โค-ตะ-ระ-ซวย ช่วยผมที

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ซาตานคลั่ง, 17 มิถุนายน 2008.

  1. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    เรื่องมันมีอยุ่ว่า ผมได้ทำการขโมยลิขสิทธิ์(คือเรียนแบบวิธีการ)ในหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน ในช่วงต้นๆ
    ในส่วนที่ว่า
    "ให้ทำการบูชาพระ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ว่าหากกรรมฐานกองใดที่เคยเจริญมาแล้วในอดีตชาติ และได้ผลมาแล้ว ขอให้รักกรรมฐานกองนั้น แล้วให้เปิดอ่านในวิสุทธิมรรค ถ้ารักกองไหนมั่งให้กาไว้"

    แต่ผมดัดแปลงนิดหน่อยคือใช้วิธี เขียนชื่อกรรมฐานทั้ง40กองในกระดาษ40แผ่นทำเป็นฉลาก ใส่ไว้ในแก้ว(เหมือนเซียมซี) แล้วเสี่ยงทาย อธิษฐานขอให้ผลเสี่ยงทายออกมาตามความจริงเถิด(ที่ทำอย่างนี้เพราะผมรู้ตัวว่าเป็นคนโลเล ไม่รู้ว่าจะรักกองไหนที่สุด อาจจะรักมันทุกกองหรือไม่รักเลยสักกอง ^^)

    การเสี่ยงทายผลปรากฏว่า "อากาสานัญจายะตะนะ"

    ซวยเลย ทำไม่ถูกแล้ว ใครก็ได้ แนะนำที
     
  2. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,631
    วิธีการแบบที่คุณใช้นั้นผมเคยทำมาแล้ว แต่หนักกว่าคุณอีกนิดหน่อยตรงที่ว่า ถ้าหากเป็นกรรมฐานที่เหมาะกับจริตจริงขอให้จับได้อันเดิม ๓ ครั้ง ปรากฎว่าจับสลากเสี่ยงทาย ๓ ครั้ง ไม่ได้อันเดิมเลยสักครั้งสงสัยเป็นเพราะท่านรู้ว่าเราเป็นคนไม่จริงจังท่านเลยเปลี่ยนให้ใหม่ทุกครั้ง จนเดี๋ยวนี้ก็ยังมืดเหมือนเดิม

    ลองอธิษฐานจับใหม่ดูสิถ้าได้กสิณอันเดิมทั้งสามครั้งแสดงว่าต้องฝึกอันนี้อย่างแน่นอน
    <!-- / message -->
     
  3. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ผมว่าวิธีเสี่ยงทายนี้ไม่น่าจะใช้ได้นะ เช่นว่าจับได้ "อากาสานัญจายะตะนะ" มันเป็นฌานที่ 5 คือการเพ่งอากาศเป็นอารมณ์ โอโห น่าจะยากมากเพราะมันเป็นอรูปฌานหรือโลกุตรฌาน คือ การที่ต้องได้ฌาน 4 แล้ว

    จขกท ลองเปิดดูเรื่องกรรมฐาน 40 กองใหม่ซิครับว่ามีอะไรบ้าง ผมว่า "อากาสานัญจายะตะนะ" ไม่ใช่หนึ่งในกรรมฐาน 40 นะ แต่มันเป็นฌาน 5 ไปแล้ว

    เรื่องกรรมฐาน 40 กอง กองที่เหมาะสำหรับทุกคนคือ อานาปานนสติคือการกำหนดลมหายใจ คือใช้ได้ดีกับทุกคน (พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ใช้การพิจารณากำหนดลมหายใจเช่นกัน) พอทำได้ดีแล้วค่อยไปหากรรมฐานกองอื่นลองใช้ดูเราจะรู้เองว่าชอบอะไรก็ต้องลองล่ะ อาจจะเริ่มที่กสิณกองที่ชอบแล้วถ้าทำได้ผลก็จะรู้เองว่าชอบอะไร คือว่าลงมือทดลองเลยจะดีกว่าการจับฉลากนะเพราะการจับฉลากมันไม่แน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2008
  4. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,673
    ...ทำไปเถิด แล้วจะรู้เอง...

    เป็นกำลังใจให้นะคะ

    ^-^
     
  5. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  6. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    ของแบบนี้ ไม่ลอง ไม่รู้ครับ
    ต้อง กล้า เข้าไว้ครับ
    สู้ ๆ
     
  7. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ครับ ก็คือ ไม่เชิงสุ่มจับหรอกครับ
    ผมเริ่มจาก
    ทำฉลากไว้ในแก้วทั้งหมด(ขยำเป็นก้อนๆหลายก้อน)
    แล้ว หลังจากสวดมนต์อย่างเป็นปกติเหมือนที่ทำอยู่ประจำ ก็ทำการยกขัน5(ดอกไม้ธูปเทียน)
    สมาทานพระกรรมฐาน แล้วก็ตั้งใจ อธิษฐาน
    "ขออราธนาบารมี พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
    หากกรรมฐานกองใดที่ข้าพเจ้าได้เคยเจริญมาแล้วในอดีตชาติ และได้ผลดีมาแล้ว และหากจะเจริญกรรมฐานกองนั้น จะได้ผลเร็วที่สุด ขอให้ผลการเสี่ยงทาย ออกมาตามความเป็นจริงด้วยเถิด"

    แล้วเขย่าแก้ว
    ไปเรื่อยๆจนกระทั่งกระเด็นออกมาสักก้อน

    ผลออกมาก็เป็นอย่างที่บอก "อากาสานัญจายะตะนะ"

    ไอ้ลำพังสร้างความรู้สึกว่างเปล่าให้เกิดขึ้น สำหรับผม ไม่อยากหรอก ง่ายนิดเดียว เพราะบ่อยครั้งที่ทำสมาธิผมก็แอบเข้าอารมณ์นี้บ่อยๆ นานเท่าที่ต้องการด้วย

    แต่ปัญหาคือ พออ่านในกรรมฐาน40 กลับบอกว่า ต้องเข้ากสินสักกองให้ถึงฌาณ4ซะก่อน
    ซวยเลยตรงนี้ จนป่านนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าผมเคยได้ฌาณ4หรือยังตั้งแต่เกิดมา
     
  8. gosilwer

    gosilwer สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอแนะนำนะครับ ตามที่ผมได้อ่านในเว็ปนี้มา
    ผมคิดว่า อาณาปานุสติ จะเป็นฐาน ของกรรมฐาน ทุกกองครับ เพราะง่ายดีด้วย ดูลมหายใจให้คล่องก่อน แล้วค่อยฝึกกสินทีหลังก็ยังไม่สายนะครับ

    ขอให้บุญกุศลทั้งหลายที่เคยทำมา ดลบันดาลให้ ทุกท่านประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้นะครับ

    อนุโมทนา สาธุ.....
     
  9. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +470
    ก็นึกว่าจะอะไรนะ การที่เราจะทำอะไรสำเร็จหรือไม่นั้น ของแบบนี้เราลิขิตเองอย่าไปยึดติดมากนะครับ
     
  10. อยาก เวียนว่าย

    อยาก เวียนว่าย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +17
    "อากาสานัญจายะตะนะ" คืออรูปฌาน 1
    ที่เราสับสนและคิดว่ายากเพราะ เราไปยึดติดกับคำสอนของครูบาฯสายรูปฌาน
    ว่าเป็นฌาน5 ที่ต้องได้ รูปฌาน4 ก่อน ถึงจะไปต่อได้นั้นไม่ใช่แน่ๆครับ ที่จริงแล้ว
    เป็นเพราะ รูปฌานนั้นยังไงก็จะตันอยู่แค่ฌาน4 มันไปต่อไม่ได้แล้ว

    ถ้าจะไปต่อก็ต้องเริ่มฝึกกันแนวทางใหม่ โดยไม่กำหนดรูปหรือนิมิตใดๆเป็นอารมณ์
    แต่เนื่องจากท่านเหล่านั้นมาทางสายรูปฌาน ท่านจึงเข้ารูปฌาน4 ของเดิมเป็นฐาน
    จากนั้นจึงละซึ่งรูปฌาน4 นั้นโดยการวางเฉยจนปฏิภาคนิมิตของฌาน4 หายไป
    เหลือแต่อากาศที่ว่างเปล่า สว่างเสมอกันไปสุดตาแต่ไม่จ้า ไม่มีต้นแสงปลายแสง
    แผ่ไปไม่สิ้นสุดหาขอบเขตไม่ได้ ไม่มีทั้งนิมิตไม่มีทั้งตัวเรา เหลือตัวผู้รู้ที่มองเห็นได้
    ทุกทิศทางรอบตัว

    ซึ่งจริงๆแล้ว เราสามารถจะเลือกที่จะเดินสายอรูปฌานโดยไม่ต้องผ่าน รูปฌานเลยก็ได้
    โดยไม่ต้องกำหนดรูปใดๆเป็นอารมณ์แม้แต่บริกรรม แค่รวมจิตรู้เบาๆนิ่งๆเป็นหนึ่งแล้ว
    ปล่อยวาง เน้นว่าต้องวางจริงๆ อะไรก็ไม่เอาทั้งนั้น แผ่ไปแบบผ่อนคลายไร้ขอบเขต

    การฝึกแบบนี้ ยอมรับว่ายากมากๆเพราะจิตจะไม่มีอะไรให้เกาะเลย กับอีกจุดก็ตรงที่ต้อง
    รวมจิตรู้เบาๆนิ่งๆเป็นหนึ่ง แต่ต้องแผ่ไปแบบผ่อนคลายไร้ขอบเขต และอุปสรรคใหญ่ๆ
    ก็คือความเบาของการกำหนดรู้ที่ต้องเบามากๆ เลยมักจะหลับ

    นัยว่าผู้ที่เข้าถึงอากาสาฯได้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่เหนื่อยอ่อน เมื่อยล้า ทดท้อและ
    สิ้นหวังกับการปฏิบัติที่ไม่ก้าวหน้า ละทิ้งความอยากทั้งปวงไม่หวังอะไรแล้วสักแต่นั่งๆไป
    แต่สามารถรวมจิตเป็นหนึ่งได้ กับอีกพวกคือพวกที่มีของเก่าตามมาสำแดง

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  11. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    อ้าวนี่ อ่านดูแล้ว เคยได้แล้วในอดีตชาตินี่ ลุยเลยลุง

    เข้าตรง ๆ ไม่ได้ก็เข้าฌาณ สี่ ก่อน แล้ว ก็ปีนขึ้น อากาศไม่มีประมาณไปเลย

    มีอยู่แล้วนี่ ลุยเลยนะ อย่ารีรีรอรอ สำเร็จ สำเร็จ สำเร็จ เอ้า เอาพรไป
     
  12. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    ถ้าคิดจะฝึก.......
    พอมีรายละเอียดบอกเล่า...บอกกล่าวดังนี้
    (โปรดใช้วิจารณญาณใคร่ครวญ......ในการอ่านด้วย)

    โดยมากแล้วโบราณคจารย์หรือครูบาอาจารย์ ฯ ท่านได้กล่าวหรือสอน แนะนำไว้
    ก็หลาย ๆ แนวทาง ซึ่งก็มักจะให้จับพื้นฐานของสมาธิกรรมฐานไว้ก่อน....เพื่อให้ได้
    ให้มั่นคงในสมาธิ ทั้งจับลมหายใจเข้า - ออกหรืออานาปานุสติ ให้ได้เสียก่อนแล้วจึง
    ค่อยเริ่มไปฝึก ขั้นตอนต่อไป ของ อากาสานัญฯ (เพราะถ้าตายไปขณะนั้นฯ จะไปเกิด
    ไปจุติ ณ อรูปพรหม ทำให้บำเพ็ญเพียรบารมีต่อไปได้ยากหรือไม่ได้ ! เพราะไม่มีรูปหรือ
    ที่มั่นหมายให้ระลึกถึง....จะทำให้เสียเวลา)

    ทั้งการฝึก ตรึกระลึก นึก ถึง รูปของกสิน (กสิณทั้ง 10 กองเลือกเอากองใดกองหนึ่ง)
    พอฝึก ตรึก ระลึก นึกถึง จนเห็นชัด ทั้งลืมตาหลับตา (ใช้ใจเห็นไม่ใช้...ตาเนื้อ) ทั้งย่อ
    ขยาย หรือจับวางไปที่ใดก็ได้แล้วก็ วางเฉย ละต่อนิมิตรูปที่เห็นนั้น ไม่สำคัญมั่นหมาย
    ในนิมิตนั้น ทุกอย่างว่างไปหมด เป็นอากาศธาตุ ไปโดยรอบ โดยทั่วไป ไม่มีประมาณ

    หรือจะจับเอา....รู้สึก รับรู้ ถึงความว่างนั้น ทุกอย่างเป็นอากาศธาตุ ว่างแบบไม่มีขอบเขต
    เป็นอากาศทั้งหมดแบบไม่มีประมาณ...นั้นเลยก็ได้ โดยไม่ต้องฝึกหรือผ่านการฝึกของ
    รูปกสิณ ซึ่งก็จะมีข้อแตกต่างของอากาสกสิณ....จะต้องกำหนดขอบเขตของอากาศที่ใช้
    ในการตรึก ระลึก นึก ถึง เช่นเป็นรูปหรือดวงกลมๆ ส่วนของอรูปหรืออากาสานัญฯ
    จะแผ่ขยายออกไป ไม่มีกำหนด ขอบเขต....บ้างก็ฝึกกรรมฐานอื่นแล้วปล่อยวาง ไม่สำคัญ
    มั่นหมายหรือละ....ต่อการฝึกของกองกรรมฐานที่ใช้กำหนดเดิม ก็จะเป็นการเข้าสู่การฝึก
    ของอรูปไปโดยไม่รู้ตัวก็มีหรือบ้างก็....เจาะจงให้เป็นดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

    ตามความเข้าใจนั้น.....มันจะคล้ายๆ ไม่มีที่เกาะที่กำ ที่เกี่ยวหรือยึดถือของจิตแลใจ
    บางทีนิ่ง.......ไป คล้ายดับไปของจิต ต้องเฝ้าสังเกตุ จับจิตแลใจ...ที่สัมผัส ที่รับรู้ให้ดี
    ก็จะเห็นข้อแตกต่างที่ว่านี้ ซึ่งต่างไปจากการทำสมาธิโดยปกติทั่วไป....ซึ่งใช้เป็นการ
    ดับจิตแลใจ พักและผ่อนต่อเรื่องวุ่นวายทางโลกได้ดี (เข้าทำนองไม่สนโลก)...
    ก็เป็นสมถะ....ควรพลิกกลับไปกลับมาในภูมิของวิปัสสนาด้วย ก็จะเห็นข้อชัดเจน
    แตกต่างรวมถึงความเบาสบาย ของจิตแลใจที่แตกต่างกันด้วย....

    สุดท้าย....ควรระวังถ้าฝึก อย่าไปแช่นิ่ง แช่อิ่มกับผลของอรูปฯ มากจนเกินไปนัก
    เกิดตายไปตอนขณะนั้น จะไปจุติ บังเกิด เป็นพรหมลูกฟักเข้า.....ซึ่งโดยมากผู้ฝึก
    พระกรรมฐานมักจะหลีกเลี่ยง การไปจุติหรือบังเกิด ณ ที่ตรงนั้นกัน

    สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2008
  13. อยาก เวียนว่าย

    อยาก เวียนว่าย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +17
    เห็นด้วยกับข้อเขียนของคุณ นาๆจิตตัง ตรงส่วนนี้ครับ
    ข้อแตกต่างของอากาสกสิณ....จะต้องกำหนดขอบเขตของอากาศที่ใช้
    ในการตรึก ระลึก นึก ถึง เช่นเป็นรูปหรือดวงกลมๆ ส่วนของอรูปหรืออากาสานัญฯ
    จะแผ่ขยายออกไป ไม่มีกำหนด ขอบเขต....


    คืออากาศกสิณยังจัดเป็นรูปณาน นิมิตที่ได้จะเป็นหย่อมอากาศที่ไม่สว่างไปทั่ว
    แต่จะสว่างแบบมีต้นแสง บางทีก็เป็นมวลอากาศสว่างใสๆไหลไปมาเหมือนแพรบางๆ
    คล้ายกับบางนิมิตของอานาปาฯ แล้วแต่วิธีการกำหนดอารมณ์และตำแหน่งการวางจิต
    ของผู้ปฏิบัติ

    ที่ต่างกันมากของรูปฌานกับอรูปฌานนอกจากระดับความสงบของจิตแล้ว ก็คือเรื่อง
    การใช้ฤทธิ์หรืออภิญญา พวกอรูปฌานสามารถพลิกแพลงใช้ฤทธิ์ได้พิศดารกว่า
    พวกรูปฌานมาก

    แต่ทั้ง 2 พวกก็ไม่ใช่ทางหลุดพ้นอยู่ดี
    ถ้าต้องการหลุดพ้นก็ต้องกลับไปฝึกแนวทางวิปัสสนาเท่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...