ใครมีพลังจิตบ้าง

อยากทราบว่าใครรู้สึกว่าตัวเองมีพลังจิตบ้าง มีชมรมหรือกลุ่มในการรวบรวมคนพวกนี้หรือปล่าว และมีวิธีการฝึกฝนให้พลังจิตแข็งกล้ายิ่งกว่านี้ไหม

เราเพิ่งสมัครสมาชิกเว็บนี้เมื่อคืนวาน อิอิ เพราะบังเอิญเซิร์ทหาเพลง ก็เลยมาเจอที่เว็บนี้ โอโห สุดยอดส์ โพสต์เพลงสากลคอเดียวกะเราเพียบ งง อยู่เหมือนกันว่านี่เว็บเกี่ยวกับศาสนาพุทธหรือว่าเว็บเพลงกันแน่ ฮิๆ แต่ตื่นตาตื่นใจกับเว็บนี้มากเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนา พลังจิต และเพลง เป็นเรื่องที่เราสนใจมากเลย แต่เราไม่ใช่คนเคร่งศาสนาเลย แต่ก็เป็นเด็กดีอ่ะนะคะ แต่ไม่ค่อยเข้าวัด ไม่ทำสมาธิ แบบว่ายังไม่ได้เข้ามาวงการพวกนี้เลย

อยากถามทุกๆคนที่เข้ามาอ่านว่า เคยรู้สึกว่าตัวเองมีพลังจิตไหม คิดว่าสิ่งที่เรามีเป็นความสามารส่วนตัวที่พระเจ้าประทานมาให้หรือปล่าว แล้วที่ให้เรามามีจุดประสงค์อะไร แล้วเราจำเป็นที่จะจัดการกับพลังจิตพวกนี้ยังไง จะใช้ประโยชน์ยังไงกับพรสวรรค์ที่มี ทำมันอะไรเพื่อสังคมได้บ้าง

แบบว่าก็รู้สึกว่าตัวเองมีพวกนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นพลังจิต หรือเป็นแค่บุญกุศลที่เราสมควรจะได้รับ อย่างฝันแล้วก็เกิดเหตุการณ์จริงที่เหมือนกับฝัน เป็นหลายวันติดต่อกัน จนเราต้องพูดกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าไม่อยากมีพรสวรรค์เรื่องนี้อีกแล้ว กลัว ว่าถ้าฝันเรื่องไม่ดีหรือร้ายแรง เราเองจะรับไม่ได้และคงต้องเสียใจมากๆ จากนั้นมาก็ไม่ฝันแบบนี้อีก หรือไม่ก็มีกุศลเรื่องลาภปาก 55+ แบบว่าถ้านึกอยากจะกินอะไรก็จะได้กิน อะไรประมาณนี้แล้วก็ถ้าคิดอยากเจอใคร ก็จะได้เจอ หรือเคยประสบอุบุติเหตุรถชนแต่ไม่เป็นอะไรสักนิดมีรอยถลอกๆเล็กๆตรงเอวเท่านั้นเอง แบบว่า งง ทำไมไม่ตาย พี่สาวเราตกลงจากรถมีแผลเยอะเลยเลือดโชกต้องเย็บหน้าเสียโฉม คนในครอบครัวคนอื่นๆก็บาดเจ็บ เย็บกันระนาว ยายเราต้องผ่าตัด ช่วงนั้นเราเสียใจสุดๆถึงเหตุการณ์ผ่านมาหลายปีเราก็ทำใจไม่ได้สักที สงสารคนในครอบครัว โดยเฉพาะแม่ที่กระจกเข้าตาแล้วตามองไม่ค่อยเห็น ฮือๆสงสารแม่มากๆๆ เราก็เลยมีหน้าที่ดูแลทุกคนในครอบครัวขณะที่อยู่โรงพยาบาล ทุกคนบาดเจ็บแต่เราหลับสบายอยู่บนถนนลาดยางโดยที่ไม่เป็นอะไรเลย ซึ่งปกติหัวกับลาดยางอะไรมันแข็งกว่ากันเราก็รู้ๆอยู่ใช่ไหมเหมือนในโฆษณาที่เด็กวัดเส้าหลินต้องใส่หมวกกันน็อคไง อืม เราก็นอนกลางถนน แล้วก็มีเสียงบอกให้เราตื่นๆลุกๆขึ้นๆ เราก็ไม่มีแรงเลยสักนิด พยายามลุกมานอนข้างทาง เพราะรถบรรทุกใหญ่ๆมาจ่อเต็มเลย เราต้องรีบหลบ จากนั้น ชาวบ้านก็หาเราเจออุ้มขึ้นรถไป ร.พ. ก็ถามคนอื่นๆนะ ว่าใครบอกให้เราลุก เค้าก็บอกว่าไม่มี เพราะหาตัวเราก็ยังไม่เจอจะบอกให้ลุกได้ไง

เคยดูรายการ VIP ที่เชิญผู้ชายที่รู้อดีตอนาคตและบอกว่าเราจะตายเมื่อไหร่โดยวิธีการใดๆได้ เขาสามารถรู้จริงๆมีหลักฐานและผู้คนยืนยันเพียบ มีใครจำชื่อเขาได้ และรู้จักเขาไหม

อีกเรื่องที่จะถาม คือ เห็นคนต่างประเทศที่มีพลังจิต สามารถบังคับสิ่งของให้เคลื่อนที่เองได้ พวกที่ทำช้อนให้งอ หรือทำให้ดินสอเคลื่อนที่ได้ เพื่อนๆคนไหนทำได้บ้างคะ อยากทำได้บ้าง ที่ไหนฝึกสอนบ้างคะ

 

อิอิ ท้ามีอะไรดีๆแล้วละก็เอาออกมาใช้ให้เป็นประโชยน์ และในทางที่ดีก็จะดีมากๆ
ตอนนี้ผมก็ ผึกสมาธิเพื่อที่จะได้เป็ยเจได ที่มีพลังในการช้วยรักษาคน คำว่าเจไดเป็นคำเปรียบเทียบ ให้เข้าใจง่ายๆ นะครับ
>>> http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=14023 <<< รองเข้าไปดูนะ

 

อ๊ะ เป็นๆมันช้าๆ แต่ไม่เห็นอดีตอนาคต แล้วทำไมต้องมีแผลที่เอวเหมือนกัน หรือว่าจะเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง
ขอบคุณทุกคนที่ตอบกระทู้นี้ค่ะ จะเข้ามาอ่านเรื่อยๆ เพราะสนใจมั่กมาย

 

คุณ 99999 ให้คำตอบได้ไหมว่า คนที่เกิดมามีพรสวรรค์ในเรื่องนี้มากกว่าคนอื่น มีจุดประสงค์เพื่อมาช่วยรักษาชีวิตของผู้อื่น ถ้าใช่ เราจะได้เดินไปทางนั้นไง
เอ่อ แล้วคุณฝึกไปถึงขั้นที่เท่าไหร่แล้วคะ มีตาที่ 3 ออร่า และพลังที่มือหรือยัง คุณรักษาศีล 5 ทุก ข้อเลยเหรอ

 

เริ่มชักไม่แน่ใจว่าตัวเองจะบ้าไปหรือปล่าว เฮ่อ
หวังว่าไม่งมงายนะ เรืองที่ตัวเองทำอยู่เนี่ย

 

เหตุการณ์ที่เล่ามา อาจจะเป็นไปได้ที่ ชาติก่อนๆ คุณได้อภิญญามาแล้ว แต่เหตุที่เราเกิดมาบนโลกมนุษย์อีกครั้ง ก็เพื่อมาสร้างกุศลบุญฝึกฝนแสวงหาทางพ้นทุกข์ให้ได้ ชาติก่อนคุณอาจพยายามอย่างหนักเพื่อหาหนทางพ้นทุกขเวทนาบนโลกแห่งนี้ ขอแนะนำว่า ควรฝึกฝนต่อในชาตินี้นะครับ อย่าให้ชาตินี้เสียเปล่า หมั่นฝึกฝนต่อ หาหนทางสู่พระนิพพาน

ถ้าหากเกิดมาชาตินี้ยังจำความเก่าไม่ได้ ลองเข้าไปฟังวิธีฝึกกสิณ ๑๐ โดยหลวงพ่อฤาษีดูนะครับ http://www.palungjit.org/buddhism/audio/forumdisplay.php?f=41

สู้ๆ

 

มี

 

อิอิ การที่เกิดอุบัติเหตุแล้วลอดมาได้แบบไม่เป็นอะไรเลยนะครับ เป็นเพราะว่า ยังไม่ถึงคาด บุญมาอุ้มไว้ก่อน และการที่คนอื่นๆเจ็บและเราไม่เป็นอะไรเลย เป็นเพราะว่า เป็นวิบากกรรมของบุคคนนั้นๆ มีหลายเรื่องครับ บางคน นังสมาธิอยุ่ดีๆก็เป็นอัมพาดขยับไม่ได้ ที่มาก็มีอยู่ว่า ชาติก่อน เกิดในสังคมเกษตกรรม ได้จับสัตว์มัดขามัดปีกเพื่อเอาไปขาย กรรมนั้นเลยส่งผลมาให้เป็นอัมพาดในชาตินี้ แต่ด้วยบุญที่ทำมาได้มาช้วยไว้จึงทำให้หาย ท้าอยากรู้เรื่องกรรมรองเข้าไปที่หัวข้อเรื่อง กฎแห่งกรรมดูนะ ลองเลือกเอาละกันครับว่าอยากรู้เรื่องไหนhttp://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=14411 บางคนเพีงแค่ชาติก่อนจับแมวโยนลงน้ำด้วยความโมโห แล้วได้ช้วยขึ้นมาแต่ช้วยไม่ทันแมวตาย ชาตินี้เกิดมาก็จมน้ำตาย เหอะๆ อยากรู้มาก ก็ฟังให้มากๆนะ เวลาเกิดอะไรขึ้นจะได้ทำใจได้ว่า มันเป็นกรรมของเรา ทุกอย่างมีเหตุและผลเสมอ ไม่มีคำว่าโชคดี ไม่มีคำว่าโชคร้ายทุกอย่างขึ้นอยู่ที่การกระทำ ที่เราเคยทำมาทั้งในชาตินี้และชาติก่อนๆ คำที่แน่นอนมากๆ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว แล้วพวกที่ ทำชั่วแล้วได้ดี ก็เป็นเพราะชาติก่อน ทำบุญไว้มาก กรรมเลยยังตามมาไม่ทันเท่านั้นเอง

 

ผมเดกใหม่งับ แต่น้องผมน่ะสามารถเหงอนาคตได้ ผมไม่เชื่อเท่าไหร่หรอกครับ มันเคยเล่าเรื่องที่มันฝันให้ผมฟัง และมันก็เปงเจงขึ้นมา ซึ่งทำให้ผมเชื่อน้องผมในเรื่องที่มันเล่าให้ฟังตลอด แต่บางทีมันก็จำไม่ได้ครับ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ที่เจงผมก็มีแต่ผมเปงลางสังหรณ์ครับ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ว่าวันนี้ต้องเจออะไรเกี่ยวกับเล็บแน่ๆครับ แต่ผมก็ไม่เชื่อเท่าไหร่หรอกครับ จนผมไปถึงหน้าโรงเรียนเท่านั้นแหละครับ ทำให้ผมอึ้งเลยครับ เขาตรวจเล็บครับ พวกรุ่นพี่รุ่นน้อง ยืนตัดเล็บกันถ้วนหน้า แต่ผมใช้ความเร็วในการไหว้อาจารย์เลยผ่านไปได้จึงทำให้เหตุการณ์ครั้งนั้นตอกย้ำมากๆ ในบางทีผมเหงรถเหมือนบ้านผมอยู่ไกลๆ แต่ผมรู้สึกว่าใช่รถบ้านผมแน่และมันก็ใช่ครับ ไม่รู้เพราะความเคยชินหรืออะไรกันแน่ แต่ที่รู้ก็คือ ถ้าผมเหงรถที่บ้านผมมีในระยะเท่าที่สายตาที่สั้นของผมจะเหงได้ และความรู้บอกว่าใช่แน่แค่นั้นแหละครับ วิ่งทันที และผมกับน้องก็มีซิกเซ้นส์สูงด้วย คือผมมักจะเหงในสิ่งที่คนอื่นไม่เหงกัน มีแต่คนบอกว่าบ้านผมไม่มีผี แต่ผมกับน้องหรอครับ ค้านยกใหญ่เพราะผมเหงคนเดินวนไปวนมาในบ้านตลอด และที่น่าตกใจคือ ไม่มีใครในบ้านมีรูปพรรณสันฐานแบบที่ผมกับน้องเหง และยังมีเดกตัวสีแดงที่ชอบมาดูพวกผมกับน้องเล่นเกมอีก แต่ตอนนี้ผมชินไปแล้วครับ นอกเรื่องนิดหน่อยก็ขอโทดด้วยละกันครับ แต่ที่ผมพิมในข้างต้นมันเปงเรื่องเจงทั้งหมดครับ อยู่ที่พวกคุณจะวิจารณญาณครับ

 

แต่ผมไม่เคยรถคว่ำหรอกครับ ส่วนมากผมจะไม่ค่อยออกไปไหนเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าผมจะเหงผีในบ้านอย่างเดียวผมก็เคยเหงที่โรงเรียน ตอนแรกก็คิดว่าอ.ครับ พอหันไปมันไม่ใช่ครับ แต่รูปลักษณ์เหมือนอ.ที่สอนผมอยู่ในขณะนั้นมาก แต่ตอนนั้นอ.เขาไม่อยู่ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมต้องอึ้งคือ อ.ที่ไหนเขาจะมารื้อถังขยะครับ ถามเพื่อนว่าเหงอ.ที่ตรงถังขยะป่าว บอกว่าไม่เหงนิ่ ผมล่ะขนลุกเลยครับ พอผมหันไปดูอีกที เขาหันตอบกลับมาและหายไป ผมพูดไม่ถูกครับซัก3นาทีอ.คนนั้นก็เข้ามา ซึ่งทำให้ผมเงียบไปตลอดคาบเลย ผมก็ไม่รู้นะครับว่าทำไมผม น้องและน้าผมอีกคน ที่มองเหงและรู้สึกถึงวิญญาณได้ทั้งๆที่คนอื่นไม่มีใครรู้สึกเลยครับ บางทีก็มีเสียงสวดมนต์ดังมาจากไหนก็ไม่รู้ครับ ทั้งๆที่ข้างๆบ้าน ไม่มีใครเปิดเลย(บ้านผมเปงตึกแถว) จนป่านนี้บางทีผมกับน้องยังขนลุกเรื่องที่พวกผมเหงอยู่เลย ทั้งที่พ่อ เขาเชื่อเรื่องนี้เชื่อเรื่องต่างๆ ทั้งหมด แต่เขาไม่มีเซ้นส์ทางนี้เลย พี่สาวกับน้องสาวผมก็ไม่มี เท่าที่ผมเหงก็คงมีแต่ลูกพี่ลูกน้องที่ยังเดกอยู่เท่านั้นแหละครับ ที่เหงวิญญาณแต่เขาบอกว่าเดกจิตอ่อนเลยเหงพวกนี้ง่ายกว่าผู้ใหญ่แต่สิ่งที่ผมกับน้องเหง นี่มันพูดไม่ถูกแล้วครับผมก็อายุ16ปีแล้ว น้องผมที่เหงอนาคตก็อายุ11ขวบ สุดที่จะคิดเหมือนกันครับ ใครเก่งๆด้านนี้ช่วยคิดหน่อยนะครับ ผมว่าผีไม่กลัวพระหรอกครับ เพราะผมใส่พระตลอด ผมยังเหงตลอด แต่ก็แค่อาจจะเข้ามาทำร้ายเราไม่ได้เท่านั้นครับ

 

มีนะเเต่ไม่ยักจะหัด จะใช้

 

แล้วคุณฝึกไปถึงขั้นที่เท่าไหร่แล้วคะ
// คงไม่มีขั้นที่ 1 2 3 มั้งครับ มีแต่เริ่มทำแล้ว กับยังไม่ทำ ทำได้สำเร็จ กับ ยังไม่สำเร็จ

มีตาที่ 3
// คนเรามีสองตาครับ มีใจเป็นตาที่สาม ทุกคนจึงมีตาที่สาม จะใช้เป็นรึป่าวเท่านั้นเองครับ http://www.thammatipo.8m.com/tipo05.htm

ออร่า
// มีอยู่ในตัวทุกคนครับ แม้แต่พืชยังมี แต่จะเห็นพลังออร่านี้ได้ ต้องได้สมาธิ หรือมีกล้องจับพลังชนิดนี้ครับ http://www.metta.8m.com/data04.htm

และพลังที่มือหรือยัง
// ทุกคนมีพลังครับ อยากลองสัมผัสพลังที่มือคุณ ลองเข้าเว็บนี้นะ http://www.thammatipo.8m.com/tipo01.htm


คุณรักษาศีล 5 ทุก ข้อเลยเหรอ
// จำเป็นอย่างยิ่งครับ

ใหนๆ ก็ไหนๆแล้ว แนะนำเว็บไซด์เลยละกันครับ เหอะๆๆๆ เว็บท่านดีจริงๆ
http://www.thammatipo.com/

๑. จิตที่ฝึกดีแล้ว.. ย่อมนำความสุขมาให้


<TABLE height=130 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=word width="100%" height=52>หงายมือทั้ง ๒ ข้าง วางบนหัวเข่า สูดลมหายใจเข้า ช้าๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ลงไปตรงกลางทรวงอกบริเวณลิ้นปี่

</TD></TR><TR><TD class=word height=72>นิ่ง..และสังเกตสักครู่หนึ่ง จะมีความรู้สึกเหมือนชีพจรเต้นอยู่ ตึ้บ..ตึ้บ.. วึ้บ.. วึ้บ.. (เกิดและดับ) บางครั้งรู้สึกแน่นๆ เหมือนเหนื่อยๆ หรือรู้สึกว่างๆอยู่ภายใน ก็ให้สังเกตความรู้สึกไว้ตรงนี้ ด้วยอาการที่ผ่อนคลาย
</TD></TR></TBODY></TABLE>

๒. เรียนรู้การรับส่งกระแส..เพื่อแผ่เมตตา


<TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=word height=62>จากจิต.. รู้สึกไปที่มือทั้ง ๒ ข้าง ค่อยๆยกมือขึ้น ระยะห่างกันเล็กน้อย นิ่ง.. สังเกตความรู้สึก จากนั้น ขยับมือเข้า-ออกช้าๆ จะรู้สึกเหมือนแม่เหล็ก เหมือนแรงดึงดูด หรือลูกบอลพลังงาน</TD></TR><TR><TD class=word>ให้ส่งกระแสซึ่งกันและกัน โดยฝ่ายรับยกมือค้างไว้ ฝ่ายส่ง ขยับมือเข้า-ออก ส่งกระแสเข้าไป แล้วให้ผู้รับบอก ความรู้สึกของกระแสที่รับได้ จากนั้น ผู้รับเปลี่ยนเป็นผู้ส่ง แล้วให้บอกความรู้สึกซึ่งกันและกัน</TD></TR></TBODY></TABLE>



<TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=format height=25>เปลี่ยนรูปแบบการส่ง..

</TD></TR><TR><TD class=word>โดยฝ่ายรับ หงายฝ่ามือขึ้น ไม่ต้องเคลื่อนไหว ฝ่ายส่งคว่ำมือลง ผู้ส่งน้อมกระแสจิตจากจิตไปที่มือทั้ง ๒ ข้าง ขยับมือขึ้นลงช้าๆ เพื่อสังเกต ความรู้สึก ที่ส่งไป แล้วบอกความรู้สึกซึ่งกันและกัน เช่น อุ่นๆ ร้อนๆ เหมือนมีแรงดึงดูด หนักๆ เวลาขยับมือเข้าใกล้ เบาๆ เมื่อเวลายกมือออกห่าง ฯลฯ ฝ่ายรับ เปลี่ยนเป็นฝ่ายส่ง ให้ส่งกระแสซึ่งกันและกัน</TD></TR></TBODY></TABLE>
๓. กระแสที่เรียนรู้ สู่การแผ่เมตตา


<TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=textP width="92%" height=20>นึกถึงใคร แผ่เมตตาไป " ให้มีความสุข "


</TD></TR><TR><TD class=word>จากจิต.. แผ่พลังความรัก และความปรารถนาดี ออกไปรอบๆตัว รอบๆห้อง ออกไปรอบๆสถานที่ รอบๆจังหวัด รอบๆประเทศ ออกไปทั่วโลก จักรวาลอันกว้างใหญ่ แผ่ไปไม่มีประมาณ กว้างขวาง ไร้ขอบเขต " ให้ทุกท่าน มีความสุข " .. นิ่งสักครู่หนึ่ง..</TD></TR><TR><TD class=word>เมื่อต้องการจะออกจากการแผ่เมตตา อย่ารีบลืมตา ให้ตั้งจิตภายในว่า " กลับ " แล้วสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ผ่อนความรู้สึกลงมาที่จิต .. ที่มือ .. ลงมาที่ขา สัก ๒-๓ ครั้ง แล้วค่อยๆลืมตา</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headB width=334>๔.ดวงจิตผ่องใส.. ได้ตลอดทั้งวัน</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=266 border=0><TBODY><TR><TD class=text width=266>ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ทุกการเคลื่อนไหว... ให้สังเกต ความรู้สึกที่จิต เห็นการเกิด-ดับภายในไปตลอดเวลา... ศีล - สมาธิ - ปัญญา จึงเดินไปพร้อมกัน


</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="47%"></TD><TD width="53%">

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headB width=334 height=37>๕.ทางสายกลาง..ทางดับทุกข์</TD></TR><TR><TD class=text>จิตดำเนินอยู่บนทางสายกลาง เห็นทุกข์และดับทุกข์ ได้ เพราะมีปัญญา เห็นความจริงว่า ทุกข์ที่เกิดขึ้น มีความดับไปเป็นธรรมดา จิตกับความคิด แยกจากกัน จิตจึงผ่องใส เป็นอิสระจากความคิด ทั้งดีและไม่ดี ความคิดไม่ดีละทิ้งไป ความคิดดี นำมาใช้ แต่ไม่ยึดมั่นว่า ความคิดทั้งหลายเป็นเรา เป็นของเรา จิตจึงหลุดพ้นจากความทุกข์ พบ ความสุขที่แท้จริงตลอดไป


</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="47%"></TD><TD width="53%"></TD></TR></TBODY></TABLE>
สวัสดีครับ<!-- / message --><!-- sig -->

 

ไม่เคยมีหรอกพลังจิต มีแต่สัมผัสที่ 6

 

นั่งสมาธิทุกวัน สวดมนต์ทุกวัน
เจอผีทุกวัน ไม่เห็นจะต้องเกี่ยวกับพลังจิตเลย
แค่มีสัมผัสที่หก ระมัดระวังตัว ไม่ประมาท ในการดำเนินชีวิต

แค่นี้ เวลาหลับจิตเราก็จะทำงานในเรื่องระมัดระวังตัวไปด้วย คือ
ถ้าฝันก็จะไม่ฝันร้าย
ถ้าตื่นจะหยิบจับอะไรก็แม่นยำไม่พลาดพลั้งจนเกิดอุบัติเหตุ
ถ้านั่งสมาธิก็มีสติไม่หลงมโนจิตง่าน (อุบัติเหตุทางจิตรร้ายแรงกว่าที่คุณคิด)

 

ว่าแต่ว่า น้องdidy ..

จะรับได้ไหมถ้าถึงวันนั้น.............
วันที่เธอได้รู้ความจริงว่า

เว็บนี้มีแต่คนใฝ่ธรรมจนดูเพี้ยนไป๋.... เป็นบางคน

อิ...............

 

หนูทำใจไว้แล้วค่ะ และพยายามใช้วิจารณญาณในการเชื่อ อิอิ รู้สึกเหมือนกันค่ะว่า บางคนเพี้ยนไป๋

 

อืม ตอนเด็กๆ เราก็เคยได้ยินเสียงสวดมนต์ค่ะ เสียงดังเหมือนพูดใส่เครื่องกระจายเสียง ได้ยินตอนประมาณตี...จำไม่ได้ แล้วก็ได้ยินนานมากไม่หยุดเสียที จนเราหลับไปเอง เราก็แปลกใจ ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของอะไร โดยปกติพระไม่สวดมนต์ตี2 ตี 3 ใช่ไหมคะ เสียงสวดมนต์ สวดได้เก่งมาก ชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีสะดุด สวดค่อนข้างเร็ว ตอนนั้นเราอยู่บ้านนอกมากๆแบบว่าชาวบ้านธรรมดาเขาไม่มีเครื่องเสียงอ่ะค่ะ นอกจากจะมีงานอะไรเขาถึงจะจ้างมา อีกอย่างบ้านแต่ละหลังจะปลูกห่างกันหลายสิบเมตร (ไม่เหมือนตึกแถวที่ผนังห้องจะติดกันทำอะไรก็ได้ยิน) ถามคนอื่นว่าเมื่อคืนได้ยินเหมือนเราหรือปล่าว ก็ไม่มีใครได้ยินเลยค่ะ

 

ผมเคยอ่านหนังสือ(จำชื่อไม่ได้)ที่ว่าด้วยเรื่อง พรสวรรค์ เขาบอกว่าคนที่ทำอะไรในด้านนั้น เป็นเร็วกว่าคนอื่น ทำได้ถนัดกว่า ทำได้ดีกว่า ทั้งที่เริ่มทำครั้งแรก เป็นเพราะในอดีตชาติเราเคยทำมาแล้ว เช่น เราวาดรูปลายไทยได้ดี โดยใช้เวลาไม่นาน อาจเป็นเพราะเราเคยทำแบบนี้มาก่อน หรืออาจเป็นจิตรกรมาก่อนในชาติที่แล้ว.........

 

ถ้าอยากมีความสามารถพิเศษ

เราก็ต้องเริ่มด้วยการไม่อยากมี

ถ้าอยากนิ่งแล้วฟังเสียงรอบข้าง

ก็ต้องนิ่งและไม่รับรู้ ไม่รับเห็น ไม่รับฟังสิ

ประสบการณ์นี้เรามักจะเจอของแปลกบ่อยเมื่อเวลาที่เราไม่อยากจะเห็นต้องการนิ่ง

แต่จะกลับตรงกันข้ามถ้าหมกมุ้นมากไป ก็จะมีอำนาจจิตใต้สำนึกของเราเองมาหลอก
อันนี้ได้ความรุ้มาจากคุณ Anuwat_ball และ คุณนักเดินทางที่ให้วิทยาทารในการป้องกันการหลอกตนเองจากจิตใต้สำนึก

 

ว้าไม้ยะมุ๊ก หายไปไหนมันกดไม่ขึ้น

ทำเอาพิมพ์เพี้ยนหมดเลย