เอาชนะความตระนี่ถี่เหนียวด้วยการให้ทานและบุญที่ส่งผลได้ในปัจจุบัน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 19 สิงหาคม 2008.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    [​IMG]

    :z10 จูเฬกสาฎก
    <O:p</O:p

    จูเฬกสาท่านมีความยากจนมาก อยู่ด้วยกันสองคนตายาย มีผ้านุ่งกันละผืน แต่ผ้ามันห่มผืนเดียวกัน เวลาผัวออกจากบ้านเมียก็ไปไหนไม่ได้ เพราะว่าผ้ามันผืนเดียวดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องแย่งกันออกจากบ้าน บ้านจะได้มีคนเฝ้า เมื่อทราบว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครั้งแรกจะไปเทศน์ในเวลากลางคืน <O:p</O:p
    ภรรยาก็บอกว่า ฉันจะไปฟังในเวลากลางวัน กลางคืนน่ะขี้เกียจไป ไม่ค่อยเห็นอะไร กลัวผีด้วย แกกลัวหรือไม่กลัวก็ไม่รู้<O:p</O:p
    เป็นอันว่าตอนกลางคืนท่านจูฬกสาฎกก็ไปฟังเทศน์ เมื่อเวลาฟังเทศน์ตอนหัวคำมันเกิดศรัทธาขึ้นมา อยากถวายผ้าผืนเดียวที่มีอยู่แกพระพุทธเจ้า ทั้งผัวและเมียผืนเดียว ใช้สองคนแต่มัจฉริยะความตระหนี่...ก็ไม่ถูก เรียกว่าอาศัยความห่วงใยจะดีกว่าแต่พระบาลีบอกว่าเกิดความตระหนี่มันเกิด คิดว่าถวายแก่พระพุทธเจ้าเสีย พรุ่งนี้นี้ท่านยายที่อยู่ที่บ้านออกจากบ้านไม่ได้ ไม่มีโอกาสฟังธรรมจะแย่ เลยไม่ให้<O:p</O:p

    [​IMG]
    ยามที่ 4 ตัดใจได้


    <O:p</O:p
    พระพุทธเจ้าก็สำคัญเหมือนกันใจเทศน์ไม่ยอมหยุดเทศน์ไปถึงยามที่สอง แกก็ตั้งท่าจะเปลื้องผ้าถวาย ไอ้จิตใจที่ห่วงท่านยายก็เกิดขึ้น เกรงว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีโอกาสมาฟังเทศน์ เอ้า..ยับยั้งไว้ พระพุทธเจ้าท่านยังไม่เลิกเทศน์ สำคัญเหมือนกัน เทศน์ต่อไปถึงยามที่สาม ตานี่แกคิดถวายอีก แต่ถวายไม่ได้เพราะเป็นห่วงยาย ถึงยามที่ 4 เวลาใกล้สว่างแกตัดสินใจ ยายเยยกูไม่ห่วงมันละ ไม่เอานานๆ จะพบพระ<O:p</O:p
    นี่ตั้งแต่เกิดมาจะเข้าโลงเข้าหลุมอยู่แล้วนี่ไม่เคยเห็นพระอะไรเทศน์ดีอย่านี้ แหม..พูดถึงอานิสงส์นี่ฟังแจ๋วเลย ชื่นอกชื่นใจไม่ได้ๆ ยายมันจะมีมาได้ฟังเทศน์หรือไม่ฟัง มีผ้าหรือไม่มีช่างหัวมัน ดีไม่ดีพรุ่งนี้กลับไปบ้านถ้ายายถามไม่มีผ้าจะห่มจะแก้ผ้าให้แกห่มมา เราอยู่บ้านไม่เป็นไร นุ่งลมห่มฟ้า นอนเสียในห้องมันก็ไม่อายใคร หมดเรื่อง<O:p</O:p
    ตัดสินใจเพียงเท่านี้ ท่านตาจูฬกสาฎกเปลื้องผ้าไปถวายพระพุทธเจ้า อ้ายผ้าของแกมันก็มีพื้นเดียว สองคนร่วมกันใช้มันก็เก่าแสนเก่า วางไปที่เท้าพระพุทธเจ้า กลับถอยมามาเปล่ง วาจาชิตังเม ชิตังเม เอาเข้าแล้ว ลูกหลานรู้เรื่องไหม ไม่ใช่ชิแตงเม ชิแตงเมนะ ชิตังเม ชิตังเขาแปล ว่าชนะแล้ว เมเขาแปลว่าเรา ชิตังเม ชิตังเม แปลว่า เราชนะแล้ว เราชนะแล้ว
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p


    พระเจ้าปเสนทิโกศลเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
    <O:p</O:p
    แกร้องเสียหลง ประกาศก้องต่อหน้าพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยบรรดาพุทธบริษัท เวลานั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลบรมกษัตริย์พระบาทท้าวเธอนำกองทัพไปรบกับข้าศึกที่ยกมารุกรานพระนคร จอมบพิตรอดิศรขับไล่ข้าศึกไปแล้วกลับมา จึงเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระประทีปแก้วในคืนนั้นด้วยความเคารพ ยังไม่เข้าวังก่อน เมื่อพระองค์ได้ทรงสดับพระเสียงอีตาพราหมณ์ ชิตังเม ชิตังเม ประกาศว่าเราชนะแล้ว พระองค์ก็ทรงฟังแปลกพระทัย<O:p</O:p
    จึงให้อำมาตย์ผู้ใหญ่เข้าไปถามว่า อีตาเฒ่านั่นแกมันชนะอะไรของแก นี่ท่านไปรบทัพจับศึกกลับมาแล้วยังไม่เข้าพระราชนิเวศน์เขตพระนคร จอมบพิตรอดิศรจึงได้บอกอำมาตย์ผู้ใหญ่ว่าไปถามอีตาขวัรนั้นซิว่า แกชนะอะไรของแกนะ<O:p</O:p
    ท่านนายทหารอำมาตย์ผู้ใหญ่ เป็นนายทหารด้วย เป็นอำมาตย์ด้วย สมัยนั้นเขาใช้ทหารปกครองบ้านเมือง เวลารบเป็นทหารปกติเป็นข้าราชการพลเรือน เมื่อนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าไปจึงถามว่า<O:p</O:p
    ลุง พระราชาทรงให้ถามว่าลุงน่ะชนะอะไร จึงกล่าวว่าออกไปว่า ชิตังเม ชิตังเม<O:p</O:p
    แกก็เลยบอกว่า
    นี่ท่านฉันน่ะชนะ ชนะความตระหนี่ถี่เหนียวนา<O:p</O:p
    ฉันตั้งใจจะถวายผ้ากับองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตั้งแต่หัวค่ำ แต่ว่าเกรงใจยายที่บ้านแกมันจะมันจะไม่มีผ้าจะห่มนะซี เลยให้ไม่ได้ มาตอนสุดท้ายใกล้สว่างนี่ ก็เลยตัดสินใจเอาละ ยายแกจะมีหรือไม่มีก็ตามใจ ฉันถวาย ฉันจะเอาบุญเป็นทุนไปสวรรค์ พระพุทธเจ้ากล่าวอย่างนั้น ว่าคนให้ทานมีอานิสงส์มาก เกิดแล้วจะไม่มีความยากจนเข็ญใจทุกๆ ชาติจนกว่าจะเข้าพระนิพพาน ถ้าอยู่บนสวรรค์มีวิมานสวยอร่าม มีวิมานทอง วิมานอะไรก็ช่าง<O:p</O:p
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผู้หญิง คือนางฟ้าเยอะแยะอย่างขี้หมูขี้หมา 500 คน แต่คนใดได้บำเพ็ญกุศลกับองค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาด้วยความเลื่อมใสจริงๆ ก็จะมีนางฟ้าที่เป็นผู้หญิงตั้งพันสองพัน หมื่นสองหมื่นคน โอ้โฮ..มันเก๋แบบนี้ ฉันเห็นท่ามันดีนี่ชาตินี่ฉันมีเมียคนเดียวเลี้ยงไม่ค่อยจะไหว ช่วยกัน ทำงานเกือบตายมันก็ไม่ค่อยจะพอกิน แต่ว่าองค์สมเด็จพระมุนินท์บอกว่าเป็นเทวดาไม่ต้องทำมาหากินหรอกสบายทุกอย่าง มีความสุขทุกอย่างเมียทุกคนไม่ทะเลาะกัน มีมากเท่าไรก็ได้<O:p</O:p
    นั้น ! เอ..นี่บาลีเขาไม่ได้ว่าอย่างนี้นา ลูกหลานทั้งหลายคิดให้ดีนา นี่มันเลยบาลีไปเสียแล้ว แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจโกหกหรอก ว่าตามความรู้สึกของตัวเอง ความจริงเทวดาเขาอยู่อย่างนั้นจริงๆ เขาไม่หึงไม่หวงกันนะ เขาไม่มีรื่องยุ่ง เพราะความเป็นอยู่ทุกอย่างเป็นสุข บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ไม่หนาว ไม่ร้อน ไม่หิว ไม่กระหาย ไม่ป่วยไข้ไม่สบาย ร่างกายไม่ทรุดโทรม แล้วก็ร่างกายทรงแต่ความสวยงาม มีความสุขทุกอย่าง จะไปไหนไม่ต้องต้องใช้รถไม่ต้องใช่เรื่อ เหาะไป นึกปั๊บถึงปุ๊บ สบายใจ นี่เมืองเทวดาเป็นยังงั้น<O:p</O:p
    แกก็เลยบอกว่า เมื่อองค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพูดอย่างนี้นี่ ฉันเป็นเชื่อพระพุทธเจ้า ฉันก็เชื่อน่ะซิ เมื่อเชื่อแล้วที่ฉันถวายตอนหัวค่ำไม่ได้ เพราะว่าจนใจอียายเฒ่ามันอยู่ที่บ้านบอกว่ามาฟังเทศน์ตอนกลางวัน ทีนี้ไอ้ฉันมาฟังตอนกลางคืนก็เกรงว่าไปตอนกลางวันเขามาจะไม่มีผ้าห่ม คิดไปคิดมา คิดมาแล้วตั้งแต่หัวค่ำ จนกระทั่งใกล้สว่างจึงตัดสินใจได้ว่า ยายจะมีผ้าหรือไม่ก็ช่าง เราจะถวายผ้าผืนนี้แก่พระพุทธเจ้า ถ้ากลางวันยายอยากมาฟังเทศน์ ก็จะแก้ผ้าที่นุ่งนี่แหละให้ยายห่มมา<O:p</O:p
    เรื่องนี้เลยบาลีไปหน่อย เพราะบาลีไม่ได้พูดอย่างนี้ไม่พูดถึงตอนแก้ผ้า นึกเอาเอง แต่ความจริงมันก็ควรจะเป็นแบบนั้น และตัวเองได้ฟังเทศน์ชื่นใจแล้ว แต่ก็มีความห่วงใยยาย ถ้าไม่คิดตามนี้แล้วก็ให้ไม่ได้ ตัดสินใจไม่ได้<O:p</O:p
    แกคงคิดตามลิงนะ เอ้อ..ลูกหลานอ่านแล้วเข้าใจด้วยนะว่าปู่ย่าตายายหลานน่ะเป็นลิง ปกติไม่ได้นุ่งผ้า ไอ้เรื่องแก้ผ้ารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาๆ เราได้โชว์เชพโชว์สัดส่วนต่างๆ รู้กันชัดว่าใครเป็นยังไงๆ เลือกได้ตามอัชฌาสัย ไม่ต้องนั่งสงสัยเสียใจในวันหลังเพราะสิ่งที่เราต้องการนั้นไม่เป็นไปตามประสงค์ไม่เป็นที่พอใจ<O:p</O:p
    <O:p</O:p




    พระเจ้าปเสนทิโกศลประทานผ้าสาฎก 2 ผืน

    <O:p</O:p
    เมื่อตาจูเฬกสาฎกพราหมณ์น่ะแกพุดอย่างนี้ เทื่อท่านอำมาตย์ผู้ใหญ่มีความเข้าใจ จึงได้ไปการบทูลพระเจ้าเสนทิโกศลบรมกษัตริย์ เมื่อพระบาทท้าวเธอทรงทราบก็ปลาบปลื้มใจ บอกเอ้อ..พราหมณ์นี้จนขนาดนี้เชียวนะยังทำบุญได้ ผ้าผืนเดียวสองคนผัวเมียแบ่งกันใช้ ผลัดกันใช้คนละเวลา เขายังกล้าตัดสินใจได้ ก็นี่เราเป็นพระราชา นี่มันเรื่องเล็ก<O:p</O:p
    ไอ้เรื่องผ้าห่มท่อสไบถ้ามันเกินวิสัยให้ได้ตามอัธยาสัยถ้าไม่มีก็ให้ไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่าเกิดมีความเสื่อมใสในพราหมณ์เป็นกรณีพิเศษที่มีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ จึงได้บอกให้อำมาตย์ผู้นั้นไป ไปในวังฉัน ไปบอกพระนางมัลลิกาเทวี ฉันต้องการผ้าที่ใช้เองอย่างดีที่สุดผ้าสาฎก ผ้าสาฎกอย่างดีที่สุดที่ฉันใช้สองผืน ไปเร็วๆ ไปให้ฉันทันใจ ฉันเป็นคนใจเร็ว<O:p</O:p
    นี่ความจริงพระเจ้าปเสนทิโกสนท่านเปก็นคนใจเร็วรึเปล่าก็ไม่รุ้ ไอ้คนเล่านี่มันลิง ลิงนี่มันใจเร็ว ไอ้หมอนั้นก็วิ่งตื๋อ วิ่งหรือ ไม่วิ่งก็ช่าง พระราชาบอกเร็วก็วิ่งส่ง<O:p</O:p
    เออ..พ่อหนูลูกหลานทั้งหลาย ฟังแล้วก็จำ ถ้าผู้ใหญ่สั่งให้วิ่งเร็ว วิ่งตะบันเลย ทำให้ทันใจผู้ใหญ่ เรียกว่าทำงานดีด้วยถูกระเบียบและก็ถูกใจผู้ใหญ่ด้วย ลูกหลานทั้งหลายไม่ต้องห่วงว่างานของเรามันจะเลวจะด้วย มีความดีน้อยกว่าบุคคลอื่น ไม่ต้องกลัว ทำงานให้มันดีด้วย ทันใจด้วย และถูกใจผู้ใหญ่ด้วยรับนองปริญญา 3 ประการนี้ครบถ้วนเมื่อไร ลูกหลานเอ๋ย..ความรุ่งเรืองมันเกิดในชาติปัจจุบันและสัมปรายภาพ<O:p</O:p
    แต่ระวังให้ดีนะ อย่าไปตามใจผู้ใหญ่ที่มีสันดานแป็นเปรตเข้า แต่ถ้าหากเราพอใจนิสัยเปรตก็ไม่เป็นไร เวลาตายเราก็เป็นเปรตได้เหมือนกัน ถ้าตามใจผู้หลักผู้ใหญ่ที่ท่านเป็นสัตว์นรก เราเองก็ตายไปก็เป็นสัตว์นรกเหมือนกับอย่างท่าน<O:p</O:p
    ถ้าตามใจท่านที่เป็นเทวดา ทำถูกใจท่าน เวลาเราตายเราก็เป็นเทวดาได้ หากว่า ตามใจท่านที่เป็นพรหม เวลาเราตายเราก็เป็นพรหมได้ ถ้าตามใจท่านที่ไปนิพพาน คือเป็นพระอริยเจ้าพอใจปฏิปทาของท่าน อย่างลุกหลานที่เดินทางไปนิพพาน คือเป็นพระอริยเจ้าพอใจในปฏิปทาของท่าน อย่างที่ลูกหลานทั้งหลายที่เดินทางไปด้วยกันอย่างนี้เราก็ไปนิพพานได้ จะว่าเป็นพระพุทธเจ้า ขืนไปแย่งกันคราวเดียวหลายองค์ ได้ฟัดปากแตกไปเท่านั้น พระพุทธเจ้าคราวเดียวมีได้หนึ่งองค์ เพราะเป็นอัจฉริยมนุษย์ คือว่าเป็นบุคคลผู้อัศจรรย์<O:p</O:p
    เมื่อท่านอำมาตย์ได้ไปถึงพระราชฐานได้ผ้ามา 2 ผืน พระราชาก็เลยบอกว่า เอาไปให้อีตาพราหมณ์นั้น เอาให้แกแล้ว ไอ้ศรัทธาแกเต็มอยู่แล้ว แหม..ไอ้ผ้าสาฎกนี่เขาใช้กับพระราชากับมหาเศรษฐี ผ้าอย่างนี้ผืนหนึ่งมันตั้งหลายสิบแสนกหาปณะ เงินไทยเวลานี้นี้เกือบพันล้านแล้ว นี่ผ้าหนึ่งผืนนะ คิดราคาทองคำสมัยนี้ ผืนหนึ่ง 30ล้าน ก็ซื้อไม่ได้ ให้ตั้ง 2 ผืนดีใจใหญ่<O:p</O:p
    แต่ว่าเปล่าท่านผู้อ่านและลูกหลานที่รัก ตาพราหมณ์แกดีใจไม่คิดว่าแกจะไปใช้เองหรอก แกนึกว่าผ้าของเราที่ถวายพระพุทธเจ้าน่ะมันจะเก่าเกินไป มันไม่เต็มกับความประสงค์ของเรานี่ เราได้ผ้าใหม่ ผ้าราคาเป็นแสนๆ กหาปณะ ดีมาก ย่องเข้าไปถวายองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคหมดทั้ง 2 ผืน นั้น ! พระราชาปเสนทิโกสนมองตาป๋อเลย อีคราวนี้นึก<O:p</O:p
    เอ๊ะ ! อีตานี่แกมันยังไงของมันละหว่า ไอ้นี่ผ้าแกก็เก่า ผ้าห่มก็ไม่มี ผ้านุ่งก็เก่าเต็มที เราให้คิดว่าจะเป็นผ้าห่มผืนหนึ่ง ผ้านุ่งผืนหนึ่ง หรือดีไม่ดีแกก็แบ่งไปเป็นผ้าห่มคนผืนกับยาย นี่ ย่องเข้าถวายองค์สมเด็จพระจอมไตรนี่ เอ๊ะ...นี่มันยังไงกันนี้ อีตาหมดนี่ ราคามันแค่เรา ซะแล้ว<O:p</O:p
    คำว่า แค่เรา เป็นอย่างไร เพราะว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลพระองค์มีความเคารพพระพุทธเจ้าเป็นกรณีพิเศษ ถ้าหากว่าขณะใดที่องค์สมเด็จพระโลกเชษฐ์อยู่ใกล้ จะไปไหนต้องลาก่อน จะมาจากทัพก็ต้องมานมัสการก่อน ยังไม่เข้าเมืองก่อน หรือว่าถ้าผ่านไปก็ต้องเข้ามาลา จะกลับมาต้องเข้ามาไหว้ นี่แบบนี้จำไว้ถ้าผ่านไปต้องเข้ามาลา จะกลับต้องเข้ามาไหว้ นี่แบบนี้จำไว้นะลูกหลานที่รัก คือว่าเขาเรียนว่า ไปลา มาไหว้ นี่เป็นความดี ถ้าหากว่าเรายังทำกันอยู่เวลานี้มันก็ยังดี อย่าคิดว่าดีเสียแล้ว ความดีที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงสั่งสอนไว้อย่าลบล้างเสียนะลูกหลานที่รัก แล้วต่อไปจะรู้เอง<O:p</O:p
    เมื่อพระราชาเห็นอีตาพราหมณ์คนนั้นศรัทธา จึงอำมาตย์กลับไปใหม่ บอกไปเอามาอีก 4 ผืน พอให้แก แกก็ดีใจใหญ่ เอาไปถวายพระพุทธเจ้าเสียอีก 4 ผืน เอามาอีก 8 ผืน แกก็ถวายหมด ไปเอามา 16 ผืน แก่ก็ถวายหมด เอามาอีก 32 ผืน แกก็ถวายหมด แล้วกัน ก็เลยมานั่งคิดว่า ถ้าให้แต่ผ้าน่ากลัวอีตาพราหมณ์นี่ไม่ได้นุ่ง พ่อถวายหมด เพราะศรัทธามันล้น ความดีอย่าล้น พระราชาจึงบอกเอาใหม่ บอกว่า ไม่ได้แล้ว ขืนให้ตาแก่นี่น่ากลัวจะไม่ได้ใช้ผ้า ดีไม่ดีประเดี๋ยวเหอะแกจะลุกกลับ พ่อแก้ผ้าพระพุทธเจ้าเสียอีกพ่อก็จะเกิดนุ่งลมห่มฟ้า<O:p</O:p
    นี่คนที่มีศรัทธาเป็นอย่างนั้น เพราะมองเห็นความดีข้างหน้าว่าตายแล้วมันเอาอะไรไปไม่ได้ นี่เราของที่ดีน้อยไปแลกของที่ดีมาก คือว่าผ้าเก่าหรือผ้าใหม่ก็ตามที่มีสภาพผุพังไปแลกกับผ้าทิพย์วิมารทิพย์ ความเป็นอยู่อย่างทิพย์ คือเป็นเทวดาหรือ พรหม นี่โดยนิยม พระพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้จักทำ แต่ว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ให้ใช้จ่ายหมดตัว <O:p</O:p
    ให้รู้จักการ ให้แค่พอดี ไม่เบียดเบียนตัวเกินไป ตานี้ถ้าพราหมณ์ที่แกให้ตอนต้นมันเบียดเบียนเหมือนกัน แต่ถ้ามันมากให้ผ้า 1 ผืน ตานี้ผ้าที่พระราชาให้มากกว่า 1 ผืน ผ้าที่พระราชาให้มาเท่าไรก็ตาม ที่มันเป็นที่เกินวิสัยแกจะหาได้ ไม่ใช่เบียนแก แกได้มากรณีพิเศษ จึงได้มอบถวายองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ สบาย อย่างนี้สบายองค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    [​IMG]


    ผลของทานส่งผลทันที

    <O:p</O:p
    พระราชาคิดว่า เอ...ที่ให้ผ้าไม่เป็นเรื่องซะแล้วซี ก็ดีโมทนากับแก นับแต่บัดนี้เป็นต้นไปเลิกเป็นคนจนเสียทีนะ พราหมณ์ก็ตกใจว่า ข้าพระพุทธเจ้าเลิกไม่ได้พระพุทธเจ้าค่ะ เพราะข้าวไม่ค่อยจะมีกินอยู่แล้ว แล้วเวลานี้ผ้าก็มีอยู่ผืนเดียว ผ้าห่มก็ไม่มี อีตอนเช้ากลางวันนี้ยายจะมาฟังเทศน์แต่จะมาเมื่อรีก็ไม่ทราบ แต่ข้าพระพุทธเจ้าคิดแล้วว่าจะแก้ผ้าให้แกห่มมา<O:p</O:p
    พระราชาก็บอกว่า ไม่ต้องๆ ฉันจะช่วยให้เลิกจนต่อแต่นี้ไป มาอยู่ตรงโน้นนะ เนื้อที่ฉันมีอยู่ 1000 ไร่ ฉันให้แก แล้วให้ วัว 100 ตัว ควาย 100 ให้คนสำหรับทำงานเป็นผู้หญิง 100 คน ผู้ชาย 100 คน ไอ้วัวควายไม่เป็นไร ตานี้อีตอนให้คนแกบอกว่า ไม่ได้พระเจ้าข้า ไม่มีข้าวให้กินแน่<O:p</O:p
    พระองค์ก็บอก ไม่ต้องห่วง ไอ้เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องของฉัน เงินทองฉันให้เต็มที่ ข้าวปลาอาหาร ผ้าผ่อนท่อสไบให้ครบเธอไม่ต้องห่วง แล้วต่อแต่นี้ไปฉันให้บ้านอีก 100 หลังคาเรือน พวกนี้เขาเสียอากรแก่แผ่นเดินเท่าไรก็ตาม ฉันสั่งเจ้าหน้าที่ว่าเก็บส่วยจากพวกนี้ไปได้แล้วเก็บภาษีแล้วไม่ต้องส่งฉัน ส่งให้แก่พราหมณ์จะเอาไว้ใช้สอย แล้วพระองค์ก็ทรงพระราชทานบ้านช่อง บ้านทั้งบ้านนะ ไอ้บ้านก็ต้องมีช่อง ไม่มีช่องมันเข้าไม่ไดหรอก แม้แต่บ้านตามแถวเมืองกำแพงเพชร สุโขทัยอะไร จังหวัดตาก นี่เขาทำไว้ขาย ตีฝาไว้ทึบๆ ไม้หนาๆ ยังต้องทำช่องเล็กๆ สำหรับเข้า นี่เข้าหลอกตาเจ้าหน้าที่น่ะ ความจริงเจ้าหน้าที่ไม่ใช่จะไม่รู้ เขารู้แต่เขาขี้เกียจจับ ก็ดีเหมือนกันจะได้มีทางทำมาหากิน ให้บ้านช่องห้องหอ เงินทอง ข้าวปลา ข้าทาสชายหญิงเสร็จ<O:p</O:p
    ตามที่กล่าวมาเป็นอันว่าอีตาพราหมณ์จูเฬกสากฎ นี่<O:p</O:p
    เเรกแกอีตาพราหมณ์นี่ นี่แกเป็นพระอรหันต์แล้วยังนี่ พ่อจะมาล่อหัวเข้าน่ะนะ ดีไม่ดีจะทำเป็นองค์ตื้อ (หลวงพ่อปู่ตื้อ) อีตอนไปหาหลวงปู่แหวนน่ะเป็นผีแล้วยังอาละวาดอีก เอ้า..จริงๆ ไอ้ทีว่าจริงๆ เพราะว่าแกล่อเราสบาย หลวงพ่อปานเคยบอกว่าเอ้อ... ไอ้ลูกหลานเองน่ะ เอ็งจะอวดว่าเอ็งเก่งกว่าผีอีก จะอวดดีกว่าพระนะ นี่หลวงลุงตื้อนี่เป็นผีเป็นทั้งพระ เป็นผีพระซะด้วย พ่อ ได้ 2 ทางเลย<O:p</O:p
    พอหลวงพ่อแหวนเชิญพระอรหันต์ทั้งหลายเท่านั้นน่ะ ปั๊บเข้าข้างหลัง เข้าแล้วกำปั้นเลย ว่าไอ้นี่มันมานั่งอยู่ทำไมของมันนี่ไอ้ตัวไปทีหลังไปว่าคนชาวบ้านที่เขาไปก่อนนี่มันไม่ถูก ถูกหรือไม่ถูกท่านก็ล่อเข้าแล้ว สู้ท่านไม่ได้ เอ๊ะ ! เรื่องมันไปถึงไหนแล้วนะ เดี๋ยวๆ ยังไม่จบหรอก เลอะเทอะไปยังงี๋เดี๋ยวไม่จบหรอก<O:p</O:p
    พราหมณ์นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ขอเล่าลัดๆ เลยหมดเรื่อง เรื่องจนไม่มีกัน มันจะขาดแคลนเท่าไรพระราชาเอื้อเฟื้อ ต่อมาเมื่อพราหมณ์กลับไปแล้ว ด้วยอานิสงส์ปัจจุบัน บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายที่ฟังเทศน์องค์สมเด็จพระทรงธรรม์แล้วติดตามไปด้วย เวลาที่พระพุทธเจ้าพักเทศน์ วันนั้นพระพุทธเจ้าตั้งใจโปรดจูเฬกสาฎกพราหมณ์ เห็นว่าแกเป็นพระอริยเจ้าแหงๆ ไม่ต้องห่วงทั้งตาทั้งยาย เดี๋ยวนี้ไปนิพพานลิ่วๆ ไปแล้ว ไปนานแล้วไปก่อนเถรฤาษีลำงดำจะเกิดเป็นคนเสียอีก ถ้าอย่างนั้นไม่ไปมันก็ซวยเต็มทีแล้ว คนมีศรัทธาแบบนั้นแล้วได้ผลในปัจจุบันแบบนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p


    การทำบุญบุญต้องเร็วๆ ไวๆ
    <O:p</O:p
    เมื่อบรรดาพระสงฆ์ทุกท่าน เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเทศน์ฉันข้าวเสร็จนั่งชุมนุมกันตามประสาคนปากมาก ปากน้อย พูดมา พูดน้อย พูดบ่อย พูดนาน นานพูดแต่ก็พูด นั่งชุมนุมกันกันว่าเป็นอัศจรรย์ การที่องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้จูเฬกสาฎกเกิดความศรัทธา เพราะว่าผืนเดียวไปไหนไม่ได้เลย เมื่อบรรดาพระสงฆ์ประชุมกันแบบนั้นแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงอยู่ในมหาวิหาร สมเด็จพระพิชิตมารทรงสดับฟังเสียงด้วยทิพยโสตญาณ (หูเป็นทิพย์) จึงได้เสด็จมานั่งประทับอยู่ในที่อันควร แล้วก็ถามว่า ภิกขเว ดูพระทั้งหลายเหล่านั้นกราบทูลว่า<O:p</O:p
    ก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ?<O:p</O:p
    พระทั้งหลายเจ้าปรารภเรื่องจูเฬกสาฎกพราหมณ์ที่ฟังจากพระองค์แล้ว หลังจากนั้นมีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ถวายผ้าในยามที่ 4 และพราหมณ์นี้ก็ได้ผมในปัจจุบันทันที คือเป็นคหบดีคนสำคัญ<O:p</O:p
    องค์สมเด็จพระพิชิตมารจึงตรัสว่า<O:p</O:p
    ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย การที่จูเฬกสาฎกพราหมณ์ถวายผ้าแก่เรายามที่ 4 นั้น เรียกว่าทำบุญช้าไป หากว่าทำบุญเร็วเรียกว่านั้นนะ ถ้าหากว่ายามต้นจูเฬกสาฎถวายผ้าแก่เรา เขาจะได้เป็นเศรษฐีใหญ่ เพราะอนิสงส์ที่ตัดสินใจโดยฉับพลัน ถ้ายามที่ 2 จูเฬกสาฎกถวายผ้ากับเรา เขาจะได้ดำรงตำแหน่งเศรษฐีปกติ คือมีทรัพย์ตั้งแต่ 80 โกฏิขึ้นไป ถ้าว่าในยามที่ 3 จูเฬกสากฎถวายแก่เรา เขาจะได้อนุเศรษฐีในสมัยนั้น<O:p</O:p
    แต่ว่านี่จูเฬกสากฎตัดสินใจช้าไป เพราะความห่วงใยยายที่บ้าน เขาจึงถวายทานแก่เราในยามที่ 4 ฉะนั้นจูเฬกสาฎกจึงได้เป็นแต่เพียงแค่คหบดี แต่ทว่าความดีของจูเฬกสาฎกมิไดเพียงแค่นี้ นี่พูดเลยบาลีไปนิด เพราะว่านอกจากจะได้ทรัพย์แล้ว ต่อไปก็จะได้อริยทรัพย์เป็นกรณีพิเศษ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ตรัสอย่างนี้ พระอรรถกถาจารย์จึงได้กล่าวว่าการบำเพ็ญกุศลนั้น องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า ต้องเป็นตุริตะ ตุริตัง สีฆะ สีฆัง แปลว่า เร็วๆ ไว นี่ถ้าเราเร็วๆ ไวๆ ละก็ จูเฬกสาฎกจะได้เป็นเศรษฐีใหญ่ นี่ทำช้าไปจึงได้เป็นคหบดี ความจริงได้เป็นคหบดี ความดีแค่นี้มันก็น่าปลื้มใจแล้วแล้วนะ แล้วก้ปลื้มใจมากอยู่แล้ว ผ้าผืนเดียวเท่านั้น<O:p</O:p
    แหม..ช้าง 100 ตัว วัว100 ตัว ควาย 100 ตัว ผู้หญิง 100 ผู้ชาย 100 ได้บ้านได้นาได้ส่วยอีก 100หลังคาเรือน แล้วเรื่องเงินทองของใช้เท่าไร ถ้าไม่มี มีไม่พอ พระราชาพระราชทานเป็นกรณีพิเศษ นี่เป็นการบำเพ็ญกุศลเพราะความเลื่อมใสในพุทธศาสนาพระบรมโลกเชษฐ์ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเจ้ามีคุณประโยชน์อย่างนี้<O:p</O:p
    (หลวงพ่อได้สรุปตอนท้ายว่า)<O:p</O:p
    ผลบุญใดที่จูเฬกสากฎจะพึงได้ในปัจจุบัน กล่าวคือในทันทีทันใดที่พระพุทธเจ้าตรัส ผลบุญอันนี้แหละบรรดาท่านทั้งหลาย จะได้ได้กับท่านในชาติปัจจุบันและสัมปรายภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงไม่ได้ทำแต่เพียงเท่านี้ ความดีสร้างกว่านี้มาก มีบุญใดที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่าเป็นบุญใหญ่ ได้แก่พระนิพพาน ต้องถึงแก่พวกท่านแน่ๆ



    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หนังสือธรรมปัฏิบัติเล่มที่1<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2008
  2. ธรรมะปรมัติ

    ธรรมะปรมัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +114
    การกระทำอะไร ๆ ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาจริง ๆ เลยนะครับ โมทนาด้วย
     
  3. - เงาะป่า -

    - เงาะป่า - เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +565
    รู้สึกว่า จูเฬกสาฎก จะเป็นชาติหนึ่งของพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลนะครับ น่าจะเป็นพระมหากัสสปะนะครับ ถ้าผมจำไม่ผิด


    อนุโมทนาสาธุครับ
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------
    "จงจำไว้นะ เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครไหนมาช่วยเจ้า"
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ร่วมสร้าง " อุโบสถเงิน" วิหารทานที่ในครั้งนึงในชีวิตไม่ควรพลาดครับ
    --> http://palungjit.org/showthread.php?t=140433
    มาลองทำสังฆทานอย่างง่ายๆ ด้วยตนเองกันครับ
    --> http://palungjit.org/showthread.php?p=1435870#post1435870
    มาเที่ยวศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน จ.ตากกันครับ
    --> http://palungjit.org//showthread.php?t=144889
    มาเที่ยว วัดเกตการาม จ.เชียงใหม่ วัดประจำปีจอกัน
    --> http://palungjit.org/showthread.php?t=136821
     
  4. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,270
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,079
    (หลวงพ่อได้สรุปตอนท้ายว่า)<O:p</O:p
    ผลบุญใดที่จูเฬกสากฎจะพึงได้ในปัจจุบัน กล่าวคือในทันทีทันใดที่พระพุทธเจ้าตรัส ผลบุญอันนี้แหละบรรดาท่านทั้งหลาย จะได้ได้กับท่านในชาติปัจจุบันและสัมปรายภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงไม่ได้ทำแต่เพียงเท่านี้ ความดีสร้างกว่านี้มาก มีบุญใดที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่าเป็นบุญใหญ่ ได้แก่พระนิพพาน ต้องถึงแก่พวกท่านแน่ๆ


    อันนี้ก็ขอให้สมปรารถนากันทุกคนนะครับ
    ;aa2อนุโมทนาครับ บุญกุศลใครทำ คนนั้นก็ได้ ไปนิพพานได้ทั้งนั้นแหละครับ สาธุ
     
  5. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ผู้ถาม : เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าจะอุทิศส่วนกุศลภายหลังจะได้ไหมคะ...........?
    หลวงพ่อ : การทำบุญไปแล้วครั้งหนึ่งสักกี่ปี ๆ บุญก็ยังมีอยู่ถ้าทำไปแล้วสัก ๓๐ ปี ก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญมันไม่หาย ไม่ใช่เราทำบุญแล้ว เดี๋ยวเดียวมันหายไปไม่ใช่อย่างนั้นนะ
    ผู้ถาม :แล้วถ้าเผื่อทำบุญแล้ว ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลจะได้บุญเต็มที่ไหมคะ...?
    หลวงพ่อ : ก็ได้เต็มที่อยู่แล้ว เราเป็นผู้ได้สมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ว่าเราจะให้เขาหรือไม่ให้ การอุทิศส่วนกุศล นี่นะ ถ้าเราไม่ให้ เราก็กินคนเดียวใช่ไหม..... ทีนี้ถ้าเราให้เขาของเราก็ไม่หมดอีก ส่วนที่เราให้ไปไม่ได้ยุบไปจากของเดิม อย่างเรื่องของ พระอนุรุทธ สมัยที่ท่านเกิดเป็นคนเกี่ยวหญ้าช้างของมหาเศรษฐี เวลาที่ท่านทำบุญแล้ว เจ้านายขอแบ่งบุญ ท่านก็สงสัยว่าการแบ่งบุญน่ะจะแบ่งได้ไหม จึงไปถามพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่ท่านรับบาตรนะ ท่านก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า

    "สมมุติว่าโยมมีคบ แล้วก็มีไฟด้วย คนอื่นเขามีแต่คบ ไม่มีไฟ ทุกคนต้องการแสงสว่าง ก็มาขอต่อไฟที่คบของโยมแล้วคบทุกคนสว่างไสวหมด อยากทราบว่าไฟของคุณโยมจะยุบไปไหม....?
    ท่านอนุรุทธก็บอกว่า ไม่ยุบ
    แล้วท่านก็บอกว่า "การอุทิศส่วนกุศลก็เหมือนกัน ให้เขา เขาโมทนา แต่บุญของเราเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์"


    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ




    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  6. สัทธาธิกะ

    สัทธาธิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +373
    ใจความสำคัญจากที่อ่านนะครับ
    ทำบุญต้องไม่มีการผลัดวันประกันพรุ่ง ทำทันที ถึงจะส่งผลได้มากที่สุด
    อนุโมทนาครับ
     
  7. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG]ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...
     
  8. บีว่า

    บีว่า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +94
    [​IMG]
    เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกเศร้าใจอย่างไงบอกไม่ถูก

    ขอกราบนมัสการและขออนุโมทนาด้วยครับ สาธุ....
     
  9. baimaingam

    baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    634
    ค่าพลัง:
    +880
    ขออนุโมทนาสาธุครับ...
    ...หันหลังคืนฝั่ง พ้นจากทะเลทุกข์...
     
  10. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    เชิญแวะอ่านธรรมะของหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง ที่
    เฟสบุ๊ค ศูนย์พุทธศรัทธา
    และร่วมกันแบ่งปันธรรมะของหลวงพ่อฯ ไปยังกระดานของท่านเพื่อเป็นธรรมทาน

    <STRONG>เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O[​IMG]
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O[​IMG]
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่www.tangnipparn.com<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
  11. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
  12. ก้อนหิน

    ก้อนหิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +238
    เอาชนะอารมขี้เหนียวด้วยการดูจิต ทำบุญตามกาล """"ของปู่มั่นapply)
     

แชร์หน้านี้

Loading...