ทำไมคนมีธรรมะศึกษาธรรมะ ส่วนใหญ่หน้าตาผิวพรรณไม่ดีกว่า คนที่หมกหมุ่นในโลกียะ

คนร่ำรวยส่วนใหญ่ มักชอบเสาะแสวงหาความสุขใส่ตัวโดยวิธีต่างๆ นานา แต่คนยากจนส่วนใหญ่มักจะฉลาดหาความสุขได้ง่าย ๆ จากสิ่งรอบ ๆ ตัวโดยไม่ต้องไปเสาะแสวงหาอะไรให้ยุ่งยาก อันนี้ขึ้นอยู่กับโอกาสที่มีจำกัดของแต่ละฝ่าย ส่วนคนที่มีรูปร่างหน้าตาดีก็เหมือนมีทรัพย์มาก จิตจึงสงบนิ่งได้ยาก และมักมีโอกาสแสวงหาความสุขโดยวิธีอื่น(ทางโลกียะ)ได้ง่ายกว่าคนที่หน้าตาไม่ดี จะว่าไปก็หน้าเห็นใจคนหน้าตาดีอยู่เหมือนกันถ้าหากเขาพลาดโอกาสได้พบกับความสุขที่เรียบง่าย ซึ่งจะนำไปสู่ความสุขสงบที่ก่อให้เกิดปัญญา(ทางโลกุตระ) กรรมดีที่ส่งผลในปัจจุบันชาติ(หน้าตาดี, มีทรัพย์มาก) ก็อาจเป็นดาบสองคมได้เหมือนกันถ้าขาดสติกำกับ ก็เหมือนกับคนมีปัญญา(สมอง)ฉลาดมาก ๆ ก็ต้องใช้กำลังสติที่มากกว่าคนทั่วไปมาคอยกำกับ

 

ทำบุญแล้วอธิษฐานต่างกัน

คนที่อธิษฐานให้สวยหล่อ เพราะจิตมาราคะมาก เกิดมาสวยหล่อแต่ราคะจัด
คนที่ถือศีลอธิษฐานหวังอย่างอื่น จึงไม่ได้จุดนี้ แต่หากบุญบารมีเยอะขึ้นก็ได้
เหมือนพระพุทธเจ้าก็งามมีมหาบุรุษลักษณะ 32 ประการที่ไม่มีใครได้แบบนี้

 

ไม่หล่อไม่สวยก็ดีครับ จะได้เห็นความจริง ถ้าหล่อหรือสวย มักทำให้เรา หลง

 

คนธรรมดา

ขอถามกลับหน่อยนะครับ คนดีมากกว่าคนเลวหรือคนเลวมากกว่าคนดีครับ
แล้วคนหน้าตาดีมีกี่เปอร์เซ็นต์ที่เทียบกับคนทั้งหมดครับ
แล้วคนหน้าตาดีที่เข้าถึงธรรมะ คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของคนหน้าตาดีครับ
แล้วคนหน้าตาไม่ดีที่เข้าถึงธรรมะ คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของคนหน้าตาไม่ดีครับ

ก็เหมือนอย่างที่ชาวบ้านชอบพูดกันว่า คนนี้หน้าตายังกับโจร แต่หน้าตาเหมือนโจรก็ยังเป็นคนดีมีถมไป แต่ที่หน้าตาเหมือนโจรแล้วเป็นโจรก็มีไม่ใช่น้อย

 

เห็นด้วยกับคุณ tanyatornbpt ครับ พูดง่ายๆคือยังอยู่ในยุคของเขา เมื่อเวลาผ่านไป สังขารร่วงโรย หมดยุคของเขา หลายคนก็คงจะเริ่มสนใจธรรมะมากขึ้น

 

ผิวพรรณเราไม่ค่อยดีอ่ะ แต่ก็เข้าวัดปฏิธรรมเหมือนกันนา

 

อนุโมทนาค่ะ ได้เข้ามาฟังโดยบังเอิญจริงๆ
ฟังแล้วชอบค่ะ ตอนแรกก็นึกว่าฟังเด่วต้องง่วงแน่ๆ
แต่กลับไม่ง่วงแฮะ แล้วจะหาโอกาสแวะมาฟังกระทู้อื่นๆ นะคะ

^ ^

 

ทำไมคนมีธรรมะศึกษาธรรมะ ส่วนใหญ่หน้าตาผิวพรรณไม่ดีกว่า
คนที่หมกหมุ่นในโลกียะ
อันนี้ไม่รู้ แหะ แหะ ศึกษาสนใจธรรมะไม่น่าจะเกี่ยวกะหน้าตานะ

แต่ที่เห็นได้ชัดเจนคือ คนที่ปฏิบัติภาวนา หรือเรียกว่า ปฏิบัติกรรมฐาน อยู่เป็นประจำ จะดูดีมีสง่าราศีมากๆเลย

 

ตัวผมไม่ค่อยได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องหน้าตาหรอกนะครับ ผมคิดว่าดูดีจากจิตใจดีกว่าดูดีจากรูปภายนอก แต่ผมก็ไม่ได้ปฎิเสธนะครับว่าเวลาคบกับใครผมก็ยังมองที่หน้าตาก่อนอยู่ดี แต่นั่นก็ทำให้ผมกับเขาคบกันได้ไม่นานเท่าไหร่ ความดีต่างหากละครับที่ทำให้คบกันยิ่งยืน ยาวนาน

ขออนุโมทนา สาธุ ด้วยคนครับ

 

บุญกรรมที่ทำให้มีรูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณดี เช่น

1.ถวายดอกไม้สดบูชาพระรัตนตรัย
2.ปิดทองพระพุทธรูป
3.ซ่อมพระพุทธรูป หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง
4.ทำความสะอาดพระพุทธรูป
5.รักษาศีล ไม่เป็นคนโกรธง่าย
6.มีเมตตา
7.ถวายจีวรพระ
8.ทำความสะอาดลานพระเจดีย์
9.หมั่นทำจิตใจให้ผ่องใส

ที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนส่งผลด้านรูปร่าง หน้าตาทั้งสิ้นครับ
ถ้าหากได้ทำบ่อยๆ สม่ำเสมอ กับทั้งตั้งจิตปราถนา
ชาติถัดมาก็จะมีรูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณดี คิดว่าคงเป็นอย่างนี้นะ เหอๆ

 

ใครว่าคะ...คนมีศีล บำเพ็ญภาวนา น่าตาอิ่มเอิบ กิริยาก็น่ารัก เพราะข้างในสวยสะอาด มันจึงแสดงออกมาให้เห็นถึง อาการของคนมีพรหมวิหาร 4 สวยที่ใจส่งออกที่จริยา คนสวยเช่นพวกดารา มองแป๊บเดียวก็สวยค่ะ แต่สวยไม่นาน คนสวยที่ใจมองตอนไหนก็สวย สวยไม่สวยก็ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ค่ะ อนุโมทนากับทุกคนที่ใจสวยใจงาม...สาธุ

 

สำหรับที่ผมประสบมานั้น ผู้ที่สนใจธรรมะ ส่วนใหญ่จะผิวพรรณหน้าตาดีนะครับ แต่ถ้าหน้าตาไม่ดี ก็จะดูมีความเปล่งปลั่งอิ่มเอิบ

ส่วนในเรื่องแท้จริงแล้ว การที่จะหน้าตาผิวพรรณดีนั้นอยู่ที่ศีล 5 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นคนไม่มักโกรธ เป็นผลจากกรรมในอดีตชาติเป็นหลัก

ดังนั้นแล้ว ถึงแม้จะปฏิบัติธรรมะดีเพียงใด แต่หากเป็นชาติที่กรรมไม่ดีส่งผล หน้าตาก็ออกมาไม่ดี ก็เป็นได้ครับ แต่จิตใจเขาสิ .. สำคัญ

 

คุณเคยได้ยินคำว่า กรรมตกแต่งภพ แต่งชาติ แต่งรูปไหมค่ะ คือคนเราเกิดมามีกรรมที่ตกแต่งรูปเป็นกรรม set หนึ่งที่กำหนดความเป็นไปของรูปร่างหน้าตา นี่ทำให้รูปร่างหน้าตาคนเราจากเด็กจนแก่ดำเนินไปโดยDNA set เดียวกันจึงไม่สามารถผิดจากรูปเดิมแบบหน้ามือเป็นหลังมือ นอกจากการใช้ศัลยกรรมช่วย

บุคคลผู้ปฏิบัติได้ดี คุณเห็นไหมหน้าตาท่านยังคงเดิม แต่จะมีรังสี หรือรัศมีแห่งธรรมแผ่ออกมา ทำให้ผู้อยู่ไกล้ชิดได้สัมผัสความสุขศรัทธาปิติ ทำให้ผู้สัมผัสมีความรู้สึกดีๆๆเมื่อให้พบได้เห็นได้สัมผัส(แม้กระทั่งจากภาพถ่าย) รังสีธรรมนี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่สัมผัสได้รู้สึกได้เช่น ความร้อนของอากาศ คุณสามารถรู้สึกได้แต่จับตัวความร้อนไม่ได้

แต่ในอีกกรณีหนึ่งคือท่านผู้พ้นกรรมและ ท่านทรงอภิญญาสมาบัติสูงๆท่านมีความสามารถเล่นแร่แปรธาตุได้ ท่านมีกำลังจิตสามารถกำหนดความเป็นไปของรูปได้ แต่ท่านเหล่านั้นท่านเคารพกฎแห่งกรรมมากกว่าคนอย่างเราๆมากนักท่านจึงไม่ทำ แต่ สมัยพุทธกาลมี พระมหากัจจายนะเถระ ท่านเป็นมีพระรูปพระโฉมคล้ายพระพุทธเจ้าจนทำให้คนทักผิดบ่อยๆจนท่านใช้ฤทธ์ทำให้รูปร่างสมบูรณ์แต่เห็นท่านไหมแม้รู้ร่างท่านจะอ้วนสมบูรณ์แต่รัศมีธรรมเปล่งประกายมองท่านแล้วทำให้เรามีความสุขมีปิติอิ่มเอิบเพราะรัศมีที่ฉายออกมา

อย่ามองคนที่รูปร่างหน้าตาแต่ถ้าจะเชื่อให้เชื่อ sense แรกที่เราสัมผัสได้ เพราะsense มักเป็นสัมผัสแท้ที่ยังไม่ถูกปรุงด้วยความคิดและการปรุงแต่งค่ะ

 

อนุโมทนาค่ะ ขอร่วมแสดงความเห็นนะคะ เป็นเรื่องของกรรมค่ะ ที่เขาสวย หล่อ รวย

แปลว่ากรรมเก่าของชาติภพก่อน ๆ เขาทำมาดีค่ะ แต่ถามว่ามันจีรังยั่งยืนไหม

คุณก็คงตอบได้ นักการเมืองที่โกงบ้านโกงเมืองก็เช่นกัน ถามว่าเขาทำบาปใหญ่หลวง

แต่ทำไมลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้ โดยมีผู้คนนับหน้าถือตา..ด้วยซ้ำ

นั่นแสดงให้เห็นว่า บุญเก่าเขายังมีอยู่ แต่บาปที่สร้างในชาตินี้..ใครเลยจะรู้ได้

โกงบ้านโกงเมือง เป็นการทำบาปที่หนักนะคะ เพราะทำบาปกับคนหลายสิบล้านคน

แล้วที่มาทำไมเรื่องการศึกษาธรรม ไม่ติดหัวสมองของพวกคนสวย ๆ หล่อ ๆ มาบ้าง

มันก็เป็นเรื่องของชาติภพอีกแหละค่ะ เราก็เช่นกันถามว่า

เรามีอะไรฝังหัวเรามาบ้างหรือเปล่า คำตอบก็คือไม่มี ทุกอย่างเราต้องมาเริ่มใหม่ทั้งหมด

ระลึกชาติไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ทำเวรกรรมมาแค่ไหน มันเป็นกฎของธรรมชาติค่ะ

ย้อนหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม แต่ขอบอกว่าคนที่ศึกษาธรรมถึงแม้จะหน้าตาผิวพรรณ

ไม่สดใส แต่ว่าเขามีความสุขสงบที่ใจค่ะ อันนี้ยืนยันได้