อยากทราบความเห็นของเพื่อนๆ เกี่ยวกับ วัดพระธรรมกาย ว่าคิดกันอย่างไร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มารสะท้าน, 5 มกราคม 2005.

  1. กฤษณะ

    กฤษณะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +52
    ...........วันนี้ วันรำลึกถึง วันที่หลวงปู่สด วัดปากน้ำ(ภาษีเจริญ) ท่านถือกำเนิดขึ้นมา

    ..........................เรามา " หยุด " ถวายท่านกันเทอญ.........................
     
  2. makam

    makam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +19
    ทุกวิชาในใต้หล้า ล้วนเป็นที่สุดของที่สุด ในแต่ ละที่ ละแห่ง มะขาม มีปัญญาอันน้อยนิด จึงยังได้วนเวียนร่ำเรียน คัมภีร์ ของศาสนาต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเคล็ดวิชาก่อน ดังนั้น ตอนนี้ยังพเนจรอยู่ในยุทธจักรครับ ท่านชอฯ ต้องขออภัยท่าน โลกันต์ และท่าน อักขรสัญจรด้วย มิได้ตั้งใจจะล่วงเกินพวกท่าน หวังว่าคงได้มีโอกาส ได้อ่านความคิดเห็นอันสูงส่งอีก
     
  3. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,252
    ค่าพลัง:
    +1,814
    เราเห็นดีเห็นงามกับทุกศาสนาที่สอนให้คนเป็นคนดี ไม่บังเบียดผู้อื่น
    และฝึกคนให้เป็นผู้มีจิตเป็นกุศล และต้องการพ้นทุกข์ แค่นี้พอ
     
  4. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,252
    ค่าพลัง:
    +1,814
    ไม่รู้เป็นไงเวลาตั้งกระทู้ถกเรื่องธรรมแล้วรู้สึกว่าต่างฝ่ายก็ถูกพอๆ กัน เพราะเราเอาใจเขามาใส่ใจเรา เราเลยรู้ว่าทำไมเขาถึงคิดว่าเขาถูก มันยากที่จะตัดสิน แม้แต่เราเข้าสมาธิทุกว้าน ทุกวันเป็นประจำทุก 3 วัน ต่อสัปดาห์นี้ จิตรเราก็ยังไม่รู้จักฉานเลย

    เพราะเราต้องดิ้นรน อดทนได้บ้างไม่ได้บ้างกับคนกิเลศหน้าทุกวันนี้ ถ้าเราดีเกินไปเราก็ตกเป็นเหยื่อเขาไม่ว่าจะทางวาจา ทางความคิด ก็ตาม ถ้าเราเย็นเกินไปก็เข้าไม่ได้กับที่ร้อนๆๆ

    ทางที่ดีนะท่านทั้งหลาย
    อาจจะไม่ต้องถึงขั้นฉานแต่ขอเป็นคนดีไม่เบียดเบียนผู้อื่นไม่เอาเปลียบผู้อื่น ไม่โกงอยากได้ของผู้ ดำรงตนในศีล 5 นั่งสมาธิอยู่เนืองแค่นี้ แค่นี้แหละ เราก็มีสติเป็นของตน จิตรตนเป็นผู้รู้อยู่แล้วนะจ๊ะ

    หนุมใจงาม ชาวเว็บพลังจิตร
    ใจคิดหมายมั่น วันหลุดพ้น
    ขอตั้งใจแน่วใจจิตตน
    นี้แหล่ะคนเปี่ยมล้นด้วยบารมี
     
  5. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,252
    ค่าพลัง:
    +1,814
    หนุมใจงาม ชาวเว็บพลังจิตร
    ใจคิดหมายมั่น วันหลุดพ้น
    ขอตตั้งใจแน่วแน่ในจิตรตน
    นี้แหล่ะคนเปี่ยมล้นด้วยบารมี
    .............................เอย

    เย้ กว่าจะแต่งได้ยาก นะ
     
  6. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    ตอบคุณโลกันต์และท่านที่สงสัยในปัญหาเดียวกับคุณโลกันต์นะครับ

    1. วิชชาธรรมกายใช้เพื่อบรรลุมรรคผลได้ครับ ได้ผลดีและง่ายมากด้วย แต่เป็นการวิปัสสนาในวิชชาธรรมกาย
    วิปัสสนามีภูมิ 9 สรุปรวมแล้วคือการตัดขันธ์5 ถ้าแยกส่วนของวิปัสสนากับวิชชาธรรมกาย คือใช้วิชชาธรรมกายล้วนๆ โดยไม่มีการตัดขันธ์5 ก็ไม่บรรลุมรรคผล เพราะตัวที่ตัดสักกายทิฏฐิคือวิปัสสนา

    2. วิชชาธรรมกายต้องผ่านศูนย์กลางกาย ถูกต้องแล้วครับ ผมพิมพ์ข้ามไปเอง ขอโทษด้วยครับ สายวัดมหาธาตุกำหนดศูนย์ที่สะดือ จึงไม่เห็นกายธรรมครับ บางคนที่ไล่ศูนย์ดิ่งลงมาขณะที่พิจารณายืนหนอ จะพบวิชชาธรรมกายได้ครับ

    3. ไม่ใช้กำลังกสิณสว่างก็ได้ ถูกต้องแล้วครับ กำลังโอทากสิณหรือเตโชกสิณก็เห็นได้ แต่ก็ไม่เท่ากสิณสว่าง หรือถ้าไม่ใช้สามกองนี้ในชาติปัจจุบันก็ต้องเคยได้มาแล้วในอดีตชาติ เพราะเท่าที่ผมได้ทดลองแล้ว เวลาเข้าศูนย์กลางกายโดยไม่ใช้ทิพพจักขุจะไม่เห็นกายธรรมครับ มีแค่ความรู้สึก แต่ก็ไม่ยืนยันนะครับ ขอบพระคุณที่ตักเตือนครับ ขออนุญาตแก้ตัวว่าเมื่อวานพิมพ์ตอนง่วงๆรีบๆ

    4. ที่ว่าใช้กสิณสว่างในฌาณ5แตะไปที่ศูนย์กลางกายจะเห็นธรรมกายแน่นอน คือผมยืนยันว่าเห็นแน่นอนครับ ทำแบบนี้ได้ ยังไงก็ต้องเห็นกายธรรม ถ้าไม่เห็นจะนอนให้เหยียบเลย คือว่าเคยให้คนได้กสิณสว่างทดลองมาแล้ว แบบอื่นก็เห็นได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเห็นได้ทุกคนรึเปล่า ถ้าทำได้แบบนี้เห็นทุกคนแน่ๆ ทุกคนที่เข้ากสิณสว่างฌาณ5แตะศูนย์กลางกายเห็นกายธรรมแน่ๆ

    5. ส่วนที่ว่ายึดติดกับธรรมกายแล้วไม่ได้อนาคามีมรรค เพราะพระอนาคามีจะไม่มีความต้องการในรูปฌาณและอรูปฌาณ ท่านจะละสังโยชน์ในข้อรูปราคะและอรูปราคะ ถ้ายึดติดกับวิชชาธรรมกายจริงๆแล้ว อาจจะไม่ได้แม้แต่พระโสดาบันด้วยซ้ำ หมายถึงในชาติปัจจุบันนะครับ คุณโลกันต์ลองพิจารณาดูเองว่า ถ้าคุณวางผังสำเร็จได้อย่างแล้ว คุณจะลาภูมิอธิษฐานที่ตั้งไว้หรือครับ ผมพิจารณาเปรียบเทียบกับตัวเองแบบนี้แหละครับ ยังไม่ได้เรียนขอคำยืนยันจากหลวงปู่สดเลย แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจ

    6. การที่หลวงพ่อจรัลนำภาพที่หลวงปู่สดเขียนรับรองมาติดไว้ ผมพอจะคาดเดาเจตนาท่านได้ แต่ก็เป็นแค่การคาดเดา ยังไงก็อย่าปรามาสท่านนะครับ ท่านเก่งจริงๆ ผมมั่นใจ ใครที่เชื่อมั่นในวิชชาธรรมกายก็ฝึกไป ใครที่เชื่อมั่นในมหาสติปัฏฐาน4 ก็ควรไปฝึกกับหลวงพ่อจรัล เจตนาที่ผมตอบข้อความใดๆทุกครั้งก็อยากให้ทุกท่านเชื่อมั่นในการปฏิบัติตามสายของตน และไม่ปรามาสการปฏิบัติของสายอื่น หากมีผิดพลาดไปก็กราบขอขมา และกรุณาช่วยตักเตือนผมด้วยครับ
     
  7. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    หากข้อความใดๆของผมทำให้คุณ makam ขัดเคืองใจก็กราบขอขมาด้วยครับ ผมเองก็ทราบอยู่ว่าตัวเองแสนรู้เกินกว่ากำลังที่ฝึก ที่รู้เห็นได้ด้วยตัวเองไปมาก แต่ครูบาอาจารย์ท่านมักจะชมความแสนรู้ของผมอยู่เรื่อย ผมก็เลยเหลิงไปหน่อย ความจริงก็พยายามจะทำตัวเองให้คล้ายควาย เพราะหลวงพ่อฤาษีท่านก็สั่งไว้ว่าให้พยายามเรียนอย่างโง่ๆ จะสำเร็จเร็ว แต่นิสัยผมมันก็ติดแสนรู้ซะจนแก้ไม่หาย อย่าถือโทษผมเลยนะครับ

    กรุณาอย่าปรามาสครูบาอาจารย์ผมนะครับ เพราะผมฝึกแทบทุกสาย เดี๋ยวจะกลายเป็นปรามาสอาจารย์ตัวเอง

    ความจริงนวโกวาทผมอ่านจบไปหลายเที่ยวตั้งแต่อายุ12ขวบแล้ว แต่ก็ทิ้งไปนานมาก ตั้งแต่มีโปรแกรมพระไตรปิฎกในเครื่องก็ไม่ได้แตะเลย จะกลับไปอ่านใหม่อีกครั้งครับ
    ขอบพระคุณที่ตักเตือนครับ
     
  8. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    ทางด้านของผู้ที่ฝึกธรรมกายกรุณาเชื่อคุณโลกันต์เป็นหลักนะครับ
    ผมแค่พยายามตอบให้ผู้ปฏิบัติสายอื่นๆพอเข้าใจได้
    ที่ตอบสั้นๆเพราะเสียวตอบผิดนี่แหละ
    นี่ดีที่ได้คุณโลกันต์ช่วยติงไว้ หวิดซวยไปแล้ว
     
  9. ชอลิ้วเฮียง

    ชอลิ้วเฮียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +738
    **********************************************

    จะตอบเองแล้ว แต่ถูกเบรค...จ้า ..อีตาโลกันต์ก็โดนเบรคด้วย...

    หลวงพี่พระเลขาท่านบอกว่า คุยกันที่วัดหลวงพ่อสดฯ กับหลวงป๋าดีกว่า เพราะยังไม่ได้อนาคามี ถ้าพูดผิดไป จะ..............(รู้เป่า?)


    เข้าเซฟ เข้ามรรค ยังดีเป็นของฝ่ายเราเอง พิจารณากันเอง

    แต่ เครื่องของทุคติและโลกันต์ ที่พร้อมจะดูด ตามกลอุบายเขา
    ระวังให้ดี เขาไม่ปล่อยเราออกมาง่ายๆ

    ...การเช็คกับหลวงปู่สดฯ ถ้าเดินวิชชาไม่คล่องระวัง.....
    เหตุหลอกรู้ จูงญาณ.... หรือ เขาทำวิชชาฯไปล่วงหน้า แล้วตั้งธาตุธรรมปลอมมาหลอกเรา พลาดกันมานักแล้ว

    ...ควรตรวจสอบความรู้กับครูที่ยังมีกายเนื้อก่อนนะจ๊ะ....


    ( ปราณฟ้าโบยบิน..แวบ...)(bb-flower
     
  10. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    ขอบพระคุณครับ
    แล้วข้อความใหม่ผิดพลาดรึเปล่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2005
  11. หมอช๊อต

    หมอช๊อต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +14
    ง่ายนนิดเดียวครับ
    ก็คนที่เชื่อหรือนับถือธรรมชโย ก็เป็นพวกคนที่โง่อย่างลึกซึ้ง
    ถ้าตามหลักพระพุทธศาสนาก็จัดเป็นบัวประเภท
    บัวเต่าถุยอะคับ

    สายธรรมกายจิงๆแล้วน่าจะถูกยุบไปตั้งนานแล้วนะครับ
    เพราะขนาดหลวงพ่อสดเอง ที่ท่านเป็นคนคิดค้นวิชาธรรมกายขึ้นมา
    ท่านยังเลิกปฎิบัติเลย
    มีหลักฐานครับ เป็นรูปถ่ายของหลวงพ่อสดที่มีลายมือของท่านเขียนไว้ว่า
    วิชาธรรมกายไม่ใช่หนทางที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์ สติปัฎถฐาน 4 ต่างหากที่เป็นหนทางแห่งความดับทุกข์

    ใครที่ไมเชื่อไปดูรูปนี้เป็นหลักฐานได้คับ ที่วัดอัมพวัน
    อ.พรหมบุรี จ.สิงบุรี คับ
    รูปอยู่ในศาลาสุธรรมภาวนาคับ
     
  12. หมอช๊อต

    หมอช๊อต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +14
    อ่าว แล้วที่ผมแสดงความคิดเห็นไปมันหายไปไหนหละคับ
    แบบนี้ก็เป็นการปิดกั้นทางความคิดนะคับ
    ถ้าความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับคุณถูกลบไป แล้วคุณจะตั้งบอร์ดมาเพื่อฟังความคิดเห็นของคุณคนเดียวเหรอคับ

    จริงมั้ยคับ
     
  13. โลกันต์

    โลกันต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    357
    ค่าพลัง:
    +620
    /////////////////////////////////////////////////////////////

    ผมตอบในฐานะผู้ปฏิบัติใน
    สายวิชชธรรมกาย แทนหลวงปู่สดฯ

    เพราะท่านหมอช๊อตใช้คำพูดรุนแรง ไม่วิจารณ์ด้วยใจเป็นธรรม ไม่อยู่ในพรหมวิหาร
    และ กุศลกรรมบท 10


    ผมไม่เคยกล่าวกระทบใครด้วยเจตนา รัก-ชัง โดยเฉพาะบุพการี และครูอาจารย์ของผู้อื่น

    ผิดถูก นั้นเรื่องของท่าน ครูอาจารย์ทุกสายท่านเน้นย้ำเสมอ

    ถ้าคุณพลาดมา ก็สงสารตัวเองบ้าง ( ไปดูกายละเอียดของท่านบ้าง

    ว่าอยู่ไหน รอวันแตกดับของกายเนื้อท่านแค่นั้น...)

    การกล่าวถึงผู้อื่น ควรให้เกียรติเขา ผิดจริงหรือไม่ก็ตาม เราไม่มีสิทธิ์กระทำหยาบคายต่อเขาในที่สาธารณะ


    หลายครั้งในเวป ที่มีการผิดใจรุนแรง ก็ไม่สำรวมวาจานี้แหละ...


    <TABLE class=bodyline cellPadding=8 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    จริงๆ ผมเองก็ไม่อยากจะตอบเรื่องนี้เพราะถ้าตอบไปก็คงไปกระทบกับพระเถระรูปอื่นบ้าง แต่วันนี้ผมคงต้องทำหน้าที่เอาประวัติศาสตร์และเรื่องจริงมาเล่าให้ท่านฟัง
    ในช่วงปี 2490-2497 ชื่อเสียงของหลวงพ่อวัดปากน้ำซึ่งมิได้มีเปรียญธรรมชั้นใด แต่กลับมีผู้คนศรัทธากราบไหว้มากกว่าพระมหาเถระรูปใดๆ ในประเทศไทย เวลานั้น คนที่อิจฉาท่านก็ออกมาโจมตีว่า ท่านสอนผิดๆ ทั้งยังมีข่าวลืออกุศลว่าที่วัดมีแม่ชีมาก และไปทำวิชากัน เขาก็ลือกันไปในทางเสียหาย แม้แต่พระสังฆราชในเวลานั้น (ถ้าจำไม่ผิด)คือกรมหลวงวชิรญาณวัดบวรฯ ท่านได้ข่าวอกุศลนี้เช่นกันจึงได้นิมนต์ให้พระอริยคุณาธาร(เส็ง ปุณโส) ซึ่งเป็นพระเถระผู้ใหญ่ลูกศิษย์รุ่นแรกๆของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเชี่ยวชาญทั้งปริยัติ และปฏิบัติ เป็นสปายไปสืบเรื่องหลวงพ่อฯ ต่อมาท่านก็ได้ตระหนักถึงบุญบารมีของลพ.วัดปากน้ำว่าเป็นนักสมาธิจริงๆ มีความสนใจเฉพาะเรื่องของการปฏิบัติธรรม จึงนำความไปกราบทูลพระสังฆราช ข่าวอกุศลก็ดับไป
    ต่อมา พระพิมลธรรม (อาจ อาสภเถระ) อธิบดีสงฆ์ วัดมหาธาตุ ซึ่งกำลังสนใจเรื่องอภิธรรมที่ได้รับจากพระพม่า อีกทั้งท่านยังเป็นเจ้าคณะพระนคร คุมวัดปากน้ำด้วย ท่านต้องการให้พระในสังกัดท่านสนใจเรียนอภิธรรมเพื่อให้วิชาอภิธรรมแพร่หลาย จึงไปกราบอาราธนาลพ.วัดปากน้ำให้มาฝึกวิชานี้ด้วย
    อันลพ.วัดปากน้ำเป็นผู้มีนิสัยใฝ่ศึกษามาแต่ครั้งยังเยาว์และท่านก็เคยเรียนสมาธิในทางอื่นมาก่อนทั้งพุทโธ และสติปัฎฐาน ทั้งท่านก็ให้ความนับถือเจ้าคุณวัดมหาธาตุดี เคยไปเทศน์ให้วัดมหาธาตุ ตามที่ท่านเจ้าคุณอาราธนาอยู่บ่อยครั้ง จึงรับที่จะเรียนวิชายุบหนอพองหนอ ท่านเจ้าคุณอาสภะให้ท่านเจ้าคุณโชดกมาสอนวิชายุบหนอกับหลวงพ่อ หลวงพ่อก็เรียนอยู่ราวสองสัปดาห์ ภายหลังเมื่อเรียนแล้วท่านก็ให้ความนับถือวิชายุบหนอของวัดมหาธาตุเช่นกัน
    ท่านอจ.โชดกได้ขอให้หลวงพ่อเขียนวิจารณ์สิ่งที่ท่านได้เรียน หลวงพ่อก็เขียนจดหมายสั้นๆ ดูเหมือนจะมีภาพลพ.ด้วย ว่าวิชาที่เรียนตรงกับหลักสติปัฏฐานทุกประการ เรื่องก็มีเท่านี้
    แต่ผมไม่เข้าใจว่าสำนักเรียนวัดมหาธาตุรวมทั้งศิษยานุศิษย์สายนี้เขามีเจตนาอย่างไรแน่จึงนำหนังสือที่ลพ.เขียนรับรองมาลงพิมพ์
    รวมทั้งที่หน้าวัดอัมพวันของหลวงพ่อจรัล ก็เอาภาพนี้มาติดไว้ด้วย
    ภาพนี้อ่านดูอย่างไรไม่สามารถแปลได้ว่าลพ.วัดปากน้ำได้เลิกวิชาธรรมกาย หรือแปลว่ายุบหนอเหนือกว่าวิชาธรรมกายตามที่ฝ่ายผู้เรียนวิชายุบหนอพองหนอพยายามจะกล่าวอ้างและบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่าง
    ....................( )?????????

    </TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR><TR><TD background=img/dotH.gif height=1></TD></TR><TR><TD align=right>นายมหา [05/09/24 01:28] (85.185.58.71) 52 </TD></TR></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 align=center bgColor=white border=0><TBODY><TR><TD><TABLE class=bodyline cellPadding=8 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD'>ความคิดเห็นที่ 3 </TD>



    </TR><TR><TD>
    อันที่จริงพระพิมลธรรมท่านก็เป็นพระแท้มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย แต่ความเคร่งครัดนำมาซึ่งพระเดช การใช้อำนาจต่อพระอริยสงฆ์อย่างลพ.วัดปากน้ำทั้งที่พระพิมลธรรมเป็นพระเด็กแต่ได้เปรียญธรรมก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร ความดีและไม่ดีของท่านก็เป็นกรรมที่สนองท่านเองในเวลาต่อมา
    วันที่ 21 เม.ย.2505 ท่านถูกใส่ร้ายและถูกจอมพลสฤษดิ์ฯ สั่งให้จับกุม คุมขัง และจับท่านสึกหาลาเพศ แต่ท่านไม่ยอมเปล่งวาจาสึกท่านต้องโทษทัณฑ์จากทางการอยู่สิบปี ในที่สุดศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้ท่านพ้นผิด โดยในคดีนั้นปรากฏว่ามีความอิจฉาริษยากันในหมู่สงฆ์ และพระสังฆราชพระองค์หนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้เช่นกันศาลได้กล่าวในตอนหนึ่งว่ากรรมที่ท่านถูกใส่ร้ายก็ขอให้เป็นอโหสิกรรมแก่กัน เมื่อพระพิมลธรรมพ้นโทษแล้วก็ได้รับสมณศักดิ์คืน จนได้เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์วัดมหาธาตุ แต่ภายหลังท่านควรได้เป็นพระสังฆราช แต่ท่านก็ไม่ได้เป็นตำแหน่งพระสังฆราชตกแก่พระญาณสังวร โดยที่ท่านอาสภะเถระได้ขอถอนตัวโดยเห็นแก่ความสามัคคีแห่งสังฆมณฑล เมื่อใกล้มรณภาพ เลขาของท่านยังต้องคดีปาราชิก ทำให้ตำรวจมาค้นกุฏิท่าน แต่ก็ไม่ได้พบอะไรที่ผิดปก แน่นอนชื่อของท่านก็มามีมลทินเพราะพระเลขาสมีเจี๊ยบแท้ๆ ตราบจนท่านมรณภาพไป
    ตัวอย่างชีวิตของท่าน เป็นตัวอย่างพระที่มีทั้งสุขและทุกข์โคจรมา
    สำหรับหลวงพ่อจรัลนั้นก็เคยไปฝึกวิชาธรรมกายกับหลวงพ่อวัดปากน้ำแต่ไม่ถูกอัธยาศรัย จึงเปลี่ยนมาฝึกยุบหนอพองหนอ ซึ่งท่านก็ได้รับผลสำเร็จตามส่วนแห่งธรรม
    หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นผู้มีเมตตา อัธยาศรัยดีและใจกว้างมาก ศิษย์หลายคนได้เปลี่ยนไปเรียนกับครูท่านอื่น อาทิ แม่ชีกบิล วรมัย กบิลสิงห์ ได้ย้ายไปเรียนวิชาที่วัดโสมนัส แล้วคิดว่าตนเองบรรลุธรรมจึงมากราบเรียนแนะหลวงพ่อ หลวงพ่อฟังโดยสงบ และกล่าวสั้นๆ ว่า เอ็งยังเห็นดวงธรรมในท้องหรือเปล่า เมื่อแม่ชีบอกว่าเห็น หลวงพ่อก็พูดว่า เออ ดีแล้ว ขอให้เห็นดวงธรรมในท้องเอ็งจะไปเรียนวิชาอะไรก็ช่างเถอะ หลวงพ่อฤษีลิงดำ หลวงพ่อจรัลเหล่านี้ล้วนเคยเรียนวิชากับท่านมาทั้งนั้น ภายหลังไปเรียนวิชาอื่น ท่านก็ไม่ว่ากล่าวใคร
    คุณเคยได้ยินชื่อหลวงพ่อบุดดา ถาวโร วัดศรีประจันต์ จ.สิงห์บุรีหรือไม่ คนเขาลือว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์แล้ว เมื่อหลวงปู่มรณภาพคนเขาไปรื้อย่ามท่าน มีพระอยู่องค์หนึ่งคือ พระของขวัญวัดปากน้ำรุ่นหนึ่ง

    </TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR><TR><TD background=img/dotH.gif height=1></TD></TR><TR><TD align=right>นายมหา [05/09/24 02:27] (85.185.58.71) 53 </TD></TR></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2005
  14. panuwat

    panuwat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +104
    ขอความกรุณา เว็บมาสเตอร์ หรือ Modeater พิจารณาข้อความที่รุนแรง เกินไป ซึ่งไม่เหมาะสมที่จะนำมาแสดงในเว็บแห่งธรรมะนี้ อย่างข้อความปรามาส พระรัตนะตรัย หรือข้อความปรามาสครูบาอาจารย์ ของหลายๆคน และกระทู้ หรือบทความที่มีเจตนาไปในทางที่เพี้ยนไปจากจริตวิสัยของคนปรกติ อาทิ อ้างว่าเป็นพระศรีอารย์เป็นต้น เว็บแห่งการศึกษาธรรมะ ไม่ควรมีข้อความที่ไม่ก่อให้เกิดปัญญาเหล่านี้ หากเห็นว่า เป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเป็นสีสรร หรือก็ควรพิจารณา เอาแต่พอดีๆครับ ขอฝากท่าน เวบมาสเตอร์ และ Modeater มา ณ ที่นี้ครับ
     
  15. makam

    makam สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +19
    ใจเย็นๆ ท่าน ภาณุวัฒน์ ทุกศาสตร์ มีดี ของศาสตร์ ตนเอง อยู่แล้ว ทองแท้มิกลัวไฟ เช่นนั้น เราก็มิควรยึดถือเป็นจริงเป็นจัง ขอให้ถือเสียว่า ผ่านมาแล้ว ก็ผ่านไป เถิดท่าน อันอารมย์ ความนึกคิด ของ ชาวเรา ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง ต่างคนต่างคิด นะท่านนะ ถือเสียว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นจะดีกว่านะท่าน มิเชื่อถามท่าน ชอฯ ท่าน อักขรฯ ท่านโลกันต์ดู ของแท้ ยังไงก็เป็นของแท้ครับ
     
  16. กฤษณะ

    กฤษณะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +52


    จากประวัติย่อ พระเดชพระคุณ พระมงคลเทพมุนี (สด จนทฺสโร )

    ในพระนิพนธ์ของ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณณสิริมหาเถระ )

    สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

    *****************************************


    ...." ใครใส่ร้ายป้ายสีท่าน เมื่อทราบ หลวงพ่อพูดว่า ช่างเถิดเขาติเตียนเรา ดีกว่าเราติเตียนเขา "........



    (bb-flower [b-wai] (bb-flower [b-wai] (bb-flower
     
  17. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +3,069
    ไม่น่าจะกล่าวว่า นิพพานเป็นอนัตตา หรืออัตตานะครับ

    หลวงตาบัวยังเคยบอกว่า นิพพานจะเป็นอัตตาหรืออนัตตาได้อย่างไร นิพพานมันก็เป็นนิพพานของมันเองนั่นแหละ ไม่ได้เป็นอย่างอื่น ผมเห็นป้ายบอร์ดนี้ที่ขอนแก่น อ่านแล้วคิดตามก็ทราบว่า ท่านสมกับเป็นพระอรหันต์จริงๆ

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ไม่เคยบอกว่านิพพานเป็นอัตตา หรืออนัตตา ท่านบอกแต่ว่ามีแดนนิพพาน แดนนี้ไม่มีกิเลส กิเลสสูญ จิตไม่สูญ นี่ท่านก็สมกับเป็นพระอรหันต์เช่นเดียวกัน

    เพราะคนเรามักติดอยู่ในโลกธรรม ดี-เลว ดำ-ขาว มืด-สว่าง อะไรก็ตามในโลกธรรม ไม่ใช่ของจริงๆ ต้องพ้นจากโลกธรรมทั้งปวง มีทางสายกลางดำเนินไป

    คำว่า
    อัตตา แปลว่า ถือตัวถือตน คิดว่าทุกสิ่งมีตัวมีตนนั้นแหละจึงจะเป็นของจริง สิ่งที่เห็นอยู่นี่แหละเป็นของจริง
    อนัตตา แปลว่า ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน คิดว่าทุกสิ่งที่เห็นไม่มีตัวไม่มีตน ไม่มีของจริงในสิ่งทั้งหลายทั้งปวง

    ผมคิดว่าท่านทั้งหลายกำลังโยงพระพุทธศาสนา เข้ายังลัทธิใหญ่ 2 ลัทธิคือ ลัทธิอัตตา คือลัทธิถือตัวถือตน เสพกาม และลัทธิอนัตตา ไม่ยึดถือสิ่งใดเลย นุ่งลมห่มฟ้า(ชีเปลือย) ซึงผมเห็นว่าไม่เป็นการสมควรเลย

    หากท่านไม่ได้คิดจะทำเช่นนั้น ก็อย่าว่า นิพพานเป็นอัตตา หรือ นิพพานเป็นอนัตตาเลย

    โปรดเข้าใจว่า นิพพาน ก็คือ นิพพาน มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ดอก ตามอย่างที่ท่านพระอรหันต์สาวก หลวงตาบัว ญาณสัมปันโน ท่านกล่าวไว้ดีแล้วนั้นเถิด แล้วจึงดำเนินทางสายกลาง อย่างที่หลวงพ่อสดท่านสอนนั้นเถิดว่า กลางของกลาง เข้าตากลางในกลางกาย

    ไม่งั้นก็เท่ากับว่าท่านกำลังเดินไปสุดทางทั้ง 2 คือ ถือกามคุณ(ลัทธิอัตตา) ไม่ถืออะไรเลย(ลัทธิอนัตตา ชีเปลือย)

    คิดเห็นเป็นเช่นไรครับ
    (อ้อยังยืนยันนะว่า วิธีทำบุญแบบผ่อนส่งนั้น ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ มีก็ทำ ไม่มีก็ไม่ทำ ทำตามกำลัง ไม่เร่งรัด ไม่เคร่งเครียด บุญหน่ะอาจได้ แต่ไม่รู้จะได้กุศลมากน้อยแค่ไหนนะครับ บางทีอาจต้องต่อว่าสือ เวลาเขียนข่าวชอบเขียนเกินจริง ชอบเพิ่มสีให้ข่าว เช่นนี้ความเข้าใจผิดอาจเกิดขึ้นได้ ผมได้ยินหลายท่านว่า วัดพระธรรมกายปล่อยกู้ แล้วให้ชวนคนไปวัดทำบุญเยอะๆ อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นข่าวโคมลอยโจมตีหรือเปล่า คนทำเท่านั้นถึงจะรู้ แต่ถ้าไม่จริงก็ขออนุโมทนาในความดีของทุกท่านด้วย)

    ผิดพลาดประการใดขอกราบขอขมาพระรัตนไตร และทุกท่านได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพเจ้า ผู้ด้อยปัญญา และขอให้พบซึ่งทางที่ถูกที่ควรด้วยเทอญ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    บาปอยู่ที่คนทำ กรรมอยู่ที่คนก่อ

    ผมไปประจำครับ ผมเคารพศรัทธาหลวงพ่อจรัญมาก ผมไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันมาประมาณ 10 ครั้งแล้วครับ ครั้งละ 3,5 หรือ 7 วันบ้างตามโอกาส หลังจากไปปฏิบัติธรรมมาแล้ว ผมรู้สึกว่าผมได้อะไรมาเยอะนะครับ อย่างน้อย ผมฝึกสติปัฏฐาน ผมก็พอจะมีสติ ไม่ใส่อารมณ์ ไม่จาบจ้วงหรือปรามาสครูบาอาจารย์สายอื่นๆอีกเลย ดูเหมือนหลวงพ่อท่านก็ไม่สนับสนุนให้เราทำอย่างนั้นด้วยนะ ตอนที่ผมเริ่มสนใจธรรมมะ และเริ่มรู้อะไรขึ้นมาบ้าง ผมก็คล้ายๆคุณนี่แหละ มีความรู้สึกว่ามันจะต้องมีคนผิดคนถูกแน่นอน อาจารย์ของเราต้องถูกต้อง ดีกว่าแน่นอน
    ผมอยากให้คุณลองทบทวนดู คำที่พระพุทธเจ้าท่านสรุปไว้ว่า ธรรมมะที่พระองค์สอนไว้ เพื่อให้พ้นทุกข์นี้ มันเป็นแค่ใบไม้ในกำมือเดียว เมื่อเทียบกับใบไม้ทั้งป่า ดังนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆท่านจะไปรู้ไปเห็นใบไม้ใบอื่นๆที่อยู่นอกกำมือไม่ได้นี่ครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านรู้นอกเหนือจากที่พระพุทธเจ้ารู้นะครับอย่าเข้าใจผิด พระองค์รู้แต่ไม่ได้สอนไว้ เพราะบางอย่างพระองค์เรียกรวมไว้ว่าเป็นอจินไตย
    อย่างมโนมยิทธิ ก็มีนักปฏิบัติธรรมสายอื่นๆบางท่านพูดไว้ว่า พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนไว้ อะไรแบบนี้ (ผมจำไม่ได้ว่ามีใครโพสไว้ที่ไหน คิดว่าน่าจะเป็นที่หมวดพุทธภูมิของเวปนี้แหละ)
    จริงอยู่หลวงพ่อจรัญท่านมักพูดถึงเรื่องนิมิตรอยู่บ่อยๆ และย้ำว่าอย่าไปสนใจมัน ให้เพียงแต่กำหนดรู้หนอเท่านั้นเอง และท่านและแม่ชีที่สอนกรรมฐานมักบอกว่านิมิตรนั้นมันเกิดจากจิตรเราปรุงแต่งขึ้นมาเองทั้งนั้นแหละ มันไม่ใช่ของจริงอะไรทำนองนี้ แต่ท่านก็ไม่ได้ระบุสำนักไว้นะครับว่าเป็นสำนักไหน
    หลวงพ่อฤาษีท่านพูดไว้ว่าพระอรหันต์ก็มีหลายระดับ เช่น สุขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ และปฏิสัมภิทัปปัตโต ซึ่งระดับของการรู้อื่นๆ (นอกเหนือจากการดับกิเลสได้) มีไม่เท่ากัน
    เห็นไหมหละครับ ขนาดระดับครูบาอาจารย์ในสายเถรวาทด้วยกัน ท่านยังรู้ ยังเห็นไม่เท่ากันเลยครับ ประสาอะไรกับครูบาอาจารย์สายอื่นๆ ผมหมายถึงสายมหายานด้วยนะครับ ผมเชื่อว่าหลายคนรวมทั้งคุณหมอช็อตเองด้วย ก็จะคิดว่ามหายานนั้นผิดเพี้ยนไป และผิดแน่ๆ 100% แน่นอนใช่ไหมหละครับ ตรงนี้ถ้าใครปราถนาพุทธภูมิอยู่ ผมเชื่อว่าจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก เพราะมหายานทั้งสายดูเหมือนจะปราถนาและสอนให้ปราถนาพุทธภูมิกันหมด (ผิดพลาดขออภัยนะครับ) ดังนั้นประสาอะไรกับระดับลูกศิย์อย่างเราๆหละครับเรายังมิอาจเทียบเท่าระดับครูบาอาจารย์ได้เลยแม้แต่น้อย แล้วเรารู้อะไรแค่ไหน เราถึงจะกล้าไปจาบจ้วงท่านถึงเพียงนี้ นรก นรก นรก รอท่านอยู่นะครับหากท่านที่เราจาบจ้วงไปนั้น ก็เป็นของจริงด้วยเช่นกัน อะไรจะเกิดขึ้น อย่าลืมว่ากรรมฐานมีตั้ง 40 กองนะครับ ถ้าเราใคร่ครวญให้ดี เราจะรู้ว่า เรารู้อะไรน้อยมากเกี่ยวกับโลก เกี่ยวกับจักรวาล และแม้แต่เกี่ยวกับตัวเราเอง ต่อให้เป็นหมออย่างคุณ ก็ยังไม่รู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับสมองของมนุษย์ด้วยซ้าไป ดังนั้น เราจึงพึงสังวร และเจียมตัวเราเอง ว่าเรารู้น้อยมาก เราเป็นแค่เศษเสี้ยวธุลีดินหรือเล็กกว่านั้นมากๆๆเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของจักรวาลทั้งหมด แล้วเราควรสำคัญตนว่ารู้ว่าฉลาดเพียงไหนกันหรือ
    ทางที่ดีผมว่าเผื่อกันเหนียวไว้ก่อน คุณควรรีบตั้งจิตขอขมาลาโทษท่านเสียโดยไว เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง
    อ้อ อีกอย่างนะครับ เราไม่สามารถที่จะนำวุฒิการศึกษาทางโลกมาเทียบกับภูมปัญญาทางธรรมได้นะครับ คุณจบหมอมาคุณก็มีการศึกษาที่ดีระดับหนึ่งเท่านั้นแต่หลายคน หลายคนมากจริงๆที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาของครูบาอาจารย์ที่คุณได้จาบจ้วงไปนั้นจบด็อกเตอร์มาด้วยซ้ำ เห็นไหมครับ เราวัดกันไม่ได้หรอกครับว่าใครจะฉลาดกว่าใครด้วยวุฒิการศึกษา
    ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงที่ยกมากล่าวและอ้างนี้ ไม่ได้ความว่าผมจะทำไปเพื่อตำหนิคุณแต่อย่างเดียว แต่เพื่อการสำรวมระวังในกาย วาจา ใจของคุณเองในกาลต่อไปด้วยครับ เพื่อประโยชน์ของคุณเองครับ ผมนั้น ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากคุณเลยอยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับผมหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะด่าผมกลับมาด้วยถ้อยคำหยาบๆคายๆหรือไม่ก็ตาม เพราะผมก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญ ก็จะยึดสติไว้ ว่า "รู้หนอ รู้หนอ" เพียงเท่านั้น พวกเราฝึกสติกันมาแล้วนี่ครับ ใจเราต้องหนักแน่นมั่นคง ใสสะอาดขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยสิ ใช่ไหมครับ จะไปเทียบอะไรกับคนที่ไร้การศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม เราต้องต่างกับเขาสิ ใช่ไหมครับ
    สำหรับตัวผมเอง ผมปราถนาจะฝึกวิชชาของทุกสำนัก ให้รู้ ให้เห็น อย่างที่ท่านสอน ให้ถ่องแท้ที่สุด เท่าที่ผมจะทำได้ ก่อนที่ผมจะกล้าไปบอกว่าใครผิดใครถูก เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้า มีไว้ให้พิสูจน์อยู่แล้วนี่นา ไม่ว่าจะเป็นของ
    1. สายพุทโธ ของพระอาจารย์มั่น -->ผมเคยบวชเณรในสายนี้มาเป็นสายแรกของชีวิต และบวชพระอีกทีตอนโตแล้ว
    2.สายธรรมกาย--> ผมเคยบวชเณรตอนเป็นวัยรุ่น
    3.สายสติปัฏฐาน 4 (ยุบหนอ พองหนอ) ของหลวงพ่อจรัญ --> สายนี้ทุกวันหยุดยาวๆของทุกปี ผมจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันประจำ ไปมานานประมาณ 6 ปีแล้ว
    4.สายหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง --> สายนี้ผมเพิ่งเข้ามาศึกษาและทดลองปฏิบัติได้ไม่ถึงปี เคยไปฝึกมโนมยิทธิมาแล้ว 2 ครั้งครับ
    แต่ผมไม่มีอัคติกับสายไหนเลย ผมเชื่อในครูบาอาจารย์ทุกๆท่าน ผมกราบท่านด้วยความสนิทใจทั้งนั้นครับ
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2005
  19. ฝั่งแห่งภพ

    ฝั่งแห่งภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +606
    กลางๆ

    นักบุญทั้งหลายทั้งประสงค์จะเจริญจาคานุสติก็สามารถกระทำได้โดย
    1. คิดว่าการให้นี้เพื่อเป็นการสงเคราห์
    2. เพื่อละมัจฉริยะความตะหนี่เหนียวแน่น
    3. เพื่อสร้างทานบารมี

    สำหรับท่านที่ประสงค์มุ่งผลเฉพาะอานิสงส์แห่งการให้นี้ก็พึงพิจารณาถึง
    1. ผู้ให้ทาน (เช่นพิจารณาถึงศีลของตน)
    2. วัตถุแห่งทาน (ความบริสุทธิ และอานิสงส์แห่งการให้ว้ตถุทานนั้น)
    3. ผู้รับทาน (ศีลของผู้รับ, ให้เฉพาะบุคคล หรือให้เพื่อประโยชน์แก่หมู่คณะ)

    นอกจากนั้นผลแห่งอานิสงส์นั้นก็ยังจะขึ้นอยู่กับกำลังใจของผู้ให้ 3 ขณะ
    1. ก่อนให้
    2. ขณะให้
    3. หลังให้
    หากประสงค์จะรักษาอานิสงส์ก็พึงรักษากำลังใจของตนด้วย

    ผู้ที่จะเจริญจาคานุสติแบบมือเปล่าก็ย่อมทำได้และยังเป็นการส่งเสริมบารมีให้เพิ่มพูนยิ่งๆขึ้นด้วยคือการคิดไว้เสมอว่าเราจะเป็นผู้ให้โดย
    1. ให้ด้วยกำลังทรัพย์ เมื่อพอจะมีทรัพย์
    2. ให้ด้วยกำลังกาย ใช้ร่างกายแรงงานนี้เป็นทาน
    3. ให้ด้วยกำลังสติปัญญา ใช้ปัญญาในการช่วยเหลือเกื้อกูล

    เมื่อท่านทานบดีพิจารณาอย่างนี้แล้วย่อมได้ผลแห่งการพิจารณานั้นอย่างแน่แท้
     
  20. ton999

    ton999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,100
    ค่าพลัง:
    +2,339

แชร์หน้านี้

Loading...