Boriska boy from Mars เด็กชายจากดาวอังคาร

อิอิ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ พี่ภัทร pucca บอกแล้วว่ามันยาวมากเลย ขืนอ่านไป เปิด dic ไป สงสัยจะเบื่อซะก่อน พี่ภัทรช่วยแปลให้ สมาชิกท่านอื่นจะได้อ่านง่าย ๆ ด้วย หรือ เราอ่านยากอยู่คนเดียวก็ไม่รู้ แฮะ.....แฮะ....

ไว้พี่ภัทรว่าง ๆ แล้วค่อย ๆ แปลที่ละ part ก็ได้นะคะ จะรอค่ะ

thaxx

 

บอริสก้า เด็กชายจากดาวอังคาร

บอริสก้า เด็กชาย จากดาวอังคาร

บางครั้ง เด็กบางคนเกิดมาพร้อมพรสวรรค์อันน่าหลงไหล มีความสามารถสุดพิเศษ ข้าพเจ้าได้รับการบอกเล่าถึงเด็กชายทีชื่อว่า บอริสก้า ผู้ที่ไม่ธรรมดา จากคณะผู้เดินทางที่จะไปยังโซนที่แปลกประหลาด ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ของแคว้น โวโกการ์ด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในนามของ "เมดเวเดสกาย้า กรีอะดา"

"คุณรองจินตานาการ ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งผิงไฟอยู่รอบๆกอบไฟในช่วงเวลากลางคืน เด็กชายตัวเล็กๆคนนึง (อายุประมาณ 7 ขวบได้) อยู่ๆก็หันมาเรียกร้องความสนใจจากทุกคน เขาต้องการบอกคนเหล่านั้นทุกอย่างที่เกี่ยวกับชีวิตบนดาวอังคาร ผู้อยู่อาศัยบนดาวอังคารและการเดินทางโดยยานอวกาศมาัยังโลกมนุษย์" ผู้อยู่ในเหตุการณ์ท่านหนึ่งร่วมแชร์ ความเงียบเข้าปกคลุม มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เด็กชายตัวเล็กๆตากลมโตร่าเริงเบิกบาน กำลังจะเล่าถึงนิทานเรื่องพิเศษเกี่ยวกับความศิวิไลซ์ของชาวดาวอังคาร เกี่ยวกับเมืองต่างๆที่สร้างจากหิน เกี่ยวกับยานอวกาศ และการเดินทางไปยังโลกอื่นๆ เรื่องราวเกี่ยวกับประเทศ เลมูเรีย ชีวิตที่เขารู้จักเป็นอ่างดี เพราะว่าเขาเกิดมาเป็นผู้สืบเชื้อสายจากดาวอังคาร มีเพื่อนเขามากมายอยู่ที่นั่น

 

อานาจักรเลมูเรีย ในสมัยดีกดำบรรพ์

ขอนไม้กำลังลั่นเปี้ยงในกองไฟ หมอกกำลังปกคลุมบริเวณ ท้องฟ้ามืดสนิทดวงดาวส่องแสงประกายมากมายเต็มทิองฟ้า ดูเหมือนจะแอบบซ่อนปริศนาอะไรบางอย่าง นิทานที่เขาเล่ามาทั้งหมดใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งกว่าจะจบลง มีบางคนฉลาดพอที่จะอัดเทปไว้ตลอดการเล่าเรื่อง

หลายๆคนต่างตกตะลึงและทึ่งกับความพิเศษสองประการ ประการแรกคือเด็กชายมีความรอบรู้ที่พิเศษและลึกซึ้ง สติปัญญาของเขาแน่นอนย่อมเกินกว่าเด็กอายุ 7 ขวบทั่วๆไป ใข่ว่าศาสตรจารย์ หรือผู้เชี่ยวชาญทุกท่านจะสามารถบรรยายประวัติศาตร์ของเลมูเรีย ชาวเลมูเรียน และผู้อยู่อาศัยได้ละเอียดละออขนาดนี้ พวกคุณจะไม่สามารถหาอ่านเรื่องราวที่เขากล่าวมาทั้งหมดในหนังสือเรียนเล่มไหนได้เลย วิืทยาศาสตร์ที่ล้ำหน้าในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถออกมายืนยันหลักฐานที่เกี่ยวกับเผ่าพันธ์อื่นๆได้

 

ประการที่สอง พวกเราทุกคนรู้สึกประหลาดใจกับวาจาของเด็กคนนี้ คำพูดทั้งหลายมันเกินกว่าที่เด็กทั่วไปอายุเท่าเขาจะใช้กัน ความรู้เกี่ยวกับด้านคำศัพท์เฉพาะทาง รายละเอียดและข้อมูลเกี่ยวกับดาวอังคารและโลกมนุษย์ในอดีต ดึงดูดความสนใจของทุกคน

"ทำไมเด็กคนนี้ถึงเริ่มบทสนทนานี้ตั้งแต่ทีแรก" คู่สนทนาของข้าพเจ้ากล่าว

"บางทีเขาอาจจะสัมผัสบรรยาศโดยรวมของแคมป์เราซึ่งมากด้วยผู้มีความรอบรู้ และผู้มีความคิดที่เปิดกว้าง" คู่สนทนาของข้าพเจ้ากล่าวต่อ

"เป็นไปได้หรือไม่ที่เด็กชายคนนี้จะแต่งเรื่องทั้งหมดขึ้นมา"

 

เดี๋ยวคืนนี้จะกลับไปแปลทั้งหมดให้นะค่ะ แล้วพรุ่งนี้เช้าจะมาพิมพ์ให้อ่านนะค่ะ พรุ่งนี้รับรองจบบริบูรณ์ค่ะ ได้อ่านกันเต็มๆค่ะ วันนี้ขอพักแค่นี้ก่อนค่ะ

 

ขอบคุณน่ะครับที่ช่วยแปล

 

ขอบคุณ...คุณภัทรอังคาร ที่ได้แปลให้ทุกคนได้อ่านกัน

 

ขอบคุณนะคะพี่ภัทร จะรอพรุ่งนี้มาอ่านต่อนะคะ

 

แปลๆ ด่วนๆ

อยาก อ่าน มาก

Thx

 

อ่านคร่าวๆแล้ว น่าสนใจครับ

 

พรุ่งนี้จะมาอ่านต่อ

รีบๆแปลนะคะ

 

ขอบคุณคุณภัทรอังคารด้วยคนค่ะ อยากอ่านต่อเร็วๆ จัง ^^

 

"ก็น่าสงสัย" เพื่อนข้าพเจ้าแย้ง "สำหรับผมมันดูเหมือนว่าเด็กชายกำลังเแบ่งปันความทรงจำส่วนตัวของเขาจากอดีตชาติ มันค่อนข้างเป็นไปได้ยากที่เด็กจะแต่งเรื่องขึ้นมา นอกเสียจากว่าเขาจะรู้เรื่องราวเหล่านั้นจริงๆ"

วันนี้หลังจากที่ได้เจอกับพ่อแม่ของบอริส และได้ทำความรู้จักกับเด็กชายผู้นี้มากขึ้น ข้าพเจ้าก็เริ่มที่จะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมบริเวณรอบๆที่ตั้งแคมป์ไฟ เขาเกิดที่เมือง โรลสกี ในโรงพยาบาลแถบชานเมือง แม้ว่าในใบแจ้งเกิดที่ทางการได้ออกให้ ระบุว่า สถาณที่เกิดของเขา คือเมือง เชอร์นอฟ ในแคว้น โวโกการ์ด เขาเกิดเมื่อวันที่ 11 มการาคม 2539 (ข้อมูลนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อบรรดานักโหราศาสตร์)

 

บิดาและมารดาของเด็กชายเป็นคนดีมาก แม่ของ บอริสก้า นาเดซดา เธอเป็นหมอโรคผิวหนังที่คลินิกรัฐ เธอจบจากสถาบันทางการแพทย์ จากโวโกการ์ด เมื่อไม่นานมานี้ในปี 2534 ส่วนพ่อของเด็กชายก็เป็นข้าราชการเกษียณอายุ ทั้งสองคนจะยินดีมาก หากมีใครมาไขปริศนาความลี้ลับที่อยู่ในตัวของลูกชายให้พวกเขาได้ ในขณะเดียวกัน พวกเขาทั้งสองก็ได้แต่เฝ้าสังเกตุ และมองดูเขาเจริญเติบโต

หลังจากที่ บอริสก้า เกิดมานั้น ฉันสังเกตเห็นว่าเขาสามารถที่จะชูคอเขาให้ตั้งได้ภายใน 15 วัน นาเดซดา แม่ของเขากล่าวถึงความหลัง คำแรกที่เขาพูดคือ "บาบา" ซึ่งเปล่งเสียงแรกอออกมาตอนเขามีอายุได้แค่ 4 เดือน และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เริ่มที่จะพูด เมื่อเขามีอายุครบ 7 ขวบ เขาก็สามารถที่จะพูดประโยคแรกได้ "ผมต้องการตะปู" เขาได้เอ่ยประโยคนี้ออกมาโดยเฉพาะหลังจากที่เขาสังเกตเห็นตะปูที่ตอกอบู่บนผนังห้อง เป็นที่น่าสังเกตุมากที่สุด ก็คือความสามารถทางด้านสติปัญยาของเขาล้ำหน้ากว่าด้านกายภาพมาก

 

แล้วความสามารถพิเศษนี้ก่อเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
ตอนที่บอริส อายุครบ 1 ขวบ ดิฉันได้เริ่มให้ตัวอักษรต่างๆกับเขา (ตามระบบนิคิติน) และรองเดาว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขามีอายุได้ขวบครึ่งเขาก็สามารถที่จะอ่านตัวพิมพ์ใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ และในระยะเวลาไม่นาน เขาก็เริ่มทำความคุ้นเคยกับเรื่องสีและโทนสี พอเขาอายุได้สองขวบ เขาก็เริ่มหัดวาดภาพ
หลังจากที่เขามีอายุครบ 2 ขวบพวกเราก็ได้พาเขาเข้าศุนย์รับเลี้ยงเด็ก คุณครูทุกคนต่างทึ่งในพรสวรรค์และแนวความคิดที่ไม่ธรรมดาของเขา เด็กชายผู้นี้มีความสามารถในการจดจำเป็นพิเศษ และเขาสามารถที่จะเก็บเกี่ยวข้อมูลใหม่ๆ อย่างไรก็ตามพ่อแม่ของเขา ไม่นานก็ได้เห็นว่าลูกชายของเขาได้ทำการรวบรวบข้อมูลในวิธีพิเศษของเขาจากที่อื่น โดยไม่มีใครไดสอนสิ่งเหล่านั้นกับเขาเลย นาดยา นึกทบทวน แต่บางครั้งเขาจะนั่งในท่าขัดสมาธิ และเริ่มพูดในสิ่งต่างๆเขาจะพูดถึงเรื่องดาวอังคาร พูดถึงระบบสุริยะจักรวาล อายะธรรมที่อยู่ห่างไกลโ้พ้น เราไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูเราได้ยินได้ฟัง เด็กคนหนึ่งสามารถรู้เรื่องพวกนี้ได้จริงหรือ เรื่องของจักรวาล เรื่องเล่าขานที่ไม่รู้จบของโลกอื่นๆ และห้วงท้องฟ้าที่มีความมโหฬาร สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนวลีที่ได้ยินซ้ำแล้วซ้ำอีกตั้งแต่เขามีอายุได้ 2 ขวบ

 

เล่าเรื่องราวของตัวเองเมื่อครั้งเป็นชาวดาวอังคาร......ได้เดินทางมายังโลก มนุษย์บ่อยครั้ง เพื่อการค้าและศึกษาค้นคว้า..และมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นชาวเลมูเรียน

ถึงตอนนี้ บอริสก้า เ่ล่าเรื่องราวชีวิตในอดีตชาติบนดาวอังคารให้พวกเราได้ฟัง พูดถึงความเป็นจริงที่ว่าโลกอื่นๆจริงๆแล้วมีผู้อยู่อาศัย แต่ผลจากการทำลายล้างของภัยพิบัติที่ร้ายแรงทำให้ชั้นบรรยากาศสูญเสียไป และทุกวันนี้เผ่าพันธ์นั้นได้ลงไปอาศัยอยู่ที่เมืองใต้พิภพ ย้อนหลังไปช่วงนั้น เขาได้บินมายังโลกมนุษย์บ่อยครั้งเพื่อทำการค้า และศึกษาค้นคว้า ดูเหมือนว่า บอริสก้า ได้ทำการขับขี่ยานอวกาศด้วยตัวเขาเอง นี่คือช่วงระยะเวลาของอารยะธรรมเลมูเรียน เขามีเพื่อนรักคนหนึ่งเป็นชาวเลมูเรียนที่เสียชีวิตต่อหน้าต่อตาเขา

 

ภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ ทวีบยักษ์ใหญ่ได้ถูกกลืนกินโดยคลื่นยักษ์ และโดยไม่ทันตั้งตัว ก้อนหินจำนวนมากมายก็ตกลงมาใส่สถาณที่ก่อสร้าง..เพื่อนผมอยู่ตรงนั้น..บอริสก้าบอก ผมไม่สามารถที่จะช่วยอะไรเขาได้เลย พวกเราถูกกำหนดมาให้พบเจอกันในบางเวลาของชีวิตนี้ เด็กชายได้เห็นภาพทั้งหมดเกี่ยวกับการล่มจมของเลมูเรียนเหมือนกับเหตุการณ์พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง เขาเศร้าโศขกับการเสียชีวิตของเพื่อนรัก เหมือนกับว่ามันเป็นความผิดของเขา

 

วันหนึ่งเขาได้สังเกตุเห็นหนังสือเล่มหนึ่งในกระเป๋าสะพายของแม่เขา มีชื่อว่า "พวกเรามาจากไหน" เขียนโดยเออร์เนส มูลดาเชฟ น่าจะมีใครมาเห็นความสุขและหลงไหลในสิ่งที่เด็กชายคนหนึ่งได้ค้นพบ เขาได้เปิดหนังสือดูห้าแล้วหน้าเล่าเป็นชั่วโมงๆ ได้ดูภาพร่างของชายเลมูเรียน รูปภาพของทิเบต และเขาก็เริ่มพูดถึงสติปัญญาทอันสูงส่งของชาวเลมูเรียน

 

แสดงว่ามนุษย์ได้ถือกำเนิดมานานแล้ว ไม่ได้วิวัฒนาการมาจากสัตว์อื่นใด?
และมนุษย์ยุคต้นกัปป์คงจะสูงกว่านี้มาก

แต่ชาวเลมูเรียนเริ่มลดจำนวนลงและสูญพันธ์ไปเมื่อประมาณ ไม่น้อยกว่า 8000,000 ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าได้แต่อุทานออกมาเป็นคำตอบกับประโยคที่เขากล่าว ชาวเลมูเรียนมีความสูงถึง 9 เมตร จริงนะเหรอ ทำไมเธอถึงจดจำสิ่งเหล่านี้ได้หมด

 

..มีกล่าวถึงความรู้ที่ถูกเก็บไว้ใต้ปิระมิด

เด็กชายตอบว่า "ผมจำได้ครับ"

ต่อมาเขาก็เริ่มศึกษาหนังสือเล่มอื่น โดยมูลดาเชฟ ที่มีชื่อเรื่องว่า "ตามหาเมืองแห่งพระเจ้า" หนังสือเล่มนี้เนื้อหาหลักเน้นเรื่องหลุมฝังศพ และ ปิระมิด บอริสก้า บอกอย่างหนักแน่นว่าผู้ึคนจะค้นพบว่าความรู้ถูกฝังอยู่ใต้ปิระมิดที่ใดที่หนึ่ง (ไม่ใช่ปิระมิดของฮีออฟ) เพราะความรู้มันยังไม่ถูกค้นพบ ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงเมื่อปิระมิดเปิด เขาบอกว่าอย่างงั้นและได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าตัวสฟริงค์ที่ยิ่งใหญ่มีกลไกลสำหรับเปิดอยู่แถวบริเวณด้านหลังใบหู (แต่เขาจำไม่ได้แน่ชัดว่าอยู่ช่วงไหน) เด็กชายได้พูดถึงเผ่าพันธ์ด้วยความหลงไหลและความกระตือรือร้น ตามที่ได้ฟังจากปากเขา เรามีความรู้เกี่ยวกับอารยะธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้และประชากรของเขาน้อยมาก