กายยังถาวรกว่าจิต

ขออนุญาตินำพระธรรมมาโพสนะครับ เห็นว่าเป็นสิ่งน่าสนใจ เป็นตัวเตือนสติ ไม่ให้ยึดติดแม้กับจิตก็ไม่ใช่ของเรา


146 กายยังถาวรกว่าจิต

ปัญหา คนส่วนมากเข้าใจว่า ในคนเรามิจิต ซึ่งมั่นคงถาวรไม่รู้จักตาย แม้ร่ายกายตายไปแล้ว จิตก็ยังอยู่ ดังนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไรในเรื่องนี้ ?

พุทธดำรัสตอบ

 

อนุโมทนา สาธุคับ

 

แล้วตกลงแปลว่าไรครับ ตีความว่าไงครับ แหะๆ

 

เรารู้ว่าถึงแม้ว่ากายจะตาย แต่จิตก็ตามเราไปในภพชาติอื่น ยิ่งผู้มีญาณมีอภิญญาทั้งหลาย สามารถใช้ฤทธิ์ใช้ญาณของจิตที่ฝึกมาดีแล้วได้อย่างสนุกสนาน จนอาจจะเข้าใจว่า จิตนั้นเป็นเรา เป็นของเรา

แท้จริงแล้วจิตมีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา การเกิดและการดับของจิตแต่และดวงนั้น เกิดดับเร็วมาก เร็วยิ่งกว่ากายที่เกิดและดับอีก กายยังเกิดดับใช้เวลาเป็น วัน เดือน ปี แต่จิตเกิดดับเร็วยิ่งกว่านั้น แล้วเรายังจะยึดได้อย่างไรเล่าว่าจิตเป็นของเรา

จงระลึกเสมอว่าจิตก็ไม่ใช่เรา ความเป็นเรานั้นเกิดจากการยึดมั่นถือมั่นของจิตนั่นเอง

 

ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

 

กาย ก็ไม่ยึด
จิต ก็ไม่ถือ

ปล่อยวาง ปล่อยว่าง

 

คิดแบบนี้ได้ไหมครับ
จิตเกิดดับเร็วมาก จนเปรียบเสมือน(virtually)ว่ามีจิตอยู่.
ถ้าเทียบกะตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆคือ เหมือนกะ หลอดไฟตามบ้าน ที่กระพริบ 50hz(Thailand) บ้าง 60hz(USA) บ้าง เร็วจนเราคิดว่าหลอดไฟนั้นติดอยู่ตลอดแต่แท้จริงแล้ว มันติดดับ ติดดับ 50 ครั้ง / วินาที

ดังนั้นผมจึงมองว่ามันมีอยู่ และจิตนี่แหละที่ไปกะเราไม่ว่าชาตินี้ ชาติไหน หรือแม้กระทั่งเราเข้านิพพาน จิตก็ยังอยู่กะเรา ไม่ได้หายไปไหน
พูดอีกอย่างก็คือ ตัวตายแต่จิตยังอยู่นั่นเอง

ผมมันความรู้น้อยอาจเข้าใจผิดก็ได้

 

อืม ผมก็เสนอได้แต่ความรู้ครับ ซึ่งความรู้ที่ได้ก็มาจากทางโลกบ้าง ความคิดบ้าง ปัญญา(น่าจะมี)บ้าง ยังมิได้ปฏิบัติจนเห็นเองได้ ก็คงมิกล้าแนะนำความคิดเห็นของใครว่าเป็นอย่างไรครับ

 

..กาย ใจ จิต วิญญาณ แห่ง มนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม นั้น

เป็นสังขารปรุงแต่งด้วยบุญ บาป และ กฏแห่งไตรลักษณ์

เห็นได้ง่ายๆด้วยตามนุษย์ และ เห็นได้ด้วยความรู้อันละเอียดขึ้นไปอีก


....ส่วนผู้เข้าถึง กายธรรม ตั้งแต่โคตรภู โสดา สกิทาคา อนาคา

อรหัต เริ่มสัมผัสถึง สิ่งที่เป็นวิสังขาร ไม่เป็นปัจจัยปรุงแต่ง

เพียงแต่ ต้องสำรอกกิเลส อาสวะ สังโยชน์ อันเป็นเครื่องร้อยรัดในวัฏฏะ

ออกให้หมด จึงเข้าถึง สภาวะพ้นจากภพสามอย่างแท้จริง


*******************************************

....เรื่องปล่อยวางจนว่างนั้น...ระวัง ถ้าจิตยังแยกไม่ออกระหว่าง


ว่างจากกิเลสที่ปรุงจิต .....

กับ ว่างที่เป็น "นัตถิ" อันเป็นมิจฉาทิฐิ
ซึ่งไม่ใช่ว่างโดยการเห็นและตัด
วงจรปฏิจจสมุปบาทแล้ว.... ยังติดในภพสามอยู่นั่นเอง เพราะยังไม่ดับเหตุคือ อวิชชา หรือ ตัดที่ตัณหาสาม ตรงกลางวงจรปฏิจจสมุปบาท