ฝ่ายสงฆ์จับสึกพระเกษมไม่ได้

ความร้อนแรงของเรื่องนี้ ดูเหมือนจะผ่านไปแล้วนะคะ
ถึงตอนนี้ ตัวเราของวางใจให้เป็นอุเบกขาดีว่าค่ะ
ขอให้เพื่อนๆทุกคนยึดหลักของ พรหมวิหาร 4 ไว้เป็นที่ตั้งนะคะ
เพื่อลดความขัดแย้งกันค่ะ

 

ขอร่วมด้วย

เรื่องนี้อาตมาเองก็รู้มาประมาณปีกว่าๆๆ แล้วตอนแรกตกใจมากเพราะคนที่ไปหาอาจารย์เกษมมา นำพระเครื่อง, บูชา ออกจากบ้านหมด มาถวายที่วัด(อาตมาเลยได้อานิสงส์ด้วย) ทั้งหมดแล้วก็เล่าเรื่องของอาจารย์เกษมให้อาตมาฟัง ว่าเป็นอย่างไร ตอนแรกก็คิดว่าท่านสอนเรื่องอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลได้ดี แต่พอฟังไปเรื่อย จับประเด็นไม่ตรงกับที่หลวงพ่อสอนมาหลายอย่างเหมือนกัน ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้
๑. การกล่าวเรียกพระรัตนตรัย อาจารย์เกษมจะกล่าวว่า พุทธ ธรรม สงฆ์ โดยไม่มีคำนำหน้า ผิดกับหลวงพ่อเราที่สอนให้กล่าวอย่างเคารพสูงสุด
๒. การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลต้องทำทันทีไม่อย่างนั้นบุญหาย ซึ่งก็ผิดไปจากหลวงพ่อที่สอนมาว่าอุทิศได้ตลอดไม่มีวันหาย
๓. เรื่องการถวายเงินให้พระสงฆ์โดยตรง ว่าผิดมาก ห้ามรับ ซึ่งก็อย่างที่หลวงพ่อสอนไว้ว่าจิตไม่จับ ก็ไม่ผิด
๔. เรื่องไม่เคารพครูบาอาจารย์ เพราะท่านกล่าวหาหลวงปู่เจี๊ยะ ที่เป็นลูกศิษย์สายอาจารย์มั่นว่าไม่ยอมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ใครเลย ซึ่งจะเป็นจริงรึระดับนั้นแล้ว อีกอย่างท่านบวชใหม่ๆๆ ก็ได้เข้าไปศึกษาในสำนักนี้ แต่พอหลวงปู่มรณภาพกลับกล่าวหาว่าท่านไม่ดี อย่างนี้เรียกว่าอะไรครับ
ย่อๆๆ เท่านี้ก่อน หลังจากนั้นทำให้จิตใจตัวเองไม่สู้จะดีนักเพราะญาติโยมเริ่มเข้าหาอาจารย์เกษมมากขึ้น สุดท้ายต้องเข้าหาครูบาอาจารย์ที่เคารพสูงสุดในขณะนี้คือ อาจารย์เล็ก โดยเดินทางไปพบท่านที่วัดไร่ขิง นครปฐม ท่านก็เมตตาเป็นอย่างมาก ปฏิสัณฐานด้วยดียิ่งและเมื่อได้ถามว่าอาจารย์ครับ อาจารย์เกษมที่น้ำหนาว เท่านั้น แหละคุณเอ่ย ไม่ต้องว่าอะไรต่อเลย อาจารย์เล็กบอกหมด ว่า " การเห็นของคนเรานั้นมีอยู่สองอย่างคือเห็นผิดและเห็นถูก และไอ้ที่เห็นนั้นเป็นเห็นอย่างไหน ขนาดหลวงพ่อเรายังโดนหลอกเลยจำได้ไหมว่ามีครั้งหนึ่งหลวงพ่อขึ้นไปดาวดึงส์แล้วเจอพระพุทธเจ้าเขี้ยวโง้ง หลอกเอาแต่ท่านไม่เชื่อใช้ปัญญาพิจารณาว่าคำสอนนั้นเป็นอย่างไร สุดท้ายก็จับได้ว่าไม่ใช่พระพุทธเจ้า เป็นมารมาหลอก แล้วท่านก็กล่าวว่าให้มั่นใจว่าคำสอนของหลวงพ่อนี้ดีที่สุดแล้ว ปฏิบัติแล้วพ้นทุกข์เข้าถึงพระนิพพานแน่นอน ดังนั้นอาตมาจึงโล่งใจ ว่าอาจารย์เล็กรับรองแล้วไม่พลาดแน่ เลยมั่นใจในการเผยแผ่ธรรมะของหลวงพ่อต่อไปเพื่อพาตนเองและญาติโยมให้ข้ามพ้นทุกข์เข้าสู่นิพพานสืบไป.
ปล.แต่ข้อดีก็มีอีกอย่างทำให้อาตมาได้สมบัติพ่อให้ มาหลายชิ้นเหมือนกันโดยเฉพาะมีดฟ้าฟื้นด้ามงาฟักไม้ ต้องขอบใจอาจารย์เกษมมากที่ให้โยมนำมาถวาย ฮิฮิฮิ.

 

อนุโมทนากับพระคุณเจ้าคับ

แต่ว่า ปล.แต่ข้อดีก็มีอีกอย่างทำให้อาตมาได้สมบัติพ่อให้ มาหลายชิ้นเหมือนกันโดยเฉพาะมีดฟ้าฟื้นด้ามงาฟักไม้ ต้องขอบใจอาจารย์เกษมมากที่ให้โยมนำมาถวาย ฮิฮิฮิ.

น่าจะมีลูกศิษย์ คุณเกษม มาให้ผมบ้างอ่ะประมาณว่าอยากได้ อิอิ ;17<!-- / message -->

 

สิ่งไหนที่ดีก็เลือกทำ
สิ่งไหนที่จิตเราเห็นว่าไม่ถูก
ก็ไม่ต้องทำ
ตามดูรู้ทัน ด้วยสติ และมองอย่างไม่เอนเอียง
ยังๆ พุทธบริษัท ก็น่าจะรู้ถูกรู้ควร
ตัวเราเองก็มีสิ่งผิดเช่นกัน
เพียงแต่คนข้างนอกไม่รู้
ก็เท่านั้นเอง

 

มิได้เจตนาให้ร้อนรุ่ม แค่อยากให้เห็นประโยชน์ ในมุมมอง ความเชื่อที่ต่างกัน ตามแต่สถานะ วุฒิภาวะของแต่ละผู้คน ที่ไม่ควรถูกใครคนอื่นปรามาส และไม่ควรเกินเลย ละเลยให้เป็นตามยถา ในโลกใบนี้ มีอะไรที่หาประโยชน์ไม่ได้บ้าง..เนอะ

 

ข้อมูลอีกด้าน......ครับ


http://sala1.samyaek.com/clip-samyaek/Clip-6-Aug-51.html


สื่อเขามักไม่นำเสนอเรื่องแบบนี้เพราะเป็นการขยายความให้เข้าใจ
มันขายไม่ค่อยได้....ผู้คนไม่ค่อยสนใจ

แต่ถ้าพาดว่า

พบวัดพิลึกห้ามกราบ ไหว้ พระพุทธรูป
แจ้งจับ สมภารหมิ่น
ฯลฯ

แต่ถ้าไปพาดว่า
พระเกษมอธิบายว่า........
มันไม่เวิร์คครับ

 

อย่าเห็นกงจักรเป้นดอกบัวอย่าเห้นขี้วัวเป็นขนมเค้กครับ

 

ในส่วนตัวผมผมคิดว่า ในฐานะพุทธศาสนิกชนควรไหว้พระครับเพราะถือเป็นการเคารพไม่ไหว้สิแปลก

 

ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก







จบ

 

คำถามคือถูกหรือผิด ไม่ใช่ควรหรือไม่ควรค่ะ เพราะที่เป็นข่าวมาเนี่ย เเรกๆก็พากันด่าท่านอย่างสาดเสียเทเสีย ว่าท่านสอนเพี้ยน เราจึงต้องการมาแก้ว่าท่านไม่ได้สอนผิดเพี้ยน พวกคุณต้องยอมรับข้อนั้นเสียก่อนว่าท่านไม่ได้ผิด และควรควรขอขมาท่าน ว่าท่านลับหลังก็ขอขมาลับหลังได้ และที่สำคัญ การขอขมาไม่ได้เป็นการขอขมาท่านในเเบบอัตตา เพราะไม่ต้องยึดข้อนั้น แต่การขอขมาในความเป็นสงฆ์ที่สะอาดหมดจดของท่าน นั้นควรทำ หากไม่ทำก็เป็นการปรามาสในพระรัตนตรัยอย่างเเน่นอน แล้วเรื่องควรไม่ควรนั้นก็เป็นเรื่องของสังคมตัดสิน ความพอใจของทุกท่านตัดสิน แต่อย่าลืมว่า เอาผิดท่านด้วยข้อนั้นไม่ได้ ธรรมมะไม่ได้ขึ้นกับสังคม ไม่ได้ขึ้นกับความเหมาะสม ธรรมมะเป็นเพียงความจริง ที่รอให้คุณๆไปรู้

 

ถ้าตบพระพุทธรูปไม่บาป คราวหน้าใครเจอพระเกษมที่ไหนก็เดินเข้าไปตบหัวซะ ไม่บาปเหมือนกัน เพราะร่างกายท่านก็เป็นสมมติ ธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่โสโครกเหมือนเราๆ ที่ล้วนโสโครกกว่าพระพุทธรูปด้วยซ้ำ ยอมไหมล่ะครับ ให้คนเดินเข้าไปตบหัวพระเกษม คุณไม่ต้องห้ามปรามใคร ไม่ต้องด่าใคร ลูกศิษย์ต้องไม่กัน..

เพราะถ้ากัน ก็แสดงว่าคุณยังยึดติดกับ รูป ไม่ต่างจากที่คุณบอกว่าคนอื่น ยึดติด รูป ของพระพุทธรูป...

ถามใจคุณดูศิษย์ทั้งหลายที่ว่า "ไม่ยึดติด"

 

และถามอีกข้อ ถ้าพระเกษม เดินเข้าไปในวิหารพระพุทธชินราช...ท่านจะกราบพระพุทธชินราชไหมครับ...ไม่กราบ ไม่เป็นไร ถ้าใจท่านไม่ยึดกับวัตถุ แต่ยึดธรรม

ว่าแต่....ท่านจะนั่งเอาเท้าชี้พระพุทธชินราชแทนมือกราบเลยไม้ครับ? อยากจะรู้จริงๆ

 

เชิญอ่านครับท่าน
http://palungjit.org/showthread.php?t=125160


เรื่องย่อครับ

ครั้งหนึ่ง ในประเทศไทยเรานี้เอง


มีหลวงพ่อองค์หนึ่งเป็นพระธรรมกถึกผู้มีชื่อเสียงเทศน์เก่งท่านมักชอบเทศน์เกี่ยวกับเรื่องอนัตตาว่า...นี่ไม่ใช่ตัวเรานี่ไม่ใช่ของเราเราไม่มีในขันธ์๕ขันธ์๕ไม่มีในเรา เป็นต้น


คราวหนึ่งเมื่อท่านเทศน์จบและลงมานั่งพักอยู่ข้างธรรมาสน์มีอุบาสกผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งเข้ามาหาท่านโดยในมือถือบุหรี่ที่ยังมีไฟติดอยู่แล้วถามด้วยเสียงดังว่า


"หลวงพ่อครับเมื่อกี้หลวงพ่อเทศน์เกี่ยวกับเรื่องอนัตตาว่าตัวเราไม่ใช่ของเราใช่ไหมครับ ?"
"ใช่เจริญพร"
"ผมขอถามว่า แล้วตัวของหลวงพ่อนี้ใช่ของหลวงพ่อหรือเปล่าครับ ?"
"ไม่ใช่เจริญพร"
"ถ้างั้นขาของหลวงพ่อนี้ก็ไม่ใช่ของหลวงพ่อซิใช่ไหมครับ ?"
"ถูกแล้ว เจริญพร"

แกจึงเอาบุหรี่จี้มาใกล้ขาของหลวงพ่อแล้วถามว่า

"ถ้างั้นผมเอาบุหรี่จี้ไปที่ขาของหลวงพ่อนี้ หลวงพ่อจะเจ็บมั้ยครับ ?"
"เจ็บสิอุบาสก"

แกทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องแบบผู้มีชัยชนะ และพูดสำทับว่า

"อ้าว....ก็ถ้าไม่ใช่ขาของหลวงพ่อ แล้วหลวงพ่อทำไมจึงเจ็บล่ะครับ ?"

หลวงพ่อจึงตอบช้า ๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า

"ก็เพราะว่า ขานี้มันไม่ใช่ของอาตมาน่ะซี เมื่อถูกไฟจี้ มันจึงเจ็บ

ถ้าหากว่า ขานี้เป็นของอาตมาจริง ๆ อาตมาก็จะบังคับมันได้ว่า

แกจงอย่าเจ็บนะ ! !

เข้าใจไหม"

แล้วท่านก็พูดสัพยอกกลับไปบ้างว่า

"และก็เพราะขาของอาตมานี้ มันไม่ใช่ของอาตมา ๆ จริง ๆ

เพราะฉะนั้น ถ้ามันจะไปเตะตูดใครเข้าล่ะก้อ อาตมาก็บังคับมันไม่ได้เหมือนกันนะ อุบาสก..."

ว่าแล้วทั้งคู่ ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันนั่นเอง

 

นานาจิตตัง * *

 

ขอแสดงความคิดเห็นที่เป็นกลาง ๆ ด้วยคนครับ

เคยอ่านหนังสือของท่านเช่น คำสอนการอุทิศบุญที่ได้ผล

และดู VCD การแสดงธรรมของท่าน ก็นึกในใจว่า ท่านสองดี สอนแนวแปลก ที่ไม่เคยทราบมาก่อน และท่านยังนำพระไตรปิฏกมาอ้างอิงด้วย

เรื่องที่ท่านเขียนไม่ให้กราบไหว้พุทธรูปนั้น

ความจริง หลวงพ่อพุทธทาส ภิกขุ ก็เคยสอนมาว่า

พระพุทธรูปบังเรา ไม่ให้เห็นนิพพาน

ผมเข้าใจว่า ท่านหมายถึงถ้าเรามีจิตใจไปมัวสาลวนอยู่กับการสร้างพระ ต้องหา

เงิน และวัตถุต่าง ๆ ที่จะมาหล่อเป็นองค์พระ อย่างมากมาย การหล่อก็ยุ่งยาก


ต้องใช้แรงงานมากมาย พร้อมทั้งเวลาอีกนานพอสมควร นอกจากนั้น ยังมาติด

อยู่กับองค์พระ ว่าองค์นี้สวย ไม่สวย ยิ่งถ้าเป็นพระเครื่อง ไม่ต้องพูดถึงเลย ส่อง

กันแต่องค์พระ ไม่ได้ส่องดูพุทธธรรม คือคำสอนเพื่อความพ้นทุกข์ของพระ

จึงย่อมห่างไกลนิพพานแน่นอน

ทั้งในพระไตรปิฎกก็มิได้กล่าวสอนให้สร้างพระพุทธปฏิมาด้วย

แต่พระองค์ตรัสสอนภิกษุทั้งหลายว่า

ให้เคารพพระธรรมวินัยที่พระองค์แสดงไว้ดีแล้วนี้ เป็นศาสดาแทนพระองค์

แต่ผมก็เห็นว่า หลวงพ่อเกษมเขียนแรงเกินไป

ความจริงควรกล่าวสอนอยู่ในหมู่ศิษย์ที่เคารพนับถือและยินดีปฏิบัติตามก็พอ

เพราะชาวพุทธทั่วโลก ต่างก็กราบไหว้สักการบูชาพระพุทธปฏิมากันทั้งนั้น

เพราะถือว่าเป็น อุทเทสิกเจดีย์ ประการหนึ่ง

ย่อมก่อให้เกิดความเลื่อมใส ได้ความสบายใจ และได้บุญด้วย

ถ้าไม่มีพระพุทธรูป จะให้กราบอะไรเล่า

กราบ ดิน ก้อนหิน ต้นไม้ เสาศาลา ฯลฯ ก็จะดูแปลกประหลาดไป

สรุป เรากราบพระภายนอกแล้ว ควรกราบพระภายใน คือสร้างพระขึ้นมาในใจ แล้วก็กราบไหว้ด้วยใจ กราบไหว้ได้ตลอดเวลาด้วย
และย่อมใกล้พระนิพพานแน่นอนครับ

 

สาธุชนทั้งหลาย.....ควรยุติกันได้หรือยัง เพียงพอกันได้หรือยัง

เดี๋ยวความขัดแย้งจะขยายวงไปใหญ่

ให้สภาพธรรมะจัดสรรค์เขาทำหน้าที่....ให้กฏแห่งกรรมดูแลใครผิดใครถูก

ความบาดหมาง ความขุ่นเคืองในจิตทุกท่านพึงเลือนหายไป....ดีกว่าครับ

 

มนุษย์หนอ มนุษย์คือ สัตว์ประเสริฐ
ผู้ดีเลิศ ล้ำกว่า เดรัจฉาน
มีความดี ฝังไว้ ในสันดาน
รู้จักทาน รู้ทำดี รู้มืดมน

แต่ว่าคน สิคน ก็คือสัตว์
ชอบจะจัด ปัญหา มาถกเถียง
หลักการนี้ หลักการนั้น ทำเอนเอียง
เอาไว้เพียง ให้ได้คำ กล่าวเยินยอ

มนุษย์แท้ ไม่จำเป็น ต้องพิสูจน์
ไม่ต้องพูด สร้างภาพ ให้หรูหรา
แต่กับคน ต้องผจญ หลายปัญหา
เพื่อให้ได้ รับวาจา คำเยินยอ

จะอ้างไป ทำไม เรื่องพระพุทธ
ท้ายที่สุด จักลงเอย ที่ตรงไหน
ใครคิดอ่าน อย่างไร ปล่อยเขาไป
ยังถกเถียง กันทำไม ให้ป่วยการ

 

ท่านผู้หลุดพ้นจริงๆ จะไม่ทำดังพระเกษมเพราะจิตท่านไม่ยึดว่าสิ่งนั่นเป็นนั่นเป็นนี่แล้ว

แต่พระเกษมยังยึดติดมั่นว่ารูปปั้นนั้นเป็นนั่นเป็นนี่ จึงกระทำการเช่นว่านั้น
-____________________-

สาธุ.......เห็นด้วยที่สุดครับ ท่านผู้หลุเพ้น พระอริยเจ้ามากมายท่านกราบพระพุทธรูปแต่ก็บรรลุธรรมได้ อัฐิแปรเป็นพระธาตุมากมาย..

แต่พระรูปนี้ ยังยึดติดอย่างมากนัก ถ้าอยากทำลายพระพุทธรปนัก ก็อย่าเป็นพระ สึกออกมาให้มันรุ้แล้วรุ้รอด จะได้สะดวก ไม่มีธรรมวินัยมากมาย ทีนี้ก็ขับรถไล่ทุบพระพุทธรุปทั่วประเทศซะเลย

ผู้กราบไหว้พระพุทธรุป มีทั้งหลุดพ้นไม่ได้ และหลุดพ้นได้
ผู้ไม่กราบพระพุทธรูป ก็มีทั้งพ้นได้ และพ้นไม่ได้

เอาเหตุผลอะไรมาเข้าข้างการกระทำของตนว่าดีที่สุด ต้องทำลาย ใจบอดแท้ๆ

 

จับสึกยากแท้ อย่างคดีของ ธรรมไชโย พระสังฆราช ยังจับสึกไม่ได้

 

ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟัง