แผ่นพลังงานENERGYCARD

ทำมั้ยถึงตอบในกระทู้นั้นไม่ได้อ่ะครับ
ของเขาใช้แล้วก็ดีจริง
และก็ทดสอบดูแล้ว พลังงานแรงมาก - -
ถอดกายทิพษ์ แล้วจะเข้าคืน เจอพลังดัน
กว่าจะเข้าคืน 20วิ จะรอให้มันปรับสภาพ
รู้สึก พลังงานมันจะแน่นมากครับ
รู้สึกว่าเวลาโดนพลังงานของการ์ดจะแผ่หรือดันออกมาเลย
แต่ดัน แบบมีขอบเขต จะเหมือนฟองน้ำ ห่มหุ้มร่างกาย
อธิบายแค่นี้ดีกว่าครับ

 

-

สนใจ ถอดกายทิพษ์ มากครับ
ขั้นตอนการฝึกอยากหรือปล่าว
มีผลดี ผลเสีย ยังไง สนใจมากครับ

 

มีการประชุมทางวิชาการจริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแพทย์ทางเลือกของไทยยอมรับให้ใช้ในการรักษานะครับ
ฝังเข็มนี่เขารับรองแล้ว มีหลายอย่างที่รับรอง แต่ Quantum energy หรือ Scalar energy นี่ยังไม่เห็น
นะครับ ใครทราบว่ามีกรุณานำเสนอรายละเอียดด้วยครับ ถ้าดีจริงมีผู้ป่วยอีกมากรอเป็นอาสาสมัครทดลอง
ไม่เกิน ๑ ปีก็จะเห็นผลเบื้องต้นแล้วครับ

การที่โมเลกุลน้ำถูกเรียงใหม่ให้เป็นระเบียบดื่มดูก็รู้สึกนี่แล้วมีผลต่อสุขภาพเราอย่างไรครับ มีรายงานทางการแพทย์ว่าไว้อย่างไรบ้างครับ ไม่เอาความรู้สึกครับเอาผลทางการแพทย์ครับ ถ้าดีจริงจะได้หาทางนำเข้ามา
ผลิตขายในราคาต่ำแบบเหมาะสมต่อไปจะเป็นประโยชน์ในวงกว้างมากกว่า โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย
หรือผู้ใจบุญอาจจะซื้อแจกผู้ป่วยที่มีรายได้น้อยได้นะครับ ไหนๆก็ปฏิบัติธรรมกันแล้วก็ทำบุญกันแบบเป็นรูปธรรมด้วยจะดีมากๆครับ ที่เขาขายด้วยระบบ MLM นี่ 50% เป็นอย่างน้อยก็เอาไปจ่าย Commission ตามระบบ
ให้แก่ผู้ขายตามขั้นตอนปกติของธุรกิจแบบนี้ครับ ถ้าของดีตามที่โฆษณาก็ควรกล้าให้แพทย์นำไปทดลองเป็นระบบจริงๆ เมื่อได้ผลตามนั้นผมว่ามีคนซื้ออีกมากๆครับ แต่ถ้ายังไม่มีผลทางการแพทย์ยืนยันนี่ต้องพิจารณาให้ดีครับ
เดี๋ยวจะเข้าข่ายหลอกลวง

 

พอดีผมโดนป่วนครับ คือ มีคน ไม่ได้ซื้อไปจริงๆ แล้วแอบอ้างว่า ซื้อไปแล้ว ทำการทดสอบ ต่างๆนาๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็เลย ตัดปัญหาปิดกระทู้ดีกว่าครับ เพราะ คน ที่ซื้อไป มีไม่กี่คนผม โทรเช็คนะครับว่า เอาไปแล้วใช้ได้ดีมั้ย มีการเปรียนแปลงอะไรบ้าง โดยเฉพาะ คนที่ป่วย และ คนที่นั้งสมาธิ จะรู้สึกได้เลยว่า มีการเปรียนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จริงๆยังมี พลังงานอีกหลายตัวที่ผมยังไม่ได้เอามาแนะนำ ให้รู้จัก เพราะกำลังเตรียมข้อมูลก่อนนะครับ

พลังงานใหม่ ที่คนไทย ยังไม่รู้จัก มี - พลังงานโซไนท – พลังงาน เอเนยี่ - สกาล่า - ไพน์ ( สำหลับไพน์ นี้ เป็นน้ำนะครับ อ.ย. ให้การรับลองแล้วครับ และน้ำไพร์ นี้ก็ได้การอัดพลังมาจาก พลังงานสกาล่าอีกทีครับ ) สินค้าส่วนใหญ่ เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ครับ เพราะไทยยังไม่สามารถผลิตได้ หรือทำได้เพียงแค่ นำวัฒถุดิบมาผลิตเองในไทย โดยส่วยใหญ่แล้ว สินค้า ที่มีการผลิต เพื้อรักษาผู้ป่วยนั้น จะต้องมีการยอมรับจากทางแพทย์ และที่ต่างประเทศ กฏระเบียบหรือการตรวจเช็คนั้น เข็มงวดมาก กว่าไทยอีกนะครับ

http://palungjit.org/showthread.php?t=132068 <<< ข้อมูล ENERGY

ผมไม่รู้ว่าที่ผมโดนป่วนเป็นเพราะ ผมขายถูกกว่าคนอื่นไปหรือเปร่า เพราะ มีลูกค้าบอกมาว่า มีลงขายในเคเบิลทีวี ราคา เกือบ หมื่น

 

มีบางโรงพยาบาลใช้รักษาคนไข้ แต่จะใช้เครื่องมืออิเลคโทรนิคส์ในการสร้างพลังงานนี้ ลองอ่านดูที่นี่ครับ http://www.dmh.go.th/sty_libnews/news/view.asp?id=8631

 

<TABLE borderColor=black cellSpacing=0 borderColorDark=white cellPadding=0 width="99%" align=center bgColor=#e1e1e1 borderColorLight=black border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#e5e5ff height=22>[SIZE=-1]== ควอนตัมบำบัด เวชศาสตร์บูรณาการ === [/SIZE]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffe573>

[SIZE=-1]ควอนตัมบำบัด เวชศาสตร์บูรณาการ


“ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” คำกล่าวที่คล้ายๆ จะตกยุคตกสมัย เพราะอาจจะได้ยินกันมาช้านาน ทว่า มองในอีกแง่ก็เป็น “วลี” คลาสสิกที่อยู่คู่มนุษย์มานานปีดีดัก แม้ว่ามนุษย์เรามิอาจที่จะหลีกพ้น 1 ในอริยสัจ นั่นคือ ความป่วยไข้ ไปได้ เพียงแต่จะป่วยมาก ป่วยน้อย แตกต่างกันไป

เมื่อความป่วยไข้คือความจริงที่มิอาจจะหลีกเลี่ยงนับตั้งแต่กำเนิดมนุษย์ การแพทย์จึงได้รับการพัฒนาควบคู่กันมา โดยเฉพาะหลังยุคกลางที่วิวัฒน์ทางการแพทย์ไม่ต้องซุกๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป การทดลอง ศึกษาร่างกายมนุษย์ จนกระทั่งการพัฒนาทางยาจากสมุนไพร สู่การผลิตยาเป็นอุตสาหกรรม เทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนามาเป็นลำดับ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะทำให้มนุษย์เราหลีกพ้นจากความเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นการค้นหาลาภอันประเสริฐแห่งชีวิตซึ่งมีค่า

ทว่า ในรอบทศวรรษที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนว่าเข็มทิศของแวดวงการแพทย์จะตีกลับ โดยเฉพาะเทรนด์สมัยใหม่ที่หันมานิยมการ “เลิก” ใช้ยา โดยเฉพาะยาสมัยใหม่ ซึ่งผ่านการผลิตทางเคมี ศาสตร์ต่างๆ อันพึงมีอยู่ในโลกนี้ ได้รับการตั้งสมมติฐาน ผ่านการนำกลับมาวิจัยเพื่อพัฒนาแพทย์แผนเก่าให้เข้ากับชีวิตยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการฝังเข็ม การนวด โยคะ ฯลฯ เพื่อการนำมาใช้ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการรักษาโรคแบบไม่ใช้ยา อันเป็นแนวโน้มของแพทย์แผนทางเลือกของปัจจุบัน... และอนาคต

เช่นเดียวกับ “ควอนตัมบำบัด” ซึ่งเพิ่งคิดค้นพัฒนาการรักษาโรคโดยใช้คลื่นควอนตัมขึ้นใหม่ในเยอรมนี เมื่อก่อนสหัสวรรษที่ผ่านมา (ปี 1999) ก่อนที่จะผ่าน อย. บ้านเรานำเข้ามาในเมืองไทยครั้งแรก ในปี 2005 โดยการอนุมัติของ นพ.กวี ไชยศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี

อย่างไรก็ตาม แม้ “ควอนตัมบำบัด” จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในการบำบัดรักษาโรคฝั่งยุโรป หากในเมืองไทยยังเป็นเรื่องใหม่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน “ควอนตัมบำบัด” จากโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จึงได้เป็นตัวตั้งตัวตีตั้ง “ชมรมแพทย์ควอนตัมบำบัดแห่งประเทศไทย” ขึ้น เพื่อเผยแพร่ศาสตร์ดังกล่าว รวมทั้งเพื่อขยายวงในการช่วยบำบัดรักษาโรคให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยตอนนี้มีโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลปทุมเวช (จ.ปทุมธานี) ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก (ศาลายา) มาริษาคลินิกเวชกรรม (กรุงเทพฯ/จ.เชียงใหม่) อรวรรณสปา (สุขุมวิท 55) ฯลฯ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน “ควอนตัมบำบัด” จากโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ เล่าว่า “ควอนตัมบำบัด” เป็นการเสริมสร้างและฟื้นฟูสุขภาพแนวใหม่ ซึ่งอาศัยคลื่นควอนตัม หรือคลื่นพลังงานแม่เหล็กที่มีความถี่อยู่ระหว่าง 0.1-1 หมื่นเฮิรตซ์ และมีความแรงของคลื่นน้อยกว่า 50 ไมโครเทสลา

ลักษณะเฉพาะของการรักษาโดยกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าแม่เหล็กระบบ “ควอนตัมบำบัด” คือ เป็นพลังงานต่ำ หรือมีแรงต่ำกว่าพลังงานแม่เหล็กโลก (ต่ำกว่า 50 ไมโครเทสลา) นอกจากนี้ ยังเป็นคลื่นที่มีความถี่แปรผัน (มีค่าตั้งแต่ 0.1-1 หมื่นเฮิรตซ์) มีการสลับขั้วของพลังงานแม่เหล็ก รวมทั้งสามารถทำให้เกิดการลำเลียงไอออน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรตอนภายในร่างกาย ซึ่งจะส่งผลต่อร่างกายในการช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต และเพิ่มศักย์ไฟฟ้าของเซลล์ในร่างกายให้สูงขึ้น

คุณหมอผู้เชี่ยวชาญคนเดิมให้อรรถาธิบายอีกว่า โดยปกติร่างกายของเราจะต้องมีพลัง คล้ายๆ กับแบตเตอรี่ที่ได้รับการชาร์จจนเต็ม พร้อมสำหรับการใช้งานในแต่ละรูปแบบ หากเมื่อเราเจ็บป่วยขึ้นมา ก็คล้ายกับว่า แบตเตอรี่ที่อ่อนแรง หรือแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพลง ดังนั้น จึงต้องมีการชาร์จแบตเพื่อเพิ่มพลังงานเข้าไป ซึ่งการรักษาแบบ “ควอนตัมบำบัด” ซึ่งมี 3 รูปแบบ คือ ที่นอน หมอน และปากกา จะมาช่วยในการเติมพลังเข้าไปในแบตเตอรี่ของร่างกายใหม่ คล้ายการชาร์จให้เต็มอีกครั้ง

“ควอนตัมบำบัด” หรือการใช้พลังงานสนามคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นความถี่ต่ำ มีวัตถุประสงค์ทั้งเพื่อการรักษา การตรวจวินิจฉัย การป้องกันโรค รวมทั้งการฟื้นฟูผู้ป่วย โดยจะช่วยกระตุ้นสิ่งที่สำรองเอาไว้ในร่างกาย ทั้งในระดับเซลล์และระบบชีวภาพ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และปรับอวัยวะให้มีการต่อต้านระบบการทำงานที่ไม่ปกติ จากการทดลองวิจัยในต่างประเทศและในประเทศไทย พบว่า การแพทย์แนวนี้สามารถบำบัด/รักษาได้สารพัดโรค ตั้งแต่ กระดูก บาดแผล ยีนส์ ปอด ปัสสาวะ ผิวหนัง ระบบช่องท้อง ทันตกรรม ระบบประสาท หัวใจ เบาหวาน มะเร็ง อาการปวดต่างๆ รวมทั้งปวดไมเกรนและระบบภูมิคุ้มกัน

สำหรับการรักษาระดับทั่วไป คนไข้จะได้รับการจัดโปรแกรมให้นอนบนเตียงควอนตัม วันละ 16 นาที ถ้าป่วยมาก เช่น เป็นอัมพาต ปวดหลัง ปวดไหล่ ก็อาจจะมีการใช้หมอนควอนตัม รวมทั้งปากกาจี้เป็นจุดๆ -- ทั้งหมดนี้เรียกว่า 1 ชุด ถ้าป่วยหนักมาก หรือป่วยเฉียบพลัน แพทย์อาจจะให้รับการรักษาวันละ 3 ชุด

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน “ควอนตัมบำบัด” จากโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ เสริมด้วยว่า โดยปกติแล้วร่างกายคนเราจะทำงานอยู่ 2 ระบบ คือ “ซ่อม” กับ “สู้” ซึ่งหากจะให้ดีที่สุดนั้น ทั้ง 2 ระบบนี้ ควรจะเป็นไปอย่างมีสมดุล สำหรับการนำ “ควอนตัมบำบัด” มาใช้ก็จะมีการตรวจเช็กร่างกายเป็นรายบุคคล เพื่อที่จะเลือกโปรแกรมบำบัดให้เหมาะสม นั่นคือ การปรับสมดุล (โปรแกรมเบสิก ทำให้อวัยวะทุกส่วนปรับสมดุลการทำงาน) การกระตุ้นให้สู้ (โปรแกรมไวทัล เน้นความถี่ของระบบประสาท ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ทำให้ร่างกายเกิดความกระปรี้กระเปร่า) หรือการทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย (โปรแกรมรีแลกซ์ เน้นความถี่เฉพาะระบบประสาท ทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย ลดความเครียด ลดสิ่งรบกวนการนอนหลับ)

ทั้งนั้นและทั้งนี้ ก็เพื่อปรับสมดุล ฟื้นฟู และเติมพลังงานให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติ หรือใกล้เคียงกับภาวะปกติ (ที่ไม่ป่วยไข้) มากที่สุด


<CENTER>ข้อมูลข่าวโดยหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551 </CENTER>[/SIZE]​

</TD></TR></TBODY></TABLE>


ข้อมูลในเว็ป จากลิ้งค์ ของคุณนักเดินทาง นะครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ

 

อยากได้มาทดลองนั่งสมาธิเหมือนกัน แต่ตอนนี้สภาพไม่ค่อยคล่อง คงต้องรอสิ้นเดือน...มีคำแนะนำในการใช้นั่งสมาธิหรือเปล่าครับ...ขอบคุณล่วงหน้า

 

มีคำแนะนำในการใช้นั่งสมาธิหรือเปล่าครับ...ขอบคุณล่วงหน้า

แค่พกติดตัวครับ ก็จะรู้ว่าเวลาที่เรานั้งมีความแตกต่าง จากเดิม ที่ไม่เคยพกครับ เพราะจิตจะนิ้งไว้กว่าเดิม ครับผม<!-- / message -->

 

“ควอนตัมบำบัด” จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในการบำบัดรักษาโรคฝั่งยุโรป หากในเมืองไทยยังเป็นเรื่องใหม่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน “ควอนตัมบำบัด” จากโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จึงได้เป็นตัวตั้งตัวตีตั้ง “ชมรมแพทย์ควอนตัมบำบัดแห่งประเทศไทย” ขึ้น เพื่อเผยแพร่ศาสตร์ดังกล่าว รวมทั้งเพื่อขยายวงในการช่วยบำบัดรักษาโรคให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยตอนนี้มีโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลปทุมเวช (จ.ปทุมธานี) ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก (ศาลายา) มาริษาคลินิกเวชกรรม (กรุงเทพฯ/จ.เชียงใหม่) อรวรรณสปา (สุขุมวิท 55) ฯลฯ

 

เราใช้แล้ว นั่งสมาธิได้นิ่งและนานนขึ้นนะคะ จากที่ปรกติ สิบนาทีก้อลุกและ

 

ขอบคุณมากเลยในส่วนข้อมูลควอนตัมบำบัดอย่างน้อยมีที่มาที่ไปโดยแพทย์แผนปัจจุบันแล้วตามข้อมูลข้างต้น
ขออีกนิดนะครับ แล้วอุปกรณ์ที่แพทย์ใช้ในโรงพยาบาลกับ Energy Card นี่เหมือนกันตรงไหนและต่างกัน
ตรงไหนครับ

 

เครื่องมือหรืออุปกรณ์ อาจจะแตกต่างกัน แต่พลังที่ใช้ในการรักษาเหมือนกันครับ

 

ของ Energy Card ระบุพลัง 7000G ไม่ทราบว่าวัดด้วยเครื่องอะไรครับ มี brand name, model name
ให้ผมตามหารายละเอียดไหมครับคือว่ายังไม่รู้เลยอยากศึกษาก่อนครับ แล้วของโรงพยาบาลนี่เขาใช้พลังระดับ
ประมาณเท่าใดในการรักษาครับ

 

พลังแค่ 7000 ก็ ช้วยให้ผู้ป่วยโรคหัวใจ อย่างคุณนักเดินทางอาการ ดีขึ้น ได้มาแล้วครับ จากที่เคยเป็นอย่างหนัก ตลอดทั้งวัน / เพราะพลังแค่ 2000 ก็ ถือว่า ใช้ได้ดีแล้วนะครับ แต่ มีเหรียญ จากทาง ญี่ปุ้นอันนี้แรงมาก จนไม่รู้ว่าแรงเกินไปหรือเปร่า ขนาดอยู่ใก้ลๆแล้ว ยัง ตื้อๆเลยครับ หรือเป็นเพราะ เหรียญ มี 2 เหรียญกับของผม อีก 3 อันรวมกันหรือเปร่าไม่รู้ ทำให้ รู้สึก ตื้อๆ เหมือนพลังมากเกินไป ทำให้ร่างกายรับไม่ไหว ส่วนเครื่องวัดพลัง จะมาตอบทีหลังนะครับ เพราะจำชื่อมันไม่ได้ แล้ววันหลังอาจจะเอาภาพการทำงานมาให้ดูครับ

 

ตรัสรู้ ปรินิพพาน

ต้องใช้แผ่นพลัง บ้าๆ บอๆ พวกนี้ด้วยหรือครับ ?

 

ไม่ต้องใช้หรอกครับ แต่ในกระทู้นี้ ก็ไม่มีใคร พูดถึงเรื่อง ตรัสรู้ และ ปรินิพาน นะครับ มีแต่เรื่อง ที่ มนุษย์ธรรมดา สามัญชน ต้องเจอ ต้องเป็น ก็คือเรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วย เพื้อที่จะได้ รักษาให้หายจากความทุกข์เวทนา มีชีวิต สร้าง ความดี ทั้งทางด้าน กาย วาจา ใจ ต่อไป สร้างบุญสร้างกุศล เพื้อให้ พ้นจาก กองทุกเช่นนนี้โดย เร็ว ชาตินี้ อาจจะ ยังไปไม่ได้ ก็ต้องสั่งสม อีกหลายชาติครับ แต่ตอนนี้ เจอสิ่ง ที่ จะทำให้ เรา ทำความเพียนได้ง่ายขึ้น และเราจะนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์ก็ไม่น่าจะผิดอะไรนิครับ เพราะ ผมเองก็เอาไปถวายพระ ไปแล้วหลายรูป ซึ้งท่านก็บอกว่า เวลานั้งนานๆ แล้ว ไม่รู้สึกปวดขา ปวดหัวเข่า เหมือนแต่ก่อน ผมก็ดีใจนะครับ ที่ได้ ถวายของที่ดีๆแก่ท่าน

ด้วยบุญนี้ที่ผมได้ถวาย ของใช้ ซึ้งเป็นเหมือนยารักษาโรค แก่พระภิกษุสงค์ ขอแบ่งบุญให้ทุกๆคนที่ อยู่ในเว็ปนี้ด้วยนะครับ

 

หลังจากที่ทดลองใช้ อาการไมเกรนผมดีขึ้นตั้งครั้งแรกที่ใช้ และอารนอนไม่หลับก็ดีขึ้นด้วย อาการอ่อนเพลียช่วงบ่ายลดลงครับ