ทำงานอย่างไรเอามาใช้ปฏิบัติภาวนาได้ด้วย

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 16 สิงหาคม 2008.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เวลาทำงาน อย่าคิดว่าภาวนา
    คิดว่าเราจะทำงานเพื่อให้จิตนิ่ง มีประสิทธิภาพที่สุด
    พอทำงานเสร็จ ค่อยเอาจิตที่นิ่งแล้วมาภาวนา
    จะภาวนาธรรมข้อไหน ก็สะดวกกับจิตที่ทรงนิ่งอยู่นั่นแหละ
    แต่คนเราทำงานปกตินี่จะทำด้วยความรู้สึกงั้นๆ
    ทำให้เสร็จตามหน้าที่ ไม่ได้ตั้งจิตกำหนดไว้
    เราจะทำงานให้เสร็จเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเอาจิตนิ่ง
    ทำไปๆปีแล้วปีเล่า ก็ได้แต่ทำเรื่อยๆ
    ทำไปคุยไป เล่นไป ฟุ้งซ่านไป
    (เพราะงานหลักทำด้วยความเคยชินเหมือนแปรงฟันอยู่แล้ว )
    แต่ถ้าเริ่มกำหนดใหม่นะ จะทำเอาจิตนิ่ง จะเห็นผลต่างทันที

    การทำงานทางโลกนั้น เรียกสมถะเต็มปากเต็มคำไม่ได้
    เพราะคำว่าสมถะแท้ๆนั้น ส่อเค้าถึงความสงบจากกิเลส
    คือไม่ใช่นิ่งอย่างเดียว แต่ต้องปลอดกิเลสด้วย
    ซึ่งอันนั้นการงานทางโลกไม่ค่อยจะเอื้อเท่าไหร่
    มันมีอะไรเปื้อนๆปนๆมานิดหน่อยเสมอ
    อย่างน้อย ถ้าเสร็จสำเร็จไว ก็ได้ความภูมิใจ
    ถ้ายังค้างคา ก็ได้ความกังวล
    ในขณะที่สมถะเชิงภาวนาแท้จริง เราจับหลักอันเดียว ตัวเดียว
    ลมหายใจก็เอาแค่ผ่านเข้า ผ่านออก
    พุทโธก็เอาแค่วนเวียนอยู่กับสองคำนี้
    ใจไม่มีความภูมิใจกับลมผ่านเข้าออก ไม่กังวลค้างคากับลมเข้าออก
    ลมหายใจเข้าออกมีความสำเร็จรูปอยู่อย่างนั้น
    เช่นเดียวกับพุทโธ ที่สักแต่เป็นถ้อยคำแน่นอน ตีกรอบความคิด
    ไม่ให้ฟุ้งกระเจิงสัดส่ายเหมือนปกติ
    พอจิตนิ่งแนบกับอารมณ์ได้ ก็จึงไม่ปนเปื้อนด้วยกิเลส
    เอาแต่ดิ่งแน่วอยู่กับความเป็นเช่นนั้น
    และเพราะดิ่งในความเป็นเช่นนั้น ไม่หลงส่งกระแสเป็นอื่น
    จึงเกิดความชื่นบานในอาการตั้งมั่นรวมดวงขึ้นมา
    สามารถนิ่งรู้ สว่าง เป็นกลาง
    อ่อนควรกับการเอามาใช้ในงานวิปัสสนาทันที

    คือสรุปว่าเสร็จจากงาน ได้จิตนิ่ง ค่อยเอามาต่อยอดเป็นสมถะ
    อย่าไปคิดว่าจะทำสมถะในขณะปฏิบัติงานประจำ
    เพราะเดี๋ยวจะสงสัยขึ้นมาว่าต่างกับตอนหลับตาภาวนาอย ่างไร

    ส่วนถ้าต้องทำงานที่มีการแลกเปลี่ยนความเห็น
    เป็นไปได้ว่าจะมีความขัดแย้ง ทำจิตให้นิ่งยาก ก็มีเทคนิคอยู่
    คือคิดว่าถึงเวลาเราพูด เราจะพูดให้ชัด ไม่มีอารมณ์ขึ้นลง
    ตอนที่เราฟัง เราจะฟังด้วย ดูอารมณ์เราด้วย
    ว่ากวัดไกวไหวแกว่งตามแรงเหวี่ยงของคู่สนทนาแค่ไหน
    กำหนดไปเรื่อยๆมันก็นิ่งได้เหมือนกัน
    แต่ส่วนใหญ่ไม่อย่างนั้น
    ถ้าเอาตามกิเลส ตอนพูด ขอพูดอย่างเป็นใหญ่
    ตอนฟัง ขอฟังแบบเอาถูกใจ
    ส่วนใหญ่เราส่งใจนำเลย ส่งไปที่คนพูดน่ะ
    ไม่ส่งมาอยู่กับใจตัวเอง ดูใจตัวเอง

    แท้จริงแล้วมีเทคนิควิธีที่แทรกอยู่ในชีวิตประจำวันม ากมาย
    ใช้วิธีไหนก็ได้ผลทั้งนั้น
    เรื่องของเรื่องคือไม่ใช้อะไรนอกจากกิเลสและความเคยช ินนั่นแหละ
    การงานและหน้าที่ในชีวิตประจำวันถึงใช้เป็นฐานการภาว นาไม่ได้



    โดย ดังตฤณ
    http://www.larnbuddhism.com/webboard/showthread.php?t=1445
    <!-- / message -->
     
  2. mainoi

    mainoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +133
    จริงด้วยค่ะ ถ้าเรามีสมาธิในการทำงาน งานจะเสร็จไวและดีเยี่ยมด้วย สาธุ.. สา..ธุ สา..ธุ
     
  3. tabo_yumi

    tabo_yumi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +47
    ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ มีประโยชน์
    สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้
    อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...