ขอคำแนะนำเรื่องการนั่งสมาธิ ดูกาย ดูจิต

หุหุ
จะยึดบุคคล หรือ ยึดข้อธรรมล่ะ

 

มันคืออะไร

 

พูดธรรมได้เข้าสถานการณ์ ขอชื่นชม

เห็นสมมุตติ ย่อม เห็นวิมุตติ

 

เขาตั้งกฏให้ต้องล็อกอินจึงโพสได้ เลยต้องมีชื่อ
อย่าสนใจชื่อสิ ดูเฉพาะข้อความที่เขาโพสกันว่าเห็นด้วยหรือไม่ก็พอ
ไม่ใช่ผมชื่อเอกวีร์แล้วพูดขี้หมูขี้หมาก็เชื่อไปหมด หรือเห็นเอกวีร์โพสแล้วต้องค้านดะ

 

ครับ

 

โลกุตตรธรรม คือ พระธรรมคำสอนหรือกฎความจริงที่องค์พระโลกนาถศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงค้นพบทางแห่งสายไปพระนิพพาน ใครเป็นผู้ไป ก็คือ จิตเรา ท่านนี่แหละเป็นผู้ไป กายหรือขันธ์ 5 ก็แตกสลายเป็นอนัตตา จิตอยู่ในขันธ์ 5 จิตปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนแบบโลกุตตรธรรม ธรรมะที่พ้นโลกพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ทั้ง 3 โลก คือ 1. นรกโลก 2. มนุษย์ สัตว์โลก 3. เทวโลก คือ สวรรค์พรหม

โลกุตตรธรรมก็มีมากมายบรรยายไม่จบ ขอสรุปสั้น ๆ ดังนี้
กรรมฐาน 40 (รายละเอียดอยู่ธรรมประทานพรเล่ม 1 )

มหาสติปัฏฐานสูตร (มีอยู่ในธรรมประทานพรเล่ม 2 )

โพชฌงค์ 7

กรรมฐาน 40 มี อนุสสติ 10 กสิณ 10 อสุภกรรมฐาน 10 พรหมวิหาร 4 อาหารเร
ปฏิกูลสัญญา 1 จตุธาตุวัฏฐาน 1 อรูปฌาณ 4
ให้มีความตั้งใจมั่น ทำจริงในบารมี 10 คือ มีศีลบารมี ทานบารมี เมตตาบารมี วิริยะบารมี เนกขัมบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี ปัญญาบารมี อุเบกขาบารมี
ต่อไปตั้งใจกำจัดกิเลสที่เป็นเครื่องร้อยรัดให้เราตกอยู่ในการเวียนว่ายตายเกิด มีสังโยชน์ 10 อย่างคือ

1. สักกายทิฏฐิ กำจัดด้วยการพิจารณาให้จิตเราเห็นเข้าใจจริงแท้แน่นอนว่า ร่างการนี้ไม่ใช่ของจิตเรา จิตเรามาอาศัยในกายที่เหม็นเน่านี้ เพื่อทำความดีพ้นทุกข์ไปเสวยสุขที่แดนทิพย์อมตะนิพพาน กายคือ ขันธ์ 5 ไม่ใช่ของจิตเรา ขันธ์ 5 เป็นสมบัติของกิเลส ตัณหาอุปาทาน กุศลกรรม และความไม่รู้ เรื่องกายจิต เป็นคนละส่วนกัน ท่านเรียกว่าอวิชชา
เราจะตัดอวิชชาให้สิ้นไปด้วยจิตใจที่ไม่ยึดติดเอาขันธ์ 5 อีกต่อไป เอาขันธ์วางไว้ปล่อยไว้เป็นของโลก จิตเราจะไปอยู่กับพระพุทธศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพาน คิดอย่างนี้ตลอดเวลาจิตจะไม่หลงไปกับรูปรสกลิ่นเสียงใด ๆในโลก

2. วิจิกิจฉา กำจัดความสงสัยด้วยความศรัทธา ถ้าเชื่อมั่นในพระธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ และปฏิบัติตามทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนาญาณ เชื่อในผลบุญผลบาป

3. สีลัพพตปรามาส กำจัดกิเลสตัวนี้ด้วยความมั่นใจไม่ผิดศีล 5 ไหว้พระ สวดมนต์ ภาวนา กำจัดความฟุ้งซ่านวุ่นวายวิตกกังวลของจิต

4. กามฉันทะ กำจัดด้วย พิจารณาว่า ร่างกายคนสัตว์ไม่มีใครหอม น่ารัก เต็มไปด้วยของเหม็นเน่าเหม็นคาว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ตาย ถ้ายังเห็นว่าร่างกายคนสะอาดอยู่ก็ให้ดูว่าร่างกายเรา ถ้าไม่อาบน้ำสระผมล้างปากแปรงฟันสัก 2-3 วัน สะอาดหรือไม่ ถ้าร่างกายสะอาดจริงทำไมต้องชำระล้างกันทุกวัน

5.ปฏิฆะ กำจัดความรำคาญ หงุดหงิด ไม่พอใจด้วยความเมตตาเห็นอกเห็นใจพี่น้องร่วมโลก คนสัตว์ต่างก็เกิดมามีทุกข์ หิว ร้อน เหนื่อย เจ็บป่วย วิ่งวุ่นหาเงินมาเลี้ยงชีวิตเช่นเดียวกับเรา

6. รูปราคะ รูปคือสิ่งที่มองเห็นด้วยตา ก็ไม่ติดใจรักใคร่ คิดว่าเป็นของสวยงาม จะงามก็งามชั่วคราว เราไม่สนใจ ไม่สนใจใน ฌาน 1-4 ว่าเป็นของเลิศลอย แต่ตราบใดที่ยังตายก็ต้องอาศัยฌาน 1-4 สมาธิไว้เพื่อให้จิตเป็นสุขไม่ทุกข์ทรมานจากการเจ็บปวดของขันธ์ 5 เพราะฌาน 1-4 เป็นกรรมฐานระงับความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี แม้พระพุทธองค์ก่อนปรินิพพานก็เข้าฌาน 1-4

7. อรูปราคะ ไม่ติดใจในฌานไม่มีรูป คือ อากาสานัญจายตนะฌาน เอาอากาศเป็นฌานหาที่สุดมิได้ เหมือนขันธ์ 5 เราเกิด ๆ ตาย ๆ หาที่สุดมิได้เช่นอากาศ ถ้าจิตยังติดใจหลงไหลขันธ์ 5 อยู่
วิญญาณันจายตนะฌาน คือ สมาธิในวิญญาณ ความรู้สึกประสาทก็ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าจิตยึดติดวิญญาณ ในขันธ์ 5 ว่าเป็นตัวเรา ตัวเขาจริง อันนี้เป็นความคิดที่ผิด ตายแล้วก็ไปเกิดเป็นอรูปพรหม จิตไม่ถึงนิพพาน
อากิญยจัญญายตนฌาน มีฌานสมาธิตั้งมั่นในจิตใจว่า อะไรน้อยนิดหนึ่งในโลกนี้ไม่มีอะไรเหลือ เพราะทุกอย่างสูญสลายพัง หรือตายหมดในที่สุดคล้ายวิปัสสนาญาณ แต่ยังไม่ถึงที่สุด คือ พระนิพพาน ตายแล้วอย่างเก่งก็ถึงอรูปพรหม แต่อยู่ในฌานจิตเป็นสุข เพราะไม่รู้สึกในความเจ็บปวดร่างกาย
เนวสัญญานาสัญญายตนะฌาน ฌานนี้สงบปราณีต มีความจำในสมองเหลืออยู่ แต่ทำจิตเมินเฉยไม่ติดใจจำไม่จำ คือ ทำเหมือนไม่มีความจำ ทำได้แล้วก็คิดว่าเป็นเพียงบันไดให้จิตไต่เต้าขึ้นถึงพระนิพพาน ไม่ติดใจ คิดว่าเป็นของล้ำเลิศ ไม่ติดใจจำได้หมายรู้เป็นตัวเรา ตัวเขา ชื่อนั้นชื่อนี้ คิดว่าเป็นของสมมุติทั้งสิ้น

8. มานะ มานะนี้เป็นกิเลสหยาบที่สุด เพราะจิตยังมีอารมณ์หยาบ คิดว่าเราคือ ขันธ์ 5 เราดีกว่าเขา ขันธ์ 5 เราด้อยกว่าเขา หรือทัดเทียมเขา ความจริงแล้ว ขันธ์ 5 นี้ เป็นเพียงของสมมุติที่เรามาอาศัยชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีขันธ์ 5 ของใครดีกว่าขันธ์ 5 ของใคร มีแต่ความเปลี่ยนแปลง เป็นทุกข์ต้องต้องแก้ไข เจ็บป่วยอยู่เรื่อย หิวตลอดกาล แล้วก็ตายกันหมด เราจะมีเมตตาต่อคนสัตว์ทั้งโลก เป็นการตัดกำจัดความถือตัวถือชั้นวรรณะ
9. อุทธัจจะ กำจัดตัดอารมณ์คิดนอกเรื่องไปจากพระนิพพานให้หมดสิ้น เราจะเอาจิตคิดในทางที่จะพ้นจากขันธ์ 5 อันเป็นทุกข์อย่างยิ่งนี้อย่างเดียว โลกนี้วุ่นวายตื่นเต้นแค่ไหน เราไม่สนใจ เป็นเรื่องของคนของโลกที่เป็นทุกข์ เปลี่ยนแปลงไปไม่มีที่สิ้นสุด เราจะสนใจอย่างเดียวคือ ร่างกาย ขันธ์ 5 นี้ ไม่ใช่ของจิต และจิตไม่ใช้ของขันธ์ 5 จิตเรามีที่ไป เมื่อขันธ์ 5 นี้แตกตาย ที่ไปเรามีสุขตลอดกาล คือ นิพพาน คิดแบบนี้ตัดความกังวลฟุ้งซ่าน ออกจากใจเสียได้ จิตจะสงบ สะอาด สว่างและสุขกายสบายใจยิ่ง

10. อวิชชา เป็นกิเลสตัวแรกที่เริ่มให้จิตเราท่านมาเวียนเกิดเวียนตาย นรก โลก สวรรค์ พรหม หมุนวนเวียนกันไปมาไม่มีที่สิ้นสุด แล้วเราก็หลงลืมคิดว่าเกิดใหม่ดี อวิชชา ตัวนี้ พระท่านว่า กำจัดไม่ยากถ้ารู้จริง แล้วว่าร่างกาย คน ทรัพย์สมบัติ โลก สวรรค์ พรหม ไม่ใช่ของน่าอยู่ เป็นที่อยู่อาศัย ชั่วคราวเป็นของสมมุติ เพราะอยู่ไม่นาน พระนิพพานเป็นแดนทิพย์ เป็นของจริง ของจริงแท้มีอยู่เป็นสุขตลอดกาล เป็นอมตะ ไม่สูญสลายเหมือน โลก สรรค์ พรหม ก็ตัดสินใจทำความดีทุกอย่างด้วย มีศีล 5 ครบ มีสมาธิ ตั้งมั่นในคุณความดีทุกประการ มีปัญญาเห็นความจริงว่าไม่มีแดนไหนเป็นสุขเท่าพระนิพพานเท่านี้ เราก็มีวิชชา ปัญญาในจิต ตัดความพอใจ ฉันทะ ตัดราคะ เห็นว่า โลก สวรรค์ พรหม สวยสดงดงามไม่มีแดนใดงดงามน่าอยู่เท่าพระนิพพาน เป็นความเห็นที่ถูกต้องเป็น สัมมาทิฏฐิ เข้าสู่ทางสายพระนิพพานได้ง่าย ๆ </TD></TR>

 

ธรรมเที่ยงมี...ธรรมไม่เที่ยงก็มี

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

มันคืออะไร

 

*** บัชชัยยะจะมูติ ****
*** ธรรมหมวดนี้ตอน พระกัสสปะรื้อถอนจักขุของตน ไม่ได้ปฏิสนธิตามจักขุให้เหตุผล ****

ภูมิจะตุมะติ ศรีอิตฐะอลุวะหัง บุคคะละตุกันตัง สัมมาติตะ อลุวะชีวิสัง
โบกคะคะฤนียัง อุปปมานะจะ จะภูคะสมมุตติสัง อูเบกคะจะภูตัง อัตตะวะหัง เอทะสุเมตตัง
ภูมิจะตุมะสัง อูเบกคะจะภูตัง บุพพะลานะจะ โภคะสมมุตติสัง กันทิกะ อลุวะ โชตทะทะรัง
เสตะมานะสัง โรทะมารัง อัตฐะปุริสัง โสตัดปริญณัง เอคะจะบุบผัง รัตนะอุตตะกัง เสมวะจะหัง
สุกันตุ บุทิติมัยหัง อูเบกคะจะภูตัง บุพพะลานะจะ โคตะมะอุตทะวิรัชสัง อูเบกคะจะภูตัง
อุปปมานะจะ อลุวะสมมุตติสัง เอคะวิระตัง โสตะวิระสัง เอทะบุเรตตะวัง สัมมาติหัง
อุตทะติติมิสสัง โชตทะทะรัง อะเสวะสุอิตฐัง โรทะมารัง สันหัง ตะรุมพัง จัตตุอุตตะกัง
เมคะตุมัสสัง โชตทะสุกันตัง สัมมาติตะ พันธะสมมุตอูลุจสัง ไสยะเชตตะวัง เอทะอิตฐัง
รัตนะภะวัง โสตะชีวะสัง เกตะรัง พาลุจะ อลุนะพันธะจะสัง ไสยะโภชชะนานัง สัมมาทุกขัง
อัตฐะวิหัชชนัง โภคะชีวิสัง สุกันตุ มูทิวิกัตฐัง โสนตะตุระตัง สัมมาวะหัง ชาญตุอูลุวิสัทถัง
โพธะมารัง สันหัง ตุมหัง อัตฐะปริญณัง อาตตะตาวะหัง อูลุจฐะ มาฆะวิบัชชัยยัง สัญญาวะหัง
เอคะอุตตะกัง โบกคะระณี ตุมีวะสัง โชตทะมะตัง จัตตุกะชีวิสัง โภททะทะรัง เสตะวิระสัง
บุพพะรันทิกะ อลุมะ มะโนทะหัง โชตทะติรันทัน สันหัน ภูติตุมิสัน เสมนะขะ อาตนะ
บุคคะติรันทัน สัมมาติหัน อัตฐะปริญณัน สันหัน กันทิกัน อลุมัน ขัน ตัน เต ติ ฯ

-

 

ทำงานซะเพลิน เดินมาดูอีกทีคอมมันค้างซะงั้น
เลยต้องครับอย่ารำคาญเลยน่ะ

 

ธรรมเที่ยงมี...ธรรมไม่เที่ยงก็มี
สิ่งนี้คือธรรมเที่ยง

 

ลูกผม ผมก็ต้องรับสิครับ

 

น้องเพียงพูดถูก มันเน่าเหมียนกันแล แน่จริงเอารูปตัวเองสิจะได้รู้กันไปว่าสมควรหลงตัวเองจิงป่าว(ใส่รูปกลบจุดด้อยซ้า)

 

เผอิญ ผมหลง ซะด้วยสิ ตัวเอง หุหุ

 

เข้าใจตอบนะ สหายหลง
แต่ขอไม่ยึดสักอย่าง จะดีที่สุด
สัพเพ ธัมมา อนัตตา

 

*** พบความจริง ****

เมื่อ ถึงเวลา
พระกัสสปะ...พบว่า สิ่งที่เรียนรู้มา ไม่ตรงกับ "หลักสัจจะธรรม" ความจริง
จึงเปิดรับคำสอนใหม่....คือ โลกุตตระธรรม หลักสัจจะรรม
และ... สัจจะการปฏิบัติตน เพื่อหลุดพ้นทุกข์ จากกรรม และการเกิดใหม่

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ขอโทด..ผมหารูปที่ใกล้เคียงกับคุณลักษณะของผมมากที่สุดแล้ว
ถ้ามีดีกว่านี้จะนำเสนอ
( ขอโทด ถ้าทำสาวๆแถวนี้หมั่นไส้ ) หุหุ (ping)

 

เจ้า

 

ปฏิบัติของผม ไม่ต้องนั่งเข้าฌาณเหมือนท่านนี่ครับ
ไปเที่ยวฮันนีมูน ก็ปฏิบัติได้ ได้ทุกสถานการณ์