ฮือฮาพระประธานเปลี่ยนหน้า

แสดงได้"9อารมณ์"อจ.ชี้เพราะแสงเงา

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
เปลี่ยนหน้า - พระพุทธรูปสมใจนึก พระประธานในอุโบสถวัดอุโมงค์ (มหาเถรจันทร์) กลางเมืองเชียงใหม่ เปลี่ยนลักษณะใบหน้าได้ถึง 9 แบบ เช่น ยิ้ม บึ้ง หลับตา ลืมตา เป็นที่ประหลาดใจแก่ผู้พบเห็น





</TD></TR></TBODY></TABLE>ฮือฮาพระประธานในโบสถ์วัดอุโมงค์ที่เชียงใหม่ สร้างปาฏิหาริย์เปลี่ยนสีหน้าได้ถึง 9 แบบ แล้วแต่ตำแหน่งของแสงไฟ เผยเจ้าอาวาสค้นพบโดยบังเอิญตั้งแต่ 5 ปีก่อน ตอนปิดไฟในโบสถ์ แล้วมองไปเห็นหน้าพระประธานกลายเป็นหน้ายิ้ม จากนั้นก็เลยจัดแสงแบบต่างๆ ในโบสถ์ จนพระประธานเปลี่ยนสีหน้าได้มากมาย 9 แบบ ทางด้านนักวิชาการด้านศิลปะยันเป็นเพราะแสงตกกระทบมุมต่างๆ ทำให้มองเห็นสีหน้าพระเปลี่ยนไปได้ ไม่เกี่ยวกับปาฏิหาริย์

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่วัดอุโมงค์ (มหาเถรจันทร์) เลขที่ 129 ถ.ราชภาคินัย ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ พระประธานในอุโบสถของวัด สำแดงปาฏิหาริย์เปลี่ยนพระพักตร์หรือสีหน้าได้ถึง 9 สีหน้าอย่างน่ามหัศจรรย์ยิ่ง สร้างความฮือฮาให้กับผู้พบเห็นที่เดินทางมากราบพระพุทธรูปในวัดดังกล่าว

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับพระครูวิโรจน์สีลาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดอุโมงค์ (มหาเถรจันทร์) ซึ่งเปิดเผยว่า พระพุทธรูปซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถของวัด เปลี่ยนสีพระพักตร์ของท่านได้จริง โดยอาตมาได้พบเห็นโดยบังเอิญเมื่อ 5 ปีก่อน และปิดเรื่องนี้เงียบมาตลอดโดยไม่บอกใคร กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้มาพบเข้า อาตมาได้อธิบายให้ฟังสาเหตุของการเปลี่ยนสีพระพักตร์ของพระพุทธรูปดังกล่าว เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังก็บันทึกภาพการเปลี่ยนสีพระพักตร์ไว้ และเริ่มพูดกันปากต่อปาก จึงมีคนมากราบไหว้นมัสการพระประธานในพระอุโบสถของวัดแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย พระพุทธรูปองค์นี้ใครมาเห็นก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยงามที่สุด เรียกว่า พระพุทธรูปสมใจนึก

เจ้าอาวาสเล่าถึงวันค้นพบการเปลี่ยนสีหน้าของพระประธานว่า เมื่อก่อนพระสงฆ์ สามเณร มาทำวัดบริเวณอุโบสถแห่งนี้กันเยอะจนคับแคบ อาตมาเลยขอย้ายไปทำวัดที่ในวิหารใหญ่แทน ตอนย้ายไปวิหารนั้น อาตมาลืมปิดไฟในอุโบสถบริเวณพระประธาน ขณะกำลังจะปิดประตูพระอุโบสถ ก็เห็นพระพักตร์ของพระประธานท่านยิ้ม เป็นภาพแรกที่อาตมาได้เห็นในครั้งนั้น รู้สึกแปลกใจและเปิดไฟในอุโบสถดู ก็กลายเป็นภาพพระพักตร์พระประธานปกติ เมื่อลองปิดไฟในอุโบสถ และปิดประตูอุโบสถ ก็พบพระพักตร์ของพระประธานยิ้มอีก หลังจากนั้นอาตมาก็มาทดลองทำดูเรื่อยๆ โดยไม่บอกใคร ทดลองปิดดวงโน้นเปิดดวงนี้ในอุโบสถ ซึ่งพระพักตร์ของพระประธานก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแสงไฟที่เปิดและปิดแล้วแต่จะมองเห็น ซึ่งก่อนที่อาตมาจะทดลองปิดเปิดไฟ ก็ได้จุดธูปบอกกล่าวขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว และว่า พระประธานในพระอุโบสถแห่งนี้ เป็นพระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์ 1 หล่อด้วยโลหะ พอกปูนและปิดทองทับ หน้าตักกว้าง 1.90 เมตร สูง 2.20 เมตร สร้างเมื่อพ.ศ.1904 สวยงามที่สุดของเมืองเชียงใหม่ พระเศียรเกศาดอกบัวตูม ปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ อายุ 644 ปี โดยผ่านการบูรณามาครั้งหนึ่งเมื่อปี 2536

พระครูวิโรจน์สีลาภรณ์ กล่าวว่า คนที่จะมาดูพระพุทธรูปเปลี่ยนสีพระพักตร์จะต้องมีจิตที่นิ่งด้วย จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ยิ่งวันพระแล้วจะทำให้เห็นเป็นภาพซ้อนในพระพุทธรูปด้วยเป็นเรื่องแปลก ภาพซ้อนดังกล่าวคล้ายกับมีพระสงฆ์ลักษณะคล้ายพระอินเดียอยู่ในพระพุทธรูป แต่หากใครมีจิตใจโหดเหี้ยมก็จะไม่เห็นภาพการเปลี่ยนสีหน้า ต้องเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ก็จะเห็นภาพพระพักตร์ของพระพุทธรูปดังกล่าวเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถึง 9 พระพักตร์ 9 สีหน้า มีทั้งใบหน้ายิ้ม, หน้าบึ้ง, หน้าเตรียมเข้าสมาธิ, หน้าอ้วน, หน้าเหมือนแขก, หน้าภาพซ้อนมีพระสงฆ์อยู่ในพระพักตร์, หน้าทรงมีเมตตา, หน้าปีติจนน้ำตาไหล, หน้าปกติ ที่โดดเด่นที่สุด คือหน้าบึ้ง, หน้ายิ้ม และหน้าอ้วน จะปรากฏให้เห็นชัดที่สุดเวลาสับสวิตช์ไฟปิดเปิดตามจุดต่างๆ ในอุโบสถ โดยภาพหน้ายิ้มจะปรากฏมากที่สุด ประชาชนทั่วไปที่ได้มาสัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นจะมีความสุขอิ่มใจและศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ใครอยากรู้ต้องมาพิสูจน์ด้วยตนเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูวิโรจน์สีลาภรณ์ ได้ทดลองปิดเปิดไฟในอุโบสถให้กับผู้สื่อข่าวได้บันทึกภาพ ปรากฏว่าพระพักตร์ของพระประธาน หรือพระสิงห์ 1 หรือพระสมใจนึก ได้เปลี่ยนพระพักตร์ ตามไฟที่เปิดและปิดจริง เมื่อเปิดประตูพระอุโบสถให้แสงอาทิตย์เข้า พระพักตร์จะเป็นปกติ เมื่อปิดประตูอุโบสถ และเปิดไฟบริเวณพระประธาน พระพักตร์จะเปลี่ยนเป็นยิ้มทันที และเมื่อเปิดไฟบางดวงและปิดบางดวงในอุโบสถ พระพักตร์ของพระประธานก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เป็นพระพักตร์อ้วนบ้าง พระพักตร์น้ำตาไหล เป็นต้น โดยก่อนที่จะทำการทดลองนั้นเจ้าอาวาสวัดได้ให้ผู้สื่อข่าวทำการจุดธูปหน้าพระอุโบสถก่อน 3 ดอก และจุดเทียนซึ่งทางวัดได้เตรียมไว้เรียบร้อยด้วย จากนั้นก็ให้ขึ้นไปกราบพระประธาน บนพระอุโบสถก่อนที่จะทำการทดลอง

ทางด้านน.ส.ทิพวรรณ ทั่งมั่งมี อาจารย์คณะวิจิตรศิลป มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แสดงความเห็นเรื่องเดียวกันว่า การที่พระพุทธรูปพระพักตร์บึ้งและยิ้มนั้น เป็นการพบโดยบังเอิญของเจ้าอาวาส ท่านก็เลยเล่นกับแสงให้มากขึ้น พบว่ามีพระพักตร์ของพระพุทธรูปมีรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นไปอีกนอกจาก พระพักตร์ยิ้ม พระพักตร์บึ้ง ซึ่งคนโบราณไม่มีแนวคิดเรื่องแสงไฟ เพราะสมัยก่อนแสงที่จะเข้ามาในพระอุโบสถจะเป็นแสงพระอาทิตย์ตามธรรมชาติเท่านั้น

"ภาพที่เราเห็นพระพุทธรูปพระพักตร์ยิ้ม อ้วน หลับตา น้ำตาไหล เป็นภาพที่เกิดจากแสงไฟไปกระทบกับปริมาณของรูปปั้นหรือพระพุทธรูปนั้นๆ ซึ่งมีรูปทรงมีมวล มีน้ำหนัก มีความหักเหลี่ยม ทำให้เกิดการหักเหเกิดเป็นภาพที่จะเปลี่ยนไปตามแสงกระทบ ซึ่งที่วัดอุโมงค์แห่งนี้ เจ้าอาวาสท่านเห็นโดยบังเอิญ ก็เลยมาเพิ่มแสงไฟให้มากขึ้น ทำให้เกิดพระพักตร์ของพระพุทธรูปเปลี่ยนไปได้มากขึ้นกว่าที่ท่านเห็นครั้งแรก เป็นเรื่องของศิลปะในการจัดวางตำแหน่งของแสง ซึ่งท่านเจ้าอาวาสท่านได้เล็งเห็นประเด็นที่จะทำให้ประชาชนได้รู้สึกในบรรยากาศของความศรัทธา

ส่วนนายธัชชัย หงษ์แพง อาจารย์ประจำภาควิชาภาพพิมพ์จิตรกรรมและประติมากรรม คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าจะมาจากแสงที่กระทบกับใบหน้าของพระพุทธรูป เนื่องจากหลักการของการปั้นพระพุทธรูปตั้งแต่สมัยโบราณ ช่างปั้นจะปั้นใบหน้าของพระพุทธรูปให้มีร่องลึก ทั้งบริเวณมุมปาก มุมแก้ม เมื่อโดนแสงกระทบก็จะเห็นความชัดเจนของใบหน้า เรียกว่าดูแล้วมีมิติมากขึ้น ในสมัยโบราณยังไม่มีไฟฟ้าเหมือนในปัจจุบัน เมื่อสร้างวิหารแล้วบริเวณโดยรอบจะเป็นลานทราย ไม่ได้เป็นอิฐตัวหนอนเหมือนกับทุกวันนี้ ในสมัยก่อนเมื่อเปิดประตูและหน้าต่าง แสงแดดจะกระทบทรายและสะท้อนไปกระทบกับตัวพระพุทธรูป ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น แต่ในสมัยนี้มีกระแสไฟฟ้า มีการติดตั้งโคมไฟในวิหารเพื่อความสวยงาม ซึ่งเมื่อเปิดแล้วทำให้แสงไปกระทบกับองค์พระพุทธรูป จนทำให้มองเห็นภาพตามความรู้สึกและตามแสงที่ตกกระจายจนเห็นเป็นรอยยิ้มได้ ทั้งหมดยืนยันว่าเกิดจากแสงที่เข้ามากระทบไม่ได้เกิดจากปาฏิหาริย์แต่อย่างใด

ที่มา http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_

 

อนุโมทนาสาธุ ถ้ามีโอกาสไปเชียงใหม่จะไปกราบให้ได้ค่ะ

 

ภูมิปัญญาไทยโบราณนี่ ลึกซึ้งมาก อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คนโบราณอาจมีความรู้และตั้งใจสร้างให้เป็นอย่างนี้ก็ได้

 

เออ...หือ ...เออ เออ... เอ่ย.. เอ๋ย แสงทอง...อือ.... นวลผ่อง เป็นราศี

(ช่วยร้องเป็นเพลงไทยด้วยนะ)

 

atom

ผ่านไปมาบ่อยๆยังไม่เห็นรู้เรื่องเลยนะเนี่ย...

 

พระพุทธรูปที่บ้านเราก็เปลี่ยนได้นะ แต่ไม่ถึง 9 พระพักตร์

 

คนโบราณที่ไม่มีปริญญานี่ทำให้ Dr. ปวดหัวได้เลยนะเนี่ย

 

ไม่เห็นมีตัวอย่างให้ดูเลยอ่ะ

 

สุดยอดครับ สาธุ

 

ไม่เห็นมีตัวอย่างให้ดูเลยอ่ะ

 

ไม่เห็นมีตัวอย่างให้ดูเลยอ่ะ

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" width="100%" UNSELECTABLE="on"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">จากที่ดูรูปเล็ก ๆ ท่านก็ยิ้มอยู่แล้วนะ เพราะแสงทำให้เห็นรอยยิ้มท่านไม่ชัด แต่พอแสงกระทบด้านข้าง เลยเห็นพระพักตร์ท่านยิ้มได้ชัดเจน เรื่องพักตร์ท่านเปลี่ยนมีนะ เคยถ่ายได้ตอนงานที่พ่อแม่ ถวายพระพุทธรูปที่วัดแถวชลบุรี ก็ทำบุญฉลองพระพุทธรูปใหม่ พอเอารูปมาดู จะมีทั้งยิ้ม ทั้งน่าเบ๋ ทั้งทะเล้น เออ! ทำไมพักตร์ท่านเปลี่ยน(อาจเป็นที่มุมกล้องด้วยมั่ง)
เรื่องนี้ จะใช้ปาฎิหารย์หรือไม่ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ให้คนเราได้มีโอกาสคุยกัน แล้วพอคุยก็ย้อนเข้าหาธรรมะได้
</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ปาฏิหารย์....สุดยอด

 

อัศจรรย์ยิ่ง คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีไม่ประมาณจริงหนอ

 

อัศจรรย์ยิ่ง คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีไม่ประมาณจริงหนอ

 

อัศจรรย์ยิ่ง คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีไม่ประมาณจริงหนอ

 

อัศจรรย์ยิ่งหนอ คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีไม่ประมาณจริงหนอ

 

คุณแป้งก็เปลี่ยนหน้านะ....คนละคนเดียวกัน รึเปล่า สงสัย

 

น่าสนใจครับ ใครมีภาพครบทั้ง 9 แบบ ลงให้ดูหน่อยนะครับ ขออนุโมธนาล่วงหน้าเลยครับ