นั่งสมาธิแล้วเป็นแบบนี้ ทำไงดีครับ (กลัว)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Mood, 17 ตุลาคม 2005.

  1. Mood

    Mood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +230
    คือปกติผมก็นั่งสมาธิ แบบ พุธ-โธ นี่แหละครับ แล้ววันนี้เกิดอาการกลัวขึ้นมาครับ คืออยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าเราอยู่ในความมืดคนเดียว แล้วความรู้สึกทางกายมันหาย มันเงียบมากๆ มืดมากๆ รู้สึกเหมือนเราจะควบคุมอะไรไม่ได้ครับ
    จนกลัว และกลัวว่านั่งต่อไปจะหนักกว่านี้จึงต้องออกจากสมาธิครับ
    ช่วยตอบคำถามดังนี้ครับ
    - อาการนี้คืออะไร
    - จะมีอันตรายกับเราไหม
    - ควรจะแก้อย่างไรครับ
    - เวลานั่งตอนดึกๆแล้วมีอารมน์กลัวผีขึ้นมา ทำอย่างไรดีครับ
    ขอบคุณครับ

    [b-wai]
     
  2. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,056
    ความคิดเห็นส่วนตัวครับ
    ...อาการของคนกลัวตายครับ
    ...ก็ไม่ต้องกลัวตายครับ เอาชนะมัน เอาชนะจิตใจตัวเอง ที่ถูกแบ่งออก ทำมันให้เป็นหนึ่งเดียว
    ...สวดมนต์ไหว้พระก่อนทำกรรมฐาน...สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นไว้นิด แล้วค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกมา ครบสามครั้งคงพอ...พิจาณา คิดคิดอย่างมีเหตุผลทำนอง ว่า คนเราเกิดมาตายหนเดียว ทุกคนเกิดมาไม่มีใครหนีความตายไปได้...สัตว์โลกทุกชนิดเป็นเหมือนกันหมดหนีไม่พ้น แม้แต่พระพุทธเจ้า พระองค์ดีทุกด้านกว่ามนุษย์คนธรรมดา ท่านยังหนีความตายไปไม่ได้ นับประสาอะไรกับเรา...ผีรึก็ไม่ต่างอะไรกับเรา ก่อนตายก็เหมือนเรา ตายไปแล้วก็เหลือเพียงดวงจิตที่ไม่มีร่าง...เรายังดีกว่าเสียอีกที่ยังมีร่าง ดิน น้ำ ลม ไฟ อาศัยอยู่ เขาต่างเราแค่นี้ กลัวทำไม....คิดให้ละเอียดกว่านี้ได้อีก นี้เพียงแนวทางครับ...ถ้าไปถ้ามันฟุ้งซ่านไปมาก ก็มานั่งภาวนาใหม่...ใจสบายก็พิจาณาใหม่...ถ้ามันสบายพอใจภาวนาก็ปล่อยไปเลย...อะไรจะเกิดไม่ต้องสนใจ สนใจเฉพาะคำภาวนาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น...ลมจะหายไปก็ชั่งมัน...มันจะรู้สึกมืดก็ช่างมัน...แสง สี เสียง กลิ่น มาให้เห็นก็ชั่งมัน ผ่านมันไปให้ได้ไม่ต้องสนใจหรือสงสัย....ความตายไม่ต้องกลัวเลย ตายในขณะภาวนา สวรรค์เป็นอย่างต่ำที่เราจะได้ไป พรหมก็ได้ถ้าอารมณ์ถึงฌาน...ถ้าตายเดี๋ยวนั้นกลับดีเสียอีกไปสบายอย่างเดียว.....ไม่มีอะไรในก่อไผ่ครับ ทำต่อไปภาวนาต่อไป...กิเลสมารจะมารบกวน ทั้งร่างกายและจิตใจ สู้จิตแท้ ๆ ของเราไม่ได้หลอกครับ...ขมมันได้ ทำต่อไปภาวนาต่อไป...มันก็ผ่านได้ไปเองครับ.
     
  3. Mood

    Mood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +230
    ขอบคุณครับ

    ถ้าอย่างนั้นผมนั่งต่อได้ไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ

    คือปกติเรื่องกลัวในบางครั้งก็มีบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแปลก ควบคุมมันไปได้ แต่มักจะเกิดตอนนั่งกลางคืน
    คราวนี้นั่งกลางวันน่ะครับ ไม่ได้รู้สึกกลัวผี แต่มันเหมือนกับผมควบคุมตัวเองจะไม่ได้แล้ว อะไรๆภายนอกมันหายไปหมด ขนาดแค่จะลืมตายังคิดว่าลืมไม่ได้เลยน่ะครับ พอลืมได้ก็หยุดนั่งเลยครับ มาถามก่อนว่าทำอย่างไรต่อไปดี

    ขอบคุณครับ[b-wai]
     
  4. penkonthai

    penkonthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +129
    หากมีอาการกลัวผี ก็ขอให้คิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีงาม ยิ่งภวานาคำว่า พุธโธ ยิ่งแล้ว ยิ่งไม่ต้องกลับสิ่งใดๆ ผี วิญญาณจะต้องกลัวเราต่างหาก หากยังกลัวอีก ก็ให้คิดถึงพระพุทธเจ้า ใจเราก็จะเป็นสุข ไม่กลัวสิ่งใดๆในโลก แม้แต่ความตาย ขอแค่คิดถึงพระองค์ก็เพียงพอ
     
  5. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,056
    การภาวนา สามารถทำได้ทุกอริยาบท ไม่จำเป็นต้องนั่งหลับตา...เดินไปมา นั่งรถ ขับรถ ขับถ่ายอยู่ ดูทีวีอยู่ นอนอยู่...ยืนอยู่ ทำได้หมด
    ใหม่ ๆ ก็ผืนมันหน่อย เดี๋ยวทำบ่อย ๆ จิตก็ชิน...ทำเองโดยอัตโนมัติ...

    อย่างนี้คงนั่งต่อมั๊ง....แต่ลองเปลี่ยนเป็นอริยาบทอื่นดูบ้าง...ภาวนาลืมตาบ้าง หรือทำกิจการงานไปด้วยทำไปด้วย นี่ยิ่งสุดยอดเลยครับ...สมาธิจะอยู่ตัว จิตมีสุขทางสมาธิตลอด...ร่างกายหลั่งสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย...การภาวนาถ้าจับ พุทโธ ก็พุทธโธ ต่อไปพร้อมกับจับลมหายใจเข้าออกไปด้วย คือให้รู้คำภาวนาที่เราทำอยู่ พร้อมกัยรู้ลมหายใจเข้าออกไปด้วยพร้อมกัน ในขณะทำงาน หรืออยู่ในอริยาบทต่าง ๆ .
     
  6. pop

    pop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +313
    กลัวอะไรหรอ เราก็เคยเป็นเหมือนคุณ น่ะ ทำไปก็กลัวไป ทีนี้เอาใหม่ ถ้าเรากลัว ให้หยุดพิจารณา พุธ โธ ก่อน จับจิต ของเราที่มันกลัวนั่นแหละ ถ้าจิตใจเรากลัว ก็ภาวนาไปว่ากลัวหนอๆ กลัวหนอๆ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆๆ จนกว่าจะหายกลัว ค่ะ ประมาณ 5-10 นาที พอหายกลัวเสร็จ ก็มาภาวนา พุธ โธ ตามเดิมนะ

    ถ้า เรารู้สึกอะไรอีก ก็ ดูตรงนั้น แล้ว ภาวนามันค่ะ ถ้าปวด เมื่อย คัน ตรงไหน ก็ เอาจิตเราไปไว้ตรงนั้น อย่างถ้าคัน ที่ขา ไม่ต้องไปเกามันนะคะ ให้เอาจิต เรไปไว้ตรงนั้น แล้ว ภวานา คันหนอๆๆ เช่นกันค่ะ ทำไปสัก 5-10 นาที มันจะหายไปเองน่ะ ทุกอย่างมีเกิด แล้วดับค่ะ ไม่ต้องไปกังวลมันน่ะ

    ถ้ารู้สึกว่ากายหาย แล้วคุณ ยังมีสติอยู่ใช่ไหมค่ะ ถ้าเป็นแบบที่เราทำน่ะ เราก็ภาวนา พุธ โธ แบบเดิมน่ะ แต่ มันจะมีช่วงนึง ถ้ารู้สึกว่า จิตมันจะหลุดๆๆ เข้าๆๆ ออกๆๆ อย่าเพิ่งไปทำน่ะ แบบนั้นต้องมีอาจารย์ กลัวเป็นอันตราย ท่านอาจารย์ เคยบอกมา ค่ะ

    ขอให้เจริญ ในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ และขออนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  7. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,810
    ค่าพลัง:
    +18,982
    คนกลัวผี..

    ไม่ได้กลัวตลอดเวลา..

    จะมีช่วงจิตหนึ่งที่ไม่กลัวผี ให้ใช้ช่วงจิตที่ไม่กลัวผีนานๆ
     
  8. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    โมทนาในคำตอบต่างๆครับ
     
  9. ผู้ใฝ่รู้

    ผู้ใฝ่รู้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +31
    เราก็เคยเหมือนกันตอนนั่งสมาธิใหม่ๆน่ะ ลืมตาไม่ขึ้น ขยับตัวไม่ได้ ใจกับกายแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง แต่รู้สติว่าทำอะไรอยู่ เคยคิดถึงคำพระท่านว่า ถ้ากลัวตายจะไม่ได้ญาณ หรือจะไม่สำเร็จ แต่การที่เราทำสมาธิก็ไม่ได้ตั้งใจจะสำเร็จขั้นไหนหรืออะไร ต้องการแค่ใจสงบ พอตอนหลังมาก็เริ่มปล่อย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด พบเห็นอะไรก็เฉยเสีย สนใจแต่การกำหนดลมหายใจเข้าออกของเราเท่านั้น ก่อนออกสมาธิก็ต้องค่อยๆ ออก อย่าลืมตาทันที เพราะว่า กายทิพย์อาจสะเทือน หรือ ที่คนจีนเรียกว่าธาตุไฟเข้าแทรกน่ะ ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจจนกว่าจะกลับมาสภาวะปรกติแล้วค่อยๆ ขยับตัว และค่อยๆ ลืมตา

    ถ้าคุณรู้สึกว่าจู่ๆ มันมืด หรือกลัวอะไรขึ้นมา ก็ไม่ต้องไปสนใจ แสดงว่าจิตคุณยังไม่นิ่งพอ ยังวอกแวก ไหว้พระก่อนนั่งสมาธิก็ดี ถ้ายังไม่ชิน ก็หาคนมานั่งด้วยเป็นเพื่อน แต่จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรหรอก เราคิดไปเองน่ะ มันเกิดจากการปรุงแต่งจิตของเราเอง คิดเอง เออเอง กลัวและกังวลไปเองน่ะ ถ้าเริ่มปลงอนิจจังได้ซักพัก ( หมายถึงว่า ร่างกายที่เห็นอยู่นี่ก็แค่กาย ที่จิตเรานี้มาอาศัยอยู่ เพื่อชดใช้กรรม ซักวันกายนี้ก็จักแตกดับไป แต่จิตนี้จะยังคงอยู่และหาที่อยู่อาศัยใหม่ต่อไป หากคุณเริ่มไม่ติดในรูปสมบัติ เริ่มเห็นการเวียนว่ายตายเกิดเป็นเรื่องธรรมดา เริ่มเห็นว่าการเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ เริ่มพินิจดูซากศพได้โดยไม่รู้สึกกลัวหรือรังเกียจ ( ดิฉันเคยนั่งดูศพเพือนก่อนวันเผา ซึ่งเขาไม่ได้ฉีดฟอรมาลีนมาแล้ว ดูตั้งแต่เธอยังไม่ตาย จนวันตาย ( เข้าไปดูในห้องดับจิต ) จนวันขึ้นเมรุเปิดโลง แล้วก็พลางคิดว่าเออหนอ คนเราก็เท่านี้ เกิดมาแม้จะมีร่างกายสวยสดซักปานใด ตายไปแล้วก็จักเป็นซากอศุภะเน่าเหม็นหาความงามมิได้ ว่าแล้วก็ปลง ) ถ้าคุณทำได้ และคิดว่าตายก็ตาย เพราะคนเรายังไงซักวันก็ต้องตาย ( แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ไปซ่ากวนเมืองว่าข้าไม่กลัวตาย ) คุณทำได้และคิดได้ เริ่มปลงได้ก็จะเริ่มดีขึ้นเอง อย่ารีบอย่าเร่งก็เป็นพอ
     
  10. Sinderking

    Sinderking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +673
    อนุโมทนาครับ อธิบายได้ดีมากครับ ประเด็นอยู่ที่ปรุงแต่ง

    วลากินก๋วยเตี๋ยวก็คือตัวเราจะมากินก๋วนเตี๋ยว

    ถ้าปรุงน้ำตาลก็ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวแต่เป็นก๋วยเตี๋ยวปรุงแต่ง ถ้าจะใส่น้ำปลาก็ไม่ใช่ จะกินก๋วยเตี๋ยวก็ให้กินแบบดุ้นๆไปเลย (เพราะจะมากินก๋วยเตี๋ยวหนิ ไม่ใช่มากินก๋วยเตี๋ยวปรุงแต่ง) จะได้ไม่วอกแวกกับวัตถุดิบปรุงแต่ง

    อาการนี้ผมก็เคยเป็นครับ จะว่าหายยากก็ยาก จะว่าหายง่ายก็ง่าย

    ถ้าไม่สนใจเรื่องของปรุงแต่ง (นิมิต กลิ่น สี แสง ภาพ เสียง sound effect graphic ทั้ง2d และ 3d ฯลฯ) มันก็ผ่านจุดนี้ไปได้

    ไอ้อาการปรุงแต่งนี่ไม่ได้มาจากใครอื่นข้างนอก แต่คือตัวเราเองนั่นแหละ

    ก็จะเหลาให้เป็นของแท้นั้นอาศัย"กำลังใจ" เหมือนก๋วยเตี๋ยวดุ้นๆ กว่าจะฝึกกินให้ได้นั้นทรมานลิ้นหลายเพราะมันจืดฉืด แต่พอกินแบบดุ้นๆได้ก็จะดีใจ เพราะไม่ต้องเผชิญโรคเบาหวาน โรคตับ ไต ใส้พุง เหมือนกันกับตกใจกับนิมิตต่างๆ ถ้าตั้งสติ มีกำลังใจ(มีครูแนะนำด้วยนะครับ) แล้วไม่ใส่ใจ (ย้ำว่าอย่าไปใส่ใจกับนิมิต มันแค่ตัวฉุดเราัตัวหนึ่ง) ในนิมิตแล้วก็จะเกิดปิติเหลือหลายครับ
     
  11. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    ความกลัวอาจจะไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว
    สิ่งที่น่ากลัวคือจิตที่ปรุงแต่งมาจากสัญญาเดิมที่จดจำไว้
    มาแต้ม แต่ง เติม ว่าเป็นไปต่างๆนานา(สิ่งที่น่ากลัวคือตัวเราเอง)
    เด็กที่ไม่รู้ความ หรือคนที่ไม่รู้เรื่องเช่นสติไม่ดี(คนบ้า)
    ในภาวะนั้น เขาก็ไม่รู้ ว่าคืออะไร........
    มันเป็นสิ่งสมมุติ........ไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่น
    สัปหร่อที่อยู่กับซากศพ นานๆเข้าก็ชินเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
    เวลาตายเราไปคนเดียว (เวลาเกิดก็มาคนเดียว)
    ไม่มีใครไปกับเราด้วย แม้กระทั่งพ่อ แม่ พี น้อง ลูก เมีย
    สมบัติพัศสถาน ยกเว้นแต่ต้นทุนบุญ กุศล ที่เราเพาะปลูก หมั่นรดน้ำ พรวนดิน
    ความกลัวเป็นอาจารย์ที่ดียิ่ง.....พระป่า....ก็ใช้ความกลัว
    เป็นบท เป็นบาท ทั้งเสือ สิงห์ ภูตผีปีศาจ เป็นผู้กระนาบจิต
    ฝึกฝนตน เพื่อบรรลุหนทางแห่งพระนิพพานเหมือนกัน
    (เคยบวชอยู่สายพระป่ามา...เคยโดนสอนมากับสิ่งที่มองด้วยตาเนื้อไม่เห็น...(ผี))
    ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ในการฝึกฝนตนเอง
    เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการฝ่า วัฏฏสงสาร
    โดยมีพระนิพพานเป็นรางวัล.....ต้องสู้....ต้องสู้ถึงจะชนะ
    โลกนี้คือละคร......เราเป็นผู้แสดง
    มารมันคอยแอบแฝง....แยงตะแคงเป็นผู้กำกับ
    ต้องหยุด ต้องนิ่ง....เข้า ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัศนะ
    ใจต้องเข้มแข็ง.........
    หวังไว้ว่าสักวันเราคงเจอกัน ที่พระนิพพานนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2007
  12. v.mut

    v.mut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +274
    หน้าเห็นใจครับ สำหรับบางท่านที่ ค่อนข้างหวั่นไหว กลัวความมืด.....

    แต่ต้องค่อยแก้ไข ด้วยการปรับวิธีการ เข่นแทนที่จะนั่งปิดไฟมืดหมด ก็ให้หาโคมไฟเปิดให้พอมีแสงสว่าง เกิดความอ่นใจ แต่อันที่จริงช่วยขจัดความระแวงที่ฝั่งอยู่ภายใน หรือ นั่งต่อหน้าพระพุทธรูป ก่อนนั่งให้โน้มใจกราบ และ ให้ระลึกเปรียบประดุจเราได้นั่งต่อหน้าพระพุทธองค์ หรือ ถ้ายังไม่ค่อยแน่ใจ
    ก็เริ่มนั่งตอนเช้า หรือกลางวันไปก่อน ก็ได้ หรือ จะนั่งเปิดไฟ ก็มิเป็นปัญหาแต่ประการใด ปัญหามันอยู่ที่ใจ ที่จะต้องแก้ไข

    แต่ถ้าจะเอาวิธีหักดิบ ก็นั่งไปทั่งที่กลัวนั้นแหละ ขณะที่นั่งถ้าเกิดความกลัว แสดงว่า จิตยัง มิตั้งมั่น ในองค์ ภวานา ก็ทำให้แนบแน่นจดจ่ออยู่กับคำภวานา อย่าให้สติคลาดแม้แต่เสี่ยววินาที ตั่งสัจจะว่า แม้นจะกลัวแค่ไหน ก็จะไม่ลืมตา จนกว่าจะครบเวลาที่ตั่งเจตนาจะภวานา

    พิจารณาจากอาการที่บอกเล่า แสดงว่า น่าจะทำได้ดีพอสมควร เพียงแต่ขาดความเข้าใจ การที่กายหาย ไป ภายในเงียบมาก นั้นแหละ ของดี แต่กลับเกิดความกลัว เพราะ เป็นสิ่งใหม่มิเคยเจอะเจอมาก่อน ที่ประสบนันมิมีสิ่งใดเป็นอันตราย แต่กลับเป็นสิ่งที่นักภวานาทั้งหลายปรารถนาที่จะประสบ ถึงความสงบ พยายามจำประสบการณ์อันนั้นเอาไว้ แล้วกลับเข้าไปตรงจุดนั้น
    ทำจิตทำใจนิ่ง จดจำอารมณ์ พิจารณาให้ดี ว่า มีความรู้สึกอย่างไร แยกแยะให้ละเอียด ๆ

    ส่วนอาการที่บอกว่าลืมตาไม่ค่อยจะได้ นั้นแหละสมาธิเข้าไปลึก นั้นเป็นอาการอย่างหนึ่ง

    ข้อแนะนำคงมีเพียงเท่านี้ ก่อน พยายามทำให้ถึงจุดนั้นให้ชำนาญขึ้นๆ แม่นขึ้นๆ อย่าได้กลัว

    อนุโมทนาสาธุ
     
  13. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    ลองใช้วิธีเดินจงกลมดูบ้างครับ

    เดินไปเดินมาแล้วจับลมหายใจภาวนา พุท..โธ..

    ทำอยู่ท่าเดียวมันเบื่อแย่
     
  14. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,199
    ค่าพลัง:
    +7,815
     
  15. สุทธิโรจน์

    สุทธิโรจน์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +2
    ตนนั่งต้องมั่นใจว่าไม่มีผีตนใดกล้ามาเข้าขณะนั่งสมาธิหรอกครับ
    ขณะนั่งต้องมีการสวดมนต์ อาราธนาศีล ขออัญเชิญเทพ พรหม มาปกปักรักษา
    แล้วทำการผ่เมตตาให้เจ้าที่เจ้าทาง สัมพเวสี เจ้ากรรนายเวร ผู้มีพระคุณ
    เมื่อทำได้แล้ว ต่อให้ผีมาสัก 1000ตน ก็ไม่กล้าเข้ามารบกวนหรอกครับ
    เรื่องจริงๆคือคนที่ไม่เคยปฎิบัติแล้วเริ่มนั่ง กายภายในจะไม่มีกำลัง ก็ปรับธาตุโดยการสวดมนต์จะทำให้กายภายนอกและกายภายในผสานกัน จิตมีกำลังต่อให้ไม่เชิญเทวดามา รัศมีกายทิพย์ก็มีอานุภาพคุ้นครองเราเองแล้ว
    กายทิพย์ ที่เราถ่ายจากก้องออร่าเป็นรัศมีนั่นแหละอธิบายง่ายๆดี
    กำหนดจิตที่ลมหายใจเข้าออกหายใจลึกๆ แล้วก็จะหายกลัวเอง
    จงมั่นใจในมนต์ของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่มั่นใจก็เอาพระมาห้อยคอสักองค์
    ต่อให้มาทำของใส่ก็ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครทำเราได้แน่นอน
     
  16. Pimgarn

    Pimgarn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2007
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +41
    เป็นเหมือนกันค่ะ มันทำให้เรารู้สึกท้อมากเลย พอเริ่มกลัวมันก็จะบังคับอะไรไม่ได้แล้ว บางครั้งก็แอบคิดนะ ว่าทำไมเรามันบุญบารมีไม่พอที่จะนั้งสมาธิได้เลยหรอ จิตเราแย่ขนาดนั้นเลยหรอ แต่อ่านความคิดเห็นของผู้รู้หลายคนแล้วก็รู้สึกดีขึ้นค่ะ จะปฏิบัติตามค่ะ ขอยคุณมากนะคะ
     
  17. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +2,985
    เป็นอาการของสมาธิที่ลึกมาก เคยทำได้ แต่ก็ครั้งเดียว ต่อจากนั้นเข้าไม่ได้อีก เท่าที่สังเกตดู เป็นเหมือนเราเกาเท้าแล้วจั๊กเดียมมาก ๆ แต่เมื่อเกาไปบ่อย ๆ มันก็ทนได้ ไม่ค่อยจั๊กเดียมเหมือนครั้งแรก ขออภัยที่เปรียบเทียบต่ำ แต่ไม่ทราบจะเทียบกับอะไร

    ใครเคยทำได้หลาย ๆ ครั้งช่วยแจ้งด้วย จะได้รู้ว่าตนเองคิดผิด หรืออาจเป็นเพราะเราอยากจะทำให้ได้เหมือนเดิม จึงเร่ง กดดัน จนกลายเป็นความตั้งใจมาก ๆ ทำให้จิตเครียดจึงเข้าไม่ได้

    จริง ๆ แล้ว ทำใจให้สบาย ๆ สมาธิ จะง่ายนิดเดียว
     
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,805
    ค่าพลัง:
    +7,940
    ถ้าทำสมาธิแล้วรู้ว่ามีความกลัว ก็แปลว่า โทษะจริตสูง ถ้าฝืนทำสมาธิสมถะต่อ แล้วปล่อยวางไม่เป็นจะลำบาก จะทุกข์มาก

    การเข้าไปดูจุดสว่างแล้วเห็นนู้นเห็นนี้ ย้อนอดีต เดินอนาคตของตนได้นี้ จริงแล้วมีความทุกข์นะ ไม่ใช่ของดีเลย ลองตรองดูนะ ว่าเห็นเราทำอะไรมาจึงส่งผลในวันนี้ แล้วในวันหน้าเห็นเราเป็นอะไร ถ้าพบภาพหรือภาวะที่เราไม่อยากเป็นนี้ คิดดูนะว่า ปัจจุบันจะวิตกจริตขนาดไหน เพราะมันไม่อยากเป็น

    ถามว่า ถ้าไม่ดีแล้วมาให้ดูทำไม

    ตอบ ก็เพราะเราอยากดี อยากมี อยากเป็น จึงต้องถูกทดสอบ

    ก็จะเห็นแล้วว่า เรามีพื้นความไม่พอใจ โทสะ เกลียด กลัว อยู่เป็นอนุสัยลึกๆ ถ้าแก้ โทษะจริต เกลียด กลัว ไม่ได้ ก็จะต้องลำบาก และรับรู้ว่า ไอ้ทีอยากมี อยากเป็น มันคือทุกข์อยู่ตรงหน้า

    ไตร่ตรองดูนะ ว่าอยากมีอยากเป็น ไม่อยากทิ้งหรือเปล่า และตอนนี้โกรธหรือเปล่า

    เมื่อไหร่หมดอยากมี หมดอยากเป็น ทิ้งได้เสียแล้ว แถมไม่โกรธ กลัวอะไรอีก

    ทุกอย่างก็จะมาปรากฏให้เห็นเองทั้งหมด แต่ก็ใช่ว่าจะแน่นอนนะ

    *

    ในเว็บนี้ก็มีตัวอย่างให้ดูหลายคนแล้วนะ ที่อยากได้ของดี แต่คุณภาพของจิตรองรับไม่ได้ มีแล้วก็เอาไปทำผิดนะ มองตัวอย่างเหล่านั้นมากๆ แล้วหาทางแก้ให้ดีด้วยถ้ายังอยากมีอยากเป็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2007
  19. พระป่าสุพรรณ

    พระป่าสุพรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +13,134
    ความตายไม่มีอะไรน่ากลัว

    ความตายเป็นสิ่งสวยงาม

    หากหนีไม่อยากเจอในวันนี้

    ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ.....

    ไม่กลัวจนสติแตกเลยหรือ
     
  20. ศีละเตโช

    ศีละเตโช สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +7
    อยากมีสมาธิครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...