มีคนเข้าใจผิดจะมารุมทำร้าย แก้ไขอย่างไรดีครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย kingdomha, 10 กรกฎาคม 2008.

  1. kingdomha

    kingdomha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +26
    มีคนจะมาตีเพื่อนผมอะคับผมมีมันคนเด่วที่ว่า เพื่อนแท้
    แล้วเรื่องมันเกิดเพราะว่า คนบ้าน(ชุมชนอำเภอในชนบท)มันก็มีเด็กวัยรุ่นรวมกลุ่มกันในงานอะไรนี่ละลืมล่ะไปตีเด็กบ้านอื่นทีมาเที่ยวงานจนได้รับบาทเจ็บสาหัส(เกือบตาย)โดยที่มันไม่ได้ไปตีด้วยหลังจากคืนนั้นก็มีการดำเนินการทางกฏหมายขึ้นศาลโดนปรับแล้ว แล้วคือว่า ผมกับเพื่อนคนนี้อะไปเรียน อำเภออื่น
    2คน แล้วพอดี คนที่โดนตีวันนั้นเป็นหลานเพื่อนในห้องเรียนเพื่อนผมแล้วมันจะเอาเรื่องคับมันขู่ก่อน เมื่อวาน(ไม่รู้มันจะแค้นอะไรกับพวกผม)มาวันนี้มันเอาพวกไปดักอยู่หน้า รร. แต่โชคดีรถบัสมาพอดีขึ้นรถกลับบ้านก่อน


    ผมว่าสักวันคงจะมาเจอกันแล้วจะทำยังไงหรอคับช่วยผมที
    แต่ว่าผมวิ่งไม่เร็ว^^!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2008
  2. พระชยภัทร อนามโ

    พระชยภัทร อนามโ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,667
    ค่าพลัง:
    +728
    ไม่รู้จะช่วยอย่างไง

    ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นกรรม

    ลองตั้งสติดูให้ดีแล้วหาทางออกเอา

    คงช่วยอะไรไม่ได้ จงระวังตัวอย่าประมาททุกเวลาและแผ่เมตตาให้เขาเยอะๆกรรมหนักจะได้เป็นเบา
     
  3. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    แต่ละเรื่องที่เข้ามาในแต่ละช่วงชีวิต มันมีสายโยงใยของเก่าชักนำมาทั้งนั้น รีบทำแต้มเก็บคะแนนบุญด้วยการทำความดีเอาไว้ให้มากๆ แผ่เมตตาให้คนที่เค้าหวังร้ายกับเราเข้าไว้บ่อยๆ ทุกคืนหลังสวดมนต์ยิ่งดี วิบากหนักๆ อาจจะเบาลงก็ได้

    ทำความดีให้มากๆ " ผ่อน " กรรมไม่ดีได้

    แต่ไม่สามารถไม่ต้องชดใช้ได้ พูดง่ายๆ ก็คือ ยังงัย ๆ ก็ต้องรับกรรม แต่ถ้ามีกรรมดีเป็นตัวหนุนหลัง เราก็จะได้รับกรรมทีละเล็กละน้อย ถ้าบอกอย่างนี้ แล้วดูผิวเผินก็จะเห็นเพียงว่า เอาหลักการการวิ่งหนี (โดยการทำความดีให้มาก ๆ เผื่อไว้ว่าให้มากกว่ากรรมไม่ดี ที่เราไม่อาจรู้ได้) มาหนีกรรมที่กำลังจะมาส่งผล (คือจากกรรมที่ไม่ดีที่เราได้เคยทำเอาไว้) แต่ความจริง มีกุศโลบายมากกว่านั้น กับการบอกให้ทำความดี ทำบุญกุศลให้มาก ๆ เป็นกุศโลบาย 2 ต่อ

    ต่อแรก เพราะเมื่อเราทำความดี ทำบุญกุศลมาก ๆ ใจเราก็จะเบิกบาน มีความสุขกับการทำบุญทำกุศล .... เอาเถอะ ไม่ว่าคุณจะทำบุญทำกุศลด้วยเจตนาอย่างไร ด้วยความรู้สึกอย่างไร ก็ตาม คุณก็ได้บุญกุศลนั้นแล้ว ต่างกันที่ว่า ถ้าคุณทำบุญทำกุศลด้วยใจที่บริสุทธิ์ ด้วยการไม่หวังผลตอบแทน อานิสงส์จะมากตามไปด้วย

    แต่ถ้าทำบุญทำกุศลด้วยการหวังผลตอบแทน หรือยังไม่ศรัทธาในเรื่องการทำบุญทำกุศล อานิสงส์ก็จะน้อยกว่าแบบข้างบน แต่ไม่ว่าจะทำบุญทำกุศลอย่างไร แบบไหน..ได้หมดครับ ต่างกันที่มากหรือน้อย เมื่อเราได้ทำบุญทำกุศลแล้ว ใจเราเบิกบานแล้ว ก็จะมีความสุขในระดับหนึ่ง คนเราเมื่อมีความสุข ความสบายใจแล้ว การรับกรรมก็จะมีความเต็มใจ ยินดีรับกรรมนั้นอย่างหน้าชื่นตาบาน เพราะใจเรามีความสุข (จากการทำบุญทำกุศล)

    กรรมที่เราคิดว่าหนัก สาหัส และรุนแรงในตอนที่ยังไม่ได้ทำบุญทำกุศล ก็จะดูลดความหนักลงเพราะเราได้ทำบุญทำกุศล (จนจิตแจ่มใส เลิกบาน และมีความเข้มแข็ง)


    ต่อที่ 2 ก็คือ การที่เราทำบุญทำกุศลไว้นั้น ก็คือการสะสมบุญกุศลเอาไว้ อย่างไรก็ตาม บุญกุศลที่ได้ทำไว้นั้นก็ไม่ไปไหน รอเวลาที่หมดกรรมหนักที่ทำรุนแรงไว้ก่อน ก็จะได้รับกรรมที่เราทำบุญทำกุศลไว้มาตอบแทนอีกที มีหลายคนครับ ที่ในขณะกำลังรับกรรมไม่ดีอยู่ แล้วก็ทำบุญทำกุศลหนักๆ ตามไปด้วย

    พอดีไปทำกรรมดีหนักๆ ที่มีอานิสงส์สูงกว่ากรรมไม่ดี ที่หนักที่เราเคยทำเอาไว้ ยังไม่ทันที่กรรมหนักจะหมดเลย ก็ได้รับกรรมดีก่อน เพราะกรรมดีนั้นได้รับผลจากความหนักเบาของการกระทำกรรมนั้นๆ

    เพราะฉะนั้นทำกรรมดีไว้ให้หนัก ๆ บ่อยๆ มากๆ ด้วยจิตศรัทธาในเรื่องทำบุญทำกุศลให้ตลอด จะเป็นผลดีส่วนจะทำบุญทำกุศลใดเพื่อให้ได้อานิสงส์มากๆ นั้น ให้ดูในบทความที่ผมเขียนนะครับ แต่ที่จะบอกคร่าวๆ ก็คือ อานิสงส์ของการทำบุญทำกุศลที่ได้รับมากๆ นั้น ก็คือการปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนา กรรมฐาน

    และอีกอย่างที่จะแนะนำก็คือ การขอให้คนที่มีกรรมผูกพันกับเรา " อภัย " ให้


    กรรมจะมี 2 อย่าง ก็คือ กรรมที่เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ กับกรรมที่มีเจ้าของ หรือที่เราเรียกว่า เจ้ากรรมนายเวร


    ยกตัวอย่าง ถ้าเราไปขโมยของคนอื่น กรรมก็จะเกิดขึ้น 2 แบบแล้ว นั่นก็คือ กรรมที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ก็คือกรรมที่เกิดจาก " การขโมย " และคนที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่เราขโมยไปนั้น คือเป็นกรรมแบบที่มีเจ้าของ


    พูดง่ายๆว่าจ้าของทรัพย์สินก็เป็น " เจ้ากรรมนายเวร " ถ้าเราต้องรับกรรมทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน ก็หนัก เป็น 2 เท่า แต่ถ้าเรา " ขอโทษ ขออภัย " จน " เจ้ากรรมนายเวร " ใจอ่อน ยกโทษให้ ก็เท่ากับว่าจะเหลือเพียง " กรรมอัตโนมัติ " อย่างเดียว ลดไปตั้งมากมาย

    เพราะฉะนั้น
    ครูบาอาจารย์ ท่านผู้รู้จึงมักขับอกให้เราแผ่เมตตา หรืออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรให้ใจอ่อน ยกโทษให้ (แต่ต้องทำบ่อยๆ มากๆ และด้วยจิตที่ศรัทธา)


    และ…เมื่อเรารู้ว่า เราอยากให้เจ้ากรรมนายเวร "อภัย" ให้ (เพราะรู้ว่าเมื่อได้รับการ "อภัย" แล้ว กรรมจะลดน้อยลง) เราเองก็ต้องให้ " อภัย " คนอื่นด้วยเพราะเราเองก็เป็นทั้งคนที่มีเจ้ากรรมนายเวร และเราเองก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรของคนอื่นด้วย


    เป็นกฎธรรมชาติอย่างหนึ่งว่า ถ้าเราให้ "อภัย" คนอื่น คนอื่นก็จะยิ่งให้ "อภัย" เรามากขึ้น ง่ายขึ้นเท่านั้น


    http://www.thai.to/anothai/old6.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2008
  4. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    พรหมวิหารธรรมคงใช้ไม่ได้ในกรณีนี้

    ผมเห็นเพีงแต่สังฆหวัตถุ ๔ ที่น่าจะช่วยได้ครับ

    ทาน ปิยะวาจา อัตถะจริยา และสมานัตตัตตา

    ลองนำไปประยุกต์ใช้ดูนะครับ
     
  5. nongyao

    nongyao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +346
    ไปปรึกษาครู ยิ่งคนถูกตีหัวเกี่ยวข้องกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วย ยิ่งน่าจะเล่าให้ครูฟัง ครูจะประสานกับตำรวจ เรื่องทุกอย่างอาจจะปรับความเข้าใจกันและเลิกลาไปได้ ไม่มีใครอยากมีเรื่องเท่าไหร่หรอก ปรับความเข้าใจกันโดยมีครูหรือตำรวจเป็นคนกลางในการตัดสิน ดีม๊ะ
     
  6. O_o'

    O_o' เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +464
    ผมคงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว เพราะทุกท่านพูดไว้หมด อยากเสริมนิดนึงครับ เหตุการณ์เฉพาะหน้าแบบนี้ต้องบอกอาจารย์ก่อนครับ อย่างน้อยท่านรับเรื่องไว้ก็น่าจะทำให้สบายใจมากขึ้น จากนั้นกลับมาบ้านคุณก็แผ่เมตตาให้เค้าอีกทีครับ โมทนาครับ
     
  7. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,673
    ทุกสิ่งล้วนเกิดแต่กรรม

    แต่ยังไงก็ขอให้คุณพระคุ้มครองคุณนะคะ

    เชื่อมั่นในความดีนะ

    ^-^
     
  8. /_สายฟ้า_/

    /_สายฟ้า_/ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +999
    ใช้หลักของพรหมวิหาร4ครับ คือเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จริงๆต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ก็ควรจะรักษาพรหมวิหาร4อยู่เสมอ คือยึดหลัก รักทุกคน ไม่เกลียดใคร ไว้ใจบางคน

    แนะนำให้บอกอาจารย์ครับ ถึงแม้เขาเพียงแค่มาดักรอก็ตาม ให้บอกเอาไว้ก่อนครับ เมื่อถึงขั้นมีเรื่องมีราวขึ้นมาจริงๆ เราจะเป็นไม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ

    ให้ลองพิจารณาดูตัวเองดูดีๆนะครับ ว่ามีข้อเสียอะไรตรงไหนหรือเปล่า ลองคิดดูว่าพฤติกรรมที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ หากมีเพื่อนคนอื่นมาทำแบบนี้กับเรา เราจะรู้สึกฉุนเขาไหม ลองดูนะครับ ถ้าไม่มีก็ถือว่าดีแล้ว

    ถ้าหากถึงขั้นที่ต้องมีเรื่องมีราวขึ้นมาจริงๆ แนะนำว่านึกถึงพระพุทธเจ้า อมน้ำลายเอาไว้ในปาก แล้วท่องพุทโธในใจให้ปิติ หรือขนลุกก็ได้ แล้วกลืนลงไป อย่างมากก็แค่เจ็บตัวนิดๆหน่อยๆ ไม่ถึงขั้นพิการหรือตายแน่นอน ถ้าไม่มีเวลาขนาดนั้นก็นึกถึงพระพุทธเจ้าหรือพระสงฆ์(หลวงปู่ทวด หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นต้น)ช่วยได้แน่นอนครับ
     
  9. ป.วิเศษ

    ป.วิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +411
    ปรึกษาผู้ปกครอง และ แจ้งความกับตำรวจก่อน ว่าถูกขู่ทำร้ายจากกลุ่มที่เคย
    ก่อคดีทำร้ายร่างกาย (เพราะจากข้อกฎหมายแล้ว ขอให้ระวังตัวเองดีกว่า)

    ส่วนเรื่องที่จะโดนทำร้าย หลวงพ่อจรัญให้ท่อง

    "เมตตา คุณณัง อะระหัง เมตตา"

    ท่องไปเรื่อย ๆ เวลาเดิน นั่ง นึกอะไรไม่ออก

    กลับบ้านต้องสวดมนต์ บทเมตตาใหญ่ หรือ เมตตาใหญ่พิสดาร หรือ
    เมตตกรณียสูตร นั่งสมาธิ ประมาณ ๑๕ นาที ขออโหสิกรรม และแผ่เมตตา
    ให้คนกลุ่มที่จะมาทำร้ายอย่างเดียว ทำติดต่อกันทุกวัน

    ข้อดีการสวดมนต์ นั่งสมาธิ และ แผ่เมตตา

    ๑. มีสมาธิในการเรียน : ถ้ากังวลอย่างนี้เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง อนาคตของน้องและ
    เพื่อน ไม่ได้อยู่ด้วยความหวาดกลัว เกรดตกผู้ปกครองท่านจะเสียใจ อย่างนี้ มันเป็น
    ศึกสองทางนะ

    ๒. เมื่อมีสมาธิก็จะวิ่งไว เพราะถ้าเรากลัวมาก ขามันจะอ่อน วิ่งไม่ไหว ถ้ามีสมาธิ กำลังจะส่งแรง เหมือนนักวิ่ง ต้องทำสมาธิก่อนการแข่งขันเสมอ ได้ผลทุกครั้งนะ

    ๓. เมื่อขออโหสิกรรมและแผ่เมตตา อย่างแรกเราสบายก่อนไม่ตกนรกทั้งเป็นตลอดเวลา
    เมื่อแผ่เมตตาแล้ว จิตสงบหน้าตาเรามันจะน่าเอ็นดู ใครมาด่าเขาก็ไม่กล้า ใครเห็นเขาก็
    เอ็นดู เวลาไปแจ้งความ ตำรวจเห็น เขาก็รักเอ็นดู แจ้งผู้ใหญ่ เขาก็เอ็นดู ต้องตั้งใจ
    สวดมนต์นะ

    น้องชายเพื่อนเราอยู่บ้านดี ๆ เพื่อนเขาเรียกให้หา คนนั้นไปรุมตีคน แต่น้องเขาเข้าไปห้าม แต่เพื่อนซัดทอดว่าน้องเป็นผู้ก่อเหตุ ทั้งที่ไม่ได้ไปตีเขา โดนคดีเพราะเลือดมาเปื้อนเสื้อแต่ที่เปื้อนเพราะเขาเป็นคนพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ตอนนี้รู้แล้วว่าเพื่อนแท้เพื่อนเทียม
    เป็นอย่างไร ได้แต่ส่ายหน้า น้ำตาไหล ... นั่งสมาธิสวดมนต์ดีกว่า ฟาดเคราะห์ไป

    อนุโมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...