ภิกษุสงฆ์ลด ภิกษุณีเพิ่ม ปรากฏการณ์ที่สวนทางในพุทธศาสนา

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย คนมีกิเลส, 29 กรกฎาคม 2008.

  1. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,157
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +29,709
    ooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo


    อ้าว ศิษย์แม่รุ้งหรอกหรือ ท่านเป็นรุ่นพี่มช.ผมเอง

    น้องสังขารฯเคยมากรรมฐานกับ ท่านที่ถ้ำตอง , นิโรธาราม หรือ ที่สำนักใหม่ที่ดอยสะเก็ด หละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 กรกฎาคม 2008
  2. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222

    1..คือพระสงฆ์ไทย ท่านนับถือนิกายเถรวาทหนะครับ

    ทีนี้นิกายเถรวาท (หินยาน) เขาถือพระวินัยเคร่งครัดครับ

    จะไม่มีการตัดลดทอนพระวินัยลงสักข้อ (แม้พระพุทธองค์จะทรงอนุญาติให้ปรับเปลี่ยนได้ตามแต่สมควร) ซึ่งไม่เหมือนกับ ทางมหายานเขา

    2.. จากเหตุผลข้อแรก พระภิกษุณี ได้หายไปจากการสืบทอดหลายรุ่น แต่ท่านผู้ตกเป็นข่าวนี้ ท่านไปค้นหาข้อมูลมาได้ว่า ได้ไปสืบต่ออยู่ ณ ทิเบต และประเทศแถบนั้น

    ทีนี้ ปัญหามันก็มีอยู่ว่า

    ทิเบต หนะ เขานับถือ วัชรยาน กันเสียเป็นส่วนใหญ่

    ซึ่ง วัชรยาน ก็แตกไปจาก มหายาน อีกที เอาง่าย ๆ อีกเห็นชัด ๆ พระวินัยไม่เหมือนกัน


    3.. จากข้อที่สอง ทีนี้ พระเถระในประเทศไทย ท่านก็ไม่กล้าจะบวชให้ เนื่องจากท่านนับถือเถรวาทอย่างที่บอกไปในข้อแรก ไม่มีใครกล้าที่จะฝืนพระธรรมวินัยหรอกครับ

    ทีนี้ บุคคลที่อยู่ในข่าว ก็พยายามจะดิ้นรน ถึงขนาดที่ว่าจะเอาเข้ารัฐสภา ที่เคยเป็นข่าวมาแล้ว อ้างเรื่อง สิทธิความเท่าเทียมกันของ ชาย-หญิง

    หลัง ๆ ก็พยายามจะอ้าง เรื่องว่ามีการสืบทอดอยู่นะ อยู่ที่ ทิเบต อะไรก็ว่ากันไป

    ขอโทษนะครับ ขนาดที่ เนปาล สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน ยังเพิ่งไปทำพิธีบวชสืบทอดให้ใหม่เลย เมื่อปี พ.ศ.2529 -2530 นี่เองครับ

    ทิเบตยิ่งไม่ต้องพูดถึงครับ
     
  3. w1195

    w1195 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่น่าเชื่อนะเนี่ย !!!!
     
  4. w1195

    w1195 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่น่าเชื่อนะคร้าบ
     
  5. w1195

    w1195 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ไม่น่าเชื่อนะครับ
     
  6. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    4..เพราะฉะนั้น มหาเถระสมาคม ของไทย จึงไม่สามารถที่จะบวช หรือ รับรอง ฐานะของ ท่านผู้ตกเป็นข่าว และ หลาย ๆ ท่านได้ครับ ถ้าบวชมาก็ต้องดูแลกันเองครับ

    แต่ก็เห็นมีความพยายาม จะสร้างความถูกต้องชอบธรรมให้กับ บุคคลเหล่านี้ ที่เห็น ๆ ก็ งานสัปดาห์พระพุทธศาสนา (วันวิสาขบูชา) ที่ผ่านมา ปี 2551 นี่กระมัง ก็เห็น ท่านผู้ตกเป็นข่าวไปถ่ายรูปเพื่อแสดงให้เห็นว่า พุทธบริษัท 4 ยังอยู่ครบนะ อะไรประมาณนี้

    5.. ที่ศรีลังกาเอง ตอนแรก เขาก็ไม่ได้เต็มใจบวชให้เหมือนกันครับ แต่ ก็มีความพยายาม (อย่างรุนแรง) ดึงเรื่องเข้า รัฐสภา สุดท้าย ก็บีบให้พระท่านบวชให้

    กลายเป็นว่า อาณาจักร อยู่ เหนือพุทธจักรไปเสียแล้ว ที่ศรีลังกา (คนศีล 5 บังคับ พระศีล 227 ได้ น่าแปลกจริงหนอ......?)

    แล้ว ต้นทางฝ่ายหญิง เขาก็เอานำ ภิกษุณีจากทิเบตมา(ไม่รู้ว่า วัชรยาน หรือ มหายาน เหมือนกัน ) ส่วนต้นทางพระภิกษุ เป็น เถรวาท ....เอ่อ บอกไม่ถูกครับ ไม่อยากวิจารณ์


    นี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด ครับ ในเมืองไทยเอง ก่อน ท่านผู้ตกเป็นข่าวจะบวชเนี่ย สมัย ร.6-ร.7 ก็มี ชาวบ้าน ถ้าจำไม่ผิด จะชื่อ นายนรินทรกลึง กระมัง บวชลูกสาวตัวเองเป็น ภิกษุณี (....เก่งกว่าพระอีกแฮะ...)
    มีรูปถ่ายไว้เป็นหลักฐานเหมือนกัน แต่ไม่ถูกต้องแน่นอน


    เรื่องทั้งหมด ที่ คณะสงฆ์ไทยไม่ยอมรับ ไม่ใช่จิตใจคับแคบ หรือ กีดกันทางเพศ แต่เป็นเรื่อง พระธรรมวินัยล้วน ๆ ครับ

    ส่วนใครจะเข้าใจหรือไม่ จะเข้าใจว่าโดนรังแกอะไรหรือเปล่า อันนี้ก็สุดแล้วแต่หละครับ
     
  7. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881


    ใช่ครับประเทศไทยเป็นพุทธศาสนาสายเถรวาทต้องรักษาพระวินัยดั้งเดิมอย่างเคร่งครัด และประเทศไทยนั้นขาดการสืบทอดพระภิกษุณีมาเป็นเวลานานแล้ว
    พระภิกษุสงฆ์ไทยจึงไม่สามารถที่จะบวชให้แก่ภิกษุณีได้อีก เพราะถ้าท่านบวชเท่ากับท่านละเมิดพระวินัยนั่นเอง แน่นอนว่าพระที่ดีนั้นท่านรักษาพระวินัยอย่างเคร่งครัดท่านย่อมไม่กล้าฝืนพระวินัย

    ส่วนที่ภิกษุณีที่มีอยู่ในประเทศไทย ณ ตอนนี้รู้สึกว่าทุกท่านล้วนไปบวชจากต่างประเทศนะครับ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการสืบสายภิกษุณีของทางพระพุทธศาสนาสายเถรวาทในต่างประเทศนั้นได้ขาดตอนไปหมดหรือยังนับจากสมัยพุทธกาล มีใครพอจะให้ความรู้ตรงนี้ได้บ้างครับ ถ้ายังไม่ขาดตอนก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่ถ้าขาดตอนไปแล้วก็ยังสงสัยว่าใครที่เป็นผู้ที่สามารถบวชภิกษุณีขึ้นมาได้ใหม่กันหนอและไม่เป็นการฝืนทำผิดพระวินัยหรอกหรือ

    แล้วภิกษุณีที่อยู่ในประเทศไทยตอนนี้สรุปแล้วท่านเป็นพุทธสายเถรวาทหรือมหายานครับใครพอบอกได้ แต่ถ้าเป็นสายมหายานก็ไม่แปลกอะไร เพราะสายนี้เขาไม่ได้รักษาพระวินัยเข้มงวดเหมือนสายเถรวาทของเราการบวชภิกษุณีในสายมหายานนี้จึงเป็นไปได้ไม่ใช่เรื่องแปลก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2008
  8. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +4,562
    เรื่องภิกษุณีนี้ ตอนแรกเริ่มในไทยนั้น จำได้ว่า มีข้อสรุปคือ ทำไม่ได้
    แต่ภิกษุณีท่านแรกนี้ก็ไปทำเอง อนุมานเอง
    จึงเห็นว่า น่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามธรรมเนียมของทางโลกและทางธรรมให้สมบูรณ์ น่าจะดีกว่า
    ตามหลักแล้ว น่าจะบวชเป็นแม่ชี จะเหมาะสมที่สุดทั้งทางโลกและทางธรรม
    เพราะแม่ชีที่เก่งๆนั้นได้ถึงอนาคามีผล ก็มีปรากฏให้เห็นแล้วหลายท่านในอดีต
     
  9. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    ที่นิโรธารามค่ะคุณโอม....ไปตั้งแต่สมัยที่ไม่มีไฟต้องจุดเทียนทำวัตรเย็น....เดินเท้าเปล่าไม่ใส่รองเท้า....(ด้วยความสมัครใจค่ะ) แม่ชีที่นิโรธารามใจดีทุกท่านเลยค่ะ....แม่รุ้งท่านมีปัญญาสูงมากค่ะ..... แต่ 2-3 วันมานี้....คิดถึงพี่แสงจันทร์มาก ๆ เลยค่ะ พี่แสงจันทร์ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่นิโรธาราม....ไม่ทราบเหมือนกันว่าพี่แสงจันทร์บวชแล้วหรือยังค่ะ.....นึกถึงพี่เค้าแล้วรู้สึกปีติอยากร้องไห้แบบบอกไม่ถูกค่ะ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2008
  10. หนึ่ง898989

    หนึ่ง898989 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +294
    <TABLE class=tborder id=post1387652 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_1387652 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">วันแม่แห่งชาติ
    มีการสาธยายพระไตรปิฎก
    กรมการศาสนา

    ถวายเป็นพุทธบูชา

    และเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าบรมราชินีนาถ

    ตลอด ๒๔ ชัวโมง
    ณ วัดใหม่ยายแป้น สี่แยกบางขุนนนท์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ เขต บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

    วันศุกร์ที่ ๘ สิงหาคม ถึง วันอังคาร ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๑

    เริ่มงานวันศุกร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๑

    เวลา 0๘.00 น พร้อมกันที่พระอุโบสถ

    เวลา 0๘.๓0 น อันเชิญพระไตรปิฎกทักษิณาวัตรรอบพระอุโบสถ

    เวลา 0๙.0๙ น เริ่มพิธีที่พระวิหารพระไตรปิฎก

    ประธาน จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย

    เจ้าหน้าที่อาราธนาสีล ประธานสงฆ์ให้สีล ประกาศศักราช

    ประธานจุดเทียนบูชาพระไตรปิฎก

    เจ้าหน้าที่อาราธนาธรรม

    พระสงฆ์สวดพระธรรมจักร

    สาธยายพระไตรปิฎกเริ่มเล่มที่ ๓๕ เป็นต้นไปพร้อมกันตลอด ๕ วัน ๔ คืนไม่มีการหยุดสาธยาย

    ชมพระไตรปิฎกโบราณที่หาชมได้ยาก

    (งานนี้ไมมีการรับเงินบริจาคครับ)

    รับเป็นน้ำปานะภัตรตาหารเช้าภัตรตาหารเพล ครับ ท่านใดมีความประสงค์เป็นเจ้าภัตรหาร

    ให้ติดต่อพระมหาณรงค์ศักดิ์ ฐิติญาโณ

    02-435-7555

    มือถือ 089-963-4505

    โทรสาร 02-434-1238

    มีรถเมล์ผ่าน
    79 57 56 68 157 175 40 542 80 509 28 171
    ที่มาจากปินเกล้าลงที่สี่แยกบางขุนนนท์เชิงสะพานลอย
    ที่มาจากสามแยกไฟฉายลงที่เลยห้างแมคโคเดินขึ้นมา
    หรือติดต่อที่ผมก้ได้ครับ 0851245895 ครับ สุริยะ


    สีล คำนี้มาจากพระไตรปิฎกครับ

    ห้ามใส่เสิ้อผ้า สี่ดำมางานครับ
    ท่านใดมางานควรนำดอกบัวสีขาวมาบูชาพระพุทธองค์ด้วยครับ
    <!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. OrangeHP

    OrangeHP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2007
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +160
    แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ทั่วโลกให้สิทธิ์ หญิงเท่าเทียมชายได้
    และกฏหมายบ้านเราก็มีอนุญาติเรื่องการใช้คำนำหน้า นาง นางสาว แล้ว สมควรจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นนะครับ หรืออย่างนี้ก็ค่อยเป็นค่อยไป ผมคิดว่างั้นนะ เพราะไม่งั้นหญิงก็จะถูกกดลงไปเรื่อยๆ ไม่ได้สิทธิ์หลายอย่าง เพราะสถานะของภิกษุณีก็อาจเป็นที่พึ่งสำหรับพุทธบริษัทที่เป็นเพศหญิง พระสงค์ก็เป็นที่พึ่งให้กับเพศชาย แบบนี้นะครับ ให้มีสถาบันรับรองก็ได แม้ปัจจุบัน แม่ชี ก็ยังไม่มีสถานะใดๆในสังคม
    มีแต่พระภิกษุ ที่มีตำแหน่งทางศาสนาด้วย หินยาน มหายาน ผมเห็นพระแถวบ้านผมก็ไม่เห็นจะเคร่งเลย ยังฉันท์ข้าว 3 มื้อเหมือนเดิม
    ปกติพระจะฉันท์ข้าว 1 มื้อ 11 โมง ผมก็เห็นเขาฉันท์ เช้า 11 โมง เย็น เต็มไปหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2008
  12. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    เรื่องนี้ตรงไปตรงมาครับ เป็นเรื่องของพระธรรมวินัย

    พระธรรมวินัย เป็นหลักปฏิบัติของทางพุทธจักร ซึ่ง ทางอาณาจักรไม่มีสิทธิก้าวล่วงครับ

    พระธรรมวินัยนี้ บัญญัติโดยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฯ นะครับ ไม่ใช่ พระสงฆ์ หรือ รัฐสภา

    ถ้าอยากจะแก้ ต้องไปเข้าเฝ้าแล้วทูลถามพระพุทธองค์เองหละครับ

    นี่ว่ากันตาม เถรวาท นะครับ ถ้าเป็น อาจาริยวาท(มหายาน) หรือ วัชรยาน นี่ไม่ทราบครับ ต้องให้ ทางสายเหล่านั้นพิจารณาครับ


    อย่างที่เรียนไปแล้วหละครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องพระธรรมวินัย ไม่ใช่ เรื่องการกดขี่ หรือ กีดกันสิทธิ ครับ แยกให้ออกครับ ระหว่าง ทางโลก กับ ทางธรรม
    ------------------------------------------------------------------

    ตอนนี้ ถ้าจำไม่ผิด มีกฏหมายออกมารองรับสถานะของแม่ชี แล้วนี่ครับ ลองตามข่าวดูครับ

    เรื่อง พระเคร่งไม่เคร่งนั่นอีกเรื่องครับ อย่าเอามาปนกันครับ

    กฏหมาย(พระธรรมวินัย) นั้นตั้งไว้ดีอยู่แล้ว ผู้ปฏิบัติเองนั่นหละครับ ทำตามไม่ได้เอง ไม่ใช่ว่า ผู้ปฏิบัติทำผิด แล้วจะมาให้แก้กฏหมาย แบบนี้ ไม่ถูกต้องครับ ผมไม่เห็นด้วยนะ ถ้าว่ากันตามสายเถรวาท (ประเทศไทย)นะครับ

    สมัยนี้ เขาไม่เน้นเรื่องการคัดกรองผู้เข้าบวชแล้วนี่ครับ หรือไม่จริง ?
    การอยู่วัด เพื่อให้ดูนิสัยก่อนบวช เดี๋ยวนี้ก็ไม่เคร่งกันเท่าไร

    ยังไม่รวมความเชื่อผิด ๆ ของชาวบ้านอีก เช่น จัดงานเลี้ยงผลาญเงินก่อนบวช รวมไปถึง มอมสุรานาคก่อนบวชอีกต่างหาก ฯลฯ

    ก็ในเมื่อ อาณาจักร ไม่ช่วยดูแล พุทธจักร เลยสักนิด มีแต่ จะรับฝ่ายเดียว พุทธจักร ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2008
  13. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222
    อีกอย่าง พระฉันข้าว 2 มื้อได้นะครับ มื้อเช้า กับ เพล ไม่ได้ผิดพระธรรมวินัย ครับ

    ส่วนจะฉัน เอกาฯ (มื้อเดียว) ก็ไม่ผิดแต่อย่างใดครับ

    แต่ฉันในยามวิกาล (ไม่ได้หมายถึงกลางคืนนะครับ) เลยมื้อเพลไปแล้ว ถ้า ฉันอาหารอีก ก็ ผิดอาบัติ แน่ ๆ ครับ
     
  14. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    พระนางมหาปชาบดี
    ครั้งหนึ่งพระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดาได้ประชวรหนัก.พระพุทธองค์ได้ทรงพาพระนันทะน้องต่างมารดาของพระองค์และพระอานนท์ลูกเรียงพี่เรียงน้องของพระองค์ ซึ่งบัดนี้ได้ผนวชเป็นภิกษุแล้ว พร้อมทั้งพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเสด็จไปสู่นครกบิลพัสดุ์เพื่อการเยี่ยมเยียน.ในตอนแรกด้วยการได้เห็นพระพุทธองค์ ซึ่งเป็นโอรสสุดที่รักอีกครั้งหนึ่ง,พระเจ้าสุทโธทนะได้ค่อยทรงทุเลาขึ้นและทุกๆ คนคิดว่าพระองค์จะต้องทรงหายประชวร,และอาการทุเลานี้ได้เป็นไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น.พระองค์ทรงมีความชรามากเกินไปกว่าที่จะมีกำลังต้านทานความเจ็บไข้.ในสองสามวันต่อมา ได้กลับประชวรหนักยิ่งขึ้นไปอีกและได้สิ้นพระชนม์ลงในท่ามกลางความโศกเศร้าของคนทั้งหลาย.
    เมื่อพระราชสวามีสิ้นพระชนม์ลงดังนี้ พระนางมหาปชาบดี ผู้เป็นพระมารดาเลี้ยงของพระพุทธองค์ซึ่งได้เลี้ยงพระองค์มาราวกะว่าเป็นโอรสของพระนางเองนั้น ไม่ทรงประสงค์ที่จะอยู่เป็นฆราวาสอีกต่อไป.พระนางทรงมีความโศกเศร้าในการสิ้นพระชนม์ของพระสวามี ประกอบกับความพอพระทัยในการประพฤติพรหมจรรย์,จึงมีพระประสงค์จะออกผนวชเป็นบรรพชิตในสำนักของพระองค์ เพื่อรับคำแนะนำสั่งสอนโดยใกล้ชิด.พระนางได้ทรงพาสุภาพสตรีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ยอมอยู่โดยปราศจากพระนางโดยจะติดตามไปในที่ทุกหนทุกแห่งด้วยกัน, ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าและทูลขอร้องให้ทรงเมตตากรุณายินยอมรับสตรีบวชเป็นบรรพชิตอยู่ภายใต้การแนะนำสั่งสอนของพระองค์โดยใกล้ชิด เช่นเดียวกับภิกษุทั้งหลาย.แต่แม้พระนางจะได้ทรงวิงวอนถึง ๓ ครั้ง ๓ หน ให้พระองค์ทรงรับพระนางและสุภาพสตรีเหล่านั้นเข้าบวชเป็นนักบวชสตรีอยู่กับพระองค์ พระองค์ก็ได้ทรงปฏิเสธโดยทรงขอร้องอย่าให้พระนางทูลขออนุญาตเช่นนั้นกับพระองค์เลย.พระนางมหาปชาบดีทรงโศกเศร้าเป็นอันมากในการที่พระพุทธองค์ทรงปฏิเสธ พระนางและสุภาพสตรีเหล่านั้นได้พากันร้องไห้เพราะเหตุนั้น
    เมื่อทรงปลงพระศพพระเจ้าสุทโธทนะสิ้นสุดลงแล้ว พระพุทธองค์ได้เสด็จจากนครกบิลพัสดุ์ ทรงจาริกไปตามสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งสมัยหนึ่ง ได้เสด็จถึงเมืองเวสาลีและประทับอยู่ ณ ป่ามหาวัน.พระนางมหาปชาบดี ได้ตัดพระเกศาของพระนางออก ทรงครองผ้าอย่างนักบวช พร้อมด้วยสุภาพสตรีจำนวนหนึ่งดังที่กล่าวแล้ว,ได้เสด็จไปตามหนทางที่จะไปสู่เมืองเวสาลี ทรงดำเนินด้วยพระบาททีละเล็กละน้อยล่วงเวลาเป็นอันมากจนกระทั่งถึงป่ามหาวันอันเป็นที่ซึ่งพระพุทธองค์กำลังประทับอยู่เมื่อเสด็จถึงที่นั้นแล้ว มีฝ่าพระบาทบวมพองเพราะการเดินทางไกลมีฝุ่นจับทั่วทั้งองค์ซูบเศร้าและอ่อนเพลีย.พระนางได้ประทับยืนกันแสงอยู่ข้างนอกพระวิหาร.พระอานนท์ได้มาพบพระนาง ซึ่งกำลังยืนอยู่ในพระอาการที่น่าสมเพชอย่างยิ่งเช่นนั้น ได้ทูลถามถึงต้นเหตุเพื่อทราบว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นและพระนางกันแสงเพราะเหตุใด พระนางได้ตรัสตอบว่า "ท่านอานนท์ พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้สตรีละจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตอยู่ประพฤติธรรมวินัยกับพระองค์, อิฉันไม่ปรารถนาจะเป็นอย่างอื่น ปรารถนาจะบวชแต่อย่างเดียวจึงต้องร้องไห้."
    พระอานนท์ได้ตอบว่า "พระบุตรีแห่งราชวงศ์โคตมะจงรอก่อน,ถ้าเรื่องเป็นดังนี้ อาตมาจักวิงวอนขอร้องให้พระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดประทานพระอนุญาต ให้สตรีได้บวชประพฤติธรรมวินัยในสำนักของพระองค์เช่นเดียวกับภิกษุทั้งหลาย."พระอานนท์ได้พยายามกระทำตามที่ได้ให้สัญญาแก่พระนางมหาปชาบดี.เมื่อได้ไปถึงที่ประทับของพระพุทธองค์แล้ว ได้ทำการวิงวอนด้วยความเคารพนอบน้อมอย่างสูงสุดเพื่อให้ทรงเมตตาแก่สตรีทั้งหลาย โดยโปรดประทานอนุญาตให้บวชได้โดยทำนองเดียวกับบุรุษ
    พระดำรัสตอบของพระพุทธองค์ต่อพระอานนท์ในขณะนั้นมีว่า"อย่าเลย,อานนท์,อย่าเลย ! อย่าขอสิ่งเช่นนี้กับเราเลย."พระอานนท์ก็มิได้หมดความพยายามหรือท้อถอย ได้ทูลวิงวอนแล้ววิงวอนอีกเป็นครั้งที่สองและที่สาม ด้วยคำวิงวอนอย่างเดียวกัน.และทุกครั้งพระองค์ได้ทรงปฏิเสธด้วยคำปฏิเสธอย่างเดียวกัน.
    พระอานนท์ได้ทรงรำพึงอยู่ในใจว่า "พระพุทธองค์ไม่ประทานพระอนุญาต เมื่อถูกทูลขอตรงๆ.แต่บางทีพระองค์อาจจักทรงอนุญาตถ้าเราจักใช้วิธีอื่น." ดังนั้นท่านจึงได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ถ้าหากว่าสตรีได้สละเหย้าเรือนแล้วออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ในธรรมวินัยของพระตถาคตอย่างเคร่งครัดแล้ว,เธอเหล่านั้นจะสามารถบรรลุธรรมวิเศษทั้งสี่ชั้น ตามลำดับแห่งอัฏฐังคิกมรรค เพื่อลุถึงนิพพานได้หรือไม่ พระเจ้าข้า ?"
    พระพุทธองค์ได้ตรัสตอบว่า "อานนท์ ถ้าสตรีสละเหย้าเรือนออกบวชในธรรมวินัยนี้ก็อาจเป็นพระอรหันต์ลุถึงนิพพานได้ในชาติอันเป็นปัจจุบันนี้เหมือนกัน."
    พระอานนท์ได้กราบทูลว่า "ถ้าเช่นนั้นแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าได้โปรดพิจารณาดูเถิด,พระนางมหาปชาบดี แห่งราชวงศ์โคตมะ ได้เป็นผู้มีพระคุณต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างสูงสุด.พระนางเป็นพระกนิษฐภคินีแห่งพระมารดาของพระผู้มีพระภาคเจ้าเอง,และทรงเป็นพระมารดาบุญธรรม เป็นผู้ฟูมฟักทะนุถนอมและถวายนมแทนพระมารดาแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระนางได้ทรงเลี้ยงดู และได้ทรงอบรมสั่งสอนพระผู้มีพระภาคเจ้า,มาตั้งแต่พระมารดาสิ้นพระชนม์.ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ขอพระองค์ได้โปรดประทานพระอนุญาต เพื่อเห็นแก่พระนาง ให้สตรีทั้งหลายที่สละเหย้าเรือนได้บวชเป็นบรรพชิตประพฤติพรหมจรรย์ ในธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างเดียวกับบุรุษเพื่อบรรลุถึงธรรมอันประเสริฐที่พระองค์มีไว้โปรดประทานแก่ชาวโลกในชั้นสูงสุดนั้นเถิดพระเจ้าข้า."
    พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า"เอาละอานนท์ ถ้าพระนางมหาปชาบดีแห่งราชตระกูลโคตมะเต็มพระทัยจะถือกฎอันเฉียบขาด ๘ ประการต่อไปนี้อย่างเคร่งครัดแล้วก็ให้ถือว่านั่นแหละเป็นการบรรพชาอุปสมบทของพระนางเถิด" ต่อจากนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสแก่พระอานนท์ถึงกฎ ๘ ประการนั้นว่า :
    สตรีผู้บวชแล้วแม้นานเท่าใดก็ต้องทำความเคารพแก่ภิกษุผู้บวชแล้วแม้วันเดียว.
    ต้องไม่อยู่อาศัยในถิ่นที่ซึ่งไม่มีภิกษุอยู่ด้วย.
    ต้องรับคำสั่งสอนจากภิกษุซึ่งสงฆ์ได้มอบหมายหน้าที่ให้เป็นผู้สั่งสอนทุกๆ กึ่งเดือน.
    ต้องปวารณาเปิดโอกาสให้สงฆ์ทั้งฝ่ายภิกษุและภิกษุณีว่ากล่าวตักเตือนชี้โทษได้ในวันปวารณา.
    ถ้ามีอาบัติโทษอันชั่วหยาบ จักต้องได้รับการพิจารณาโทษและออกจากอาบัติในสงฆ์ทั้งสองฝ่าย คือทั้งฝ่ายภิกษุและภิกษุณี.
    ก่อนบวชเป็นภิกษุณี ต้องอยู่ประพฤติวัตรเป็นสิกขมานาเพื่อการทดลองเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๒ ปี แล้วจึงบวชได้ในสำนักแห่งสงฆ์ทั้งสองฝ่าย.
    ต้องไม่พูดคำหยาบอย่างใดอย่างหนึ่งแก่ภิกษุและ
    ต้องไม่ทำตนเป็นผู้ว่ากล่าวตักเตือนภิกษุ แต่จักต้องเป็นผู้รับคำว่ากล่าวตักเตือนจากภิกษุ
    อานนท์, ถ้าหากว่าพระนางมหาปชาบดีแห่งราชวงศ์โคตมะทรงเต็มพระทัยที่จะรับถือกฎอันเฉียบขาด ๘ ประการนี้อย่างเคร่งครัด จนตลอดพระชนมายุแล้ว, ก็ให้ถือว่าพระนางเป็นภิกษุณีแล้วโดยสมบูรณ์เถิด." พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงยืนยันในที่สุด
    พระอานนท์ได้รับเอาพระพุทธานุญาตนั้น แล้วกลับออกมาทูลแก่พระนางมหาปชาบดี ตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสทุกประการ. พระนางมหาปชาบดีทรงรู้สึกปลาบปลื้มและดีพระทัยตรัสแก่พระอานนท์ว่า "ท่านอานนท์,เปรียบเหมือนคนหนุ่มคนสาวรักการแต่งตัว อาบน้ำชำระกายและศีรษะของตนแล้วยกพวงมาลัยอันประกอบด้วยดอกไม้สีสวยสดและกลิ่นหอม ขึ้นด้วยมือทั้งสองแล้ววางลงบนศีรษะของตนอันเป็นอวัยวะสูงสุดกว่าอวัยวะทั้งหลายด้วยความระมัดระวังฉันใด, แม้อิฉันก็จักเทอดทูนกฎ ๘ ประการนั้นไว้เหนือศีรษะไม่ประพฤติล่วงละเมิดจนตลอดชีวิตของอิฉันด้วยความระมัดระวังอย่างเดียวกัน."
    พระอานนท์ ได้กลับเข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าถวายความเคารพแล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระนางมหาปชาบดีแห่งราชตระกูลโคตมะทรงยอมรับสมาทานกฎ ๘ ประการ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติให้แก่พระนางอย่างเคร่งครัด.พระน้าของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้เป็นภิกษุณีสมตามพระประสงค์แล้วพระเจ้าข้า."
    แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า "อานนท์เอ๋ย ธรรมวินัยซึ่งมีสตรีรับเอาไปประพฤติร่วมอยู่ด้วยจักไม่ตั้งมั่นยืนนาน.เปรียบเหมือนตระกูลที่มีผู้หญิงมากมีผู้ชายน้อย ไม่สามารถผจญต่อโจรผู้ร้ายผู้เบียดเบียนนี้ฉันใด,ธรรมวินัยของเราที่สตรีรับเอาไปประพฤติ ย่อมไม่ตั้งอยู่นานฉันนั้น.มันเหมือนกับนาข้าวสาลี หรือสวนอ้อยซึ่งถูกเพลี้ยลงจับย่อมไม่เจริญงอกงามไปได้นานฉันใดก็ฉันนั้น.เหตุการณ์ได้เป็นไปตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงพยากรณ์ไว้ทุกประการ : การบวชของภิกษุณีซึ่งมีพระนางมหาปชาบดีเป็นองค์แรกนั้นมีอายุยืนยาวประมาณ ๕๐๐ ปี แล้วก็สาบสูญไป.
     
  15. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    ถ้าสตรีบวชศาสนาจะตั้งอยู่ไม่ถึง 5000 ปี พระพุทธเจ้าก็เลยบัญญัติให้มีคุรุธรรม

    8 ประการ สำหรับสตรีที่จะบวช ศาสนาก็จะอยู่ได้นานถึง 5000 ปี
     
  16. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    มีภิกษุณี 1 องค์ทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมลง 250 ปี แล้วปัจจุบันมีภิกษุณีอยู่เท่าไรครับ คูณเอาครับ
     
  17. UFO99

    UFO99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2005
    โพสต์:
    294
    ค่าพลัง:
    +983
    ขอโทษทีครับ จาก 250 เป็น 500 ครับ แหะๆ
    [๕๑๘] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคม
    นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า พระนางมหาปชาบดี
    โคตมี ยอมรับครุธรรม ๘ ประการแล้ว พระมาตุจฉาของพระผู้มีพระภาค อุปสม-
    *บทแล้ว
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ก็ถ้าสตรีจักไม่ได้ออกจากเรือนบวช
    เป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว พรหมจรรย์จักตั้งอยู่ได้นาน
    สัทธรรมจะพึงตั้งอยู่ได้ตลอดพันปี ก็เพราะสตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
    ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว บัดนี้ พรหมจรรย์จักไม่ตั้งอยู่ได้นาน สัท-
    *ธรรมจักตั้งอยู่ได้เพียง ๕๐๐ ปีเท่านั้น ดูกรอานนท์ สตรีได้ออกจากเรือนบวชเป็น
    บรรพชิตในธรรมวินัยใด ธรรมวินัยนั้นเป็นพรหมจรรย์ไม่ตั้งอยู่ได้นาน เปรียบ
    เหมือนตระกูลเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่มีหญิงมาก มีชายน้อย ตระกูลเหล่านั้นถูกพวก
    โจรผู้ลักทรัพย์กำจัดได้ง่าย อีกประการหนึ่ง เปรียบเหมือนหนอนขยอกที่ลงใน
    นาข้าวสาลีที่สมบูรณ์ นาข้าวสาลีนั้นไม่ตั้งอยู่ได้นาน อีกประการหนึ่ง เปรียบเหมือน
    เพลี้ยที่ลงในไร่อ้อยที่สมบูรณ์ ไร่อ้อยนั้นไม่ตั้งอยู่ได้นาน ดูกรอานนท์ บุรุษกั้น-
    *ทำนบแห่งสระใหญ่ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้น้ำไหลไป แม้ฉันใด เราบัญญัติครุธรรม ๘
    ประการแก่ภิกษุณี เพื่อไม่ให้ภิกษุณีละเมิดตลอดชีวิต ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ

    <CENTER>ครุธรรม ๘ ประการของภิกษุณี </CENTER>
     
  18. chollathich

    chollathich สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +14
    ต้องขอขอบคุณ คุณ UFO99 ที่ได้ลงเรื่องราวเกี่ยวกับการบวชภิกษุณี ที่จริงแล้วผู้หญิงหลายคนอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อน และจะเน้นตรงเรื่องสิทธิสตรี ผมเข้าใจว่าทุกชาติทุกศาสนา สอนให้เราเป็นคนดี และกำหนดเป็นจารีตประเพณีที่ดี เพื่อยึดถือเป็นแบบแผนปฎิบัติกันมา เรื่องของ ภิกษุณี พระพุทธเจ้า พระองค์ท่านคงเห็นว่าในอนาคต การครองตนอยู่ในศีลวัตร ของภิกษุณีคงยากลำบากและอันตราย พระองค์ท่านจึงไม่บวชให้ในกาลต่อมา ขอให้ลองพิจารณาถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน ว่าจิตใจของปุถุชนยังเบียดเบียนกันอยู่หรือเปล่า และภิกษุณี จะอยู่ในกระแสสังคมคมโลกได้ไหม จึงดูเป็นเรื่องฝืนต่อ พุทธดำรัส ของพระพุทธเจ้า
     
  19. naei

    naei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +94
    ผู้หญิง เป็นผู้ที่มีกรรม ไม่ว่าจะเกิดในชาติตระกูลที่สุงศักดิ์ ปานใดก็ตาม

    ย่อม มีบุญน้อย กว่า ผู้ชาย

    ถ้ายอมรับความเป็นจริง ภิกษุณี ต้องไม่มีการบวชอีกแล้ว เมื่อพระพุทธเจ้า ปริพพาน

    เพราะ เมื่อมี อิสตรีมาอยู่ในฐานะ นักบวชมาก ย่อม ทำให้ พุทธศานาอ่อนแอ

    อันนี้ ผมไม่ได้พูดเอง นะครับ สิ่งนี้ พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ และผม ก็เชื่อในพระปัญญาธิคุณของ พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เชื่อในญาณของพระองค์

    ว่า ถ้าหากศาสนาใด มีผู้หญิง มากกว่าผู้ชาย ศาสนานั้นย่อมอ่อนแอ
     
  20. โอทาตนาค

    โอทาตนาค Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +99
    จะเป็นพระก็อยู่ที่ใจ ไม่ช่เครื่องแต่งกาย จะเป็นภิกษุก็อยู่ที่ใจที่เป็นภิกษุ และศีล ๒๒๗ ที่บริบูรณ์ ไม่พร่อง แม้แต่ผู้ที่เป็นภิกษุณี ก็ต้องเป็นที่ใจ และศีลาวัตรที่ปฏิบัติ ดังนั้นกรยอมรับและการเคารพบูชา บุคคลใคบุคคลหนึ่ง จึงต้องเกิดมาจากความเลื่อมใส และศรัทธา ในการกระทำของบุคคลผู้นั้น ไม่ว่าจะเป็นเพศใดวรรณใดและ สิ่งที่โลกบัญญัตินั้น เป็นเพียงสิ่งที่สมมุติขึ้นที่ถูกบัญญัติขึ้นมา
    ดังนั้น เราจึงไม่ควรจะมานั่งถกเถียงกัน เพียงเพราะสิ่งที่เรามองและรับรู้ด้วยความเป็นโลก ภิกษูณีและภิกษุต่างมีหน้าที่ดียวกัน คือการสืบต่อพระศาสนา
    ฉะนั้น ถ้าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเพศใดเราก็ควรจะให้การยอมรับและเปิดโอกาส ที่จะให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพจิตใจของมนุษย์เท่าๆกัน เป็นการช่วยคนละไม้คนละมือ พราะตอนนี้โลกยังขาดคนที่เสียสละตนเองที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกยากอีกมาก และสังคมโลกยังต้องการคนแบบนี้ให้มอยู่ในสังคม เพื่อคนในสังคมจะได้อยู่กันอย่างสันติ ยังไงก็ช่วยนำไปพิจารณาทีนะคับ จะได้เปิดใจให้กว้างๆ และอยู่อย่างการให้โอกาสกันและกันทางสังคมนะคับ และขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่มีจิตใจแน่วแน่ในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทุกคนนะคับ
    ( นานๆจะคอมเม้นท์ที จิ้มมือหงิกเลย) :)
     

แชร์หน้านี้

Loading...