กินอาหารอย่างไรเพื่อเพิ่มพลังจิต

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย ลูกหลานหลวงปู่, 7 สิงหาคม 2005.

  1. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,587
    สามารถใช้การกินพืชจำพวกที่เป็นหัวใต้ดินมาต้มดื่มกินได้ครับเช่น ขิง ข่า ตะไคร้ หรือ ปรุงประกอบอาหาร หรือใช้การนวดด้วยน้ำมันไพล(ว่านไฟ) ที่รอบสะดือ โดยเวียนขวาตามเข็มนาฬิกา ขณะที่เวียนให้ตั้งจิตให้เป็นสมาธิ โดยการนึกภาพของอาหารที่กำลังเคลื่อนไหวไปตามแนวของการนวดจนถึงลำไส้ใหญ่
    หากขับถ่ายไม่สะดวก ก็อาจจะดื่มน้ำผสมระหว่างน้ำร้อนจัดครึ่งแก้วกับน้ำเย็นจัดครึ่งแก้ว ซึ่งจะทำให้ถ่ายท้องได้ง่ายขึ้น ลองบันทึกอุปนิสัยที่ปฏิบัติเป็นประจำดู เช่นการนอนในห้องแอร์ จะทำให้ร่างกายสูญเสียธาตุไฟได้ง่ายกว่าปกติ การอาบน้ำ สระผม หลัง 4 ทุ่มก็จะทำให้ธาตุไฟในกายเราน้อยลงได้ การกินน้ำเย็น น้ำแข็ง ไอศครีม เป็นประจำ การนอนไม่ห่มผ้า หรือชอบใส่เฉพาะชุดนอน เป็นการทำให้ธาตุไฟเราอ่อนลงได้ ลองเปลี่ยนแปลงตามสาเหตุเหล่านี้ดูว่าร่างกายเราดีขึ้นไหม การกินอาหารมากเกินไป ไม่เหลือช่องว่างให้กระเพาะลำไส้ได้เคลื่อนไหวเพื่อบดย่อยอาหาร ให้ลอง ลดปริมาณอาหารที่กินดูครับ อาจช่วยได้ หรือกินอาหารประเภท ผักหรือผลไม้ สักระยะหนึ่ง แล้วค่อยกินอาหารตามปกติครับ อีกทางหนึ่งใช้การฝึกบังคับให้เลือดลมไหลเวียนให้เป็นระเบียบ โดยการ จินตภาพ เหมือนฝึกกำลังภายใน โดยใช้หลักการดังนี้
     
  2. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,587
    การฝึกลมปราณ มีขั้นตอนดังนี้
    รู้สึก สื่อสาร รวบรวม เรียบเรียง และปลดปล่อย(ได้จากนวนิยายกำลังภายใน+แฟนตาซี)
    1.ต้องรู้สึกถึงลมปราณที่ไหลเวียนอยู่ในกายตน ซึ่งมี ดิน น้ำ ลม ไฟ แสงสว่าง ความมืด และมิติ ต้องรวบรวมสติและสมาธิ ทั้งกายและใจ จึงจะสัมผัสได้
    2.สื่อสารต่อปราณของตนโดยการค้นหาจุดต่างๆของร่างกาย(จุดที่รู้สึกถึงปราณได้แรงที่สุด) เพื่อเป็นจุดติดต่อสื่อสารกับปราณที่วนเวียนอยู่ (เช่นลมหายใจ ที่จุดสัมผัสกับโพลงจมูก หรือที่สุดของลมหายใจเข้า เป็นต้น)
    3.รวบรวมปราณที่ไหลเวียนให้เข้ามาสู่จุดที่กำหนดให้ได้ เพื่อควบคุมปริมาณการไหลผ่านของปราณในส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อที่จะนำออกมาใช้
    4.เรียบเรียงให้ต่อเนื่องกันเป็นสาย ซึ่งเป็นการขยับจุดที่กำหนดไปทีละนิด
    5.ปลดปล่อยปราณของตัวเองที่รวบรวมมาได้ออกไปทำให้เกิดเป็นพลังงาน
    6ประสานธาตุต่างๆที่มาจากปราณภายนอก (วัตถุมงคล ธาตุกายสิทธิ์ ฯลฯ)
    7 ปลดปล่อยปราณที่มีพลังงานของปราณธรรมชาติแฝงอยู่
    ซึ่งขั้นตอนที่ 6-7 ต้องประสานให้กลมกลืนเป็นขั้นตอนเดียวไม่มีรอยต่อ
     
  3. Thanakrist

    Thanakrist สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +14
    ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ
     
  4. มุทิตา2525

    มุทิตา2525 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +80
    แหะๆ เยอะมากอ่านจนตาลาย
    ขอบคุณสำหรับเนื้อหาสาระดีๆค่ะ
     
  5. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ยอดเยี่ยมจะ
    เคยคิดที่จะนำความรู้เหล่านี้มาเขียนให้อ่านกัน
    มัวแค่ติดมัวแต่นึก
    ผลัดวันประกันพุ่ง ไม่ได้เรื่องจะ
    กว่าจะทำอะไรได้แต่ละที ตรึกแล้วตรึกอีก
    มีอะไรแนะนำบ้างจ๊ะ

    ติกระทู้นี้นิดเดียว
    แก่แล้ว ตาลายจะ
     
  6. เด็กน้อยรักธรรม

    เด็กน้อยรักธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +81
    ขอบคุณมากเลยค่ะ ความรู้เยอะมากๆเลย
    แต่จำไม่ค่อยได้เลย จำได้นิดหน่อยเองค่ะ
    แต่จะเข้ามาศึกษาอีกนะคะ อนุโมทนาค่ะ
     
  7. TANAKORN17

    TANAKORN17 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +17
    อ่านบทความจบอาจไปเป็นแพทย์แผนไทยได้เลย อนุโมทนาครับ
     
  8. ดร.ครก

    ดร.ครก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ถ้าฝึกพลังจกรวาลด้วยจะดีมากๆครับ
     
  9. MesmerMark

    MesmerMark สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +4
    น่าสนใจมากเลยครับ กำลังอยากรู้เรื่องนี้อยู่พอดีเลย
     
  10. บัวใต้น้ำ1

    บัวใต้น้ำ1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +32
    ขอบคุณมากเลย เป็นข้อมูลที่ดีมากครับ...:z6
     
  11. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,791
    ค่าพลัง:
    +51,007
    คุณลูกหลานหลวงปู่ ตั้งใจจริง และมีจิตใจดี..เขียนได้ ยาวๆๆ..แต่คนอ่านจะตาลายจับใจความไม่ได้..เพราะเขียนยาวไม่มีที่ ให้หยุดหายใจ...ต่อไปขอแนะนำว่า เขียนเป็นท่อนๆๆ แล้ว เบรค ย่อหน้าใหม่..คนจะตามอ่านได้ มาก และเข้าใจ

    หลักการเรื่อง คนป่วยเพราะ ธาตุ ทั้งสี่ ไม่ลงตัว..ถ้าเป็นจีน ก็ว่า..หยิน/หยางไม่สมดุลย์/ถ้าไปถามพวกพลังจักรวาล..พลังคอสมิค ก็จะว่า จักระไม่หมุนพอดี ทำให้ สีแสง ทั้ง 7 ขาด ก็เลยป่วย..ต้องแก้โดยตั้งจิตใส่สีเข้าไป เพื่อ จะทำให้ หาย

    มีการเขียนหลักการมากมายว่า กินอาหารอย่างไร จึงจะดี ที่ สุด..
    อ่านมามากแล้ว ลองทำเลยครับ
    ตัวคนเรามีธาตุ ทั้งสี่ อยู่ ปนกัน..ขาดๆๆเกินๆๆ..เราจึงต้องการธาตุและแร่ที่ขาดอยู่
    ทำไง...ง่ายมาก..เพราะ ตัวเรามีเงากายที่ ซ้อนอยู่..เรียกว่า กายทิพย์..ซึ่งเป็นกายที่ มีคุณสมบัติพิเศษ..คือ บอกกายหยาบได้ ว่า..กายหยาบขาดอะไร..ควรจะกินอะไร..อะไร เป็นพิษ กินไม่ได้
    ทำโดยเอามือ ซ้าย แบมือ คว่ำลง ..ให้ลอยอยู่ เหนือ สิ่งที่ เราจะกิน ประมาณ1 นิ้วเหนือ ของ ที่ เราจะกิน..ผลไม้ทุกชนิด ผักทุกชนิด ขนมทุก ชนิด..กับข้าวทุกชนิด..ทำนิ่งๆๆ แล้ว ถามในใจว่า กินได้ ใหม..เมื่อ เรานิ่งเราก้จะได้ คำตอบ
    คำตอบจะมาที่ มือ
    ถ้า มือเย็น สะบาย..แปลว่า กินได้
    ถ้า ร้อน..แปลว่า ไม่ค่อยดี..อย่ากินมาก..ยิ่งร้อน ยิ่งไม่ดี
    ถ้า ทิ่มมือเหมือนเข็มแทง...แปลว่า ห้ามกินเด็ดขาด
    ลองทำดู จะพบว่า ง่ายๆๆ
    ของอย่างหนึ่ง..คนหนึ่งกินได้ ..แต่อีกคนกลับกินไม่ได้..เป็นเพราะ แต่ละคนขาดธาตุไม่เหมือนกัน..เช่นคนเป็นเบาหวาน พอ เอามือ วางเหนือ ของ หวานๆๆ มัน จะอ้วก แปลว่า กินไม่ได้..แต่พอคนที่ ผอมแห้งแรงน้อย ขาด น้ำ ตาล..ก็กินของหวานๆๆสะบาย

    ลองทำดูครับ ง่ายๆๆ เพื่อ ตัวเอง...พอทำอย่างนี้ได้..ต่อไป ก็จะรู้ว่า ยาที่หมอให้มา..มีตัวไหน กินแล้ว เราจะดี ขึ้นหรือ เลวลง.โดยใช้มือ ลอยเหนือ จับพลังดู..ก็จะได้ เช่นกัน
     
  12. ลูกหลานเจ้าพ่อก

    ลูกหลานเจ้าพ่อก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +171
    ขอบพระคุณ สำหรับวิชา ที่เล่าให้ฟัง จะนำไปทำตาม
     
  13. damrong.lap

    damrong.lap เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +123
    สนใจและติดตามอ่านครับ
     
  14. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    สิ้นปีมีงานวิทยาศาสตร์ทางจิตรจัดที่ ม.เกษตรบางเขน น่าจะมีการอธิบายได้เข้าใจง้ายกว่านี้ครับยังไงไปงานกันเยอะๆนะครับ
     
  15. tabo_yumi

    tabo_yumi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +47
    ขอบพระคุณ ข้อมูลดีๆๆ จากคุณ "ลุกหลานหลวงปู่นะค่ะ"


    เป็นกำลังใจให้สำหรับกระทู้ดีๆและความตั้งใจดีที่จะเอาข้อมูลมาแบ่งปั่น


    ร่วมอนุโมทนา สาธุ นะค่ะ
    [​IMG] ค่ะ
     
  16. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,032
    การกินอาหารอย่างไรเพื่อเพิ่มพลังจิต?

    ขอแลกเปลี่ยนทัศนะความเห็นไว้นิดนึงครับ

    พลังจิต นั้นเป็นศักยภาพของจิตแต่ละคนที่มีอยู่แล้ว มากน้อยไม่เท่ากัน อุปมาบางบ้านมีแท้งค์เก็บน้ำอันเล็ก บางบ้านมีแท้งเก็บน้ำอันใหญ่

    พลังจิตมีส่วนประกอบสำคัญโดยหลักๆ คือ
    ๑ปราณพลังชีวิต หรือชี่ ๒การไหลวนของกุณฑาลินีหรืองูไฟในร่างกาย พลังชีวิตที่ผ่านยังจุดจักระต่างๆในร่างกาย
    ๓ ความสำรวมจิต การดำรงความจดจ่อ ๔พื้นฐานจิตใจที่ผ่านกระบวนการเพาะบ่มผ่านชาติภพ ๕การเรียนรู้และนำเทคนิคมาใช้(วิริยะ)

    พลังจิตนั้น เปล่งรัศมีออกมาเป็นสีต่างๆ บ่งบอกถึงคุณภาพจิตขณะนั้นๆ ผ่านกล้องชนิดนึงที่สามารถดูได้ด้วยตาเปล่า คือ ออร่า
    หรือบางคนก็สัมผัสพลังจิตของอีกคนนึงได้ทั้งระยะใกล้-ไกล นั้นก็ขึ้นอยู่กับการเพาะบ่มสั่งสมสภาวธรรมของแต่ละคน

    พลังจิต ขึ้นอยู่กับการเก็บสั่งสมโดยการกินอาหาร การใช้ชีวิต(๑) การรักษาบริหารหรือการใช้(๒) และการสูญเสีญ(๓)

    หากกล่าวถึงการสูญเสีย(๓) รั่วไหลโดยไม่จำเป็น การสูญเสียพลังจิตที่เปล่าประโยชน์ มีดังนี้คือ
    การนอนดึกเกินไป(แพนด้า) ,การดูทีวีละครหลังข่าวจนติดงอมแงม,
    คิดมากอยู่ในสิ่งที่เป็นอดีตของตัวมากจนเกินเหตุ, จินตนาการไปกับอนาคตมากเกิน(ฝันกลางวัน)
    ใช้เวลาในการรับทานอาหารมากเกินไป , เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด(สูญเสีญธาตุไฟเยอะในกระบวนการย่อย)
    ระยะพักร่างกายและสมองให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่สมบูรณ์ (ธาตุไฟโดนดึงไปใช้จุดอื่น-ท้องอืดได้ง่ายสำหรับคนที่ธาตุไฟน้อย)

    การรักษาบริหารหรือการใช้(๒)
    การใช้ทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอในอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ เจริญอิทธิบาท๔ ,พรหมวิหาร๔ ,อนุสติ๑๐ ,สติปัฏฐาน๔ ,อินทรีย์๕ หรือโพชฌงค์
    การนำมาใช้ทำงานหาเลี้ยงชีพอย่างสุจริต ทั้งทางกาย วาจา และทางใจ
    การปล่อยวางจากอารมณ์เศร้าหมองที่เข้ามาครอบงำจิตที่นำไปสู่ความถดถอย จากความชังความโกรธ ความอิจฉา ความต้องการ ความไม่สบอารมณ์ ความไม่สมหวัง ความหลง
    การปล่อยวางจากอารมณ์ที่อาจทำให้จิตหลงระเริงแล่นไปตามกิเลส ในความสุข ความสมหวัง ยินดีปรีดา ใน เงินทอง ชื่อเสียง ยศ คำสรรเสริญ

    การกินอาหาร การใช้ชีวิต
    การกินอาหารที่มีผักใบเขียว สำคัญมาก เพราะสีเขียวได้มาจากคลอโรฟิลล์ ที่พืชสังเคราะมาจากแสงแดด ควรเป็นผักที่ไม่ใช้สารเคมีฉีดพ่นแมลง
    ในแสงดังกล่าวที่อยู่ภายในจักรวาลมีธาตุที่สำคัญติดมาด้วยคือ ปราณ ที่นำมาหล่อเลี้ยงการละเอียด พลังชีวิต และจักระ
    ทานน้ำมากๆ จะช่วยชำระสารพิษตกค้างในร่างกาย ผู้ที่มีธาตุไฟมากก็จะช่วยสร้างสมดุลย์

    เซลล์กายหยาบก็ต้องการ ภาวะของการหล่อเลี้ยง ก็ควรทานอาหารให้ครบและพอดีทั้ง ๕ หมู่
    ออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง บ่อยๆ
    เดินถอดรองเท้าใรสนามหญ้าบ้างบางครั้ง

    เมื่อไม่มีความวิตกกังวลต้องการใดๆ ในข้างหน้าอนาคต ปล่อยวางความเป็นตัวตนอดีตได้บ้าง บางครั้ง มีเวลาในช่วงกลางวันหรือกลางคืน
    ท่องทัศนะสายตายังที่โล่ง ลองนอนมองท้องฟ้า ปล่อยจิตใจ ให้เบาเหมือนปุยเมฆ และกว้างขวางแผ่กว้างดุจท้องฟ้า...
     
  17. husk

    husk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +35
    โอ้โฮยอดเยี่ยมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...