มีมติให้ดำเนินคดี พระเกษม

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 1 สิงหาคม 2008.

  1. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    และก็ขอเรียนเชิญ ผู้เคารพ พ่อในธรรม และผู้ต้องการปกป้องพระศาสนา ทุกๆท่านครับ


    ยินดีครับ.........

    [​IMG] จัดเดินทางไป "วัดสามแยก"


    ทริปนี้ตาามคำเรียกร้อง (คุณขอมา)นะค่ะ [​IMG] ท่านที่โทรมาสอบถามทีมงานจนท.แวป และผู้ที่กำลังคิดไปต่างๆนานาว่า อะไร คือความจริงที่เกิดขึ้นตามสื่อต่างๆ เรื่องราวความเป็นจริงคืออะไร ... หลวงปู่เกษมทำไมถึงต้องทำแบบนั้น ด้วยเหตุผลอะไร ? ... ท่านที่ยังสงสัย และยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่า สิ่งที่พระวัดสามแยกตอบคำถามบนแวปกล่าวอ้างพุทธพจน์ต่างๆ( คำสอนของพุทธองค์ ) เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามสื่อต่างๆนั้น มันใช่หรือป่าว

    ก็ขอเรียนเชิญพิสูจน์ค้นหาความจริง ทวนกระแสความเชื่อต่างๆของสังคมที่ยังหลง ... [​IMG] ด้วยพระธรรมคำสอนของพุทธองค์ โดยหลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล ด้วยกันนะค่ะ ... แจ้งความประสงค์ก่อน วันที่12 สค. 2551 นี้นะค่ะ [​IMG]


    วันเดินทาง วันเสาร์ 16 - อาทิตย์ 17 สิงหาคม 2551
    ค่าใช้จ่ายเดินทาง 1,300 บาท (รวมอาหารกลางวันและวันเดินทางกลับ ค่ะ )

    แจ้งความประสงค์ได้ที่ :-

    1 - ในกระทู้นี้เลย (แจ้งเบอร์โทรกลับด้วยนะค่ะ)
    2 - คุณ หนิง 081-8423610
    3 - คุณ โอ๋ 081-6331567

    เราจะออกเดินทางประมาณ 7.45น.วันเสาร์ ที่ 16 สค.2551 ซอยข้างโรงเรียนหอวัง (เซ็นทรัลลาดพร้าว ) นะค่ะ ...เดินทางกลับวันอาทิตย์ที่ 17สค..2551 หลังจากถวายอาหารเช้าแล้วก็ประมาณ 10 -11โมงเช้าค่ะ ... เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ราวๆ 2-3 ทุ่ม ค่ะ

    สำหรับท่านที่ประสงค์จะไปกับคณะเรา แต่ขาดปัจจัย และมีปัญหาส่วนตัวหรือข้อธรรมที่สงสัยจริงๆ อยากกราบเรียนถามข้อธรรมที่ยังติดขัด ก็สามารถแจ้งความประสงค์เข้ามาได้ค่ะ เรามีกองทุนสนับสนุนส่วนนี้อยู่ ( ถึงแม้มันจะไม่มาก ) แต่ทางคณะทีมงานแวป ยินดีที่จะช่วยแบ่งเบาปัญหาจากท่านค่ะ โดยแจ้งความประสงค์มาได้ที่ >> หนิง 081-8423610 หรือ โอ๋ 081-6331567 ก็ได้ค่ะ

    ก้อเรียนเชิญไปพิสูจน์ในข้อธรรมกัน ดีกว่าโทรมาสอบถามทีมงาน ....เมื่อวานก้อมีคนโทรมาก้อได้คุยกะระดับมีองค์พรหมรักษา ( เห็นเค้าว่ายังงั้นนะค่ะ ) แต่เป็นพรหมที่แปลก ไม่รู้พรหมไทปิง หรือป่าว แช่งด่าทอทีมงานกะหลวงปู่ซะจนหู อื้อเลย [​IMG] ... ไม่ประสงค์จะไปกับคณะเรา ก้อขับรถตามกันมาได้ค่ะ หรือจะนัดเจอ
    กันระหว่าทางแล้วตามๆ กันไปก้อได้ค่ะ ยินดีค่ะ [​IMG]




    (ทางทีมงานจะจัดเตรียมอาหารไว้ให้พวกเราร่วมทำและถวายพระพร้อมๆกัน ค่ะ...ท่านใดจะนำไปเพิ่มเติมอีกก็ได้ค่ะ)
     
  2. _เทวะสาวก_

    _เทวะสาวก_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +292
    อืม...ก็ดีนะ...อยากพิสูจน์อะไรกันก็ไป...(ไปให้ท่านด่า)...คอยดูเถอะ สายหลวงพ่อเกษม ก็พาไปหาหลวงพ่อเกษม...เดี๋ยวอีกหน่อยก็มีสายโน้นสายนี้...พาไปหาพระอาจารย์โน้นอาจารย์นี้...นิสัยปกติของคนไทยคือ ขี้อิจฉา...มึงมี กูก็ต้องมี มึงทำได้ กูก็ต้องทำได้...เป็นประเทศที่ชอบการแข่งขัน...แต่ไม่ยอมรับคนที่ความสามารถ เพราะถ้าไม่มีใบกระดาษที่เรียกว่า วุฒิ ก็ไม่ได้รับการยอมรับ (ยิ่งสูงยิ่งดี)...ชอบใช้หลักการมาอ้างแต่ส่วนมากจะนำไปใช้จริงไม่ค่อยได้...เพราะงั้นก็เชิญแก่งแย่งกันไปเถอะ...ข้าพเจ้าก็เห็นบางคนกล่าวว่า...กราบพระพุทธรูปเหมือนกราบพระพุทธเจ้า...บางคนก็บอกว่า...การกราบพระพุทธรูป ไม่ใช่กราบพระพุทธเจ้า (เพราะพระพุทธรูปเป็นวัตถุ)...ซึ่งข้าพเจ้าเองก็เข้าไปแจมทุกบอร์ดที่เกี่ยวกับข่าวนี้...เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าชอบเห็นคนเถียงกัน...แต่ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ พระไตรปิฎกแท้จริงบึนทึกไว้เช่นไร...แต่จะมีสักกี่คน ทื่ยึดถือและปฏิบัติตามพระไตรปิฎกอย่างเคร่งครัด...เพราะโลกใบนี้ก็ไม่ได้มีเพียงพระเกษมรูปเดียว...ที่ศึกษาพระไตรปิฎก...และพระไตรปิฎกก็ไม่ได้มีมาเมื่อ 1-2 ปี...แต่มันก็สูญหายไปหลายร้อยปีเหมือนกัน...เพราะศาสนาพุทธ เคยสูญหายไปจากอินเดีย...แล้วก็กลับมาใหม่ในยุคของพระอโศกมหาราช...(ดูในรายการตามรอยพระพุทธเจ้า)...เพราะงั้นข้าพเจ้าถึงพูดเสมอว่า...ทำอะไรก็ทำไป ขอแค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วตัวเองก็เป็นสุข เท่านั้นเป็นใช้ได้...รึว่ามันไม่จริง??
     
  3. konkorn51

    konkorn51 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +3
    การเดินทางไปหาข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวจริงๆ เป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้ว...ขออนุโมทนาด้วย
     
  4. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    ทำอะไรก็ทำไป ขอแค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วตัวเองก็เป็นสุข เท่านั้นเป็นใช้ได้...รึว่ามันไม่จริง??

    จริงมันก็จริงอยู่แต่ก็ไม่เสมอไป...........แต่คำว่า ขอแค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ตรงนี้มันจะวัดจากความรู้สึกเรา หรือความรู้สึกเขา หรือวัดที่ ความถูก หรือ ความผิด


    ยกตัวอย่างกรณี กินเจ กินมังสวิรัติ
    มันก็เข้าทำนองนี้ พระเทวทัตก็คิดทำนองนี้ ทำอะไรก็ทำไป ขอแค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วตัวเองก็เป็นสุข เท่านั้นเป็นใช้ได้

    แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงคัดค้าน ไม่เห็นด้วยเพราะ.......(หาอ่านเอาในพระไตรปิฏกหรือไม่ก็ในคำสอนของหลวงปู่ฤาษีลิงดำก็ได้)


    "ทำอะไรก็ทำไป ขอแค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วตัวเองก็เป็นสุข เท่านั้นเป็นใช้ได้"

    เพราะประโยคนี้มันเป็นหลักการ ไม่ใช่หลักธรรม ถึงแม้จะมีส่วนของธรรมอยู่บ้าง<!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
     
  6. _เทวะสาวก_

    _เทวะสาวก_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +292
    ข้าพเจ้าเองก็คิดแบบคนธรรมดาสามัญทั่วไปเท่านั้น...ถ้าถามคนทั่วๆไปจะมีสักกี่คนที่รู้จักพระเทวทัต...แล้วจะมีสักกี่คนที่ปฏิบัติตามพระไตรปิฎกอย่างเคร่งครัด...ท่านต้องการปฏิบัติอย่างไรก็ปฏิบัติไปเถิด...ข้าพเจ้าปฏิบัติเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะตกนรกอเวจีเสียเมื่อไหร่...และข้าพเจ้าก็ใช่ว่าจะคิดเองเออเองเสียเมื่อไหร่...ข้าพเจ้าเองก็จำมาจากพระสงฆ์องค์เจ้าท่านอื่นๆมาเหมือนกัน...ท่านเหล่านั้นก็คงไม่ตกนรกอเวจีหรอกมั๊ง...จริงอยู่ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า...... ...แต่ถึงอย่างไรท่านก็เคยตรัสไว้ไม่ใช่หรือ ว่าอย่าเชื่อ แม้กระทั่งตัวพระองค์เอง...แต่ให้เชื่อในความจริงและเหตุผล (ดูจากการ์ตูนพระพุทธเจ้า ฉบับจอแก้ว)...ซึ่งผู้สร้างก็ต้องเอามาจากพระไตรปิฎกอยู่แล้ว (หรือเปล่าไม่รู้)...เพราะข้าพเจ้าเองก็ขี้คล้านที่จะไปเปิดคัมภีร์มาอ้างเป็นหน้าๆ...เพื่อมายกเป็นเหตุผลในความถูกต้องของตัวเอง...และข้าพเจ้ามันคงจะเป็นคนใจมารกระมัง...ที่ไม่สามารถเปิดรับคำสอนในพระไตรปิฎกได้ทุกตอนที่กล่าวอ้างมา...(ตะขอที่ทำมาจากก้านบัว ไม่สามารถดัดเหล็กให้งอได้...หากจะดัดเหล็กที่แข็งกร้าว มีทางเดียวคือต้องใช้ไฟมารนให้งอไปเอง)
     
  7. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +2,392
    เข้ามาเยี่ยมชม
     
  8. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +2,392
    คัดจากพระไตรปิฏกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม
    เล่มที่ 26 พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ ตั้งแต่หน้า ๗๓๗ -๗๔๑

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่737

    ๗.อาณีตสูตร

    ว่าด้วยการตอกลิ่ม

    [๖๗๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
    ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้
    ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้วตะโพนชื่ออานกะของ
    พวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า ทสารหะได้มีแล้วเมื่อตะโพนแตกพวก
    ทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมาโครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็
    หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุ

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่738

    ในอนาคต เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถ
    อันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรมอยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง
    จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สําคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน
    ว่าควรศึกษา แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนัก
    ปราชญ์ร้อยกรองไว้มีอักษรอันวิจิตรมีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของ
    ภายนอก เป็นสาวกภาษิตอยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดีจักเงี่ยโสตลงสดับ
    จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสําคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน
    ควรศึกษา.

    [๖๗๓]ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าว
    แล้ว อันลึกมีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จัก
    อันตรธานฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้นเธอทั้งหลายพึงศึกษา
    อย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก
    เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จัก
    เงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสําคัญธรรมเหล่านั้น
    ว่าควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึง
    ศึกษาอย่างนี้แหละ.


    จบอาณีสูตรที่ ๗

    อรรถกถาอาณีสูตรที่ ๗

    ในอาณีสูตรที่ ๗ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
    บทว่าทสารหานํ ได้แก่เหล่ากษัตริย์ผู้มีชื่ออย่างนี้.ได้ยินว่า
    กษัตริย์เหล่านั้นถือเอาสิบส่วนจากข่าวกล้า ฉะนั้นจึงปรากฏชื่อว่าทสารหา

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่739

    บทว่าอานโก ได้แก่ กลองมีชื่ออย่างนี้.
    ได้ยินว่า ในป่าหิมวันต์ มีสระปูใหญ่. ปูใหญ่กินข้างที่ลงไป
    ในสระนั้น. ครั้งนั้นพวกข้างถูกปูเบียดเบียนมีความเห็นร่วมกันว่า
    เพราะอาศัยลูกของนางช้างนี้ พวกเราจึงจักมีความสวัสดีได้จึงได้พากัน
    สักการะนางช้างเชือกหนึ่ง. แม้นางช้างนั้นก็ได้ตกลูกเป็นช้างมเหศักดิ์.
    ช้างทั้งหลายพากันสักการะแม่ลูกช้างนั้น. ลูกช้างเจริญวัยแล้วถามแม่ว่า
    เหตุไรช้างเหล่านี้จึงสักการะเรา.นางช้างจึงเล่าเรื่องให้ฟัง.ลูกช้างกล่าวว่า
    ก็ปูเป็นอะไรกะฉัน พวกเราไปที่นั่นกันเถิด แวดล้อมไปด้วยช้างเป็น
    อันมาก ไปที่นั้นแล้วลงสระก่อนทีเดียว. ปูมาหนีบลูกช้างไว้เพราะเสียง
    น้ำนั่นเอง. ปูมีก้ามใหญ่.ลูกช้างไม่อาจทําปูให้เคลื่อนไปข้างโน้นข้างนี้
    ได้ จึงสอดงวงเข้าปากร้องลั่น. ช้างทั้งหลายกล่าวว่าลูกช้างที่พวกเรา
    เข้าใจว่าได้อาศัยแล้วจักมีความสวัสดีนั้น ถูกหนีบเสียก่อนเลยจึงพา
    กันหนีกระจัดกระจายไป.
    ลําดับนั้น แม่ของลูกช้างยืนอยู่ไม่ไกลกล่าวกะปูด้วยคําที่น่ารักว่า
    พวกเราชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐบนบกพวกท่านชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐในน้ำ
    ผู้ประเสริฐไม่ควรเบียดเบียนผู้ประเสริฐ ดังนี้แล้วกล่าวคาถานี้ว่า
    เย กุฬีรา สมุทฺทสฺมึ คงฺคาย ยมุนาย จ
    เตสํ ตฺวํ วาริโช เสฏฺโฐ มุญฺจ โรทนฺติยา ปชํ
    บรรดาปูทั้งหลาย ในทะเลในแม่น้ำคงคา
    และแม่น้ํายมุนาเหล่านั้น ท่านเป็นสัตว์น้ำที่ประเสริฐ
    ที่สุดขอท่านจงปล่อยลูกของเราผู้ร้องไห้อยู่.

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่740

    ธรรมดาเสียงมาตุคาม.ย่อมทําให้บุรุษปั่นป่วน ฉะนั้น ปูจึงได้
    คลายหนีบ ลูกช้างรีบยกเท้าทั้งสองขึ้นเหยียบหลังปู. พอถูกเหยียบ หลัง
    ปูแตกเหมือนภาชนะดิน. ลําดับนั้นลูกช้างเอางาทั้งสองแทงปู ยกขึ้น
    ทิ้งไปบนบก แล้วส่งเสียงร้องแสดงความยินดี ช้างทั้งหลายมาจากที่ต่างๆ
    เหยียบปูนั้น. ก้ามปูก้ามหนึ่งหักกระเด็น ท้าวสักกเทวราชทรงถือเอา
    ก้ามปูนั้นไป.
    ส่วนก้ามปูอีกก้ามหนึ่งถูกลมและแดดเผาจนสุกมีสีเหมือนน้ำครั่ง
    เคี่ยว. เมื่อฝนตก ก้ามปูนั้นถูกระแสน้ำพัดลมลอยมาติดข่ายของพระราชา
    สิบพี่น้องผู้ขึงข่ายไว้เหนือน้ำเล่นน้ำอยู่ที่แม่น้ำคงคา.เมื่อเล่นน้ำแล้ว
    ยกข่ายขึ้น พระราชาเหล่านั้นทรงเห็นก้ามปูนั้น ตรัสถามว่า นั่นอะไร.
    ก้ามปู พะย่ะค่ะ. พระราชาทั้งหลายตรัสว่า ก้ามปูนี้ ไม่อาจนําไปเป็น
    เครื่องประดับได้ พวกเราจักให้หุ้มก้ามปูนี้ทํากลอง รับสั่งให้หุ้มแล้ว
    ทรงตี. เสียง(กลอง) ดังไปทั่วพระนคร ๑๒ โยชน์. ต่อแต่นั้น
    พระราชาทั้งหลายตรัสว่า ไม่อาจประโคมกลองนี้ประจําวัน จงเป็นมงคล-
    เภรีสําหรับวันมหรสพเถิด จึงให้ทําเป็นมงคลเภรี. เมื่อประโคมกลองนั้น
    ประชาชนไม่ทันอาบน้ำ ไม่ทันแต่งตัว รีบขึ้นยานช้างเป็นต้นไปประชุม.
    กลองนั้นได้ชื่อว่า อานกะ เพราะเหมือนเรียกประชาชนมาด้วย
    ประการฉะนี้.

    บทว่า อญฺญํ อาณึ โอทหึสุ ความว่า ตอกลิ่มอื่นที่สำเร็จด้วย
    ทองและเงินเป็นต้น. บทว่า อาณิสงฺฆาโตว อวสิสฺสติ ความว่า
    เพียงการตอกลิ่มที่สําเร็จด้วยทองเป็นต้นเท่านั้นได้เหลืออยู่. ลําดับนั้น
    เสียงของกลองนั้นดังไปประมาณ ๑๒ โยชน์ แม้อยู่ภายในม่านก็ยากที่จะ

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่741

    ได้ยิน.
    บทว่าคมฺภีรา ความว่า ว่าโดยบาลีพระสูตรทั้งหลายที่ลึกเช่น
    สัลลสูตร. บทว่า คมฺภีรตฺถา ความว่าว่าด้วยอรรถ พระสูตรทั้งหลาย
    ที่ลึก เช่นมหาเวทัลลสูตร. บทว่า โลกุตฺตรา ได้แก่แสดงอรรถอันเป็น
    โลกุตตระ. บทว่า สุญฺญตปฏิสญฺญุตฺตา ความว่า เหมือนประกอบ
    ข้อความที่ประกาศเพียงสุญญตธรรมเท่านั้น. บทว่า อุคฺคเหตพฺพํ
    ปริยาปุณิตพฺพํ ความว่า ที่ควรเล่าเรียนและควรศึกษา. บทว่า กวิกตา
    ความว่า อันกวี คือนักปราชญ์รจนาไว้. นอกนั้นเป็นไวพจน์ของบทว่า
    กวิกตา นั่นเอง. บทว่า จิตฺตกฺขราได้แก่ มีอักษรวิจิตร.นอกนั้นเป็น
    ไวพจน์ของบทว่า จิตฺตกฺขรา นั่นเอง. บทว่า พาหิรกา ได้แก่มีภาย
    นอกพระศาสนา. บทว่า สาวกภาสิตา ความว่า พระสูตรเหล่านั้นเป็น
    สาวกภาษิต. บทว่า สุสฺสุสิสฺสนฺติ ความว่า สามเณรภิกษุหนุ่ม
    มาตุคาม และมหาคหบดีเป็นต้น มีความพอใจ เพราะพระสูตรเหล่านั้นมี
    อักษรวิจิตรและสมบูรณ์ด้วยการฟัง จักเป็นผู้ปรารถนาประชุมฟังด้วยคิด
    ว่า ผู้นี้เป็นธรรมกถึก. บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะเหตุนั้นพระสูตร
    ทั้งหลายที่เป็นตถาคตภาษิต เมื่อพวกเราไม่ศึกษา ย่อมอันตรธานไป.
    จบอรรถกถาอาณีสูตรที่ ๗




    ตรงที่ขีดเส้นใต้ ดิฉันเน้นให้นะคะ


    ย้ำ
    "ในอนาคต เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้วอันลึก มีอรรถ
    อันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรมอยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง
    จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้
    และจักไม่สําคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน
    ว่าควรศึกษา แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนัก
    ปราชญ์ร้อยกรองไว้มีอักษรอันวิจิตรมีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของ
    ภายนอก เป็นสาวกภาษิตอยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดีจักเงี่ยโสตลงสดับ
    จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสําคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน
    ควรศึกษา.."
     
  9. little_off2

    little_off2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +27
    อยู่กับพระพุทธศาสนา อ้างพระไตรปิฎกปาวๆ รู้จักคำว่า "โลกวัชชะ" ไหมครับ ....

    ทำอะไร อย่าให้โลกติเตียน
    ถ้ารุปพระพุทธเจ้า เอา ตี น เหยียบได้ ผมก็ว่าน่าเอารูปเกษมใส่กรอบอัดแล้วเอา ตี น เหยียบละเลงๆๆๆๆเล่นตรงหน้าให้สะใจ คุณที่เป็นลูกศิษย์จะพอใจไหม? ลองตอบตัวเองดูเงียบๆ ไม่ต้องโวยวายใส่คนอื่น....
    หรือควรเอารูปโคตรพ่อแม่ปู้ย่าตายาย กระดูก อัฐิ บิดามารดาคุณมาวางแล้วเอาตี น เขี่ย เพราะมันก็แค่ธาตุดิน ?? คงสนุกดี และคุณคงยืนดูด้วยความพึงพอใจที่ผมมองเศษกระดูกพ่อแม่คุณเป็นธาตุขยะของโลกพอกับขี้หมาริมถนนที่เป็นธาตุดินเหมือนกัน

    ผมไม่เถียง หากพูดถึงเจตนา (ถ้าดีจริง) ว่าให้คนยึด "ธรรม" ไม่ใช่ยึด "วัตถุมากกว่าธรรม" .... แต่การจะทำอะไร ก็ต้องหัดทำให้ไม่เป็น "ที่ติเตียนของโลก" พระ คือ ผู้ประเสริฐ สงบ ระงับ สำรวม จะสอน จะทำอะไรก็ควรคำนึงถึงความเหมาะสมบ้าง

    เจตนาไม่ดี แล้วทำไม่ดี นั่นก็เลว
    เจตนาดี ทำออกมาไม่ดี คนยิ่งไม่เข้าใจ และมันอาจเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย

    รู้จักใช่ไหมครับ "โลกวัชชะ" อย่าให้โลกติตเยน และ "มัชฌิมา "ปฏิปทา" " ทางสายกลาง..

    เถียงได้ แต่ต้องเปิดใจรับฟังคนอื่นบ้าง เหมือนที่คุณอยากให้คนอื่นรับฟังคุณและพระเกษม

    คนละครึ่งทางก็ยังดีครับ ให้สังคมสงบสุข คุณ สำนักคุณจะเชื่อยังไงก็เรื่องของคุณ แต่อย่าทำให้สังคม และหมู่สงฆ์ต้องแตกแยกเลย มันบาปแล้ว..

    ...ด้วยหวังดี..
     
  10. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +2,808
    ไม่อยากให้ชาวพุธ มาตำหนิติเตียนพระเลยครับ ให้พระท่านจัดการกันตามระเบียบของสงฆ์เทิดครับ เรามีศีลแค่ 5 - 8 ข้อ ไม่มีสิทไปด่าว่า หรือตำหนิ พระที่ท่านมีศีล 227 ข้อ นะครับ แม่แต่นำข่าวที่ไม่ดีมาประจานก็มิควรครับ

    ให้พระท่านจัดการกันตามระเบียบของสงฆ์เทิดครับ
     
  11. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ไม่อยากให้ชาวพุธ มาตำหนิติเตียนพระเลยครับ ให้พระท่านจัดการกันตามระเบียบของสงฆ์
    เทิดครับ เรามีศีลแค่ 5 - 8 ข้อ ไม่มีสิทไปด่าว่า หรือตำหนิ พระที่ท่านมีศีล 227 ข้อ นะครับ
    แม่แต่นำข่าวที่ไม่ดีมาประจานก็มิควรครับ

    ขออนุโมทนาครับ คุณ ๙ ตาล ๙ เป็นสิ่งถูกต้องในกรณีปกติทั่วไปครับ
    แต่บางเรื่องที่เกี่ยวของกับการปรามาสพระพุทธเจ้า และสิ่งที่ทำมีผลกระทบกับพระพุทธศาสนา
    เราก็น่าจะมีสิทธิ์ออกความเห็นเพื่อปกป้องพระศาสนา
    และคำว่าพระในพระพุทธศาสนาจริงๆ องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ทรงตรัสเรียกเฉพาะพระที่บรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป
    ท่านที่บวชในพระศาสนาด้วยจิตเลื่อมใสศรัทธามีศีล ๒๒๗ บริสุทธิ์
    ท่านตรัสว่าเป็นเพียงสมมุติสงฆ์เท่านั้น คือเป็นพระโดยสมมุติ
    แต่ถ้าบวชแล้วศีลไม่รักษา ปรามาสพระพุทธเจ้า ทำลายศรัทธาของประชาชน ทำลายพระพุทธรูปซึ่งเป็นของสงฆ์
    ที่ได้มาจากศรัทธาของเจ้าภาพที่สร้างไว้ในพระพุทธศาสนา
    คุณจะให้พวกเรานิ่งเฉยดูดาย ใครอยากทำอะไรก็ทำไปอย่างนั้นหรือ
    เพราะพระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่เห็นมีใครไปว่าอะไรท่าน มีแต่คนไปกราบไหว้บูชาทำบุญกับท่าน
    การทำบุญเราก็ต้องเลือกเนื้อนาบุญ
    นักบวชท่านใดทำตนไม่เหมาะสม ก็ต้องมีคนวิพากษ์วิจารณ์เป็นธรรมดา
    เราควรจะช่วยกันดูแลปกป้องพระพุทธศาสนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2008
  12. ปิยธรรมโม

    ปิยธรรมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +349
    กระผมเห็นด้วยกับท่านครับ สาธุ [​IMG]
    ขออนุโมทนาด้วยครับท่าน [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 140-4.gif
      140-4.gif
      ขนาดไฟล์:
      15.6 KB
      เปิดดู:
      93
    • index.jpg
      index.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.5 KB
      เปิดดู:
      65
  13. saneza4088

    saneza4088 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +3
    อย่านี้เอาไว้ไม่ได้เลยครับ คงต้องให้ท่านไปบวชเป็นฤษีบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าละมั้งครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...