ธรรมอะไรที่สามารถสะกดความโกรธได้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผู้พ่ายแพ้ขันธ์ 5, 10 ตุลาคม 2005.

  1. ผู้พ่ายแพ้ขันธ์ 5

    ผู้พ่ายแพ้ขันธ์ 5 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2004
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +64
    ผมหมายถึงพอโกรธแล้วก็สะกดมันได้เลย จะมีธรรมอะไรบ้างครับ ที่ตัดเบรคได้อยู่กึกอยู่กับที่ได้ ทราบมานานแล้วล่ะว่าพรหมวิหาร 4 ช่วยได้ แต่นั่นเราต้องทำใจเราให้อยู่ในภาวะสมดุลก่อน แล้วจึงเจริญพรหมวิหาร พอเจริญมากเข้าๆ จนมีความสงบเย็นใยแล้ว ก็มีเชื้อให้แก่โทสะน้อยลง นั่นหมายถึงความโกรธย่อมลดลง ส่วนนี้ผมเข้าใจอย่างนี้ แต่ที่น่าสนใจก็คือ ขณะโกรธจิตเรามีสภาวะอย่างไร ทำไมถึง นึกถึงกุศลธรรมข้อพรหมวิหารไม่ได้ ............
     
  2. อภิเดช

    อภิเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +910
    โห จะให้อยู่กึกเหมือนเบรครถเลยหรอครับ จริงๆแล้วผมว่าพรหมวิหาร 4 เป็นวิธีที่ง่ายและดีที่สุดแล้วนะครับที่จะระงับความโกรธ ไอ้การที่จะให้มาตัดโกรธแบบปุบปับนั้นไม่ได้หรอกครับ ถ้าไม่ได้ทรงพรหมวิหาร 4 ให้เป็นปกติเพราะพื้นฐานของจิตถ้าหากขาดพรหมวิหาร 4 หรือไม่ได้ทรงธรรมข้อนี้อยู่ให้เป็นปกติ เวลาโกรธจึงไม่สามารถต้านทานหรือสะกดมันได้อย่างเฉียบพลัน มันต้องอาศัยกำลังของจิตครับ หากว่าเราแค่รู้อยู่ว่าพรหมวิหาร 4 สามารถ ใช้ระงับความโกรธได้ แต่เราไม่ได้ทรงให้อยู่กับใจของเราก็ไม่เกิดประโยชน์ครับ มันต้องอาศัยกำลังใจครับ เราจะมารู้แค่ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา เฉยๆไม่ได้ สมมุติในตอนนี้มีคนมาทำให้เราโกรธ เราก็อาจจะก็เผลอลืมธรรมข้อนี้ไปได้ หรือนึกขึ้นได้แต่ก็ไม่สามารถที่จะระงับมันได้ เพราะจิตไม่ได้ฝึกฝนให้สามารถทนต่อกำลังโกรธที่มากระทบกระทั่ง ทางที่ดีเราควรเจริญพรหมวิหาร 4 ของเราให้เป็นปกติให้บริบูรณ์ให้เข้าไปจนถึงแก่นของใจเลยดีกว่าครับ เพราะผมถือว่าธรรมข้อนี้สำคัญมากต่อการปฏิบัติธรรม เพราะ พรหมวิหาร 4 นั้นเปรียบเสมือนอาหารของศีล อาหารของวิปัสนาญาณ และอาหารของธรรมในข้ออื่นๆอีกมาก เพราะเป็นธรรมขั้นพื้นฐาน หากฐานไม่แข็งแรงย่อมส่งผลต่อการปฏิบัติในภายหน้าได้ครับ พรหมวิหาร 4 เราเคยได้ยินบ่อยๆครับ และควรที่จะอยู่ในจิตใจของทุกคน คนส่วนใหญ่มักจะข้ามธรรมข้อนี้ไปครับ ค่อยๆฝึกไปนะครับ ผมจะเอาใจช่วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2005
  3. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
    ปล่อยวางล่ะมั้ง แล้วก็ธรรมที่ว่าทุกๆสรรพสิ่งนั้นไม่มีอะไรยั่งยืน ทุกๆสิ่งแปรเปลี่ยนไปได้ตามเหตุและปัจจัย เมื่อปัจจัยเปลี่ยน สิ่งๆนั้นก็เปลี่ยน ก็อย่าไปยึดติดกับสิ่งที่ไม่มั่นคงเลยถ้าเราไม่สามารถกำหนดปัจจัยมาบังคับให้มันมั่นคงขึ้นมาได้อ่ะนะ
    (bb-flower
     
  4. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    ผมใช้นิทานระงับเอานะ
    ใช้อยู่สองเรื่อง

    1. สมัยพุทธกาล มีพราหมณ์คิดจะลองดีพระพุทธเจ้า ถามท่านว่า ถ้าจำเป็นต้องฆ่าใครสักคนหนึ่ง ควรจะฆ่าใครดี กะว่าถ้าท่านระบุตัวใครขึ้นมาสักคน ก็จะโจทก์อาบัติท่าน แต่พระพุทธเจ้าท่านตอบว่า ฆ่าโทสะดีที่สุด

    2. สมัยสมเด็จโตท่านเป็นพระสังฆราช มีพระบวชใหม่สององค์ทะเลาะกัน ถึงขั้นท้าตีท้าต่อย สมเด็จโตท่านจัดธูปเทียนแพมาตั้งกลางวง กราบลงแล้วว่า เก่งกันเหลือเกินพ่อเจ้าประคุณเอ๋ย น่านับถือจริงๆ รับฉันเป็นลูกศิษย์ด้วยเถอะจ้ะ พระสององค์นั้นก็ก้มลงกราบขอขมาท่าน แล้วไม่ทะเลาะกันอีกเลย

    เวลานึกก็นึกคร่าวๆแบบนี้แหละครับ ตกหล่นไปบ้างกราบขอขมาด้วยครับ
     
  5. sakkrit99k

    sakkrit99k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +167
    ขันติที่ถูกวิธี ช่วยให้ใจสงบเป็นประโยชน์ ต่อสมาธิภาวนา

    ขันติ คือการอดทนอดกั้น ขันติที่ถูกต้อง ตนเองต้องไม่เดือดร้อนทางใจ การอดทนไม่โกรธ ไม่พยาบาท ไม่ใช่ทำด้วยการคิดอดทนแต่ต้องทำด้วยใจที่เป็นสมาธิสงบ คือต้องมีสมาธิต่อการเห็นความโกรธก็จะไม่โกรธ สังเกตดูว่าเมื่อยังแน่นอก หายใจถี่ หายใจแน่น ปวดหัวแบบเก็บกด แสดงว่ายังไม่เข้าถึงความเป็นผู้มีขันติการแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าเราขันติแต่ภายในร้อนใจจะเป็นภัยต่อตัวเองเพราะใจไม่เป็นสุขจะทำให้สุขภาพใจเสียเปล่าๆโรคภัยก็จะมาเยือน เพราะฉะนั้นต้องสังเกตุว่าเราอดทน อดกลั้นได้จริงไหม ก็ต้องดูใจตัวเองว่าเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ถ้าเบาสบายก็สอบผ่าน ถ้ายังอึดอัดแสดงว่ากำลังหาทางออกอยู่แต่ไม่โต้ตอบ ถ้าเป็นอย่างนี้ให้หายใจเข้าให้เต็มปอดแล้วหายใจออกยาวๆแล้วหางานอย่างอื่นทำให้คิดถึงเรื่องที่เราชอบและอยากไปทำแล้วไปทำก็จะลืมความโกรธไปได้ แต่วิธีที่ดีคือไปทำสมาธิคิด โทสะหรือความโกรธบางคนอยู่ในใจนานและโต้ตอบเรียกว่าพยาบาท ถ้าไม่โต้ตอบเรียกว่าเก็บกดเอาออกไม่เป็นก็เป็นภัยกับตัวเองดังคำที่ว่าโกรธจนอกแตกตาย ถ้าไม่ถึงขั้นอกแตกตาย ที่เบาบางมากเรียกว่าน้อยใจเป็นความเบาบางของความโกรธ ความกลัวก็เป็นความโกรธชนิดหนึ่งที่เบาบางจนเป็นความกลัว วิธีง่ายๆ ที่ควรทดลองนำไปทำก็คือการยิ้มในใจให้กับตัวเองครับแล้วมันจะเผื่อแผ่ไปสู่ภายนอกรวมถึงศัตรูที่อยู่ข้างหน้า ถ้าเราไม่รับความโกรธจากภายนอกเข้ามาแล้วมารตัวนี้มันก็จะหาที่อยู่ของมันเองถ้าไม่มีที่อยู่มันก็กลับไปอยู่ที่ใจของเจ้าของที่พยามยามยัดเยียดความโกรธมาให้เราครับ และอย่าลืมหายใจออกยาวๆนะครับ ตัวเหตุขัดขวางความก้าวหน้าของสมาธิที่สำคัญคือการผูกโกรธไว้นะครับ เอาชนะได้หน้าตาก็จะผ่องใสมากเลยครับ
     
  6. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    ครับ.....สำหรับผมความโกรธเป็นสิ่งที่ผมคุมลำบากที่สุด (ก็ผมเป็นคนธาตลม แถมยังเกิดวันอาทิตย์นี่) ที่ช่วงนี้พอทุเลาได้บ้างเพราะทรงอารมณ์พรหมวิหารอยู่ เทคนิคอีกอันหนึ่ง คือไม่เข้าไกล้สิ่งกระตุ้น (คู่ปรับทางอารมณ์ เช่น คนบางคน งานบางประเภท อากาศร้อน ....) อันนี้ได้ผลดีมาก ถ้าจวนตัวจริงๆ จะเอาแบบตัดทันทีเลยบางครั้งก็สำเร็จ บางครั้งก็หลุด คือ สติครับอุบายก็ได้แก่ เออ...ไม่โกรธ ๆ , เฮ้อ..ดีลูกตัวใครตัวมันเน้อ , ลูกพ่อ....เป็นสุขเถอะนะ , นิ่งไว้ๆ , ฮะๆๆๆ ตลกดี ฯลฯ
     
  7. Yao

    Yao สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +20
    พรหมวิหาร 4,กสินสีเขียว,กสินสีขาว,กสินสีแดง,กสินสีเหลือง
    นั่งสมาธิก็ช่วยได้ จะโกรธน้อยลง เบาบางลง
     
  8. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ฝึกสติให้รู้ทันครับ พอโกรธ เราระลึกรู้ว่าโกรธ ความโกรธมันจะดับไปเอง
    ครับ ฝึกแนวสติปัฎฐาน4 ฝึกบ่อยๆจะทันความโกรธได้น๊ะครับ ฝึกใหม่ๆสติคง
    ยังไม่ทัน ......... ไปอ่านกระทู้ของ อ.วิโมกข์ ได้ครับเป็นการฝึกสติ
    ส่วนกสิณ เนี่ยมันไม่เท่าทันอารมณ์หรอกครับ เปรียบแล้วก็เหมือนหินทับหญ้า
    พอความโกรธปรากฎ ในชีวิตประจำวัน จะเอาอารมณ์สมาธิตอนไหนมาข่มล๊ะครับ
    อย่างคนมาด่าเรา ความโกรธแล่นเข้ามา เราไม่เท่าทันอารมณ์ก็อาจจะด่ากลับ
    แรงๆ หรือว่าเข้าไปทำร้ายเค้า หรือว่าข่มอารมณ์ได้แต่จิตใจอาจจะขุ่นมัวไปอีกพัก
    นึงแล้วค่อยๆหาย เพราะไม่มีเหตุใหม่เข้ามาอีก ความโกรธมันก็จะดับลง แต่
    ถ้าเราทันอารมณ์โกรธ เราเห็นมัน เราจะเห็นมันค่อยๆดับเอง ความโกรธมันก็
    เหมือนอวิชชาแหละครับ ถ้าเรารู้ทันมันก็ดับ
    ส่วนพรหมวิหาร4 เจริญให้มากก็ดีครับ ทำให้จิตใจอ่อนโยนลง มีสติระลึกได้
    ง่ายทำให้เรามีเมตตาต่อผู้อื่น ความโกรธก็น่าจะเบาบางลงได้
     
  9. Yao

    Yao สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +20
    ที่ผมเขียนเป็นนี้ คำสอนของพระพุทธเจ้านะครับ กสิน 4 แบบนี้ ให้ดับอารมณ์โกรธได้จริง ดังเช่นพระพุทธเจ้าเคยสอน ชฎิล 3 พี่น้อง เขาบูชาไฟ ตอนนั้นพระพุทธเจ้าสอน วิธีดับไฟโทสะคือ พรหมวิหาร 4 และกสิน 4 แบบ ทีนี้พวกนั้นจริตท่านไม่ชอบพรหมวิหาร 4 ก็มาใช้กสิน ดับโทสะ และสำเร็จอรหันต์ครับ

    สติ คือ สมาธิ นั่นเองครับ ฝึกวิธีใดก็ได้แล้วแต่ความชอบใจแต่ละบุคคลครับ

    พิจารณาถึงพระพุทธเจ้าก็ได้ครับ ว่าขนาดพระพุทธเจ้า ยังมีคนใส่ร้ายป้ายสี นินทา กลั่นแกล้ง ทำลายท่านต่าง ๆ นา ๆ เราซึ่งเป็นสาวกต้องเลียนจริยาท่าน
     
  10. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    คุณ yao ครับผมไม่ได้ว่ากสิณระงับอารมณ์โกรธไม่ได้น๊ะครับ อย่าเข้าใจ
    ผิด แต่ผมบอกว่ามันไม่เท่าทันอารมณ์ในชีวิตประจำวัน ตอนนั่งอาจจะงับอารมณ์
    โกรธได้ แต่ถ้าเราใช้ชีวิตประจำวัน เกิดมีคนมาทำให้เราโกรธ เรารู้ไม่ทันมัน
    เราสนองอารมณ์โกรธนั้น ช่วง ณ เวลานั้นคุณจะเข้ากสิณทันมั๊ยครับ ...... แต่ถ้า
    คุณฝึก สติปัฎฐาน 4 รับรู้อารมณ์ที่มากระทบ เช่น อารมณ์ โกรธ คุณจะเห็นว่า
    ความโกรธ เป็นสิ่งที่ถูกรู้ เมื่อมันถูกรู้ มันจะแสดง ไตรลักษณ์ ให้เราได้เห็นว่า
    มันทนอยู่ไม่ได้นาน มันจะต้องดับไป ถ้าไม่มีเหตุแห่งความโกรธเข้ามาใหม่ ...
    ถ้ามีเหตุให้โกรธเข้ามาใหม่อีก แล้วเราก็รู้ทันมันอีก ไปเรื่อยๆ เราจะมีสติที่ไว
    ขึ้นๆ ความโกรธมันก็มีอยู่แต่เรารู้ทันมันซะแล้ว ....... มันก็ดับไปเรื่อยๆ
     
  11. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982
    ...ที่ผมใช้ประจำ คือ

    1. เข้าตัวอุเบกขา พอเข้าปุ๊ป มันจะไม่สนใจความดี ความเลวของใครเลย ..
    2. เมตตา .. ใช้ ต่อจากอุเบกขา .. เมื่อตัวเองจิตดีแล้ว ก็ช่วยทำให้คนที่ว่าเรา เขาเข้าใจได้ตรงประเด็น
    3. สุดท้าย ก็ปฏิบัติธรรมของเราต่อไป ..

    ปล. บางที มันต้องมีพลิกแพลงไปมากมายเลย .. ตามปัญญาไม่ทันเหมือนกัน
     
  12. ชอลิ้วเฮียง

    ชอลิ้วเฮียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +738
    ปู่ดุลย์ สอนว่า รู้แล้วไม่เอา

    ปู่สดสอนว่า " หยุด "
     
  13. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +433
    อ้า...Catwater บอกให้ปล่อยวาง (b-uh) โอ้...เป็น Catwater ตัวจริงรึเปล่าเนี่ย (b-uh)
    สงสัย สงสัย สงสัย? : bat: : bat: : bat:
     
  14. Catwater

    Catwater เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2005
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +142
    เฮ้ย ใครแฮคพาสเวริค์ตู... (555)
    หมายความว่าไงฟะ... เหมือนเราจะยึดติดกะใครบางคน เอ้ยบางอย่างเป็นอย่างมากอย่างนั้นหรือ ???
    (b-ng)
     
  15. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +433
    หึ หึ หึ กำลังคิดอยู่ว่าการที่มีคน(Catwater)ยึดติดกับอะไร บางอย่าง นั้น มันเป็นกรรมของ ผู้ที่รู้สึกยึดติด(Catwater) หรือ กรรมของเจ้า บางอย่าง นั่นอ่ะ ก็เลยสงสัย หึ หึ หึ: bat: : bat: : bat:
    (b-love2u)
     

แชร์หน้านี้

Loading...