แก๊งลักพระ ใส่พิษในน้ำ วางยาพระ

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">แก๊งลักพระ ใส่พิษในน้ำ วางยาพระ
[25 ต.ค. 51 - 12:01]

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ต.ค. ผู้สื่อข่าวไปที่วัดหางไหล หมู่ 4 ต.มะต้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลกหลังมีชาวบ้านบอกว่า พระครูพรหมสาธุกิจ หรืออาจารย์ อุดม อายุ 62 ปี ปัจจุบันเป็นเจ้าคณะอำเภอพรหมพิรามและเจ้าอาวาสวัดหางไหลถูกลอบวางยาพิษเกือบมรณภาพ เมื่อไปถึงพบพระครูพรหมสาธุกิจนอนพักฟื้นอยู่บนกุฏิในสภาพอิดโรย มีพระลูกวัดคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

พระครูพรหมสาธุกิจเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ได้รับกิจนิมนต์ไปทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพในหมู่บ้าน จึงไปพร้อมด้วยพระลูกวัดทั้งหมดอีก 6 รูป ทำให้ไม่มีพระอยู่ดูแลวัด มีเพียงนายประกอบ ปานดีเปรม อายุ 50 ปีและนายบุญเชิด แตงเกิด อายุ 51 ปี ช่างไม้ที่มาซ่อมและต่อเติมโรงลิเกข้างศาลาการเปรียญเตรียมรับกฐินที่จะทอดวันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค. เมื่อเสร็จพิธีศพกลับมาวัดได้ช่วยกันทำความสะอาดบริเวณลานวัด ระหว่างนั้นได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือบอกว่ามีคนเป็นลม<O></O>
<O></O>
<O></O>
<O> </O>
เมื่อเดินไปดูเห็นนายประกอบกับนายบุญเชิดฟุบอยู่กับพื้น พระลูกวัดจึงนำยาและน้ำมาให้กินและอาเจียนออกมา ขณะเดียวกัน ตนรู้สึกอ่อนเพลียจึงหยิบยาลมขึ้นมาฉันบ้างเพื่อให้ร่างกายสดชื่นและฉันน้ำขวดเดียวกับช่างทั้ง 2 คน แต่ไม่ถึง 5 นาที เกิดอาการตาลายและอาเจียนออกมาจนหมดสติ พระลูกวัดและชาวบ้านช่วยนำทุกคนส่งโรงพยาบาลพรหมพิราม<O
<O></O>
<O></O>
<O> </O>
แพทย์และพยาบาลช่วยกันล้างท้องจนปลอดภัยและให้พักดูอาการที่โรงพยาบาล 2 คืน เพิ่งออกมาพักฟื้นต่อที่วัดเมื่อเช้าที่ผ่านมา แพทย์ระบุว่าทุกคนกินน้ำที่มีสารพิษเจือปนเข้าไป เลยเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ สารวัตรเวร สภ.พรหมพิราม คาดว่าเป็นฝีมือแก๊งโจรกรรมพระพุทธรูปที่ต้องการโจรกรรมหลวงพ่อเพชรซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิสร้างสมัยเชียงแสนอายุนับร้อยปี ขนาดหน้าตัก 24 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปที่ชาว อ.พรหมพิรามนับถือ<O
<O


สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านเรียกว่าหลวงพ่อเพชร มีตำนานเล่าว่าเป็นพระพุทธรูปที่เหลือรอดจากพม่าเผาเมืองพิษณุโลกในสมัยโบราณ โดยนำดินมาพอกองค์ หลวงพ่อไว้ จากนั้นนำมาประดิษฐานที่พระอุโบสถของวัดมากว่า 150 ปี ขณะเดียวกันร่ำลือว่าที่หน้าอกขององค์ หลวงพ่อฝังทองคำไว้ จึงทำให้เป็นที่ต้องการของนักสะสมพระพุทธรูปโบราณ จนต้องนำมาเก็บรักษาไว้บนกุฏิพร้อมทั้งทำประตูเหล็กปิดอย่างมิดชิดเพื่อป้องกันแก๊งโจรกรรม<O
<O


ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2538 คนร้ายตัดกุญแจประตูโบสถ์เข้าไปลักพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ขนาดหน้าตัก 12 นิ้ว และปี 2539 คนร้ายปลอมตัวเป็นพระมาขอจำวัดและวางยาพระภิกษุชรารูปหนึ่ง ซึ่งเป็นพระลูกวัดจนหมดสติ แต่ไม่สามารถขโมยพระพุทธรูปไปได้ เนื่องจากตนสังหรณ์ใจเลยให้พระลูกวัดอีกหลายรูปมานอนเฝ้าด้วย ปัจจุบันมีคนแปลกหน้าเข้ามาป้วนเปี้ยนภายในวัดบ่อยครั้ง พระต้องผลัดกันเข้าเวรยาม
<O
ด้าน พ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ สารวัตรเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ รู้ทางเข้าออกวัดดี อาศัยช่วงเช้าวันที่ 22 ต.ค. ที่เจ้าอาวาสพร้อมพระลูกวัดรับกิจนิมนต์ไปสวดพระอภิธรรมศพในหมู่บ้านแอบเข้ามาในหอฉัน ซึ่งไม่ได้ล็อกประตูและนำยาพิษเทใส่ในเหยือกน้ำที่แช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อที่จะให้พระทุกรูปภายในวัดดื่มหวังให้มรณภาพ
<O
ส่วนสาเหตุของการวางยาพิษคาดว่าคนร้ายรับใบสั่งมาจากแก๊งค้าพระพุทธรูปโบราณให้มาขโมยพระพุทธรูปหลวงพ่อเพชร ได้ส่งน้ำที่เหลือให้กลุ่มงานสารพิษ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบต้องรอผลประมาณ 2 อาทิตย์ และจะสืบสวนหาตัวคนร้ายต่อไป<O</O
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ต.ค. ผู้สื่อข่าวไปที่วัดหางไหล หมู่ 4 ต.มะต้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลกหลังมีชาวบ้านบอกว่า พระครูพรหมสาธุกิจ หรืออาจารย์ อุดม อายุ 62 ปี ปัจจุบันเป็นเจ้าคณะอำเภอพรหมพิรามและเจ้าอาวาสวัดหางไหลถูกลอบวางยาพิษเกือบมรณภาพ เมื่อไปถึงพบพระครูพรหมสาธุกิจนอนพักฟื้นอยู่บนกุฏิในสภาพอิดโรย มีพระลูกวัดคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

พระครูพรหมสาธุกิจเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ได้รับกิจนิมนต์ไปทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพในหมู่บ้าน จึงไปพร้อมด้วยพระลูกวัดทั้งหมดอีก 6 รูป ทำให้ไม่มีพระอยู่ดูแลวัด มีเพียงนายประกอบ ปานดีเปรม อายุ 50 ปีและนายบุญเชิด แตงเกิด อายุ 51 ปี ช่างไม้ที่มาซ่อมและต่อเติมโรงลิเกข้างศาลาการเปรียญเตรียมรับกฐินที่จะทอดวันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค. เมื่อเสร็จพิธีศพกลับมาวัดได้ช่วยกันทำความสะอาดบริเวณลานวัด ระหว่างนั้นได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือบอกว่ามีคนเป็นลม
<O
เมื่อเดินไปดูเห็นนายประกอบกับนายบุญเชิดฟุบอยู่กับพื้น พระลูกวัดจึงนำยาและน้ำมาให้กินและอาเจียนออกมา ขณะเดียวกัน ตนรู้สึกอ่อนเพลียจึงหยิบยาลมขึ้นมาฉันบ้างเพื่อให้ร่างกายสดชื่นและฉันน้ำขวดเดียวกับช่างทั้ง 2 คน แต่ไม่ถึง 5 นาที เกิดอาการตาลายและอาเจียนออกมาจนหมดสติ พระลูกวัดและชาวบ้านช่วยนำทุกคนส่งโรงพยาบาลพรหมพิราม<O
แพทย์และพยาบาลช่วยกันล้างท้องจนปลอดภัยและให้พักดูอาการที่โรงพยาบาล 2 คืน เพิ่งออกมาพักฟื้นต่อที่วัดเมื่อเช้าที่ผ่านมา แพทย์ระบุว่าทุกคนกินน้ำที่มีสารพิษเจือปนเข้าไป เลยเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ สารวัตรเวร สภ.พรหมพิราม คาดว่าเป็นฝีมือแก๊งโจรกรรมพระพุทธรูปที่ต้องการโจรกรรมหลวงพ่อเพชรซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิสร้างสมัยเชียงแสนอายุนับร้อยปี ขนาดหน้าตัก 24 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปที่ชาว อ.พรหมพิรามนับถือ
<O
สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านเรียกว่าหลวงพ่อเพชร มีตำนานเล่าว่าเป็นพระพุทธรูปที่เหลือรอดจากพม่าเผาเมืองพิษณุโลกในสมัยโบราณ โดยนำดินมาพอกองค์ หลวงพ่อไว้ จากนั้นนำมาประดิษฐานที่พระอุโบสถของวัดมากว่า 150 ปี ขณะเดียวกันร่ำลือว่าที่หน้าอกขององค์ หลวงพ่อฝังทองคำไว้ จึงทำให้เป็นที่ต้องการของนักสะสมพระพุทธรูปโบราณ จนต้องนำมาเก็บรักษาไว้บนกุฏิพร้อมทั้งทำประตูเหล็กปิดอย่างมิดชิดเพื่อป้องกันแก๊งโจรกรรม
<O
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2538 คนร้ายตัดกุญแจประตูโบสถ์เข้าไปลักพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ขนาดหน้าตัก 12 นิ้ว และปี 2539 คนร้ายปลอมตัวเป็นพระมาขอจำวัดและวางยาพระภิกษุชรารูปหนึ่ง ซึ่งเป็นพระลูกวัดจนหมดสติ แต่ไม่สามารถขโมยพระพุทธรูปไปได้ เนื่องจากตนสังหรณ์ใจเลยให้พระลูกวัดอีกหลายรูปมานอนเฝ้าด้วย ปัจจุบันมีคนแปลกหน้าเข้ามาป้วนเปี้ยนภายในวัดบ่อยครั้ง พระต้องผลัดกันเข้าเวรยาม
<O
ด้าน พ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ สารวัตรเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ รู้ทางเข้าออกวัดดี อาศัยช่วงเช้าวันที่ 22 ต.ค. ที่เจ้าอาวาสพร้อมพระลูกวัดรับกิจนิมนต์ไปสวดพระอภิธรรมศพในหมู่บ้านแอบเข้ามาในหอฉัน ซึ่งไม่ได้ล็อกประตูและนำยาพิษเทใส่ในเหยือกน้ำที่แช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อที่จะให้พระทุกรูปภายในวัดดื่มหวังให้มรณภาพ<O
<O


ส่วนสาเหตุของการวางยาพิษคาดว่าคนร้ายรับใบสั่งมาจากแก๊งค้าพระพุทธรูปโบราณให้มาขโมยพระพุทธรูปหลวงพ่อเพชร ได้ส่งน้ำที่เหลือให้กลุ่มงานสารพิษ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบต้องรอผลประมาณ 2 อาทิตย์ และจะสืบสวนหาตัวคนร้ายต่อไป<O
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

-----------------------------------

http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=108920

ภาพประกอบกระทู้จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

คนพวกนี้ชั่วร้าย ไม่กลัวบาปกรรมกันเลย

 

คนที่ทำกรรมโดยคิดจะขโมยของสงฆ์ก็ลงนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแล้ว

ยังวางยาพระหวังจะเอาให้ถึงมรณะภาพเลย อเวจีมหานรกน่าจะยังลึกไม่พอ

ไอ้คนพวกนี้ น่าสงสารหรือน่าสมน้ำหน้าดีเนี๊ย

 

ทำร้าย หมิ่นประมาท ดูแคลน พระสงฆ์ และผู้ทรงศีล เป็นกรรมชั่วที่หนักหนามหาศาล

 

ไม่ได้ผุดได้เกิดชั่วโคตรหรอกพวก

วางยาพระทั้งวัดอย่างนี้

 

ทำร้ายพระ พวกนี้ ตายไป อเวจีแน่นอน

 

เวรกรรม




http://palungjit.org/showthread.php?t=155104

 

กรรมชั่วที่หนักหนามหาศาล

 

เวรกรรม แท้ๆ

 

สาธุๆ

ขนาดพระมีชีวิตมันก็ไม่เว้นซะแล้ว เวรกรรมจริงๆ

 

“กมฺมุนา วตฺตตีโลโก...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

 

เวรกรรมจริงๆ อาชีพดีๆก็ไม่รู้จักทำ คนหนอคน

 

ทำกรรมสิ่งใดไว้ ต้องได้รับสิ่งนั้น

 

คนร้ายไม่กลัวบาปกรรมจริงๆจ้องขโมยพระพุทธรูปหลวงพ่อเพชรยังไม่พอ
กำเริบถึงขั้นวางยาพระทั้งวัดอีก...เวรกรรมจะตามทันไหมหนอ?

 

เฮ้อ...เวรกรรม หลุดมาจากขุมไหนกันเนี่ยคนพวกนี้ เหตุไฉนจึงใจบาปได้ขนาดนี้

 

เลวจริงๆ พวกเนี๊ย

 

ขอประนามโจรชั่วใจบาป กรรมใดเคยก่อไว้ขอให้กรรมนั้นตามสนองโดยไว สาธุ

 

...บุญรักษาครับที่หลวงพ่อเพชรก็ไม่หาย,พระสงฆ์และคนก็ไม่ตาย...

แต่ต่อไปจะมีวิธีใดดีครับ...ที่จะได้ประโยชน์ทั้งสองทาง

ทางหนึ่งคือ...รักษาหลวงพ่อเพชรให้มั่นคงแน่นหนา...และสวยงาม...ไม่มีโจรหน้าไหนเข้ามาขโมยได้...

ทางหนึ่งคือ...เปิดให้ประชาชนได้เข้าไปกราบไหว้โดยสะดวก...พระท่านมีความสง่างามน่ากราบไหว้ในทุกๆวัน

เหมือนเช่นอุโบสถวัดพระแก้ว,หลวงพ่อโสธร...

เพราะผมเห็นว่า หลายๆวัด พระสงฆ์ท่านจะแก้ปัญหาป้องกันไม่ให้พระฯหายโดยการล๊อคกุญแจโบสถ์ไว้ จะเปิดโบสถ์ก็เฉพาะวันพระ...ที่คนมาทำบุญกัน...แต่ในวันทั่วไปก็ปิด ซึ่งอาจมีคนที่เขาอยากจะเข้าไปกราบพระประธานในโบสถ์...ก็เข้าไม่ได้......
หรือบางวัดก็ทำประตูเหล็กดัด,ติดเหล็กกรงครอบองค์พระท่านเลย...คนเข้าไปกราบไหว้นึกว่าพระท่านถูกขังคุก...เช่นนี้เป็นต้น

 

กรรมใดใครก่อ กรรมนั่นย่อมคืนสนอง