ่อยเข้า ก็จะเกิดเป็นศรัทธาและต้องไม่มีอคติด้วยคือเห็นชอบตามนั้นเหมือนเชื่อฟังพ่อแม่สั่งสอน นานเข้า เกิดเป็นองค์ความรู้ที่เรียกว่าปัญญา และสิ่งนี้เองใช่มั้ยค่ะที่มันจะติดตัวเราไปจนกลายเป็นสติ รู้เท่าทัน
     
  5. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    ดูรูปนามดูอย่างไร ผมไม่เข้าใจ

    ดูกายนี่ผมดูอยู่ทุกวัน เป็นคนติดหล่อครับ เห็นกระจกไม่ได้
    ดูใจ ผมก็ดูๆอยู่ ทุกวันนี้ยังดูไม่ออก แบบว่ารักเขาข้างเดียวครับ
    อย่างนี้ถูกไหม
     
  6. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อันนี้คุณพิญณ์ ถ้าดูกระทู้คุณ กรรณิกา จะเห็นว่า สิ่งที่คุณถาม และพยายาม
    ทำ หรือ พยายามถามทางที่จะทำให้ได้นั้น วันนี้ คุณกรรณิการ ได้วางลง

    วางลงเป็นเพียงงานรอง เป็นเพียงงานพักผ่อน ไม่ใช่งานหลัก

    ถ้าคุณพิญณ์ ยังถือ ความคิดเดิมที่เคยได้ยินมา ว่าอย่างนู้นสิดี อย่างนี้สิดี
    ต้องทำสมาธิก่อน ถึงจะเกิดปัญญา

    ผมก็ขอกล่าวแบบนี้

    คนที่คิดว่า สมาธิ ทำแล้วจะเกิด ปัญญา เป็นความเข้าใจผิด การทำ
    สมาธิ เป็นเพียงการพักผ่อนของจิต ให้จิตมีกำลังวังชา ไม่ได้เกี่ยวอะไร
    ที่ทำให้ จิต มันเกิด ปัญญา จิต มันใช้ สมาธิ เพื่อหล่อเลี้ยงปัญญาที่
    มีอยู่แล้ว ถ้าปัญญาไม่มีอยู่ สมาธิทำไปก็ได้แค่สมาธิเท่านั้น

    อ่านดีๆนะครับ เดี๋ยวจะลักลั่นหาว่าผมกล่าวว่า ไม่ให้ทำสมาธิ ให้ทำนะครับ
    แต่ให้ทำเป็นงานสำรองเท่านั้น ถ้าจำเป็นก็ต้องทำมาก ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้อง
    ทำ สำหรับคนทำสมาธิไม่ได้เลย ก็ยังหลุดพ้นได้ จะเห็นว่า ไม่ได้เกี่ยวกับ
    การจงใจไปนั่งทำสมาธิ เพราะสมาธิมันเกิดขึ้นได้ เมื่อจิตเราเป็นหนึ่งกับ
    การกระทำ ถ้าจิตเราวิปัสสนาอยู่ มันก็อยู่อารมณ์เดียว มันก็ได้สมาธิอยู่แล้ว
     
  7. พิญณ์

    พิญณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +19
    :'( ยอมรับว่ายังเขลาอยู่มาก:'(

    โปรดชี้แนะ
     
  8. D E E P

    D E E P สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +0
    ทะลึ่งแล้ว ใช่เพื่อนเล่นหรอ
    ผมอยู่เงียบๆ อย่านะ เดี๋ยวปั๊ด
     
  9. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อันนี้ถูกต้องในทุกๆ หลัก ปัญญา นะครับ

    แต่ถ้ากล่าว ปัญญา ทางธรรม ก็ต้องเลือก ปัญญาทางธรรม ของพระพุทธองค์

    ถ้าไปเลือก ปัญญาของพรหม หรือ ฤาษี ก็จะเป็นปัญญาของ พรหม หรือ ฤาษี

    ถ้าไปเลือก ปัญญาของนาค ของพวกงู ก็จะได้ปัญญาแบบ นาค แบบ งู
    เล่นลิ้นได้ โดยไม่โดนขบกัด
     
  10. พิญณ์

    พิญณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +19
    ตอนนี้นุกแทบจะไม่ได้ทำสมาธิเลยค่ะท่านเอกวีร์ และนุกไม่ได้คิดว่าเป็นสิ่งหลักอะไร เพราะทุกวันจะจดจ่อกับการทำงานเตรียมการสอนซะมากกว่ากว่าจะได้ทำก็ตอนล้มตัวลงนอนแล้วหลับคงเป็นการพักความคิดพักสมองเตรียมตัวนอนมากกว่าค่ะ
     
  11. พิญณ์

    พิญณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +19


    อีกแล้ว เดี๋ยวจับโบยซะ อะจึ๋ยยยยย
     
  12. keawnum

    keawnum Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +51
    ไม่มีอะไรในกอไผ่
     
  13. D E E P

    D E E P สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +0
    แบบย่นย่อ
    รูป คือ สิ่งที่ถูกรู้
    นาม คือ สิ่งที่รู้

    แปลว่า ของที่เข้ากระทบอยาตนะ หู ลิ้น กาย ใจ จมูก ปาก นั่นคือรูป
    ลักษณะของรูป เป็นอย่างไร
    เสียงสูง ต่ำ
    รส ขม หวาน
    ร้อน เย็น แข็ง อ่อน
    โกรธ หลง ฟุ้ง....

    เหล่านี้คือสิ่งที่ถูกรู้ โดย รู้ เรียกว่านาม

    เข้าใจไหม เข้าใจนะ
     
  14. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อย่าหาว่าเราสัปดนนะ

    ถ้ายกวิปัสสนาญาณ ได้ รู้หนทาง ต่อให้นั่งห้องน้ำ ก็ปฏิบัติได้

    อาบน้ำด้วย บีไนซ์ ก็ปฏิบัติได้ ขึ้นรถ ลงเรือ หลับคาเก้าอี้ ก็ปฏิบัติได้

    เพราะการปฏิบัติ อาศัย แค่ ความรู้สึก ใช้รู้สึกกับรูปเดิน นั่ง ยืน นอน สัปงก
    มันมี สติ ตามรู้ได้หมด ตามรู้สึกได้หมด ตัวที่รู้สึกได้ ยืน เดิน นั่ง นอน
    หรือ แม้แต่การนั่งสมาธิ นั้นแหละ ตัว สติ

    จะเห็นว่า ตัวสติ เกิดกับเวลาไหนก็ได้ เป็น อกาลิโก

    สติเกิดกับตัวแล้ว เห็นกิเลศแล้ว มันหายไป มันก็เป็น ความรู้ ที่รู้เฉพาะตน
     
  15. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
     
  16. พิญณ์

    พิญณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +19
    ศรัทธาอินทรีย์ มันมีอย่างนี้ สำหรับเด็กดี

    ศรัทธาอินทรีย์ มีไม่พอตั้งแต่เกิด ศรัทธาพละ จะต้องทำให้เจริญขึ้น
    เด็กก็จะพอรับการสอนได้

    ย้อนกลับกัน คุณจะรับสัทธรรมได้แค่ไหน ก็ต้องขึ้นกับ ศรัทธา ครับ
    ถ้าใช้ปัญญา โอกาสจะได้ธรรมะจากพระพุทธองค์จะน้อยลงไปทันที

    แต่ศรัทธา ไม่มี ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เป็นเรื่องธรรมดา แต่การใช้
    ปัญญาจะทำให้เกิดศรัทธาไม่ได้ ดังนั้น พระท่านจึงใช้คำว่า น้อมบ้าง
    ใช้คำว่า ไตร่ตรองบ้าง เพื่อให้รับทีละส่วนๆ ขบทีละส่วน เชื่อทีละส่วน




    งั้นก็แสดงว่าไม่ใช่เฉพาะเด็กเท่านั้นที่จะมีจิตประภัสสรใช่มั้ยค่ะ แต่หากเราเจริญในศรัทธาฯ และปัญญาฯ เราก็สามารถมีจิตประภัสสรได้ (ตอนโต)
     
  17. keawnum

    keawnum Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +51
    ไม่รู้
     
  18. คุณกรรณิการ์

    คุณกรรณิการ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +166
    พระอาจารย์.............ท่านสอนว่า ให้รู้สึกตัวตลอดเวลา แม้แต่นั่งสมาธิ ก็ให้รู้สึกตัว
     
  19. พิญณ์

    พิญณ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +19
    อยากรู้จังว่าปัญญาของนาคเป็นอย่างไร
     
  20. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    แพลบ แพลบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...