จิตเคยออกจากร่างหรือไม่ เป็นอย่างไร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 108man, 26 พฤศจิกายน 2004.

  1. 108man

    108man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,794
    อยากรู้ว่ามีใครเคยจิตออกจากร่าง ไปที่ต่างๆ
    ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจเป็นอย่างไร
    ส่วมผมเคยไปครั้งหนึ่งแต่มีสติประกบตลอด
    เลยรู้ทั้งเวลาออก และเวลากลับเข้ามา
    แต่อยากฟังของคนอื่น ก่อน ๆ
    ของผมเล่าไม่ได้เพราะเกิดตอนบวชพระ
    (ยกเว้นจะมีคนขอให้เล่า)
     
  2. obsc

    obsc Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +59
    อยากรู้จัง

    ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ
     
  3. PETERPAN

    PETERPAN Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +48
    มีแต่จิตดวงเดียว ไม่มีตัวตน จิตออกจากร่างเพียงแค่นึกก็ไปถึง เหมือนความฝัน แต่ฝันแบบมีสติสัมปั_ชั__ะทุกประการ
     
  4. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433
    อยากรู้เหมือนกันเล่าให้ฟังหน่อยสิ (kiss)
     
  5. 108man

    108man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,794
    ได้เวลาอันสมควรแล้วที่จะได้เล่าให้ฟัง

    มาช้าเพราะกำลังเข้าไปตอบกระทู้อื่น ๆ อยู่
    ในตอนแรกนี้ก็จะเอาช่วงที่ออกจากร่างไปจนกลับเข้ามาขึ้นก่อนนะครับส่วนทำอย่างไรจึงได้ไปก็จะเล่าที่หลัง

    หลังจากที่ทำสมาธิในช่วงสายของการบวชวันที่ 8 นั้น ขณะที่กำลังทำสมาธิอยู่นั้นก็รู้สีกว่าก็รู้สึกว่าจิตเริ่มดิ่งลงก็เลยเปลี่ยนท่าเป็นท่านอนโดยท่องพุทธโธ และลมหายใจเป็นอารมณ์ สักพักก็รู้สึกว่ามีใครเดินอยู่ที่ปลายเท้า แต่ผมอยู่คนเดียวในห้อง
    ซึงห้องก็ปิดหน้าต่าง และ ประตูหมด มีความรู้สึกว่า จิตกำลังถูกดึงออกจากร่าง ในใจก็กลัว แต่ก็ได้นึกถึงครูบาอาจารย์ก็เลยขออาจารย์ว่าถ้ามีอันตรายจากการไปในครั้งนี้ก็ขอให้ช่วยไม่ให้จิตเป็นไปตามที่เขากำหนด สักพักจิตก็เกิดหมุน ๆๆ เหมือน ลูกข่างที่หมุนอย่างเร็วมากและถูกดูดไปในทิศทางต่าง โดยที่ไม่สามารถควบคุมได้เลย มีความรู้สึกเดียวคือหมุน ๆๆๆ แล้วพุ่งไปด้วยความเร็ว ไม่รู้สึกถึงร่างกาย
    สักพักนั้นก็ถูกดูดลงสู่พื้นดินแล้วก็พุ่งดำดิ่งลงอย่างเร็ว จนในที่สุดก็มานิ่งอยู่ ในที่แห่งนึง จะเห็นเป็นเงาลาง ๆ ว่า อยู่ในที่ที่มีแต่ ภูเขาสูงและท้องฟ้าสีแดงส้ม กว้างใหญ่มาก
    หลังจากนั้นเมื่อได้สติก็คิดน้อยใจว่าพามาที่ใดดูน่ากลัวมากและมีแต่ความเวิ้งว้าง จากนั้นภาพก็ค่อย ๆ ชัดขึ้น ภูเขาต่าง ๆ นั้นก็ดูเหมือนว่ามีกิ่งก้านของต้นไม้เกิดขึ้น จากนั้นจิตก็ถูกดึงเข้าไปที่ภูเขาและเมื่อใกล้เข้าไปก็เห็นว่าต้นไม้ที่เห็นก็คือคนที่ชูมือกองกันอยู่เป็นภูเขาสูง จิตถูพาไปใกล้จนถึงตัวเขาเหล่านั้น ถึงตรงนี้แล้วก็เกิดกลัวแต่ในใจก็กลับคิดว่าถ้าเป็น นรกก็ต้องมีเสียงร้องสิ เท่านั้นเองเสียงร้องต่าง ๆ ก็กลับชัดขึ้นเป็นเสียงที่โหยหวลมากแต่ก็ต้องฟัง จิตถูกพาวิ่งไปตามภูเขาลูกต่างแล้วก็ถูกดึงกลับขึ้นมาจนถึงห้อง
    ทีนี้พ่อรู้ว่าจะต้องเข้าร่างจิตก็เกิดคิดน้อยใจว่า เป็นคนดี ทำบุญมาตลอด ศึกษาพระธรรมในพระไตรปิฏกเป็นประจำ ทำไม่ไม่ได้เห็นในสิ่งที่ทำให้สบายใจทำไมไม่เห็นในสิ่งดี ๆ
    เมื่อคิดจบจิตก็ถูกดึงออกไปจากห้องด้วยอาการเดิมคือ หมุน ๆๆๆ และพุ่งตรง ลงไปสู่ด้านล่างเหมือนเดิม ซึ่งคราวนี้ก็มีรู้สึกผิดตามที่คิด ก็เลยเตรียมใจว่าคงได้เห็นอะไรที่น่ากลัวขึ้นไปอีก
    แต่ผิดคาดหลังจากนั้นจิดก็กลับพุ่งตรงขึ้นสู่ด้านบนแล้วมาโผล่ข้าง ๆ เจดีย์สีทอง ที่มีพื้นเป็นปูน ดูแล้วก็เป็นวัดในกรุงเทพ จิตก็วิ่งไปหาอาจารย์ท่านหนึ่งที่พานักเรียนมาทัศนศึกษา ก็ฟังรู้เรื่อที่เขาพูดกัน หลังจากนั้น จิตก็ตามไปด้านหลังเด็กคนหนึ่งและได้ดูสิ่งที่นักเรียนนั้นจด หลังจากนั้นจิตก็หมุนอย่างแรงและพุ่มตรงมาอยู่ที่ห้อง
    ส่วนที่สำคั_ที่สุดก็คือไม่อยากให้ตัวเองคิดผิดว่านี่คือฝันหรือเปล่าก็เลยตั้งจิตให้มั่นและคอยดูช่วงที่จิตเข้าร่างเป็นอย่างไร เมื่อจิตเข้าสู่ร่างนั้นสิ่งที่รู้ก่อนก็คือลมขึ้นลงเป็นแท่ง ๆ แล้วก็รู้สึกถึงอกแล้วค่อยรู้ว่าตนเองมีแขนมีขา หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงคนพูดกันและได้ยินเสียงกระดิ่งจากวิหาร ซึ่งเมื่อรู้ว่าร่างเต็มแล้ว ( ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรเหมือนกับเราเติมน้ำลงในหุ่นยางประมาณนั้น ) ก็กลั้นใจลุกขึ้นนั่งเมื่อลืมตาแล้วตนเองก็นั่งอยู่ในสภาพที่เหนื่อยและหอบ ตอนนั้นเป็นเวลาก่อนเที่ยง

    ทีนี้ก็เดือดร้อนอาจารย์ละครับ พอลาสิกขาแล้ว ก็ไปหาอาจารย์ท่านหนึ่ง เมื่อท่านเห็นก็ทำหน้าตื่นบอกให้รีบขึ้นไปคุยที่ห้องพระ ประเด็นคือว่าทำไม่ผมจึงต้องไปนรกทั้งที่เคร่ง ในวินัย ทุกข้อในพระไตรปิฏก ไม่ผิดศีลเลยสักข้อเดียวเพราะกลัวตกนรก
    อาจารย์ ก็อมยิ้มเลย และ บอกในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงว่า เป็นเพราะบุญเติมเปี่ยม ท่านหนึ่งได้พาเราไปในนรกเพื่อโปรดญาติพี่น้องและสัตว์นรก ถ้าวันนั้นผมมีสติและทำการแผ่เมตตาให้สัตว์นรก ผมจะได้กลับมาเป็นแสนเท่า และบารมีก็จะเพิ่มอีกมาก นี้แหละถ้าวันนั้นผมไม่กลัวและมีสติดีอยู่ ผมคงไปได้ไกลกว่านี้
    นี้แหละที่ผมว่านรกมีจริงและผมไปมาแล้วน่ากลัวจริง แต่ ถ้าให้ไปอีกไปแน่และจะไปแผ่ให้พวกเค้าเหล่านั้นให้สมตั้งใจ แต่โอกาสอาจมีแค่หนเดียว เห็นมั้นว่ามันน่าเสียดาย .......

    ส่วนทำอย่างไรจึงขอให้มีท่านพาไปได้ก็ขอติดไว้ก่อนรู้สึกเหนื่อยครับ

    ปล. ประสพการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมรู้ว่าจะออกจากร่างอย่างไรถ้าคนไม่เคยก็จะไม่รู้ และที่สำคัญคือ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อนของผมขับรถหลับในข้ามเลนไปชนกับรถบรรทุก หน้าตาช่วงบนถูกกระแทก และหลับไปหนึ่งวัน ตื่นขึ้นมาก็มีแต่แผลที่ต้องเย็บที่หน้า ผมก็ไปหา คุยสักพักความรู้สึกเพื่อนคือรู้สึกกลัว ๆ ผมก็เลยถามว่า เป็นอย่างไรตอนหลับ เขาบอกว่า ไม่รู้สึกอะไร ผมก็เลยถามว่า แล้วตอนตื่นละ เขาบอกว่า ได้ยินเสียงหมอกับพยาบาลเรียกชื่อ ผมก็เลยถามต่อว่า จิตหมุน ๆ หรือเปล่า เขาบอกว่า มันหมุน ๆ และพุ่งตรงดิ่งแบบบังคับไม่ได้ ผมก็เลยบอกเค้าว่า ดีแล้วละถ้าวันนั้นไม่กลับมาเข้าร่าง ก็คงไปเลย เห็นมั้นเหมือนกันเดะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2007
  6. แอนเจ้ล

    แอนเจ้ล บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    จิตออกจากร่าง

    เคยสิ ทุกคนก็เป็นได้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับเวลา การฝังจำ หรือเบื้อบนต้องการอยากให้เรารู้อะไร หรือ ท่านมาทดสอบ ........... อะนะ ล้ำเส้นไม่ได้ ศึกษาเอาเอง
     
  7. obsc

    obsc Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +59
    หายเหนื่อหรือยัง

    หายเหนื่อหรือยัง ถ้าหายแล้วช่วยเล่าหน่อยว่าจะทำอย่างไรจึงขอให้มีท่านพาไปได้
     
  8. ปุถุชน

    ปุถุชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +715
    ขอแสดงความเห็นเพิ่ม จากคุณ 108 man และคุณศุกร์

    1. ของคุณ 108 man ที่เล่ามาเป็นการไปแบบฝืน แบบนี้กายและจิตมีปฏิกริยาต่อกันสูงมาก
    2. ที่คุณศุกร์มี comment ว่าเหนื่อย อันนี้เหนื่อยแน่จากปฏิกริยานี้
    3. การฝึกมโนมยิทธิแบบเต็มกำลังที่ออกด้วยฌานสื่ อย่างหยาบ ก็เหนื่อยคล้ายๆกัน
    4. การถอดจิตท่องเที่ยวที่มีอยู่ดาษดื่นทุกวันนี้ อย่างน้อยสองสำนักที่เอาจริงเอาจังและทำกันเป็นอภิญญา คือสำนักวัดท่าซุง อุทัยธานี และสำนักวัดปากน้ำภาษีเจริญ กทม. สายอื่นๆคงมีแต่ไม่แพร่หลาย
    แบบวิชชาสาม คือมโนมยิทธิแบบเต็มกำลังที่หลวงพ่อฤาษีท่านสอน ออกด้วยฌานสี่ละเอียด ไม่เหนื่อย ทำได้ตั้งแต่ผู้ที่ยังไม่ได้อภิญญาห้า
    แบบธรรมกายตามตำราหรือตามที่หลวงพ่อสด ท่านสอนเฉพาะกาล ( เช่นตอนแจกพระของขวัญ ) ก็ออกด้วยฌานสี่ละเอียด ไม่เหนื่อยเช่นกัน ทำได้ตั้งแต่ผู้ที่ยังไม่ได้อภิญญาห้าเช่นกัน

    ที่ไม่เหนื่อยเพราะทั้งสองแแบบนี้เป็นการกำหนดจิตออกคือถ้ากำลังไม่ถึงก็ยังไม่ออก ก่อนออกได้เตรียมการเดินทางไว้แล้ว
    * คืออทิสมานกายที่จะเดินทางเกิดขึ้นแล้ว ตามกำลังฌานที่จิตทรงอยู่
    * กำหนดจุดที่จะไปแล้ว เช่น นรก มนุษย์โลก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน ต่างดาว .....
    * มีผู้นำทาง/ผู้ดูแลความปลอดภัย (แบบมโนมยิทธิอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า , แบบธรรมกายอาราธนาพระของขวัญตอนพระใสเป็นแก้ว หรือกำหนดกายธรรมเป็นผู้ไปซึ่งกายธรรมนี้โยงถึงพระพุทธเจ้าทุกพระองค์เพราะเป็นรุปพระพุทธรูป ) แล้ว ไม่ต้องเกรงกลัวใคร แถมตายตอนนั้นด้วยก็ดีเพราะอย่างน้อยตายในฌานสี่
    * ไม่มีอะไรมาดึงเพราะไปตามที่อธิษฐานไว้

    5. การเข้าฌานไม่เหนื่อย แต่ตอนฝึกให้เป็นฌานเหนื่อยแน่
    6. กับ comment ของคุณศุกร์ :
    การถอดจิตทั้งสองแบบข้างต้นไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดดับของจิต/ของกายต่างๆ เพราะขณะเดินทางเน้นกำลังฌานไม่ได้เน้นการพิจารณา
    การพิจารณาในส่วนมโนมยิทธิทำตั้งแต่ตอนตัดขันธ์ห้าแล้ว ในส่วนธรรมกายทำตั้งแต่ตอนฟอกกายเป็นชั้นๆเข้าไปจนถึงกายธรรมแล้ว แต่ก็ไม่เน้นรายละเอียดของการเกิดดับ



    ถูกผิดประการใด ขอท่านผู้เจริญใคร่ครวญดูนะครับ หากพบข้อผิดพลาดอะไรโปรดช่วยกันแนะนำเป็นธรรมทานนะครับ
     
  9. พฤติจิต

    พฤติจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +230
    สาธุ สาธุ อนุโมทนามิกับผู้ตอบธรรมทุกๆท่านครับ
    ขอขมาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์นั้น และพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม รวมทั้งพระพุทธเจ้าทั้งหลายทั้งปวง ในพระนิพพาน และพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระอรหันต์ขีณาสพ พระอริยเจ้าผู้เจริญ พระสงฆ์สุปัฏฏิปันโน และครูบาอาจารย์ คุณครูอุปัชฌาย์ บิดา มารดา และผู้รู้และเจริญในธรรมแห่งองค์สมเด็จะรพสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหลาย ถ้าการตอบกระทู้นี้เป็นประโยชน์ ก็ขอจงยังผลนั้นแด่ สรพพสิ่งสรรพสัตว์ทั้งหลายในสากลโลก โดยเฉพาะเจาะจงแด่ ประชาชนชาวใต้ที่ประสบอุกภัย ทั้งหลายจง พ้นทุกข์ ทั้งหลายทั้งสิ้นเทอญ
    แต่ถ้าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และยังโทษแก่ผู้ที่ได้รับรู้แล้วขอผลนั้นจงมีแด่กระผมแต่เพียงผู้เดียว
    1.ขอยืนยันการตอบของคุณปุถุชน----ถูกต้อง ดีแล้ว ถูกแล้ว สาธุๆ
    2. คำว่าจิต นั้น มีความหมายหลากหลายมากมาย จนทำให้เกิดการตีความกันไปต่างๆนาๆและก็ก็ให้เกิดความสับสน วุ่นวาย มาก จึงอยากจะขอสรุปเอาตามประสบการณ์ที่เคยได้รู้มา ตามสัญญาขันธ์ ดังนี้คือ
    2.1 จิต ตามพระบาลี (พระอภิธรรมโดยปรมัตถ์) นั้นแปลว่า สภาวะรับรู้อารมณ์อย่างที่ทุกคนรู้กันดี(ผู้ที่เข้าใจ ในคำว่า มหาสติปฐานสูตร ย่อมเข้าใจ ความหมายของคำว่าจิต ใน นัย พระอ๓ิธรรมเป็นอย่างดี)
    2.2 จิต ตามความหมายของพวกเราที่ทับศัพท์เอา มาใช้กันในทางโลก มีหลายแบบมากดังนี้
    - จิตในทางการแพทย์ มักจะพบคำว่า จิตใจ จิตวิญญาณ คือ mental health และ spiritu al ตามลำดับ ซึ่งการตีความจะเป็นไปในทาง เกี่ยวกับ สุขภาพ จิต(ไม่ใช่สภาวะรู้อารมณ์ แต่เป้นภาวะทางอารมณ์ หรือ การแสดงออกทางอารมณ์ มากกว่า )ส่วน คำว่าจิตวิญญาณในทางการแพทย์ยังไม่มีข้อตกลงตายตัวและบัญญัติศัพที่จะขยายความได้แน่นอนครับ.......ภาวะโรคจิต ประสาท โรคที่เกียวกับสภาวะอารมณ์ แลปรวนมักจะหมายเอาคำว่าจิต อันนี้เป็นสำคัญ
    - จิต ในความหมายทางโลกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งคนทั่ว ไปมักใช้กันและเข้าใจกัน ว่า จิต คือ วิญญาณและมักจะเข้าใจว่าร่างกายประกอบไปด้วย จิต(วิญญาณ)+ร่างกาย และมักจะทับศัพท์และเข้าใจกันว่า เวลาจิต กรือวิญญาณออกจากร่างกายได้ เช่น การฝันว่ามองเห็นร่างกายของตนเองเป็นต้น
    3.ขอตอบคำถามของคุณ 108 man ตามภูมิธรรมอันน้อยนิดดัต่อไปนี้
    คำถาม จิตเคยออกจากร่างหรือไม่ เป็นอย่างไร ?
    ตอบ ผมเข้าใจว่า คำว่าจิตของคุณ หมายถึง กายทิพย์ (ซึ่งก็ยังประกอบไปด้วย ขันธ์ 5 อยู่ มิใช่ กายธรรม หรือ วิสุทธิเทพ ที่หลุดแล้ว จากขันธ์ 5 คือ รูป จิต เจตสิก )ซึ่งในคงามหมายส่วนใหญ่แล้วกายที่จะเข้าอายตนะนิพานได้คือ จิต(ที่ไม่ใช่ จิตอันเป็น สภาวะรู้อารมณ์ )แต่เป้นจิตที่เป็นวิสุทธิ์ บริสุทธิ์ ไม่มีสภาวะรู้อารมณ์ ไม่มีสภาวะสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์แต่อย่างใด
     
  10. ปุถุชน

    ปุถุชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +715
    แลกเปลี่ยนความเห็นกับคุณพฤติจิตครับ

    ผมขอเพิ่มนิดหนึ่งครับ
    กายธรรม หรือพระวิสุทธิเทพ มีขันธ์ห้าเช่นกัน แต่เรียกว่าธรรมขันธ์เพราะเป็นธรรมทั้งแท่งทั้งก้อน เป็นอสังขัตตคือไม่มีอะไรปรุงแต่งได้อีก
    เหมือนอย่างในสมมุติทั้งปวงก็มีขันธ์ห้าของสมมุติ พอเป็นวิมุติก็เป็นขันธ์ห้าของส่วนวิมุติ
    ผมเองก็ยังงงๆอยู่นะครับ อันนี้ต้องลองศึกษากันดูครับ คิดว่าในพระอภิธรรมก็ไม่บอกตรงๆ
     
  11. ปุถุชน

    ปุถุชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +715
    "เจ้าเหลือช่วงเวลาอีกไม่นานนักแล้วน๊ะ"

    หนึ่งปีผ่านไปแล้ว

    ตัดบัว อย่าให้เหลือใย

    ขออวยพร
     
  12. mikky

    mikky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    892
    ค่าพลัง:
    +577
    ผมเคยเป็นคล้าย ๆ แบบนี้นะ แต่ผมฝืนไว้ทุกครั้ง เคยหลุดออกไปด้วยเหตุแบบนี้ 1 แว๊บ แล้วกลับเข้ามาทัน
    สองปีที่แล้วผมเป็นบ่อย ๆ มาก ในขณะที่นอนอยู่ยังไม่หลับจิตว่าง ๆ อยู่ดี ๆ จะรู้สึกว่ามีผู้มาเยือน ผมไม่เห็นแต่เนื่องจากผมเคยฝึกมโนมิทธิ ผมจึงมักจะถืออารมภ์แรกที่ผมรู้สึกเป็นหลัก คือรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว

    มันเริ่มด้วยความรู้สึกว่ามีผู้มาเยือน แล้วขนลุกซู่ตั้งแต่ศรีษะลงไปเลย รวดเร็วมาก ผมแค่คิดไม่ทันได้ 2 วินาที เกิดอาการหมุนติ้วของจิต บังคับร่างกายไม่ได้ รู้สึกว่าถ้าปล่อยคงต้องหลุดออกไปเลย จึงฝืนอย่างที่สุด จิตจับกับคำสวดมนต์ขึ้นมาทันที บางครั้งก็ท่องพุทโธ สักพักก็หยุดไป

    ก่อนหน้าที่จะเกิดแต่ละครั้ง จะรู้สึกว่าเขาเข้ามาใกล้ ๆ แบบว่ามีฝีเท้าที่แผ่วเบา เหมือนแมวเดินมาบนที่นอน ถ้าผมรู้สึกว่ามีแมวมาเดินบนที่นอนเมื่อไหร่ เมื่อนั้นล่ะ คิดไม่ทันจบก็จะเป็นอาการเดิมอีกคือมันหมุนไปหมด แล้วผมก็ต้องฝืนแล้วก็หยุด

    ที่นี้ก็มีอยู่วันหนึ่งเกิดอาการเดิมทุกอย่างผิดกันตรงที่ คราวก่อน ๆ ผมจะเป็นตอนรู้สึกตัว แต่ครั้งนี้ผมหลับไปแล้ว หลับสนิทเลย แล้วสะดุ้งตื่นกลางดึกแล้วเป็นเหมือนเดิมคือหมุนติ้ว ๆ อีก คราวนี้ผมพุทโธ เท่าไหร่ ๆ ก็ไม่หาย เปลี่ยนมาเป็นบทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย จบแล้วจิตผมก็หมุนอยู่อย่างนั้น ตามด้วอิติปิโส ก็ยังไม่หาย ผมก็เลยจะปล่อยไม่ฝืน แต่ยิ่งปล่อยก็งหมันแรงขึ้นอีก ผมชักทรมานแต่ผมก็ไม่อยากยอมแพ้ ตอนนั้นผมทำความรู้สึกว่า ขอให้มีไม้วางอยู่ข้าง ๆ ตัว เท่านั้นล่ะผมคว้าไม้ขึ้นมาได้จริง ๆ ท่อนถนัดมือเลย ผมใช้ไม้ท่อนนั้นฟาดกับสิ่งที่ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไร กำหนดให้เป็นรูปไม่ได้ (เหมือนเวลาที่ออกมโนแล้วไม่เห็นภาพ จับได้แต่ความรู้สึก) ประมาณ 10 วิ ตอนนั้นผมออกมาอยู่นอกตัวแล้ว เพราะตัวผมจริง ๆ นอนนิ่ง ๆ ไม่ขยับเลย ผมมองเห็นอยุ่ ในขณะเวลาไม่นานนักก็รู้สึกว่าสิ่งนั้นไปแล้วพอดี แล้วผมก็กลับเข้าร่างโดย ที่ผมลอยจากเพดานแบบหันหน้าประกบกับตัวจริงที่นอนอยู่ (ลอยเร็วแบบวูบลงไปเลย) แล้วก็ลองขยับแขนขาดู จึงรู้ว่าเป็นปรกติแล้ว นั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมมีแขกมาเยือน จากนั้นก็ไม่มีอีกเลย ผ่านมาสองปีแล้ว มันเกิดขึ้นประมาณ 20 ครั้ง แรก ๆ ผมรู้สึกว่าเป็นสิ่งน่ากลัว แต่หลัง ๆ กับรู้สึกเหมือนเพื่อนมาทักทาย แต่จิตผมมันก็บอกว่ามึงทักทายแบบนี้กูทรมาน (กลัวด้วย) มึงไปไกล ๆ เลยไป (จิตผมชอบพูดภาษาพ่อขุนราม ไม่รู้เป็นไร ตัวจริงไม่เคยพูดเลย)

    นั่นเป็นเหตุการครั้งเดียวที่ผมออกจากร่างแล้วเห็นตัวเองนอนอยู่ เป็นคนละคนกันเลยครั้งเดียว นอกนั้นเคยฝึกมโนอันนั้นเป็นสัมผัสรู้สึกด้วยใจ ผมยังไม่สามารถเห็นอะไร ตัวเองก็ไม่เห็น มันต่างกันโดยสิ้นเชิงกับแบบนั้ และความสามารถผมก็ไม่ถึง พอที่จะบอกได้ว่า ผู่มาเยือนนั้นเป็นไคร ไม่รู้จริง ๆ
     
  13. kiatkiat

    kiatkiat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +825
    ขอบคุนทุกๆความเห็นเลยครับ อ่านแล้วได้ประโยชมากครับผม
     
  14. xx

    xx สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +16
    xx
     
  15. 108man

    108man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,794
    พอดีติดค้างกระทู้อยู่เรื่องทำอย่างไรจิตจึงได้ไปเที่ยวได้

    ก็พอดีกลัมมาอ่านก็ติดว่าในกระทู้ว่าจะบอกว่าทำอย่างไรจึงทำให้จิตออกจากร่างได้

    ก็ขอกลับมาเพิ่มให้สมบูรณ์ดังนี้ครับ

    เนื่องจากเวลาที่ผมบวชสามารถบวชได้เพียง 9 วัน ในตอนนั้นก็เลยคิดว่า การบวชน้อยวันถ้าผิดพลาดก็ตกนรกแน่ ๆ ก็เลยยึดสิกขาในพระไตรปิฏก ทุกประการ และ เป็นผู้นอนน้อยปฏิบัติมาก ตอนนั้นยอมแลกชีวิตกับศีลคือไม่ยอมผิดศีลอย่างจงใจของพระภิกษุโดยเฉพาะอาบัติหนักรักษายิ่งชิวิต ตอนนั้นตั้งใจอย่านี้ จริง ๆ และ ก็ต้องสู้กับมารทั้งกลางวันกลางคืนสู้อยู่ประมาณ 5 วัน .... ก็ผ่านมาได้ และกิจของสงฆ์ที่ต้องทำก็ปฏิบัติทุกประการ ดังนั้น ในเวลา 8 วันผ่านไปได้ทบทวนแล้วพบว่าเหมือนเราเข้าสู่สภาวะที่บีบรัดทั้งร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก เหมือนที่ท่านว่า "มารไม่มีบารมีไม่เกิด" แต่ก็สามารถผ่านมาได้โดยศีลไม่ขาดและไม่ด่างพร้อย
    เช้าวันที่ 8 ก็เลยไปอธิฐานกับพระพุทธที่วิหาร ว่าผมได้ตั้งใจในการปฏิบัติและรักษาศีล เป็นพระในพระพุทธศาสนาโดยสมบูรณ์ ในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ ลาสิกขาแล้ว ก็อยากให้มีสิ่งใดสิงหนึ่งที่วิเศษเกิดขึ้นเพื่อที่จะได้จดจำและเป็นกำลังในการปฏิบัตต่อไปในการข้างหน้า ก็อธิฐานประมาณนี้ครับ...

    หลังจากนั้นเมื่อฉันข้าวเที่ยงแล้วและเดินจงกลมก็รู้สึกว่าจิตมีอาการผิดปกติจากทุกวันก็เลย เปลี่ยนนอนสมาธิแล้วก็เป็นอย่างที่เล่าตามกระทู้

    ถ้าสิ่งที่ข้าพเจ้าเล่าในกระทู้นี้เป็นสิ่งไม่ควรเนื่องจากเป็นการเล่าให้กับผู้ที่ไม่ได้บวชฟัง ก็พระพุทธเจ้าโปรดละเว้นโทษที่ได้ทำในครั้งนี้ต่อข้าพเจ้าด้วยเทอญ เพราะเจตนาเพื่อการศีกษาธรรมและเป็นการแสดงถึงความดีของการเป็นพระที่ปฏิบัติตรงมีศีลในพระไตรปิฏก เพื่อเป็นประโยชน์สืบไปต่อผู้ยังไม่มั่นใจในพระไตรปิฏก
     
  16. zcracher

    zcracher เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +267
    ผมเคยตอนไม่สบายขึ้นไปนอนข้างบนแล้วรู้สึกว่าตัวเองตื่นขึ้นมานั่งหรือไงเนี่ยะแล้วก็มีเสียวผู้หญิงพูดออกมาจากหน้าห้องแต่ไม่เห็นเขา บอกว่าสงสารมัน หลังจากนั้นผมก็ตื่นขึ้นมารีบลงไปถามแม่ว่าตะกี้แม่ขึ้นมาข้างบนหรือเปล่า แล้วได้พูดอะไรใหม แต่แม่บอกไม่ได้ขึ้นไปแล้วก็ไม่ได้พูด หลังจากนั้นผมก็ไม่กล้าฝึกสมาธิไปพักใหญ่เลย -*- จนปัจจุบันก็ยังหวาดๆอยู่ไม่กล้าฝึกตาที่สาม เลยย้ายมาฝึกที่มือแทน ยังกลัวๆไงไม่รู้
     
  17. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,252
    ค่าพลัง:
    +1,814
    เคยค่ะ รู้สึกว่า นับจากนั่งสมาธิมาจะบ่อย แต่จะเป็นฝัน
    ถ้ายิ่งวันไหน นั่งสมาธิ แล้ว พอจะนอนก็นอนโดยจับลมหายใจแล้วปล่อยให้หลับไปเอง

    ครั้งแรก นอนอยู่เปล จับอาการแกว่งของเปล พอมันเหวี่ยงซ้ายก็บอกว่าซ้าย พอเหวี่ยงขวา ก็บอกขวา จนเมื่อเปลนิ่ง ก็นิ่งให้เหมือนเปล แล้วก้หลับไป และรู้สึกถูกชุดออกจากตัวลอยขึ้นไปสูงเห็นตัวเองนอนอยู่บนเปล ( ใครเคยสังเกตุใหมว่าเมื่อจิตออกจากร่างแล้วเวลากลางวันนี้เรามองเห็นท้องฟ้าเป็นสีส้มอ่อน แสงที่สาดลงมาเป็นสีส้ม เหลือง ) ตกใจสักครูหนึ่งแต่ยังถูกดึงไปอยู่ นึกว่าใครกันจะมาดึงไป ยังไม่อยากไปเป็นห่วงร่างกายแว็บเดียว รู้สึกร่างกายเราเป็นเหมือนเครื่องดูดฝุ่นยังไงไม่รู้ รู้สึกถูกดูดเข้ามาทางสะดือแล้วก็รู้สึกอึดอัด สักพักหูอื้อ แล้วก็ลืมตาตื่น จบ 1 ตอน
     
  18. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,252
    ค่าพลัง:
    +1,814
    ครั้งสอง เกิดเมื่อช่วงเดือน ก.พ. นี้ เพราะช่วงนี้เตรียมการครั้งใหญ่ อายุจะเข้า 25 ปีแล้ว บวกปีนี้ปีอาเพศด้วย และอาเพส จะเกิดขึ้นในช่วงเราครบ 25 ปีแล้ว เราเลยตั้งหน้าตั้งตาแผ่เมตรตา สมาธิ สวดมนต์ กราบครูอาจารย์ ทุกว้านทุกวัน
    จนคืนหนึ่ง

    ฝันว่า เรายืนอยู่ข้างตึกบ้านเช่าของตนเอง สภาพเหมือนเวลาจริงของจริงไม่มีอะไรพิศดาร จะพิศดารก็แต่ท้องฟ้าสว่างเพราะแสงจันทร์จนมองเห็นอะไรได้ชัดเจน ก็นึกได้ว่าเราหลับอยู่ก็มองไปที่หน้าต่างห้องนอนตนเองแล้วภาพหน้าต่างก็เปลี่ยนแบบฉับพลันเป็นห้องนอนของเรา แต่ห้องนอนของเราไม่มีข้าวของของเรา เป็นห้องมืดสนิท เห็นหญิงแก่นุ่งเสื้อสีย้อมฝาด และนุ่งโจงกระเบน นอนเอามือตบพื้น
    ไม่แน่ใจเลยถามยายว่า ยายจ๋ามีอะไรให้หนู่ช่วยมั้ย
    ยายไม่ตอบอะไรเอาแต่จ่องด้วยสายตาโต ปากขมุบขมิบทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
    เรารู้สึกถึงความน่ากลัวเราเลยบอกว่า ถ้ายายไม่ต้องการให้ช่วยงั้นหนูไปเล่นบ้านพี่เหมียวที่อยู่ข้างห้องแล้วกัน
    เรานึกถึงประตูข้างล่าง เราก็ปรากฏตัวที่ประตูเตรียมจะออกไปแต่ประตูเรามันใส่แม่กุญแจไว้ แล้ว ยายคนนั้นก็เดินลงมาบันได แต่แว็บเดียวแกก็มายืนอยู่ตรงหน้าแล้วเอาจับแขน 2 ข้างไว้ เราบอกว่าเราไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอม
    แล้วเราก็นึกได้ว่านี้ฝันนะ ต้องตื่นแล้วเราก็ตื่นขึ้นมา

    คำถามคือ ยายคนนี้เขาเป็นอะไรของเขา
    หลายท่านบอกว่าเป็นเปรต
    บางคนบอกว่าเป็นผีเฝ้าที่ เดิมทีที่ตรงนี้เป็นหนองน้ำเก่า
     
  19. bridge

    bridge เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,252
    ค่าพลัง:
    +1,814
    ส่วนใหญ่ เราก็จะเป็นอย่างนี้ไม่ค่อยไปนรกสวรรค์

    บางครั้งก็เป็นคนมาขออาหารให้กินบอกว่าเดินทางมาใกล
    บางครั้งก็เป็นเราที่เอาพาข้าวพาน้ำไปตั้งแจกให้ผีกิน
    จนทำให้รู้ ว่ามีผีอยู่ ในสถาบันราชภัฏอุบล ซึ่งเป็นเปรต สาม ตน
    แล้วก็เห็นแล้วด้วย

    **** ถ้าคุณยึดติดที่ว่าเปรตนั้นตัวโต ท้องยื่น คุณก็จะไม่มีโอกาศทราบว่ายังมีเปรตอีกจำพวกที่ ดูคล้ายกับวิญญานปกติ แต่ติดที่เขาจะมีความทรมานและไม่สามารถไปเกิด และถูกกักขังอยู่ในสถานที่ใดที่หนึ่ง
    **** พวกที่เล่นของ คุณไสย พกเวทย์ นั้นเมื่อตายไปเป็นเปรต และร้ายยิ่งกว่ารับบุญไม่ได้มาก ต่อให้บุญวิ่งเข้าหาเขาก้อนโตเท่าภูเขา มันก็เหลือสายบุญเท่ารูเข็มเท่านั้น บุญที่เหลือที่ไม่ผ่านเข้าไปก็จะวิ่งผ่านเขา ยังให้เปรตเหล่านั้นนั่งร้องห่มร้องให้ตีอกชกพื้น
    **** ผีบางตัว ยังไม่ตัดขาดสัมผัสทั้ง 5 เมื่อยังมีชีวิต ก็เที่ยวเร่ร่อนสิ่งร่างคนเพื่อให้ได้สัมผัสนั้นคืนมา
     
  20. countdown

    countdown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,016
    ค่าพลัง:
    +3,165
    ผมนะกลัวฝึกได้ถึงตอนที่จะถูกดูดลงไปข้างล่าง กลัวเลยกลับร่างเสียก่อนใจเนี่ยวูปวาบเลย ตกกะใจงึงึ กลัวไม่กลับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...