เถรสมาคม แนะฟ้องศาล สั่งสึกพระเกษม

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย อธิมุตโต, 8 สิงหาคม 2008.

  1. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    กรรมอันใดที่ข้าพเจ้าเผลอพูดล่วงเกิน พูดล้อเลียน ขออโหสิกรรม

    ณ บัดนี้ด้วยเถิด

    สาธุ สาธุ
     
  2. ธงรบ

    ธงรบ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    ผู้ที่ปฏิบัติตนจนเกิดสัมมาทิฏฐิ เป็นพยานในพุทธศาสนาก็มีอยู่

    นี่คือตัวอ่างของผู้ที่ปฏิบัติตนไปตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ตามพระธรรมวินัย จนเกิดความรู้ ความเห็นที่ถูกต้องแท้จริง และ ได้เห็นพระพุทธเจ้าตามที่เป็นจริง มีอยู่แล้ว ดังนี้

    จากบท:เขมาสรณทีปิกคาถา
    (แปลแล้วว่า)
    มนุษย์เป็นอันมาก เมื่อเกิดมีภัยคุกคามแล้ว ก็ถือเอาภูเขาบ้าง ป่าไม้บ้าง อารามและรุกขเจดีย์บ้าง เป็นสรณะ
    นั่นมิใช่สรณะอันเกษมเลย นั่นมิใช่สรณะอันสูงสุด เขาอาศัยสรณะนั่นแล้ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้

    ส่วนผู้ที่ถือเอาพระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์ เป็นสรณะแล้ว เห็นอริยสัจคือ ความจริงอันประเสริฐ4 ด้วยปัญญาอันชอบ
    คือเห็นความทุกข์..เหตุให้เกิดทุกข์..ความก้าวล่วงทุกข์เสียได้ และหนทางมีองค์8อันประเสริฐ เครื่องถึงความระงับทุกข์

    นั่นแหละเป็นสรณะอันเกษม เป็นสรณะสูงสุด เขาอาศัยสรณะนั้นแล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้!!!...



    แต่ก่อนก็สวดอย่างเดียว แต่พอเกิดสติ จากการฟังเทศน์จากหลวงพ่อ จึงกลับไปอ่านที่เคยสวดๆมาเป็นสิบๆปีดู
    ดูและอ่านคำแปลอย่างตั้งใจ จึงค้นพบว่า พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้จากเราไปไหนเลย 2500กว่าปีมาแล้ว ท่านยังอยู่กับเราตลอดมา ท่านมิได้ทิ้งเราไปไหนเลย มีแต่เราต่างหากที่ทอดทิ้งท่าน วูบนึกถึงคำที่พระองค์ท่านตรัสไว้ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา" ขึ้นมาทันที

    ขอบคุณหลวงพ่อ และพี่น้องและเพื่อนๆญาติธรรมทุกๆท่าน ที่ทำให้ผมได้พบความสุขที่แท้จริงจากการเป็นชาวพุทธ
    และขอบคุณที่ให้ผมได้รู้สึกเสมือนหนึ่งดังพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่อีกครา
    ซึ่งการบูชารูปหล่อใดๆก็ให้ความรู้สึกนี้ไม่ได้ จะรู้สึกได้ก็ต่อเมื่อบูชาพระธรรมเท่านั้น!!!

    ขอบคุณครับ!


    จาก:นายวีรวงศ์ กันตามระ จ.นนทบุรี

    ผู้ใดก็ตามที่ยังไม่ไดแม้เพียงศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ถึงแม้ว่าจะฟังคำสอนจากครูบาอาจารย์มามากเพียงใดก็ตาม จะปฏิบัติภาวนาตามรูปแบบที่ครูบาอาจารย์สอนให้ทำมากเพียงใดก็ตาม ก็อาจจะยังไม่เกิดแม้แต่สัมมาทิฏฐิขึ้นได้ หากยังไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนอะไร และยังไม่แน่นแก่ใจว่า พระพุทธองค์ทรงให้ปฏิบัติไปตามทางเดินใดในพระศาสนานี้ ซึ่งต้องไม่ใช่การยึดถือในวัตถุทั้งปวงเป็นสรณะ แต่ต้องพึ่งสณะสาม ได้แก่ พุทธ ธรรม สงฆ์ เท่านั้น และ พุทธ ธรรม สงฆ์ ก็ไม่ใช่วัตถุใด ขอให้ศึกษาและพิจารณาคำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องกันให้ดีๆ เพื่อความไม่ประมาท หลงไปทำลายพระพุทธศาสนาเสียเองโดยไม่รู้ตัวครับ

    กลุ่มอุบกสกและอุบาสิการักษาธรรมวินัย


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2008
  3. GHOSTPIG

    GHOSTPIG สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1
    ความคิดเห็นของคนคนเดียวหรือกลุ่มคนเล็กๆกลุ่มเดียว มันตัดสินว่าอะไรถูกผิดไม่ได้หรอกครับอย่าพยายามเลย ผมแน่ใจว่าต่อไห้ท่านพยายามขนาดไหนท่านก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก เก่งกันจริงๆเลยนะกับในเว็ปนะ ไหนๆก็ตั้งกลุ่มอุบาสกและอุบาสิการักษาพระธรรมวินัยกันมาแล้ว เอายังนี้ดีกว่าครับ วันพระหน้าท่านพาสมาชิกในกลุ่มท่านไปวัดซักวัดสิ เอาวัดที่คนมาเยอะๆหน่อยนะ พอถึงจังหวะที่คนจะกราบพระท่านกับสมาชิกก็ พล่ามอะไรที่เอามาพล่ามในเว็ปนี้แหละไห้เค้าฟัง ผมว่ามันคงมีประโยชน์ขึ้นมาบ้างนะ แล้วเอามาเล่าสู่กันฟังบ้างนะว่าโดนอะไรกันมาบ้าง
     
  4. ธงรบ

    ธงรบ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

    พระวัดสามแยก ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจให้กับทุกคนได้ ผู้ใดสามารถที่จะเข้าใจในสิ่งที่พวกเราอธิบาย ก็ไปด้วยกันกับพวกเราได้ ก็จงอยู่ศึกษาเล่าเรียนธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยกันกับพวกเรา

    ส่วนผู้ใดเมื่อฟังพวกเราอธิบายธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ ก็ควรไปหาผู้อื่นที่สามารถจะอธิบายให้ท่านเข้าใจได้ และควรปล่อยให้พวกเราได้ดำเนินไปตามเรื่องของพวกเราซะ


    เพราะว่าวัตถุทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกธาตุทั้งหลาย ไม่จำกัดเฉพาะแค่พระพุทธรูปทองเหลือง - ทองแดงเท่านั้น
    ผู้ที่ศึกษาพุทธศาสนาได้ทั่วถึงดีเมื่อเห็นวัตถุใดๆก็ตาม
    ก็สามารถที่จะน้อมระลึกนึกถึงพระธรรมคำสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสได้
    ก็สามารถจะระลึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้าได้เหมือนกัน
    เพราะธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน เมื่อว่ากันโดยย่อก็สรุปลงที่เรื่องของอนิจจัง - ทุกขัง - อนัตตาทั้งนั้น
    วัตถุทั้งหมดในโลกทั้งหลาย ก็เป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้กฎของอนิจจัง - ทุกขัง - อนัตตาด้วย
    เมื่อเห็นวัตถุใดๆก็น้อมพิจารณาถึงสภาพของมันตามความเป็นจริงคืออนิจจัง - ทุกขัง - อนัตตา
    อันนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องดี

    แม้แต่อุจจาระหรือขี้ ถ้าผู้ที่ศึกษาพุทธศาสนามาทั่วถึงดีแล้ว
    ก็สามารถน้อมนำเอาประโยชน์จากอุจจาระหรือขี้นี้มาเป็นประโยชน์ต่อจิตใจได้
    คือ เมื่อเห็นขี้แล้วสามารถจะน้อมรำลึกถึงธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จนสามารถจะบรรลุมรรค - ผลก็มีตัวอย่างอยู่

    แต่เมื่อเห็นขี้และสามารถพิจารณาความเป็นจริงของขี้จนบรรลุมรรค - ผล ได้แล้ว
    ก็จะต้องไม่หวงในขี้นั้น ใครเขาจะมาทำลายขี้ - ทำความสะอาดขี้ ก็จะต้องไม่หวง - จะต้องไม่โกรธต่อผู้นั้น
    เพราะเข้าใจดีว่า วัตถุทั้งหมดรวมทั้งขี้นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะยึดมั่นถือมั่นได้
    อันนี้ต้องย้ำว่า นี่คือวิถีของผู้ที่ศึกษาพุทธธรรมมาดีแล้ว

    เรื่องตามตัวอย่างก็ตามนี้ เล่ม 16 หน้า 333

    ...ก็ในคืนนั้น มนุษย์คนหนึ่ง ถูกอุจจาระเบียดเบียนเอา จึงถ่ายอุจจาระลงในผ้าสาฎกนั้น
    ทิ้งผ้าสาฎกนั้นไว้ในกองขยะ.
    พระบังสุกูลิกเถระ (พระเถระผู้ใช้ผ้าบังสุกุลเป็นวัตร)
    เห็นผ้าสาฎกนั้นมีแมลงวันหัวเขียวรุมตอมอยู่ จึงประคองอัญชลี.


    พระมหาเถระจึงถามว่า ทำไมคุณจึงได้ประคองอัญชลีต่อกองอยากเยื่อเล่า.

    ก็ตอบว่า ท่านขอรับผมมิได้ประคองอัญชลีต่อกองหยากเยื่อดอก
    ผมประคองอัญชลีต่อพระทศพลพระบิดาของผมต่างหาก

    ท่านขอรับ การที่ภิกษุถือเอาผ้าบังสุกุล ที่เขาห่มซากของนางปุณณทาสีแล้วทิ้งไว้
    ไล่ตัวสัตว์เล็ก ๆ ประมาณทะนานหนึ่งออกมาจากป่าช้า ทำได้ยาก.

    พระมหาเถระ คิดว่า การตรึกของภิกษุผู้ทรงผ้าบังสุกุลหมดจดแล้ว.

    แม้พระเถระผู้ทรงผ้าบังสุกุลยืนอยู่ในที่นั้นนั่นเอง เจริญวิปัสสนาบรรลุผล ๓
    ถือเอาผ้าสาฎกผืนนั้นทำเป็นจีวรห่มไปยังปาจีนขัณฑราชีวิหาร แล้วบรรลุพระอรหัตซึ่งเป็นผลชั้นเลิศ...


    แต่ทีนี้ชาวพุทธเราเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ศึกษาพุทธธรรมเพื่อที่จะให้ตัวเองเข้าใจในเรื่องของพุทธรูปตามความเป็นจริงเลย
    ซึ่งความจริงตรงนี้เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ เพราะชาวพุทธทั้งหลายก็ได้รับการปลูกฝังกันต่อๆมาว่า
    พระพุทธรูปคือตัวแทนพระพุทธเจ้า ก็ได้รับรู้กันมาเพียงเท่านั้น
    เมื่อนานเข้าเรื่องวัตถุกับผู้ทีเ่รียกตัวเองว่าชาวพุทธนี่บานปลายไปเลย
    เท่าที่เห็นนะ ผู้ที่เรียกตัวเองว่าชาวพุทธนี่ไปกราบไปไหว้วัตถุทั้งหลายที่เขาเล่าลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นขลังอย่างนี้
    อย่างรูปเทวดา - พรหม - ยักษ์หรือแม้แต่หมูห้านิ้ว - ต้นกล้วยแปลกๆหน่อย - ควายที่มีรูปร่างประหลาดกว่าควายทั่วๆไป
    ก็เห็นชาวพุทธแห่ไปกราบไหว้ขอให้ร่ำรวย - ขอให้โชดดี บนบานกันสารพัดเรื่อง
    อันนี้คือเรื่องจริงของชาวพุทธที่ต้องยอมรับ

    ซึ่งการเข้าใจของชาวพุทธในลักษณะนี้เป็นการเข้าใจศาสนาที่ผิดเพี้ยน - บิดเบือน ไปจากหลักพุทธธรรมแล้ว
    และตอนนี้ก็ไปไกลจนไม่รู้ว่าจะกู่กันกลับหรือเปล่า ทั้งพระและโยมเพราะเห็นขยันหล่อ - ขยันแกะกันออกมาจัง
    เพราะไปเข้าใจว่า พระพุทธรูปคือตัวแทนของพุทธศาสนา
    ใครไปทำอะไรรุนแรงกับพุทธรูปต้องออกมาปกป้องกันจริงจัง

    แต่พอตอนที่สำนักสอนศาสนาพุทธบางสำนัก ซึ่งก็มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในปัจจุบันนี้ด้วย (แต่ไม่อยากเอ่ยถึง)
    สอนผิด - สอนเพี้ยน - สอนบิดเบือน ไปจากหลักของพุทธศาสนาที่อ้างอิงได้จากพระไตรปิฎก
    ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครไปทำอะไร หรือ ไม่เห็นมีใครเรียกร้องให้ยุติการเผยแพร่ศาสนาธรรมที่ผิดๆนั้น
    ก็ยังเห็นผู้คนเดินทางไปศึกษากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ทั้งๆที่สอนผิดไปจากพระไตรปิฎกอย่างชัดเจน


    อันนี้ก็แสดงให้เห็นว่าสังคมชาวพุทธเรา พยายามพิทักษ์ปกป้อง - รักษา พระพุทธรูป กันอย่างจริงจัง
    แต่ไม่ได้พยายามอย่างจริงจังที่จะศึกษาและพิทักษ์ปกป้อง - รักษา พุทธธรรม ให้มั่นคงอยู่ในจิตใจไปยาวนาน

    เอาง่ายๆก็ได้ พระภิกษุสามเณรในเมืองไทยนี้ ต้องยอมรับว่าทำผิดพระวินัยของพระพุทธเจ้ากันเต็มบ้านเต็มเมือง
    แต่ก็ไม่เห็นมีใครมาเรียกร้องให้พระ - เณร ประพฤติปฏิบัติตัวตามศีลธรรมที่ถูกต้องอย่างจริงจังเลย
    ทั้งๆที่พระวินัยนี้ก็หมายถึง พุทธธรรม อีกอันหนึ่งเหมือนกัน

    แต่พระพุทธรูปที่ทำกันขึ้นมาและพยายามปกป้องกันอย่างสุดจิตสุดใจนั้น
    ก็ต้องยอมรับอีกว่า นี้เป็นเรื่องที่อยู่นอกไปจาก พุทธธรรม ชัดเจนตรงตัวแน่นอน
     
  5. GHOSTPIG

    GHOSTPIG สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

    พระวัดสามแยก ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจให้กับทุกคนได้ ผู้ใดสามารถที่จะเข้าใจในสิ่งที่พวกเราอธิบาย ก็ไปด้วยกันกับพวกเราได้ ก็จงอยู่ศึกษาเล่าเรียนธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยกันกับพวกเรา

    ส่วนผู้ใดเมื่อฟังพวกเราอธิบายธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ ก็ควรไปหาผู้อื่นที่สามารถจะอธิบายให้ท่านเข้าใจได้ และควรปล่อยให้พวกเราได้ดำเนินไปตามเรื่องของพวกเราซะ


    เอาเถอะครับจะทำอะไรก็ทำเถอะ จะไปป่าวประกาศอะไรที่ไหนอีกก็ไป แต่ขอบอกนิดเดียวถ้ากลุ่มของท่านอยากไห้ผู้อื่นที่ไม่เห็นด้วยกับท่าน ไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของท่านท่านก็ควรไม่ไปยุ่งกับคนอื่นด้วย แต่การที่ท่านทำกับพระพุทธรูปแบบนั้นคนส่วนใหญ่เค้ารับไม่ได้(ท่านไปยุ่งกับเค้าก่อน) เค้าก็ต้องเข้ามาขวางเป็นธรรมดา เพราะทั้งท่านและคนที่ไม่เห็นด้วยเราก็คนธรรมดา ยังมีกิเลสกันอยู่กันทุกคน รัก โลภ โกรธ หลง ยังมีอยู่ในตัวกันทุกคน ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจึงไม่แปลก แต่รื่องนี้แก้ง่ายๆ แค่ไม่เยียบย่ำทำลายสิ่งที่2ฝ่ายยึดมั่นมันก็จะจบด้วยดี
    เช่น ถ้าท่านไม่เคารพพระพุทธรูปท่านควรเอาออกจากวัดเสีย ไม่ควรลบหลู่ดูหมิ่นไม่ควรมีป้ายข้อความแบบที่เป็นข่าววางไว้ และการเอาคำสอนต่างๆมาลงนี้ในเมื่อท่านก็รู้ว่าคนส่วนใหญ่ในเว็ปนี้เค้าไม่เห็นด้วยกับพวกท่านท่านก็ไม่ควรเอามาลงไว้(ผมไม่ได้ห้ามท่านเข้าเวปนี้นะ จะเข้าก็เข้าแต่ควรทำเรื่องอื่น) แบบนี้ก็จะไม่มีใครยุ่งกับท่านแล้ว คราวนี้ท่านกับพวกจะไปทำอะไร ทีไหนก็เชิญตามสบาย แต่ถ้าท่านยังยืนยันจะทำแบบนี้ต่อไปพวกท่านก็จะเจอการต่อต้านแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น เพราะตนพุทธที่ไม่เห็นด้วยกับท่านมีนับล้านๆคน ส่วนพวกท่านมีถึงหมื่นหรือเปล่าผมไม่รู้ จำนวนมันต่างกันมากนัก
     
  6. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    จำนวนเยอะ น้อย ก็ไม่ใช่ตัวตัดสิน ผิด ถูก เช่นกันครับ......

    คนทิ้งขยะมีเยอะ คนเก็บขยะมีน้อย.....ยังไงก็ต้องมีคนเก็บขยะครับ
    ถ้าคนเก็บขยะไปนั่งคิดว่าอย่าพยายามเก็บเลยเสียเวลาเปล่า.....เรามันจำนวนน้อยกว่า

    หรือคนทิ้ง แล้วก็ไม่เก็บไปแนะนำคนเก็บแบบนั้น แล้วมันคงไม่ดีกว่าคนเก็บขยะที่คิดว่า
    ถึงมีคนเก็บได้น้อยๆ เก็บได้ไม่หมด เก็บยังไงก็ไม่หมด ก็ยังอยากเป็นคนเก็บขยะมากกว่าคนทิ้งขยะ
     
  7. ธงรบ

    ธงรบ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเป็นราว เกิดขึ้น ณ สำนักสงฆ์วัดป่าสามแยก จังหวัดเพชรบูรณ์ สถานที่ต่างๆเป็นที่เฉพาะที่พระภิกษุสงฆ์ ใช้อบรมสั่งสอนผู้ที่เดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาตามหลักพระธรรมวินัย การสอนของพระที่สำนักสงฆ์วัดป่าสามแยกก็ประกาศไว้ที่ศาลาว่า ให้ญาติโยมที่เดินทางไปถึง อ่านพระไตรปิฎกก่อน มีตู้พระไตรปิฎกใส่พระไตรปิฎกไว้ครบทุกตู้ ชุดของมหามกุฎ ๙๑ เล่ม มีมากกว่า ๑๐ ตู้ ประชาชนที่ไปถึง สามารถหยิบอ่านได้เลย ไม่ต้องขออนุญาต ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ที่ถูกต้องตรงทางก่อนที่จะถามปัญหาใดๆ หรือฟังธรรมจากพระ

    การอ่านพระไตรปิฎก ก็เพื่อให้รู้และให้เข้าใจก่อนว่า พระพุทธศาสนาตามที่เป็นจริงคืออะไร ความรู้อย่างไรที่ตนเองมีอยู่ ความเชื่อใดๆที่ตนมีอยู่ ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วหรือไม่ มีความสงสัยอะไรอีกไหม หากอ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือมีคำถามก็สอบถามจากพระต่อไป เพราะพระที่นั่นศึกษาพระไตรปิฎกอย่างแตกฉานทุกรูป ที่สำนักสงฆ์วัดป่าสามแยกไม่ได้อบรมสั่งสอนปิดบังความจริงอะไรเลย ไม่ได้สอนให้เชื่ออะไรๆโดยไม่ตรวจสอบกับคำสอนของพระพุทธเจ้าเลยแม้แต่เรื่องเดียว


    เรื่องราวการศึกษาเรียนทั้งหมด เราก็ทำกันอยู่ภายในวัด ที่อยู่ห่างไกลความเจริญมากๆ อยู่บนเขาที่ไปได้ยากลำบากไม่ได้มีความสะดวกสบายใดๆ เหมือนวัดทั่วๆไป ป้ายที่ติดห้ามกราบไหว้ทองเหลืองที่หล่อขึ้นเป็นพระพุทธรูป พระท่านก็ได้เขียนห้ามกราบไหว้ทองเหลืองนี้ ปิดไว้ที่ฐานพระพุทธรูป อยู่บนศาลาชั้นบน และก็อยู่ในวัด ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นวิธีการสอนธรรมะในหมู่ญาติโยมที่เดินทางไปศึกษาหาความจริงที่นั่น เป็นการเจริญสติ เจริญปัญญา ให้เห็นความจริงตรงตามพุทธธรรมทุกประการ แต่เมื่อมีสื่อมวลชนที่ไม่สอบถามว่าทำเช่นนั้นเพราะอะไร เอาไปลงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แบบไม่เข้าใจ จึงเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา

    เมื่อศาสนานี้เป็นศาสนาของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ศาสนาของรูปปั้นรูปหล่อใดๆ หรือศาสนาของพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งที่คิดจะสอนอะไรๆก็ได้ตามใจ คิดจะสร้างรูปพระพุทธองค์ขึ้นมาก็สร้างโดยไม่สนใจว่าจริงๆแล้วพระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างไร ห้ามไว้อย่างไร กำหนดโทษไว้อย่างไร อันตรายมีอยู่อย่างไร และเมื่อทำผิดไปเช่นนั้นนานมานับพันปี โดยเรียกตนเองว่าเป็นคนพุทธ นับถือพุทธศาสนา จึงทำให้คนรุ่นเรานี้คิดว่านั่นคือ ศาสนาพุทธไปด้วย ก็เท่านั้นเอง


    ทำไมถึงไม่หันกลับเข้ามาศึกษาว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรกันแน่ พระพุทธรูปที่ทำกันไว้กราบไหว้นี้ เป็นวัตถุในพุทธศาสนาจริงหรือไม่ และเมื่อรู้แล้วว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงให้ทำ แต่เมื่อทำกันขึ้นแล้วนับพันปี จะแก้ไขอย่างไร เราควรจะได้ตื่นตัวกัน ควรจะสอนกันให้รู้ความจริงอย่างไร เพื่อให้กลับเข้าสู่พุทธที่แท้จริง ไม่ใช่ดื้อดึงไปตามที่เคยเชื่อ เคยทำ แล้วจะมีคำสอนของพระพุทธเจ้าเอาไว้ทำไม

    พุทธศาสนาถือหลัก ธรรมาธิปไตย ถือเอาพระธรรมวินัยเป็นใหญ่ ถือเอาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นใหญ่ เท่านั้น ไม่ใด้ถือเอาความเห็นของประชาชนส่วนใหญ่เป็นใหญ่ แบบประชาธิปไตย ที่ทางโลกถือกันอยู่ เพราะความเห็นผิดแม้ส่วนใหญ่ก็ผิดอยู่นั่นเอง และจะมีแต่ผิดมากขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทางแก้ไขได้ เพราะโดยเหตุผลที่ว่า คนไม่รู้ ๑๐ คนเมื่อมารวมกัน ก็คือคนไม่รู้ ๑๐ อยู่เท่าเดิม ไม่ใช่ว่า เมื่อนำเอาคนไม่รู้มารวมกันมากขึ้นแล้วจะเกิดเป็นคนที่เป็นผู้รู้ขึ้นมาได้ แต่ในทางพุทธะหรือธรรมาธิปไตย ผู้รู้ แม้มีผู้รู้เพียง ๑ คน ผู้ไม่รู้มีจำนวนมากเพียงใดก็ตาม ก็ย่อมมีผลทำให้โลกนี้เกิดคนที่เป็นผู้รู้ตามขึ้นมาได้มากขึ้นๆ ได้ด้วยการอบรมสั่งสอนในสิ่งที่ถูกต้องตามความรู้นั้นต่อกัน

    เรามาศึกษาว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องกันเถิดครับ เพื่อจรรโลงรักษาพระพุทธศาสนาแท้ๆให้คงอยู่ได้ครบ ๕,๐๐๐ ปี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2008
  8. GHOSTPIG

    GHOSTPIG สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1
    แล้วผมบอกเหรอครับว่าจำนวนมากถูก สงสัยคงอ่านมากจนเบลอไปแล้วมั้งคุณ หรืออ่านมากแต่ตีความหมายไม่ตรงประเด็นแบบนี้อย่ามาสอนใครเขาเลย
    ที่ผมว่าคนมากคนน้อยนะผมแค่จะชี้ไห้เห็นว่าถึงพวกท่านจะพยายามกันแค่ไหนก็เปลี่ยนใจชาวพุทธส่วนใหญ่ไม่ได้หรอกเหนื่อยเปล่า แล้วคุณธงรบเค้าอยากไห้ต่างคนต่างอยู่ผมก็แนะนำไง ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน ก็จบ แค่นี้อ่านแล้วตีความหมายไม่ได้ จะไปอ่านพระไตรปิฎกแล้วเหรอ
     
  9. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    แล้วผมพิมพ์อะไร ข้อความไหนไม่ถูกเหรอครับ......

    เรื่องตีความอย่ามาคุยเลยครับ...ยาว


    (ยกตัวอย่าง ปลาหน้าเหมือนเป็ดออกลูกเป็นลิง.......ตึความไงครับ
    พวกกวนๆไหน.......ก็ตอบว่าแกไงไอ้คำถาม คนถามก็ตอบโต้ไปว่าผมหมายถึงคุณต่างหาก)

    แล้วผมพิมพ์ตรงไหนไม่ถูกชี้แนะดีกว่า
    ท่านใช้คำพูดแบบนี้แล้วจะแนะนำใครครับ
     
  10. GHOSTPIG

    GHOSTPIG สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1
    ก็ผมบอกแล้วว่าถ้าไม่ทำ ข่าวมันจะมาจากไหนละ เหตมันเกิดจากอะไรละครับ เกิดจากการที่พวกท่านลบหลู่ดูหมิ่นสิ่งที่เราเคารพก่อน ถ้าไม่อยากเคารพพระพุทธรูป ก็เอาออกจากวัดไปซิ ทำไมต้องทำกันแบบนั้นด้วย การที่จะสอนธรรมะ เป็นการเจริญสติ เจริญปัญญา ให้เห็นความจริงตรงตามพุทธธรรม ทำอย่างอื่นไม่ได้เหรอครับ ในเมื่อท่านทั้งหลายก็รู้ว่าสิ่งที่ทำนะคนส่วนใหญ่คงรับไม่ได้(อย่าบอกนะว่าไม่รู้) ท่านจะสอนกันด้วยคำพูด หรือบอกกล่าวกันเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดปัญหาแบบนี้หรอก ในเมื่อท่านรุกเราก่อนเราต่อต้านบ้างมันก็เท่านั้น ส่วนคำสอนที่ถูกต้องนั้นผมมว่าคนที่เค้ากราบพระพุทธรูปนั้นเค้าก็ศึกษานะพระไตรปิฎกนะ(บางคนศึกษาจนแตกฉานมากกว่าท่านก็มี)แต่ก็ยังคงกราบไหว้ทองเหลือง ที่หล่อเป็นสิ่งแทนองค์พระพุทธเจ้าอยู่ เนื่องจากการกราบเป็นสิ่งแสดงออกถึงการเคารพ การนับถืออย่างสูงสุด(ปรกติคนเราจะกราบอะไรบ้างละ พ่อแม่ ครู พระ รูปเหมือนบุคคลสำคัญ) เหมือนท่านกราบพ่อแม่นั่นแหละ หากท่านตายไป คนส่วนใหญ่จะกราบรูปของท่านแทน มันก็เหมือนกับพระพุทธเจ้า ท่านปรินิพพานแล้ว คนรุ่นหลังที่ไม่ได้อยู่ในยุคท่านก็สร้างสิ่งแทนตัวท่านขึ้นมา เข้าใจว่าในสมัยก่อนพระไตรปิฎกคงมีไม่มากเหมือนปัจจุบัน และ คงเป็นที่แหนหวงของวัดต่างๆที่มี ทำไห้ชาวบ้านเข้าถึงได้ยากกว่า จนนานๆเข้าการกราบพระพุทธรูปจึงแพร่กระจายและนิยมไปทั่ว แล้วเค้าเหล่านั้นผิดเหรอ การกราบพระพุทธรูปผิดเหรอ ทำไห้ศาสนาล่มจมเหรอ การมีพระพทธรูปก็มีสิ่งดี อย่างน้อยตรงหน้าพระพุทธรูป ชาวพุทธส่วนใหญ่ไม่กล้าทำบาปละ(นี่ยกมาแค่ข้อเดียว)

    ส่วนที่ว่าความเห็นผิดแม้ส่วนใหญ่ก็ผิดอยู่นั่นเอง และจะมีแต่ผิดมากขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทางแก้ไขได้ เพราะโดยเหตุผลที่ว่า คนไม่รู้ ๑๐ คนเมื่อมารวมกัน ก็คือคนไม่รู้ ๑๐ อยู่เท่าเดิม แล้วรู้ได้ยังไงว่าใครรู้ใครไม่รู้ เอาอะไรมาตัดสิน ในเมื่อท่านเป็นคนบอกเองว่าพระวัดสามแยก ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจให้กับทุกคนได้ ผู้ใดสามารถที่จะเข้าใจในสิ่งที่พวกเราอธิบาย ก็ไปด้วยกันกับพวกเราได้ ก็จงอยู่ศึกษาเล่าเรียนธรรมของพระพุทธเจ้าด้วยกันกับพวกเรา

    ส่วนผู้ใดเมื่อฟังพวกเราอธิบายธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ ก็ควรไปหาผู้อื่นที่สามารถจะอธิบายให้ท่านเข้าใจได้


    ผมก็บอกไปแล้วว่าท่านจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่าหรอกแต่อย่ามาก้าวก่ายกันสิ แล้วจะมาเขียนแบบความเห็นผิดแม้ส่วนใหญ่ก็ผิดอยู่นั่นเอง และจะมีแต่ผิดมากขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทางแก้ไขได้ เพราะโดยเหตุผลที่ว่า คนไม่รู้ ๑๐ คนเมื่อมารวมกัน ก็คือคนไม่รู้ ๑๐ อยู่เท่าเดิม อีกทำไม บอกแล้วจะทำอะไรก็ทำแต่อย่ามาตัดสินคนอื่นว่าเค้าผิด เค้าไม่รู้ถ้าท่านทำแบบนี้เรื่อยๆมันจะไม่จบมันจะวุ่นวาย ท่านจะสอนอะไรที่คนส่วนใหญ่ในที่นี้รับไม่ได้ ก็รู้ว่ายังไงเค้าก็ไม่เห็นด้วยแล้วจะทำทำไม ไปทำในเว็ปวัด3แยกโน่น หรือชอบที่จะเห็นความวุ่นวาย จะจรรโลงรักษาพระพุทธศาสนาแท้ๆให้คงอยู่ได้ครบ ๕,๐๐๐ ปี ท่านก็ทำในที่ของท่านพวกผมก็ทำในที่ของผมไป อีก2500ปี ก็รู้เองว่าใครผิด ใครถูก
     
  11. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    ยกตัวอย่างอีก เรื่องการคุยกันเรื่องตีความ


    แล้วผมบอกเหรอครับว่า คุณเป็นคนบอกพวกจำนวนมาก.......ถูก
    แล้วผมบอกเหรอครับว่า คุณเป็นคนบอกพวกจำนวนน้อย.......ผิด

    ผมบอกว่า จำนวนเยอะ น้อย ก็ไม่ใช่ตัวตัดสิน ผิด ถูก เช่นกันครับ......
    ผมพูดอะไรผิดครับ.......
     
  12. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    จำนวน 10 มันอาจจะเหลือ 9...8.....7ฯลฯ ก็ได้ครับ
    ไม่จำเป็นที่ 10 จะต้องคงเป็น 10 ตลอดไปครับ

    (ที่พูดเรื่องตัวเลขหมายถึงจำนวนคนนะครับ...ไมใช่ค่าของตัวเลข
    เพราะค่าของตัวเลข 10 มันก็ยังคงเป็น 10 อยู่นั่นแหละ)
     
  13. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    การมีพระพทธรูปก็มีสิ่งดี อย่างน้อยตรงหน้าพระพุทธรูป ชาวพุทธส่วนใหญ่ไม่กล้าทำบาปละ(นี่ยกมาแค่ข้อเดียว)

    ครับ......และก็เชื่อว่าข้อดีก็มีมากกว่าข้อเดียวด้วยครับ
    แต่ประเด็นคือ สิ่งที่หลวงปู่แสดงคนไม่เข้าใจครับ......
    ท่านต้องการให้เห็นโทษด้วยครับในการเคารพหรือยึดพระพุทธรูป

    สำหรับผู้กราบ(ที่เป็นปถุชน)แล้วไม่ได้ยึด ไม่ได้ติด ดั่งเช่นพระอริยเจ้าทั้งหลายที่เคารพ กราบไหว้พระพุทธรูปก็ไม่มีปัญหาครับ.......
    แต่ที่ท่านแสดงก็ต้องการบอกกล่าว สั่งสอน ผู้ที่กราบและยึดและหวังพึ่งรูปหรือวัตถุนั้นๆครับ
     
  14. GHOSTPIG

    GHOSTPIG สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1
    ครับไม่ผิด เพราะผมก็คิดว่าจำนวนไม่ใช่เครื่องตัดสินถูกผิด งั้นต้องขออภัยก่อนนะครับที่ล่วงเกิน
     
  15. GHOSTPIG

    GHOSTPIG สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1
    ถ้าอธิบายกันแบบนี้ผมก็รับได้ครับ มีอะไรก็อธิบายมาครับ แค่ไม่ล่วงเกิน ความคิดอีกฝ่ายนึงก็จะไม่มีปัญหาเลย
     
  16. paranyu

    paranyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +122
    เว็บทุกเว็บ........คนอ่าน(คนดู)มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆกว่าคนโพสต์ครับ

    นี่คือเหตุผลที่ต้องมารบกวน หรือทำให้ผู่เกี่ยวข้องขัดเคืองบ้างครับ
    เฉพาะคนโพสต์ที่โต้ตอบกันไปมา ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้รับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกันอยู่แล้ว......อันนี้เข้าใจครับ
    อย่างที่ได้บอกเหตุผลไปแล้วว่า



    เว็บทุกเว็บ........คนอ่าน(คนดู)มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆกว่าคนโพสต์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2008
  17. GHOSTPIG

    GHOSTPIG สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +1
    ก็ลองเอาเหตุผลมาโต้ตอบกัน มันก็ดีต่อทั้ง2ฝ่ายไม่ใช่เหรอ แต่บางคนเอามาโพสโดยคิดว่าของตัวดี ของตัวถูก ของคนอื่นไม่ดี ทำแบบนี้คนส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยได้รับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน(ต่างคนต่างคิดว่าของตัวแน่กว่า)แบบนี้ก็มีแต่ปัญหาละครับ
     
  18. ซุปเปอร์ไซย่า

    ซุปเปอร์ไซย่า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +0
    ;k07 เรื่องนี้เถียงจนสรุปผลได้แล้วนะ
    ว่าพระเกษม มีความผิดฐานดูหมิ่นพระพุทธรูปจริงๆ


    จะมาอ้างว่าไม่ผิด โดยยกพระไตรปิกฏมาแพร่มอยู่ได้
    มันไม่ถูกต้อง เพราะ พระหลายองค์เขายืนยันมาแล้วว่า
    ไม่สมควร และ ไม่ถูกต้องที่ทำแบบนั้น ไม่เคารพก็ไม่เป็นไร แต่ไม่มีสิทธิ์ไปทำลายหรือ ห้ามไม่ให้คนอื่นมาเคารพกราบไหว้

    ขอประกาศให้
    บรรดาสาวกที่เชื่อในคำสอนผิดๆเพี้ยนๆขอให้อยู่ในความสงบและ ยอมรับเถอะคนที่มาอ่านไม่มีใครปลื้มพระเกษมหรอก
    เพราะถ้าดีจริง ใครจะมาว่าได้หล่ะ จิงบ่

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2008
  19. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ธงรบ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1423538", true); </SCRIPT> #69
    สมาชิก

    ขออนุญาตดูพุทธดำรัสที่มา ของข้อความท่อนนี้ครับ ถ้าจะแสดงเป็นธรรมทานได้ครับ
     
  20. AmpeerA

    AmpeerA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +900
    อ่านมาหลายวัน และแล้ว...จุดเริ่มแห่งความการุณ ถอดถอยการก้าวล่วงต่อกัน ก็ปรากฎ อนุโมทนาแด่ท่านทั้งหลาย ดีใจที่เกิดป็นคนไทย ท่านทั้งหลายว่ามั๊ย (เอ่อข้างบนน่ะ..ข้าน้อยคิดได้ว่า ผิด ถูก มักจะเปลี่ยนแปลงไปตาม กาลเวลา สถานที่ และ ผู้คน ไม่เคยคงอยู่ได้นานเลยนะขอรับ ข้ามๆมันไปบ้างก็มีความสุขดี เน๊อะ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...