ข้อควรรู้ในการทำบุญปล่อยสัตว์

วิธีอธิษฐานในการปล่อยปลา

ควรจะซื้อปลา เช่น ปลาหมอ ปลาช่อน จากตลาดสด เพราะปลาเหล่านี้จะต้องถูกฆ่าแน่นอน ก่อนจะปล่อยให้เอาน้ำมาถ้วยหนึ่ง เทลงไปในถังที่ใส่สัตว์ที่จะปล่อยนั้น แล้วตั้งใจว่า

" ข้าพเจ้าขอปล่อยท่านทั้งหลายเหล่านี้ให้เป็นอิสระ ข้าพเจ้าให้ชีวิตและให้ความเป็นอิสระแก่ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ข้าพเจ้าช่วยท่านทั้งหลายเหล่านี้ให้พ้นจากความทุกข์เดือดร้อน พ้นจากการถูกเขาประหาร ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าทำให้แก่ท่านในครั้งนี้ จงเป็นเครื่องอโหสิแก่กัน อย่าได้ถือโทษโกรธเคืองต่อไป ขอท่านทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อข้าพเจ้าปล่อยท่านไปให้เป็นอิสระแล้ว จงไปบอกพวกของท่านที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ ถึงส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้ แล้วขออุทิศกุศลทั้งหมดที่ทำไปแล้วให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจงเป็นผู้พ้นจากความทุกข์เดือดร้อนทั้งปวง และจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด"

การปล่อยเต่า

บางคนนิยมปล่อยเต่า ขอบอกให้รู้ว่าเต่านั้นไม่สามารถจะอยู่ได้ในน้ำไหลและมีคลื่นแรง ข้าพเจ้า(ผู้เขียน)ได้เห็นเป็นประจำ มีผู้นำเต่ามาปล่อยในแม่น้ำหน้าวัด (วัดระฆังฯ) จะมีเด็กที่อยู่ใกล้วัดเดินตามมา เมื่อผู้นั้นปล่อยเต่าลงแม่น้ำแล้ว หันหลังกลับไปสักพักใหญ่ เด็ก ๆ เหล่านั้นก็ลงไปจับเต่าที่ผู้ใจบุญได้ปล่อยไปเมื่อครู่ใหญ่นั้นเอง กลับขึ้นมาอีกธรรมชาติของเต่าจะต้องอยู่ในน้ำนิ่งและมีที่แห้งให้เขาสามารถขึ้นมาพักผ่อนได้ (ลองไปเที่ยวดูได้ในเขาดิน) เต่าเมื่อถูกกระแสน้ำและคลื่นแรงก็อยากจะขึ้นบก จึงมาลอยคอกันอยู่ริมเขื่อน เด็ก ๆ รู้เรื่องนี้ดี ก็มาคอยจับกัน

การปล่อยปลาไหลและกบ

ธรรมชาติของปลาไหลจะอยู่ตามคูคลอง หนอง บึง ที่เป็นดินขุดรูเป็นที่อยู่
กบก็ต้องขุดรูอยู่ตามท้องนา

ผู้ที่ต้องการสร้างกุศลโดยการปล่อยสัตว์นั้น ควรจะได้พิจารณาด้วยว่า สัตว์นั้น ๆ จะมีชีวิตรอดอยู่ได้หรือไม่ในสถานที่ที่ตั้งใจจะนำไปปล่อย

******* ควรแนะนำเพื่อน ๆ ที่รักในการทำบุญปล่อยสัตว์ให้ทราบโดยทั่วกันนะคะ เพราะจะได้ไม่เป็นการเพิ่มบาปให้กับตัวเราเอง **********

​

 

เคยปล่อยแต่เต่าหลง มันหลงเดินเข้ามาในบ้าน เอาไปปล่อยที่แม่น้ำ

 

เหอะๆ

 

สาธุครับ ดีจังเพราะ ผมตั้งใจปล่อยปลาเดือนละ 29 ตัวครับ ทำมาเกือบปีแล้วครับ

 

ที่ยังไม่ถูกทุบหัว ถ้าถูกทุบแล้วจะไม่ดิ้นมาก
ถ้าตัวเล็กควรปล่อยริมตลิ่ง ถ้าออกไปปล่อยที่ท่าน้ำ น้ำจะลึกมีปลาตัวใหญ่คอยกินอยู่

 

อนุโมทนาด้วยนะครับ เสริมนิดครับ ไม่แนะนำให้ปล่อยนกที่จับมาเพื่อขายให้ผู้ที่อยากปล่อยนกครับ ไม่คุ้มกันเลย นกกว่า 40 % ตายขณะถูกจับหรือขนส่ง 30 % ตายหลังถูกปล่อย เพราะไม่ชินกับแวดล้อมใหม่ ที่เขามีเจ้าถิ่นอยู่เดิมแล้ว หรือหาอาหารในถิ่นใหม่ไม่ได้ หรือเกิดภาวะช็อค ถึงเจตตนาจะดี แต่ก็มีส่วนเศร้าหมอง ประเมิณแล้วไม่คุ้มกันครับ
อีกประการอยากให้ช่วยซื้ออาหารให้ช้างเร่ร่อนด้วย อาจมีคนแย้งว่า จะทำให้มีจำนวนช้างเร่รอนมากขึ้น แท้จริงไม่ครับ ช้างตัวหนึ่งกินอาหารวันละ 500-1000 กก. ถ้าเจ้าของไม่ทำอย่างนั้นทั้งช้างทั้งเจ้าของต้องอดตาย ความจริงแล้วเรื่องนี้ต้องรอรัฐบาลเห็นความสำคัญครับแล้วเข้ามาจัดการ เพราะใช้เงินทันมหาศาล ระหว่างรอ คงต้องเลี้ยงท้องช้างและเจ้าของเหล่านั้นไปก่อน (ผมทำงานอนุรักษ์ธรรมชาติมากกว่า 5 ปี เป็นอดีตประธานชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติของมหาลัยครับ)