ช่วยด้วยนะคับ ผมก็รู้สึกว่ามีใครมาพูดอยู่ข้างๆหู

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย dida, 15 ตุลาคม 2005.

  1. Enigma

    Enigma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +314



    a man sees a dessert.he wants to taste it. an angel warns him not to eat.its a poison.he says how this sweet thing can be a poison and he doesnt believe.he reaches his hand out for the dessert and the angel punishes him...
     
  2. ~Lee Ryan~

    ~Lee Ryan~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    315
    ค่าพลัง:
    +140
    น่ากลัวอะครับ
     
  3. Mikas

    Mikas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +342
    ตอนได้ยินนี้ครึ่งหลับ ครึ่งตื่นหรือ รู้สึกตัวเต็มๆครับ
    ผมก็เป็น แต่เป็นตอนเคลิ้มๆ บางทีได้ยินเสียงเพลง บางทีได้ยินเสียงคนพูด บางทีได้ยินเสียงเหมือนคนมาด่า

    ผีอำผมก็เป็นบ่อยครับ แรกๆ ทั้งกลัวทั้งโมโห
    ลองปล่อยๆไปเลยดูครับ ไม่ต้องฝืน คิดไปเลยว่าจะทำไรก็เชิญ แผ่เมตตาให้เค้าไปเลยได้ยิ่งดีครับ บางทีปล่อยๆไป เราหลับไปทั้งอย่างงั้นเลยก็มีครับ อาการนี้มันจะเกิดตอนช่วงเคลิ้มๆจะหลับอยู่แล้ว หรือบางทีกลายเข้าสมาธิได้เลยก็มีครับ ลองดูนะครับ
     
  4. dida

    dida Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +80
    ตลอดเวลาเลยละคับถ้าช่วงใหนจิตอ่อนตอนนอนจะโดนผีอำแน่ๆเลยคับ
     
  5. 20757@ktb.co.th

    20757@ktb.co.th สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +1
    อาการของคุณและระยะเวลาของคุณตรงกับผมเลยครับ ตอนนี้ผมเขียนบันทึกขึ้นมาฉบับนึง
    ชื่อเรื่องก็คือ "จิตหลอนหรือโรคที่เกิดจากเทคโนโลยี" ผมไปพบจิตแพทย์มาแล้ว 2 ครั้ง
    และได้ยามาทั้งสองครั้ง และตอนนี้ผมก็กินยาตามที่เค้าจัดยามาให้ และผมจะพยายาม
    พิสูจน์ให้เป็นวิทยาศาสตร์ให้ได้ครับ ขณะผมกำลังพิมพ์ข้อความอยู่เค้าก็อ่านตาม
    เราก็ไม่ต้องไปสนใจถึงเค้าจะอ่านตามที่เราพูดหรือคิดก็ไม่ต้องไปสนใจอะไรสนใจแต่สิ่ง
    ที่เราสัมผัสได้ก็พอแล้ว และผมขอเรียกว่าเสียงที่ได้ยินทางสมองดีกว่านะครับ เพราะคน
    อื่นที่อยู่ใกล้ตัวเราเค้าไม่ได้ยิน เทคโนโลยีทุกวันนี้ทันสมัยขึ้นทุกวัน อย่างการผ่าตัดเพื่อ
    ใส่ประสาทหูเทียมยังทำได้เลย แต่ถ้ามีคนทดลองใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อมาทดลองกับ
    คลื่นสมองของชาวรัสเซียก็มีมาแล้ว อีกอย่างก็คือการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ชาวจีน
    เกี่ยวกับการทดลองปล่อยคลื่นไฟฟ้ากับหนูในขณะนี้ก็เป็นไปแล้ว
     
  6. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    คุณdida ต้อง
    1.ถือศีล5 ให้มั่นคงนะครับ
    2.ทำบุญสังฆทานให้บ่อยๆ
    3.สวดมนต์ ภาวนาให้มากๆ
    4.พิจารณาหัวข้อธรรมให้มากๆ เช่น พิจารณาความสกปรกของร่างกายให้เห็นจริงเพื่อนำไปสู่การปล่อยวางในร่างกาย ความกลัวตายจะน้อยลง
    ในส่วนของข้อ 2. ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯแนะนำให้ไปทำที่ ซอยสายลม ครับ ท่านพระครูปลัดอนันต์เจ้าอาวาสวัดท่าซุงจะมาทุกเดือนครับ
    ทำทั้ง 4 ข้อแล้ว แต่ละวันคงต้องอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรด้วย และขออโหสิกรรมกับเขา ทำไปเรื่อยๆเป็นประจำทุกวัน บ่อยๆ
    ที่สำคัญคุณ dida ต้องยอมรับในเหตุที่เกิดขึ้น แล้วทำความดี อย่างที่ว่าให้ถึงที่สุด เรียกว่าตายเป็นตาย ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น และถึงแม้ว่าจะไม่ดีขึ้นในปัจจุบันทันด่วน ก็ได้ชื่อว่าคุณได้ประกอบกุศลกรรมแล้วครับ กรรมดีย่อมส่งผลแน่นอน อย่าท้อถอยนะครับ
     
  7. sakkrit99k

    sakkrit99k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +167
    เรื่องของคุณน่าเห็นใจครับ ที่สวดมนต์ปวดหัวเพราะใจไม่เปิด มันอึดอัดคับแคบครับส่วนที่ใส่บาตรแล้วอยากร้องไห้ เพราะสัมผัสความสงบและความดีงามจึงรู้ซึ้งซึ่งสำนึกถูผิดชั่วดีครับ อยากจะหายมีวิธีดังนี้
    1) เริ่มลืมอดีตที่ผิดพลาดให้หมดเลยครับ
    2) ตั้งใจว่าจากนี้ไปจะประกอบแต่กรรมดีครับ
    3) เลิกคบคนพาลเป็นมิตรครับ
    4) เพื่อนฝูงเฮไหน อย่าเฮนั้น โดยเฉพาะ เหล้า ยา นารี กีฬาบัตร(การพนัน)
    5) ให้จำไว้ ดีดูดดี ชั่วดูดชั่ว ไม่เชื่อให้สังเกตุ เด็กเรียนก็จับกลุ่มกับเด็กเรียน เด็กเกเรก็จับกลุ่มกับเด็กเกเร พวกไม่ชอบชกต่อยก็จับกลุ่มคบกัน พวกขี้เหล้าก็เฮขี้เหล้าด้วยกัน พวกเสพยาก็เฮเสพยาด้วยกัน(ปาตี้ยาอีเป็นต้น) เมื่อห่างไกลจากสิ่งที่ดึงดูดไม่ดี กัลยานมิตรก็จะมาคบด้วย
    6) รักษาใจโดยการพิจารณาว่า วันนี้ผิดศีล5 ข้อไหน กี่ครั้งแล้วพยายามลดลงให้ได้
    7) เมื่อใจเริ่มเปิดรองรับความดี ก็เริ่มปฎิบัติสมาธิครับ โดยเปิดใจจากการทำสมาธิ
    8) เริ่มต้นมองออกไปให้ไกลที่สุดมองแบบกว้างๆ ใจจะโล่งโปร่งๆเบาสบายใจเริ่มเปิดครับ
    9) ต่อไปใจจะเริ่มเห็นลมหายใจเอง เอาลมหายใจเป็นเพื่อนครับ เอาความรู้สึกลมหายใจเข้าออกแบบสบายๆ โดยไม่ต้องบังคับลม แค่รู้ว่าเพื่อนอยู่กับเราเราอยู่กับเพื่อน พร้อมๆกับว่า เราอยู่ในธรรมชาติรอบกาย และธรรมชาติรอบกายอยู่ในเรา เราอยู่ในบรรยากาศรอบกาย บรรยากาศรอบกายอยู่ในเรา อันนี้สำคัญนะ คุณจะรู้สึกสบายขึ้นมาก
    10) ระหว่างนี้หากมี สิ่งที่มารบกวนทางกาย ทางใจ ก็อย่าไป ไม่พอใจ ที่ไม่ได้ดังใจ
    เน้นว่า ที่ไม่ได้ดังใจ จึงอย่าโกรธ ทำเฉยๆช่างมัน ไม่สนใจ โดยไม่ต้องฝืน ให้ทำใจรู้ในข้อ9) ส่วนอื่นในข้อ10) ก็รู้ไปอย่างนั้นไม่สนใจ ผ่านมาก็ผ่านไป ไม่ต้องฝืนเหมือนดูหนังดูละครแบบไร้อารมณ์ไป เมื่อปัญญาเกิดจะนำคุณไปแสวงหาธรรมเพิ่มจากนี้เอง
    11) ให้รู้ว่าใจเป็นใหญ่ ใจจึงต้องรักษาใจ เพราะใจทำร้ายใจ ไม่มีใครทำร้ายเรา กายจึงอ่อนแอ เจ็บปวดกายจึงเกิดขึ้น เจ้ากรรมก็อาศัยช่องทาง ทางใจเพื่ออาศัยใจทำร้ายกาย เมื่อใจอึดอัดคับแคบ แดงมืด เจ้ากรรมก็ลุมกินโต๊ะ เพราะไม่มีความดีคุ้มครองกายด้วยความภาคภูมิใจ ใจจึงปิด ใจบัง ใจช่อนเร้น ใจไม่เปิด ก็เป็นช่องทางของเจ้ากรรม และหมู่มารให้ เดินไปสู่อบาย หน้าตาก็จะหมองมืดมัว การต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่วจึงเกิดขึ้นที่ใจ
    12) ให้รู้ว่าใจเรามีทั้งฝ่ายดี ฝ่ายชั่ว เมื่อใจฝ่ายชั่วเป็นใหญ่ใจทรงฝ่ายชั่ว เวลาจะเดินเข้าหาดีมันอึดอัดใจจนปวดเนื้อปวดตัวปวดหัวปวดใจ แต่เมื่อใจฝ่ายดีเป็นใหญ่ใจทรงฝ่ายดี เวลาเดินเข้าหาชั่วก็อึดอัด... ปวดหัว เช่นกัน ตัวอย่างเวลาใจร้อนลุ่มโกรธเขาอยู่ไปทำดีกับเขาก็อึดอัด เพราะใจทรงฝ่ายชั่วอยู่เป็นต้น จึงต้องเอาใจรักษาใจด้วยรู้ลมหายใจเข้าออกอยู่ ทุกเมื่อ อาการเป็นใหญ่ฝ่ายใดๆก็เกิดเป็นกลางๆขึ้นมา ความสงบระงับก็เกิด ปัญญาก็เกิด
    13) กรณีเทพมาบังคับให้ทำดีปฎิบัติดี โดยวิธีทรมานคนเล่นเพื่อจุดประสงค์ให้ใฝ่ดีอันนี้เป็นมิจฉาทิฐิ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเทวดาให้ทำอย่างนี้จำไว้ ฝ่ายสัมมาทิฐินั้นท่านจะมาดลใจให้คิดได้ ให้ฝันเห็นปริศนาบางอย่างให้เราคิดได้เอง หรือนิมิตให้เราคิดเอง ทั้งนี้ก็มีเหตุมาจากดีดูดดี ชั่วดูดชั่ว ชั่วๆดีๆ ก็ดูดชั่วๆดี ใจทรงชั่วๆดีๆกีดึงดูดเทพเทวดาที่นอกลู่นอกทางสัมมาทิฐิ ทุกอย่างเป็นไปโดยธรรมของมันอย่างนี้เอง
    14) สังเกตดูนะคนทำชั่วไม่มีทุกข์เพราะกำลังสุขกับผลลัพธ์ที่ได้กับการกระทำชั่ว ตกลงไป10ขั้นจะก้าวขาขึ้นมาสักขั้นเดียวทรมานจริงเจ็บปวดไปหมด สังเกตดูทรงชั่วจะใฝ่ดีทรมานกว่าทรงดีจะใฝ่ชั่ว เพราะถ้าเอาชนะใจได้หายแล้วหายเลยเพราะใจเปิดรับความดีอยู่แล้ว
    15) ให้ยึดหลักเมตตาไม่ถือโกรธแม้นแต่ ผู้คิดร้าย และเจ้ากรรมและหาโอกาสแผ่เมตตาให้เขาบ่อยๆเรื่องอื่น สิงทรงๆ องค์เจ้า ไม่ต้องไปยุ่งและแตะต้อง มุ่ง นิพพานทางเดียว ก็จะเป็นที่รักของเทวดา พรหม เมื่อเราเดือดร้อน อาสนะท่านที่ผูกพันกับเราจะร้อนเองก็จะส่องญาณมาดูมาช่วยรักษาคุ้มครองเราเอง ท่านไม่มาอยู่ในตัวเราแน่นอนหรือจะไปๆมาๆ ก็น้อยๆๆๆๆคนมากๆๆๆจริงๆ
    16) ไม่มีเหตุผลไรที่จะไม่หายถ้ายึดหลักสัมมาทิฐิ ถ้าใจเป็นมิจฉาทิฐิก็ดึงดูดเทพมิจฉาทิฐิ มันเป็นไปตามธรรมนี้เอง ธรรมของพระพุทธเจ้า
    17) ส่วนเรื่องความอึดอัดคับแคบ แดงมืดๆ อันนี้พิสูจน์ได้ด้วยกล้องถ่ายรูปแบบพิเศษเขาเรียกว่าแสงออร่า ร่างกายมีกระแสไฟสถิตทำให้เกิดรังสีแสงสีต่างๆ ใจเป็นอย่างไรถ่ายรูปออกมาก็เป็นอย่างนั้นแสงสีของอาการของใจ ทุกขณะจิตที่ใจเปลี่ยนไป หากใจสบายทำบุญมาใหม่ๆถ่ายรูปทันทีก็เป็นอีกสีหนึ่งแสดงถึงสีแห่งบุญเช่นสีเหลืองทองเป็นต้น ถ้าใจสงบสะอาดก็เป็นสีฟ้าขาว ใจเมตตาก็มีสีชมพู ใจมีสัมผัสพิเศษก็มีสีม่วงเป็นต้น ดังนั้น รังสีที่เปล่งออกมามันไม่นิ่งเพราะขึ้นกับใจ จึงควรปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ ให้ละเว้นความชั่ว ทำแต่ ความดี ทำจิตใจให้ผ่องแผ้วทุกลมหายใจเข้าออก คือทางพ้นทุกข์ที่แท้จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...