วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สำหรับ วันนี้พวกเราหลายๆคนก็ได้ไปร่วมทำความดีกันหลายๆอย่างครับ

    ขอเริ่มที่น้องคนเก่งของเรา น้องชัช Xorce วันนี้เป็นวันแรกที่น้องเขาได้รับอนุญาตจาก อ.ทั้งโรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก ให้นำเพื่อนๆ นักเรียนทั้งโรงเรียน จำนวน 3,000 คน ฝึกทำสมาธิหน้าแถว ในตอนเช้า

    ตอนแรกทางอ. อนุญาตให้เวลาประมาณ 5 นาที แต่ก็ได้ให้ต่อเวลาเป็นประมาณ 20นาที

    และต่อไปจะให้สอนสมาธิ ในทุกเช้า วันจันทร์และวันศุกร์ครับ

    ซึ่งก็ได้โทรมาเล่าให้ผมฟังแล้ว


    ก็ขอโมทนาในความดี การตั้งกำลังใจได้ถูกต้องของน้องชัชด้วยครับ


    นอกจากนี้การที่น้องเขาใช้สมาธิ ด้วยมโนมยิทธิ ทำสอบCU tep จนได้คะแนนเป็นอันดับที่หนึ่ง ทำให้ทางโรงเรียนมอบรางวัลให้เป็นจำนวน 1300 บาท

    ทางน้องชัชเองได้ตั้งใจว่าในเมื่อ การทำสอบได้นั้นเป็นบารมีของพระท่าน ที่ท่านสงเคราะห์ให้ทำได้ เพราะตนเองไม่ได้ดูหนังสือ ทำสอบด้วยฌานล้วนๆ เป็นวิชชาที่พระท่านเมตตา

    ดังนั้นรางวัลที่ได้น้องเขาจะกระจายทำบุญตามจุดต่างๆครับ

    ต้องขอโมทนาบุญด้วยในกำลังใจที่ได้ตั้งเอาไว้ดีแล้วด้วยครับ


    ส่วนบุญกุศลอื่นๆก็คือวันนี้พวกเราหลายคนได้เดินทางไปทำบุญถวายเพล และสังฆทาน หลังจากนั้นก็ได้ มีโอกาสดี


    ได้ร่วมทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศล กับ สมเด็จพระเทพ ที่วัดปทุมวนาราม รวมทั้งได้รับเสด็จพระองค์ท่านด้วย แม้ว่าจะต้องรอจนถึงค่ำกันก็ตาม

    พวกเราได้ร่วมทำบุญในนามของเวบไซท์พลังจิต โดยได้ปัจจัยถวายพระองค์ท่าน 2,447 บาท ครับ
     
  2. หญ้าคา

    หญ้าคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +138
    อ่านแล้วนํ้าตาใหลผมจะใหลครับ
     
  3. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    เมื่อวานได้มีโอกาสไปกราบนมัสการท่านพระอาจารย์ยุคลธรณ์ ที่วัดปทุมฯ ที่แถวสยามสแควร์มาค่ะ... ใครจะนึกบ้างคะนี่ว่ากลางย่านสถานบันเทิงเริงรมยณ์ กลางย่านธุรกิจการค้าแบบนั้น... จะมีวัดที่มีพระที่ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ มาจำพรรษาอยู่ด้วย...

    ขอน้อมกราบนมัสการพระอาจารย์เจ้าค่ะ...


    .....................................


    นอกจากจะได้ร่วมกันถวายอาหารเพลกับคณะสงฆ์ ถวายสังฆทาน ถวายของมีคม (เพื่อเป็นเคล็ดให้ผู้ถวายมีโอกาสรอดพ้นจากภัยพิบัติที่จะมาถึงได้มากขึ้น) ได้ร่วมถวายปัจจัยสมทบงานอุปสมบทแล้ว...

    ยังได้รับคำสอน คำแนะนำทางธรรมจากพระอาจารย์ท่านเป็นอันมาก...

    ขอน้อมกราบขอบพระคุณพระอาจารย์เจ้าค่ะ...


    .........................................


    ในเรื่องหนึ่งที่ท่านแนะนำและสมควรจะได้รับการนำออกเผยแพร่ในทันที...


    เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างบุญสร้างกุศล... และขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายอโหสิกรรมให้แก่ผู้ทำ...

    ท่านสอนว่า...
    . ให้ผู้ที่ต้องการจะให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้... ให้ขนทรายเข้าวัดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    . ให้ท่านนั้นๆ เป็นผู้จุดธูป ๙ ดอก แล้ว ปักลงไปบนกองทรายนั้นด้วยตนเอง
    . อธิษฐานว่า... (ถ้าจะทำให้เด็กที่ยังเล็กๆ ให้บอกแก่เด็กเหล่านั้นว่า... หนูอธิษฐานตามในใจก็ได้นะจ้ะ... แล้วผู้ใหญ่ก็กล่าวนำไปค่ะ...)

    "ขอบุญนี้จงมีแก่เจ้ากรรมนายเวร

    ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงมาอนุโมทนาในกุศลผลบุญนี้เถิด
    และขอจงอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้า (ให้...)

    และขอผลบุญนี้จงถึงแก่เทวดาประจำตัวที่ปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้า

    และขอเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลในครั้งนี้ด้วยเถิด

    ถ้าหากเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายไม่ยอมอนุโมทนาและอโหสิกรรมให้ข้าพเจ้าแล้ว... ขอให้ท่านทั้งหลายนั้นจงนับเม็ดทรายที่ข้าพเจ้านำมาไว้ในวัดนี้ให้ได้ทุกเม็ดจนหมด... แล้วจึงมาจองเวรข้าพเจ้าได้... หากท่านนับเม็ดทรายนี้ไม่ได้หมดทุกเม็ด... ก็ขอให้ท่านได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าแทนเถิด...

    ขอให้เทวดาที่คุ้มครองข้าพเจ้าทั้งหลาย จงมาเป็นสักขีพยานให้ข้าพเจ้า... ให้เหล่าเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายนั้นนับเม็ดทรายทั้งหมดนั้นให้ได้ทุกเม็ดจนหมด... แล้วจึงมาจองเวรข้าพเจ้าได้... หากเจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นไม่สามารถนับเม็ดทรายนี้ได้หมดทุกเม็ด... ก็ขอให้ท่านเหล่านั้นได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าแทนด้วยเถิด...

    ..................................................


    นอกจากนั้นพระอาจารย์ยุคลธรณ์ท่านยังได้แนะนำอีกว่า...

    ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน หรือไปนอนค้างอ้างแรม ณ สถานที่ใด...

    ให้สวดมนต์ไหว้พระ แล้วสวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ตามปกติอย่างละ ๑ จบ...

    หลังจากนั้นสวดพระคาถาพระพุทธคุณห้องต้นถอยหลัง ให้ได้ ๙ จบ แล้วเสกเป่าลงไปที่หมอน... พระพุทธคุณจะปกป้อง คุ้มครองผู้นั้นให้รอดปลอดภัยจากสิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง... จะทำให้ไม่มีสิ่งใดมารบกวนได้...


    ....................................................


    พระคาถาพระพุทธคุณห้องต้นถอยหลัง

    ติวาคะภะ โธพุท นังสานุสมะวะเท ถาสัต ถิระสามะทัมสะริปุ โรตะนุตอะ ทูวิกะโล โตคะสุ โนปันสัมณะระจะชาวิช โธพุทสัมมาสัม หังระอะ วาคะภะ โส ปิติอิ

    ....................................................................
     
  4. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    หลวงพ่อเล่าเรื่องเมืองนิพพาน

    [​IMG]

    " วันหนึ่งสมเด็จท่านพามาที่วิมานนิพพานที่มันกว้างลิ่ว และบ้านนี่นะนานๆจะได้ไปสักที
    ส่วนมากก็ไปนั่งป๋ออยู่ที่วิมานพระพุทธเจ้า ถ้าเราไปอยู่ที่นั่นแล้วเวลาเราตาย
    มันจะไปไหน อาตมาเป็นคนเกาะ พุทธานุสสติกรรมฐาน เป็น อารมณ์ตลอด
    เวลาถ้าวันไหนไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าวันนั้นตายดีกว่า มันจะเป็นยังไงก็ตาม
    ยิ่งป่วยยิ่งไข้ยิ่งหนัก ป่วยนิดเดียวจิตจะไม่ยอมคลาดพระพุทธเจ้า

    เราถือว่าถ้าเราเกาะพระพุทธเจ้าอยู่ มันจะตายลงนรกก็ยอมท่านคงไม่ยอมให้ลง
    แล้วท่านก็พาไปดูที่วิมาน ชี้ให้ดูบอกว่า
    "คณะของคุณมันมากเพราะคุณใช้เวลาบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกับ
    แสนกัป และ เป็นฝ่ายวิริยาธิกะ "


    เป็นอันว่าคณะของเราที่ตามกันมาเป็นระยะไอ้ที่เขาหนีไปนิพพานแล้วนับไม่ถ้วน
    พวกนั้นขี้ขลาดสู้เราไม่ได้ไอ้เราต้องมาตกระกำลำบาก ช่วยกันวิ่งโน่นวิ่งนี่
    ไอ้ที่จะกินก็ยังไม่มีแต่ยังพยายามหาเลี้ยงคนอื่น ใช่ไหม....

    [​IMG]

    วันนี้มีเวลาลองสอบดูนิดหนึ่งถามว่า
    "คณะของข้าพระพุทธเจ้ามีกี่สาย จากหลังบ้านไปนี่"
    ท่านบอกว่า " มี๓๗ สาย "
    ถามว่า " สายหนึ่งมีระยะยาวเท่าไร....? "
    ท่านบอกว่า " สองแสนโยชน์ของนิพพาน "
    แล้วก็ไปดูเห็นหมดทั้ง ๓๗ สายสองฝั่งของถนนวิมานเต็มหมด
    มันไม่มีจุดพร่อง สายหนึ่งประมาณ ๒ แสนโยชน์ แต่ละสาย ๓๗คูณด้วย ๒ วิมาน
    มันจะตั้งสายละสองฝั่งถนน ๓๗ ถนนยาวเหยียดถนนกลายเป็นแก้วแพรวเป็นประกาย
    สวยสดงดงามไปหมดบอกไม่ถูกวิมานแต่ละหลังก็แพรวพราวหาที่ติไม่ได้เลย
    หัวหน้าทีมตั้งบ้านใหญ่อยู่ด้านหน้าต่อไปก็มีถนนซอยเข้าไป

    ทางด้านของนิพพานนี่เขาอยู่กันเป็นกลุ่มๆอย่างกลุ่มของ พระกกุสันโธ
    ท่านก็อยู่กลุ่มหนึ่ง วิมานของพระพุทธเจ้าก็ตั้งข้างหน้าบริวารก็เป็นสายอยู่ข้างหลัง
    พระโกนาคม ท่านก็อยู่กลุ่มหนึ่ง พระพุทธกัสป ก็ตั้งอยู่จุดหนึ่ง
    ของสมเด็จพระสมณโคดมท่านก็ตั้งอยู่จุดหนึ่ง
    ตอนนี้ของอาตมาก็เป็นจุดที่แปลกวิมานตั้งอยู่ในเกณฑ์เรียงของพระพุทธเจ้า ใหญ่
    คล้ายคลึงกัน แต่สวยสู้ของท่านไม่ได้เพราะเราไม่ใช่พระพุทธเจ้า
    แต่ในฐานะที่ปรารถนาพุทธภูมิมาสิ้นระยะเวลา ๑๖ อสงไขยกับแสนกัปพอดี
    แต่ว่าต้องเกิดไปอีก ๗ ที ทนไม่ไหวไม่เอา แค่นี้พอ รอเกิดอีก ๗ครั้ง ก็ในกัปนี้แหละ
    และต้องไปรอองค์ที่ ๒๒ หลังจากพระศรีอาริย์ต้องไปนั่งรออยู่ชั้นดุสิต ไม่ไหวเปิดดีกว่า
    ฉะนั้น กลุ่มของพวกเราจึงมีวิมานตั้งอยู่ในระหว่างกลุ่มของพระพุทธกัป
    และ กลุ่มของพระสมณโคดม
    เป็นอันว่าหาจุดพร่องไม่ได้ตามสายของพวกเราวิมานสวยไม่เต็มที่มีอยู่มากพอสมควร
    แต่ก็ไม่เต็มสาย
    " ที่วิมานสวยไม่มากก็เพราะว่าจิตของบุคคลใดถ้ารักพระนิพพาน วิมานจะปรากฎที่นั่น "
    แต่ถ้าจิตใจของท่านผู้นั้นยังไม่ถึงอรหัตผลเพียงใด วิมานจะสวยไม่เต็มที่
    " จิตกับ วิมานมันสวยเท่ากัน " เดินไปจึงรู้ เป็นอันว่าวิมานมันนั่งคอยอยู่
    เป็นอันว่าคนที่ติดตามมาไม่พลาดพระนิพพาน

    สมเด็จท่านตรัสต่อไปว่า
    ทุกคนที่เอาจริงที่ตามแกมาตั้ง ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป
    " มันมีที่อยู่กันหมดแล้ว คำว่าถอยหลังไม่มี "
    ประการที่สองให้เตือนไว้ว่า
    " ในระหว่างชีวิตที่ยังไม่ตายใครจะปฏิบัติดีบ้างปฏิบัติชั่วบ้าง
    ขณะใดที่เราสร้างความดีเพราะจิตมันดี แต่ บางครั้งจิตมันจะเศร้าหมองลงไป
    ให้มีแต่ความวุ่นวายนั่นต้องถือว่าเป็นเรื่องของกรรมที่เป็นอกุศลของชาติก่อน
    เข้ามาบันดาลแต่เรื่องนี้เราจะแพ้มันในระยะต้น เวลาตายน่ะไม่มีหรอกมันจะทำร้ายได้
    ชั่วคราวเท่านั้นเราจะให้มันในขณะที่มีชีวิตทรงอยู่เท่านั้น

    [​IMG]

    ถ้าใกล้ตายจริงๆไม่สามารถจะสังหารจิตเราได้ เมื่อใกล้จะถึงความตาย
    พอจิตเข้าถึงจุดนั้นไอ้กิเลสไม่สามารถเข้ามายุ่งได้เลยเพราะว่ากรรมที่เป็นกุศลใหญ่
    ที่บำเพ็ญมาแล้วจะเข้าไปกีดกันหมดกรรมที่เป็นอกุศลเข้าไม่ถึง อาตมารับรองผลว่า
    ทุกคนไม่ไร้สติและไม่ไร้ความดีที่ปฎิบัติ เพราะอะไรเพราะไปตรวจบ้านมาแล้ว
    สบายใจหมดเรื่องหมดราวเสียที ตามธรรมดาเราจะตำหนิกัน บางคนเราก็เห็นว่า
    มานั่งกรรมฐานกันมาศึกษากัน กลับไปก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง เอะอะโวยวายก็ถือว่า
    เป็นการชำระหนี้ชำระสินกันไป ถือว่าช่างมันไว้ ท่านบอกว่าไปบอกเขานะ
    เพื่อความมั่นใจ

    เป็นอันว่าทุกคนที่มีวิมานอยู่ที่นิพพานละก็ควรจะภูมิใจว่าเราเข้าถึงกิจสูงสุด
    ในพระพุทธศาสนาแล้วขึ้นชื่อว่าการถอยหลังกลับไปสู่อบายภูมิย่อมไม่มีถึง
    แม้ว่าในชาตินี้เราจะประมาทพลาดพลั้งในด้านอกุศลกรรมเป็นธรรมดา
    ก็แต่ว่าจิตเราก็ต้องหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ ถือว่าขันธ์ ๕ ไม่มีความหมายสำหรับเรา
    ว่าช่างมันๆเอาไว้ อารมณ์ดีก็ช่างมัน เวลาคันก็ช่างเผือกหมดเรื่องหมดราว

    อย่างนี้สลับกันไปสลับกันมา คำว่า ฌาน ก็คือ อารมณ์ชินจิตมันชินอยู่อย่างนั้น
    จิตมันก็ตั้งอยู่ในอารมณ์พระนิพพานโดยเฉพาะ จิตก็เข้าถึงพระโสดาบัน
    เรื่อง สกิทาคา อนาคา อรหันต์ เป็นของไม่ยากยากอยู่ที่พระโสดาบันเท่านั้น

    สมเด็จท่านตรัสเรื่องพระศาสนาว่า
    " การขึ้นคราวนี้กว่าจะลงของพระพุทธศาสนาคนที่จะบรรลุมรรคผล คราวนี้นับโกฏิ
    เหมือนกัน และจะไปโทรมเอา พ.ศ. ๔๕00 ช่วงนี้จะขึ้นเรื่อยๆต่อไปไม่ช้า
    คำว่าพระนิพพานจะพูดกันติดปาก ชินเป็นของธรรมดาจะเห็นเป็นเรื่องปกติ"

    [​IMG]

    ถ้าเราจะถอยหลังไปจากนี้ ๒0 ปีจะเห็นว่าจิตใจของคนเวลานี้ต่างกันเยอะ
    พูดถึงด้านความดีนะเวลานี้ฟังแล้วทุกคนอยากไปนิพพานสังเกตที่จดหมายมาบอก
    อยากจะไปนิพพานทั้งนั้น และ จากนี้ไปอีกไม่ถึง ๒0 ปีจะมีพระอริยเจ้านับแสน
    ไม่ใช่ฉันสอนเป็นผู้เดียวหรอกนะ คือว่าเขาสอนกันโดยทั่วๆไปแต่ว่ากลุ่มเรา
    จะมาก หมายถึงว่าอาจจะไม่มีตัวมาแต่ มีหนังสือมีเทปกาลเวลามันเข้ามาถึง
    "เวลานี้คนที่เข้าถึงมุมง่ายแล้ว กำลังใจมันตีขึ้น"
    มาถามว่าตอนก่อนทำไม ไม่ให้สอนแบบนี้ ท่านบอกว่า คนมันหาว่าง่ายเกินไป
    มันเลยไม่เอาเลยจะต้องยากๆ แต่พวกของแกไม่มีใครเหลือ ท่านชี้จุดเลย ก็เลยดีใจ
    แล้วท่านก็บอกว่า"ต่อไปภาระมันจะหนักต้องวางพื้นฐานไว้ "
    ก็ถามว่า " พื้นฐานจากพระองค์อื่นไม่มีหรือ "
    ท่านก็บอกว่า " พระองค์อื่นเขาก็มีความสามารถ ไม่ใช่ไม่มี แต่สงสัยว่า..
    คนที่เรียนกรรมฐาน ๔0 กับมหาสติปัฏฐานจนครบกันนี่มีกี่องค์
    หมายถึงว่าทำได้ฌาน ๔ หมด "
    บอก " ไม่เคยถามชาวบ้านเขาเลย "
    ท่านบอก " ไม่มีหรอก ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครเขาจบมันเหลืออยู่แกคนเดียว
    ท่านปานก็ตายเสียแล้ว ผู้ที่จะทรงกรรมฐาน ๔0 นี่ ต้องเป็นฝ่ายพุทธภูมิ
    ถึงขั้น ปรมัตถบารมี "" ถ้ายังไม่เต็มปรมัตถบารมีนี่ยังไม่ได้กรรมฐาน ๔0 ครบ
    พระโพธิสัตว์ต้องเรียนวิชาครู "
    ท่านก็ถามว่า "คุณทำไมไม่หมั่นขึ้นมา "
    ก็บอกว่า " เหนื่อยเต็มทีร่างกายเพลียมากก็ต้องชำระตัว เกรงว่าจะประมาท"
    ท่านถามว่า "คนอย่างแกยังมีคำว่าประมาทหรือ....?"
    เลยบอกท่านว่า มี
    ท่านถามว่า " ทำไมว่ามี....? "
    ก็เลยบอกว่า " ยังไม่รู้ตัวว่าดี "
    ท่านบอกว่า " เออใช้ได้ "

    คือว่าถ้ารู้ตัวว่า ดีเมื่อไรก็เลวเมื่อ นั้นรู้ตัวว่าเราวิเศษแล้วเราประเสริฐแล้ว
    เราสำเร็จแล้ว ทุกข์มันก็เกิดแต่ว่าอารมณ์จิตถึงระดับนี้แล้ว มันก็คิดงั้นไม่ได้แล้วนะ
    เรื่องตัวนี้ชำระกันอยู่ตลอดวันเป็นปกติ คำว่า ชำระก็หมายความว่าพิจารณาว่า
    ร่างกายไม่มีความหมาย โลกนี้ไม่มีความหมายคำว่า ไม่มีความหมายมันติดอารมณ์

    สมเด็จท่านตรัสต่อไปว่า
    "งานสาธารณประโยชน์มันเป็น ปรมัตถบารมี อย่างสูงสุด อันนี้จะทำให้เร็วที่สุด
    ทำให้เร่งรัดพวกเราให้เร็วที่สุด ท่านบอกว่าให้คุณบอกลูกหลานไว้จะได้รู้ว่า
    เป็นจุดที่มีกำลังแรงให้เข้าถึงได้เร็วที่สุดเป็นการบั่นทอนไอ้กฎของกรรมต่างๆ
    ทีมันคอยกั้นขวางเรางานนี้มันเป็นเมตตากฎของกรรมมันก็ดันไม่อยู่ "

    [​IMG]

    ต่อไปเรื่อง " สมเด็จองค์ปฐม " ซึ่งทรงพระนามว่า พระพุทธสิกขี พระพุทธเจ้านี่
    มีชื่อซ้ำกันนะ อย่างเรวัติ ก็มีชื่อซ้ำกัน พระพุทธสิกขีนี่องค์ปฐมจริงๆ
    วันนั้นพบท่านเข้าพบจริงๆสมัยที่ พล.อ.ท.อาทร โรจนวิภาค อยู่ที่นครราชสีมา
    วันนั้นไปนั่งกรรมฐานกันเห็นพระพุทธเจ้าท่านเยอะ ยืนสองแถวพนมมือเราคิด
    ว่าพระพุทธเจ้าไหว้ใครไม่มี ใช่ไหม ก็เลยถามหลวงพ่อปานว่า มีเรื่องอะไรกัน
    ท่านบอกว่า"ประเดี๋ยวพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จ"
    องค์ปฐมหมายถึงองค์แรกสุด ไม่มีครูสำหรับท่านเลย ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างหนัก
    ต้องเข้มแข็งเดี๋ยวท่านเดินมากลางพระพุทธเจ้า
    ยืนสองข้างพนมมือตลอดสวยสว่าง จิตเราเลยสว่างเห็นอะไรชัดหมด"


    [​IMG]

    จากหนังสือ " หลวงพ่อตอบปัญหาธรรมฉบับพิเศษ เล่ม ๓"
    โดย พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
     
  5. หญ้าคา

    หญ้าคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    247
    ค่าพลัง:
    +138
    ผมชอบท่องคาถาอยู่แล้วครับหลังจากสวดมนต์ปกติครับ บางครั้งก็ใช้แทนคำภาวนาเลยครับ
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    บารมี คือ การตั้งกำลังใจที่ชอบแล้ว เป็นสัมมาทิษฐิ

    เวลาเราจะทำการอันใดก็ตาม

    ให้เราทำจิตให้เกิดสมาธิ จนจิตสงบระงับจากกิเลสให้ได้ก่อน

    จากนั้นให้เราถามจิตตัวเอง ว่า สิ่งที่เรากำลังจะทำอยู่นี้ เรากำลังจะทำอะไร และที่สำคัญที่สุดก็คือ เราทำเพื่อใคร

    ทำอะไรนั้นเราก็ต้องมาพิจารณาก่อนว่า

    สิ่งที่เรากำลังจะทำนี้

    -อยู่ในทำนองครองธรรมหรือไม่
    -เบียดเบียนหมู่สัตว์ หรือยังประโยชน์ต่อหมู่สัตว์
    -เกิดผลดีผลเสียประการใด
    -ปราชญ์และวิญญูชนติเตียนได้หรือไม่

    เมื่อพิจารณาเห็นว่าชอบแล้ว เป็นกุศล เป็นสัมมาทิษฐิ ยังประโยชน์

    ก็ให้มาพิจารณาต่อไปอีก ว่า แล้ว เราทำสิ่งนั้นเพื่อตนเอง หรือเพื่อส่วนรวม

    ก็ขอให้มาตรอง ในข้อของอัตตาตัวตนว่า สิ่งที่เราทำไปแม้ว่าเป็นคุณเป็นประโยชน์ แต่เรา ทำไปเพื่อปรารถนาให้ ผู้คนเขามายกย่องสรรเสริญหรือไม่

    เพื่อสนองกิเลสหยาบในจิตของเราหรือไม่ หรือเราทำไปเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง

    บางท่าน คิดว่า ในเมื่อเป็นงานที่เราทำ เรื่องหน้าตา การยกย่องก็ย่อมสมควรเป็นของเรา ไม่ได้ผิดอะไร


    แต่หากนำธรรมมะที่ในหลวงท่านทรงสอนและปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างให้พวกเราได้ประจักษ์แล้ว

    พระองค์ทรงสอนว่า "จงปิดทองหลังพระ จนกระทั่งทองที่เราปิดนั้นมาอยู่หน้าพระ"

    นั่นคือ

    เมื่อเราทำความดี อย่างแท้จริง ด้วยความเสียสละ จนกระทั่ง จิตใจ ตัวตน อุปนิสัยของเราดีอย่างแท้จริง ดีจนเป็นปกติ

    พระพุทธรูปที่เราปิดทองคำเปลวจากที่เป็นพระปูน ก็จะกลายเป็นพระพุทธรูปทองคำทั้งองค์ไป จะปิดทองหรือไม่ปิด จะถูกเผา ถูกขูดขีด

    ทองแท้ก็ย่อมเป็นทองแท้วันยังค่ำ

    ทำความดีจะถูกด่า ถูกเข้าใจผิด ถูกนินทาว่าร้าย อย่างไร หากหัวใจของเราเป็นพระพุทธรูปทองคำ เราย่อมไม่หวั่นไหว เพราะเรารู้เรามั่นใจเสียว่า

    เราทำอะไรอยู่ และทำเพื่อใคร

    เมื่อนั้นหัวใจเราก็จะมีความดีเป็นปกติ ทำเพื่อส่วนรวมเห็นประโยชน์สุขของส่วนรวมมาก่อนเสมอ

    ในส่วนของความเป็นทิพย์นั้น

    การที่เราตั้งกำลังใจของเราเอาไว้เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งก็ดี เพื่อพระพุทธศาสนาก็ดี เพื่อสร้างกำลังใจให้ผู้อื่นได้เข้าถึงซึ่งความดีก็ดี

    เทพพรหมเทวดาท่านมีความเป็นทิพย์ ท่านรับรู้รับทราบเป็นอย่างดี

    เมื่อเราวางกำลังใจถูกท่านก็พากันมา เมตตา มาสงเคราะห์กันมากมาย เพราะเราทำก็เพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อตนเอง

    ลองดูอุปมาง่ายๆ ดังนี้

    หากเราบอกกับสาธารณะชนว่า "ฉัน อยากได้ เงิน มากๆ เพราะฉันต้องการความสุขของฉัน ความร่ำรวยส่วนตัวของฉัน"

    ช่วยกันมาช่วยฉันเถอะ

    กับอีกท่านหนึ่งบอกต่อสาธารณะชนว่า "ตอนนี้ ศีลธรรมเสื่อมลง พวกเราต้องหาทางฟื้นฟูสิ่งยึดเหนี่ยวความดีศีลธรรมในจิตใจคนกันดีกว่า พวกเราช่วยกันหาเงินมา สร้างพระพุทธรูปกันดีกว่า"

    บุคคลสองคนนี้ ใครจะได้รับความช่วยเหลือจากสาธารณะชนมากกว่ากัน


    คราวนี้เรามาพิจารณาดูในแง่มุนนี้กันบ้าง

    ผู้ปฏิบัติสมาธิสองท่าน

    ท่านหนึ่งตั้งกำลังใจว่า อยากได้อภิญญา เพื่อที่เราจะได้เก่งที่สุด มีคนมายกย่องมากๆ

    กับอีกท่านหนึ่งที่ตั้งกำลังใจเอาไว้ว่า ปรารถนาที่จะได้อภิญญาก็เพื่อจะได้นำคุณวิเศษแห่งอภิญญาสมาบัติที่ได้นี้ไปใช้ ช่วยเหลือผู้คนในยามเกิดภัยพิบัติ

    เราคิดว่า หลวงพ่อ หลวงปู่ครูบาอาจารย์ตลอดจนเทพพรหมเทวดา ท่านจะเลือกมาโปรดผู้ใดมากกว่ากัน


    หรือแม้แต่ความก้าวหน้าในธรรม ความก้าวหน้าในการปฏิบัติก็ตาม

    หากเราตั้งกำลังใจที่จะนำธรรม การปฏิบัติไปสอนไปสงเคราห์ให้บุคคลอื่นได้เข้าถึงธรรม เข้าถึงความดีเป็นสำคัญ

    เมื่อนั้น ครูบาอาจรย์มีพระพุทธเจ้าเป็นที่สุด ท่านก็เมตตาสงเคราะห์เราได้อย่างเต็มที่ จนก้าวหน้าในธรรมกันอย่างรวดเร็วเป็นธรรมดา

    ดังนั้นการตั้งกำลังใจ หรือการตั้งบารมีที่ถูกต้องก็คือ

    ตั้งกำลังใจเอาไว้ในสัมมาทิษฐิเป็นสำคัญ

    ตั้งกำลังใจเอาไว้เพื่อส่วนรวมก่อนเรื่องของตนเอง

    ตั้งกำลังใจเอาไว้ให้ตั้งมั่นไม่แกว่งไกวไปด้วยโลกธรรมแปด

    ตั้งกำลังใจให้ถูกเป็นทางลัดแห่งการปฏิบัติธรรม

    พอถูกปุ๊ป เทวดาพรหมท่านเห็น ท่านทราบ เวลาทำความดี เราทำแบบไม่ต้องอวดคน

    เพราะคนบางคนไม่มองที่ความดีของคนอื่น

    คนบางคนมองไม่เห็นความดีของคนอื่น

    คนบางคนเพ่งโทษคนอื่น

    คนบางคนริษยาในความดีของคนอื่นก็มี

    ดังนั้นจงทำความดีให้เทวดาให้พระท่านทราบก็พอ จำนวนท่านมากกว่าคนเยอะ ทำดีจริงไม่ดีจริงท่านรู้หมด

    วันดีคืนดีท่านก็มาเล่าให้ฟัง ให้รู้ ดังนั้นทำความดีเอาไว้ อย่าให้ได้อายเทวดา พรหมท่าน

    ทำจิตให้เป็นพระพุทธรูปทองคำให้ได้


    ขอให้ความดีเพื่อส่วนรวมจงปรากฏแก่ทุกๆดวงจิตผู้ใฝ่ธรรมด้วยเทอญ
     
  7. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    สาธุค่ะ
    วอ. ตัวที่... เรียกวอ. ๑ ทราบแล้วเปลี่ยน รับปฏิบัติค่ะ
     
  8. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    พ่อรักลูก (โดยเฉพาะ)
    (คำสอนโดยพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง)

    (พิมพ์เนื่องในวาระครบรอบ ๑๕ ปี แห่งการมรณภาพของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร)


    ......................................................


    คำขอขมาพระรัตนตรัย

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะฯ (ว่า ๓ จบ)


    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
    อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
    อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ

    หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกายก็ดี วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี

    ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณททุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
    โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ..........................................
     
  9. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    คำนำ

    "การที่เราทรงชีวิตอยู่นี้ เราไม่ได้ทรงชีวิตหนีความตาย แต่เราทรงไว้เพื่อเดินเข้าไปหาความตาย พิจารณาให้เห็นว่า ความตายนี้มันเป็นของธรรมดาที่เราจะต้องเข้าถึง ในขณะที่เราทรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ถ้าเราต้องการความเกิดอีกมันก็ต้องทุกข์แบบนี้ จะเกิดมันอีกเพื่อประโยชน์อะไร

    เราต้องการตัดความเกิด คือตัดชีวิตและร่างกายไม่มัวเมาในชีวิต คิดเสียว่าร่างกายประกอบไปด้วยธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นเรือนร่างที่อาศัยชั่วคราว เป็นแดนของความทุกข์ เป็นโรคนิทธัง คือเป็นรังของโรค ปภังคุณัง มันจะต้องเปื่อยเน่าเป็นของธรรมดา แต่ถ้าเราเกิดมามันมีสภาพแบบนี้อีก เราจะเกิดมาทำไม ดินแดนที่เราจะไม่ต้องการเกิดต่อไปก็มีอยู่คือ พระนิพพาน"

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) ได้ให้คำสอนนี้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์มานานนับตั้งแต่ท่านมรณภาพ จากไป ๑๕ ปีแล้ว หลายท่านได้ประพฤติปฏิบัติตาม และเดินทางเข้าสู่หลักชัย คือข้ามถึงฝั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เปรียบประหนึ่งนักกีฬาที่เข้าสู่เส้นชัยประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง และอีกหลายท่านกำลังเพียรพยายามไล่ตามในระยะไม่ทิ้งห่างมากนัก เพื่อให้ได้ชัยชนะดังกล่าวเช่นกัน ไม่ว่าวันเวลา และระยะทางจะยาวนานเพียงใด ไม่ใช่อุปสรรค ขอแต่เพียงให้ทุกท่านมีกำลังใจเดินตามรอยบูรพาจารย์ที่ท่านเมตตาชี้แนะ ด้วยความอุตสาหะวิริยะ อดทนอย่างหาประมาณมิได้ เพียงหวังว่า ขอให้ลูกหลานทุกๆ คน ทิ้งโลกิยะ และมุ่งสู่โลกุตตรธรรมให้จงได้ในชาติปัจจุบันนี้ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

    "พ่อรักลูก...โดยเฉพาะ" ได้รับอนุญาตให้จัดพิมพ์จาก ท่านพระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ ท่านเจ้าอาวาส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอกราบนมัสการขอบพระคุณในความเมตตามา ณ โอกาสนี้

    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ องค์พระอริยสงฆ์ทุกๆ พระองค์ และองค์ครูบาอาจารย์สูงสุด มีหลวงพ่อปานวัดบางนมโค และพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงเป็นที่สุด ได้บรรลุธรรมนั้นแล้ว ข้าพเจ้าและคณะศิษย์ศรัทธาธรรมทานทุกๆ ท่าน รวมทั้งผู้มีส่วนในการสร้างหนังสือธรรมะเล่มนี้ กราบขอขมา กราบขออนุญาตได้รู้ธรรมนั้นและเข้าถึงธรรมนั้นได้โดยง่ายในชาติปัจจุบันนี้เถิด

    บุญกุศลที่พึงบังเกิดจากหนังสือ "พ่อรักลูก...โดยเฉพาะ" นี้ ลูกหลานทุกคนที่มีส่วนสร้างหนังสือดังกล่าว ขอน่อมถวายแด่องค์พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ขอองค์หลวงพ่อ ฯ ได้โปรดโมทนาบุญกุศลดังกล่าวนี้ และได้โปรดเมตตาอภิบาลรักษาบรรดาลูกหลานผู้ติดตามให้มีจิตใจมั่นคงดำรงมั่น รักษาพระพุทธศาสนาดั่งปณิธานขององค์บูรพาจารย์นับตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน ในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ


    ศรีลักษณ์ เกียรติประจักษ์ และ ดวงพร แววสุขสม
    พร้อมคณะศรัทธาธรรมทานทุกท่าน​

    .......................................................​


    ขอร่วมโมทนากับ คุณศรีลักษณ์ เกียรติประจักษ์ และ คุณดวงพร แววสุขสม พร้อมคณะศรัทธาธรรมทานทุกท่านในการเรียบเรียง จัดทำและจัดพิมพ์ หนังสือ "พ่อรักลูก...โดยเฉพาะ" เล่มนี้ด้วยนะคะ... และขออนุญาตนำคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านในหนังสือเล่มนี้มาเผยแพร่เป็นธรรมทานสู่สาธารณะสืบไปด้วยค่ะ... กราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ...​


    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ องค์พระอริยสงฆ์ทุกๆ พระองค์ และองค์ครูบาอาจารย์สูงสุด มีหลวงพ่อปานวัดบางนมโค และพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงเป็นที่สุด ได้บรรลุธรรมนั้นแล้ว ข้าพเจ้าและทุกๆท่าน ทั้งที่เป็น และมิได้เป็นสมาชิกเว็บพลังจิต... และผู้ที่ปฏิบัติธรรม ใฝ่ความดีทั้งหลายทั่วทุกภพทุกภูมิทุกมิติ ทั้งอนันตจักรวาลนี้ ขอน้อมกราบขอขมา กราบขออนุญาตได้รู้ธรรมนั้นและเข้าถึงธรรมนั้นได้โดยง่ายโดยฉับพลันในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ...

    และขอให้จิตเจตนาดีที่พวกเราทุกคนมุ่งสงเคราะห์ ช่วยเหลือ ทำงานเพื่อสาธารณะ และตั้งใจสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา - ชาติไทย - และสถาบันพระมหากษัตรย์ไทย ให้อยู่คู่กันสืบไปตราบจน ๕,๐๐๐ ปี สมดังพระพุทธทำนาย และคำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนั้น .... ขอให้งานการทั้งหลายทั้งมวลนั้นจงสำเร็จสมดังปณิธานของพวกเราทุกข้อทุกประการ... หากแม้นจะมีอุปสรรคใดๆ เกิดขึ้นก็ตาม ขอให้พวกเราทุกคน พบเจอหนทางแก้ปัญหาเหล่านั้นอย่างง่ายดาย และรวดเร็วโดยถ้วนหน้าด้วยเทอญ...

    ................................................


    ด้วยพระบารมีแห่งองค์พระศรีรัตนตรัย และกุศลผลบุญที่บังเกิดขึ้นนี้... ขอได้โปรดมารวมตัวกันและส่งผลให้ทุกๆ ท่านมีดวงจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อภัยทาน มีความสุขทั้งทางโลก ทางธรรม... ขอคำว่าไม่มี ไม่ได้ ไม่สำเร็จในหนทางแห่งสัมมาทิฐิ จงอย่าได้บังเกิดขึ้นกับทุกท่าน... ขอจงเป็นสัมมาทิฐิ... มีดวงตาเห็นธรรม... เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป... เข้าถึงที่สุดแห่งธรรมโดยฉับพลัน... และมีพระนิพพานเป็นหลักชัยโดยถ้วนทั่วกันด้วยเทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
  11. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขออนุญาตคุณอ๋อ เอาข้อมูลมาลงในกระทู้นี้ด้วยนะคะ... กราบขอบพระคุณค่ะ...


     
  12. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384

    ขอบใจจ้ะที่โพสต์รูปให้...
     
  13. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    ท้าวเวสสุวรรณ

    ท้าวเวสสุวรรณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์ หรือ ยักษ์ หรือ เป็นเจ้าแห่งผี
    เรียกง่าย ๆ ว่า " นายผี " เป็นหนึ่งในบรรดา ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครอง
    และดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีท้าวมหาราช
    ทั้งสี่ปกครอง คือท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักขะ และ ท้าวเวสสุวรรณ
    (ท้าวกุเวร) ประจำทิศต่างๆ ทั้งสี่ทิศโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร)
    เป็นใหญ่ปกครองบริวารทางทิศเหนือ

    ว่ากันว่าอาณาเขตที่ท้าวเธอดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล
    กว้างขวาง และเป็นใหญ่ (หัวหน้าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4) กว่าท้าวมหาราชองค์อื่น

    [​IMG]

    คาถาบูชา ท้าวเวสสุวรรณ

    <!--Main-->เวสสะ พุ กะ (หัวใจท้าวเวสสุวรรณ)
    โอม นะโม มหาเวสสุวัณโณ มหาไตรโลโก ทิพจักขุง มหาไตรโลกานัง มหาภูเตร
    สะวะกัง ทิพพะมันตัง อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ เวส สะ พุ กะ
    นะมะ อะระหัง อะสังวิสุโลปุสะพุพะ มะอะอุ อิสวาสุ สุสวาอิ อิติ อิติ
    มหาเทวัง มหายักขัง ปัตตโลกัง มหาอิทธิฤทธิ อิทธิฤทธัง อะระหัง ปะสิทธิเม ฯ

    (จุดธูป ๙ ดอก)

    [​IMG]

    อิติปิ โส ภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ มะระณัง สุขัง อะหัง สุคะโต
    นะโม พุทธายะ ท้าวเวสสุวรรณโณ จาตุมะหาราชิกา ยักขะพันตาภัทภูริโต
    เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโม พุทธายะ


    :z2+ :z2


    ท้าวเวสสุวรรณ เป็น เทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง
    รักษาสมบัติของชาวโลกโบราณ ศาสนสถานสำคัญต่าง ๆ มากมาย ทั้งเป็นเจ้านาย
    ปกครองดูแลพวกยักษ์ ภูติผีปีศาจทั้งปวง

    ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญพรตตบะบารมีธรรม
    มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็น เทพแห่งความร่ำรวย
    นอกจากนี้หน้าที่ของท้าวเธอมีมากมาย เช่น การดูแลปกป้องคุ้มครอง พระพุทธศาสนา
    ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นต้น
    ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สิน
    เงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.4 KB
      เปิดดู:
      10,567
    • 77.jpg
      77.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.1 KB
      เปิดดู:
      57
  14. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,348
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ภาพน่ารักๆของในหลวง กับเสียงขลุ่ยหวานสุดซึ้ง เพลงความฝันอันสูงสุด
    มหาราชในหัวใจไทยทั้งหล้า
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/HY8rHs_0iKA&hl=en width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash wmode="transparent"></EMBED>​


    ก่อนกดปุ่ม play ..เปิดลำโพง ด้วยนะคะ

    เมื่อ.. ฟังจบเพลงแล้ว ..

    ในใจปรากฏภาพและคำพูดใดบ้างเอ่ย ?

    ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2008
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สิ่งที่ปรากฏในใจคือ "เรามั่นคงไม่หวั่นไหวในความดีแค่ไหน"

    คำถามว่า ทำความดีแล้ว โดนด่าว่ากล่าว บ้าง ถูกเข้าใจผิดบ้าง ถูกใส่ความบ้าง

    เรารับได้ไหม

    ทำความดีโดยไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้ ใครเห็นได้ไหม

    "ทำความดี เพื่อความดีของผู้อื่น ได้ไหม"
     
  16. dearestguardian

    dearestguardian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +1,418
    ความดีมีหลายระดับขึ้นกับกำลังใจและเจตนา
    ความดีที่ควร คือ ทำแล้วทิ้ง ไม่คาดหวังไม่ตั้งเอา ไม่ยึดดี ทำแล้วแล้วไป
    หลวงพ่อฤๅษี กล่าวว่า "ไม่ติดอะไรๆในโลกด้วย" ก็คือ ไม่ติดแม้กระทั่งกายจิต และ กรรม วิบาก เพราะทุกอย่างเป็นธรรมที่ไม่ใช่ตัวตนบุคคลเราเขา
     
  17. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    อนุโมทนาค่ะ พี่สอนตรงใจน้องมากค่ะ ตอนนี้พยายามข่มตัวมานะให้เบาบางลง และจะขอนำสิ่งที่พี่สอนนี้ไปปฎิบัติให้ดียิ่งๆขึ้นไปค่ะ เพราะน้องรู้ตัวว่ายังมีความเลวอีกมากที่ต้องขัดเกลา อย่างไรก็จะขอวางกำลังใจทำความดียิ่งๆขึ้นไปและยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุดค่ะ;aa31
     
  18. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    [​IMG]

    ...เสี้ยวเล็กเล็กสิ่งน้อยน้อยร่วมสืบสาน
    ส่งทอดต่อเวลาวานกาลสมัย<O:p
    สื่ออดีตปัจจุบันอนาคตไกล<O:p
    สานทักทอสืบสายใยเชื่อมถึงกัน<O:p
    ...ผลสะสมตกตะกอนเป็นเทือกเขา<O:p
    ผลความคิดกระทำเราเป็นเขตขัณฑ์<O:p
    ผลจิตใจแปรเปลี่ยนไปหมุนเวียนวัน<O:p
    ผลทั้งหลายกระทบกันพันเป็นเกลียว<O:p
    ...เด็ดดอกไม้กระเทือนถึงซึ่งดวงดาว<O:p
    ผีเสื้อคราวกระพือปีกซีกโลกเสียว<O:p
    ขว้างก้อนหินลงในน้ำเพียงก้อนเดียว<O:p
    เกิดเป็นเรียวน้ำกระเพื่อมคลื่นกระจาย<O:p
    ...อันพลังความคิดส่งก่อรูปร่าง<O:p
    กระทำกางผึ่งผลแผ่แพร่เป็นสาย<O:p
    คิดกระทำกำเนิดสิ่งที่เป็นไป<O:p
    เตรียมจิตใจยอมรับผลตนจัดวาง<O:p
    ............................ธรรมดา(ฯ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    [​IMG]

    ...โอ้ชีวิตที่ก่อเกิดกำเนิดร่าง
    ใยทิ้งร้างหนีห่างหายจากมวลมิตร<O:p
    หนีตัวตนถิ่นกำเนิดแห่งดวงจิต<O:p
    ห่างเหทิศพิสุทธิ์ใสไกลห่างกัน<O:p
    ...ลืมความรักความเมตตาและรอยยิ้ม<O:p
    ลืมความอิ่มเอมน้ำใจมอบสร้างสรรค์<O:p
    ลืมหยิบยื่นจริงใจซื่อสื่อถึงกัน<O:p
    ลืมถึงคำสัญญามั่นในวิญญาณ<O:p
    ...จิตสำนึกแรกเกิดก่อระเหยหาย<O:p
    สำนึกดีร่ำร้องไห้ใครสงสาร<O:p
    ไร้สำนึกพบเจอทุกข์ทรมาน<O:p
    คงถึงกาลวันทวงกลับปรับปรุงใจ<O:p
    ...ผืนแผ่นดินผืนแผ่นน้ำร้องทักท้วง<O:p
    ใยไม่หวงเมตตาบ้างหรือไฉน<O:p
    ร่วมกันอยู่ไม่รู้รักษาหรือไร<O:p
    กอบโกยเอาแต่ส่วนได้ไม่ดูแล<O:p
    ...สงสารหลายมวลชีวิตในพื้นโลก<O:p
    ต้องทนทุกข์ระทมโศกยากเกินแก้<O:p
    ได้แต่เฝ้ามองดูห่วงดวงใจแล<O:p
    กลับเถอะนะเหล่าลูกแม่กลับสู่ธรรม<O:p
    ................................ธรรมดา(ฯ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2008
  20. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ณ ตอนนี้ งานใหญ่ที่เป็นไปเพื่อสาธารณจริงๆกำลังจะเริ่มขึ้นนะครับ
    ขอให้ทุกๆคนตั้งกำลังใจให้ดี
    คือการมุ่งสงเคราะห์ให้คนจำนวนมากได้เข้าถึงความดีอย่างเต็มที่ ที่สุดเท่าที่จะทำได้
    ขอให้ทุกๆคนอย่าได้หวั่นไหวกับเรื่องภัยพิบัตินะครับ
    พวกเราหลายๆคนได้ตั้งกำลังใจกันไปแล้วว่าจะขอใช้ทั้งชีวิตนี้ ทำความดีถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถวายแด่บวรพระพุทธศาสนา
    ดังนั้นขอให้อย่าได้หวั่นไหวต่อความตาย
    เพราะพวกเราทุกๆคนต้องตายแน่นอน
    แต่เราจะตายอย่างมีคุณค่า หรือจะตายไปโดยยังไม่ได้ทำประโยชน์ให้สังคม ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง
    ให้เราคิดเสมอว่าหากเราจะต้องตายตอนนี้ เราจะไปพระนิพพานจุดเดียว จะไม่ไปที่อื่นเป็นอันขาด
    เราจะมีชีวิตรอดจากภัยพิบัติหรือไม่ เราก็ต้องตายเหมือนกัน
    แต่ว่าเราสามารถทำให้ตัวเองรอดพ้นจากการกลับมาเวียนว่ายตายเกิดได้แล้วหรือยัง
    เราสามารถตัดสังโยชน์ทั้งสิบได้ขาดแล้วหรือยัง
    ถึงตอนนี้หลายๆคนก็ได้เลิกสนใจไปแล้วว่าเราจะมีชีวิตอยู่รอดหรือไม่
    แต่สนใจเพียงอย่างเดียวคือเราจะช่วยคนอื่นๆให้เข้าถึงซึ่งความดีได้มากแค่ไหน
    ดังนั้นขอให้ทุกๆคนตั้งมั่นในปฏิปทาเพื่อส่วนรวมตราบจนลมหายใจสุดท้ายนะครับ

    ส่วนงานที่ผมสอนสมาธิก็เดินหน้าไปได้เรื่อยๆครับ
    ผมจะทำหน้าที่ของผมให้เต็มความสามารถที่สุด ส่วนเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากงานเพื่อส่วนรวมนั้น ผมก็วางไปแล้วครับ
    ขอให้ทุกๆคนเดินหน้าอย่าได้ถอยหลังนะครับ
    จะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ไม่สำคัญนะครับ
    สำคัญว่าเราได้ทำหน้าที่ของเราเพื่อส่วนรวมอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...