พระผู้เป็นเจ้าของพระพุทธเจ้า

พุทธศาสนิกชนทั่วไปเรามีความเชื่ออย่างฝังรากว่า พุทธศาสนาเราไม่ได้พูดถึงพระผู้เป็นเจ้าหรือ
พระเจ้า มาแต่ไหนแต่ไร แต่มีคนๆหนึ่งออกมาบอกคล้ายๆกับว่า พระเจ้าน่ะมีแต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงตรัสถึงเท่านั้นเอง เค้าชื่อว่า นายจามเช็ด เค. ฟอสดาร์ นายคนนี้เชี่ยวชาญเรื่องพุทธศาสตร์มาก เขาแต่งหนังสือชื่อว่า

 

ทุกศาสนาน่าจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ ไม่เห็นต้องมาโจมตีกันหรือเบียดเบียนกันเลย แต่ผมภูมิใจอยู่อย่างคือ จากประวัติศาสตร์ ศาสนาพุทธของเราไม่เคยเบียดเบียนใคร แค่นี้ก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่ทำให้ผม เลือกนับถือพระพุทธศาสนา เพราะผมรักสันติ

 

Whats the name of this book in english krub?

 

แค่ฟังชื่อหนังสือก็ไม่น่าอ่านแล้วสำหรับผม เพราะไม่ใช่ทางหลุดพ้น ขอบคุณครับที่เล่าให้ฟัง [b-hi]

 

ผมก็เคืองในใจเหมือนกัน

ทีแรกพอจับมาอ่านตรงคำนิยม ทำให้ผมเคืองอยู่ลึกๆเหมือนกันว่า ' มันเป็นใคร ถึงได้อาจหาญมาวิจารณ์พระพุทธเจ้า ' ...เปิดดูสารบัญ จะพูดถึงแง่มุมทุกมุมในพุทธศาสตร์ แล้วผมก็เลือกไปอ่านตรงหัวข้อของนิพพาน เพราะนั่นคือเป้าหมายอันเป็นที่สุดของพุทธศาสนา อ่านๆไปพูดไว้ดีทีเดียวครับ พูดประมาณว่า ..." การที่ทรงนิ่งเมื่อ มีคนทูลถามเกี่ยวกับสภาวะนิพพานหรือเรื่องอจิณไตยอื่นๆ ก็เพราะพระองค์รู้ว่าเมื่อทรงอธิบายแล้วจะเป็นการบิดเบือนความหมายเดิมไป เนื่องจากระบบของเหตุผลที่อยู่เหนือการรับรู้โดยปกติ คนฟังอาจนึกคิดไปตามประสบการณ์เดิมของตน ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ "... ส่วนเรื่องอื่นไม่รู้ครับ ไม่ได้อ่าน

 

อืมม...นะ

ความจริงจะเป็นเช่นไรนั้น เราชาวพุทธ ไม่มีหน้าที่วิจารณ์ครับ แค่รับรู้ รับทราบ และเข้าใจก็เพียงพอแล้ว

คำว่าพระเจ้าจะมีคำนิยามว่าอะไร สำหรับเจ้าของตำรานี้ ผมก็มิอาจทราบได้ ทราบแต่ว่า ในอาณาจักรย่อมมีศาสนาจักรประกอบกันเรื่อยมา หนึ่งคือฝ่ายปกครองบ้านเมือง หนึ่งคือฝ่ายนักบวช นักพรต คล้ายๆราชาในอาณาจักร และสังฆราชาในศานจักรนั่นแหละครับ

ในโลกยุคนี้ย่อมต้องมีผู้บริหารจักรวาลแน่นอน เราจะเรียกท่านว่าอะไร ก็แล้วแต่เรานะครับ แต่พระพุทธเจ้า คือผู้ทรงคุณมิมีประมาณ ต่อให้ต้องอยู่ในกฏเกณฑ์ของความเป็นเทพที่จะต้องฟังคำของมหาเทพ แต่พระองค์ก็ทรงเป็นมหาบรมวิสุทธเทพ ที่แม้แต่ผู้บริหารจักรวาลยังต้องก้มเศียรให้ครับ เรียกว่าต่างฝ่ายต่าวบทบาท ต่างหน้าที่ครับ แล้วต่างก็จะเคารพซึ่งกันและกัน ไม่มีมาทะเลาะอย่างเราๆท่านๆอย่างแน่นอน เชื่อเถอะ

 

"พระพุทธเจ้าผู้รู้รากเหง้าแห่งพระเจ้า"

 

ช่างไม่น่าเชื่อ ผมได้เจอหนังสือเล่มนี้เช่นกัน เมื่อวันเสาร์ 05/02/2005
ที่ร้านหนังสือดอกหญ้า สาขาเมเจอร์รัชโยธิน แต่ไม่ได้เปิดอ่านครับ
ไปคว้าเอา"พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม" มาอ่านแทน
น่าสนใจ น่าอ่าน เป็นความรู้ยิ่ง พิมพ์ครั้งที่ 12 แล้ว เพิ่งมาเห็น (เรานี่มันมาช้าซะตลอดเลย)
เหลืออยู่เล่มเดียว คว้ามาเก็บไว้เรียบร้อย อย่าลืมไปหาอ่านหาซื้อดูนะครับ

 

ผมว่าเราควรระมัดระวังนิดนึงนะครับ ในการที่จะวิพากษ์วิจารณ์ถึงพระเจ้า สิ่งที่เป็นที่เคารพของศาสนาอื่น

ในพระพุทธศาสนานั้น ไม่ได้ปฏิเสทเรื่องการมีอยู่ของพระเจ้าครับ แต่ศาสนาพุทธสอนไม่ให้พึ่งพาพระเจ้า พุทธศาสนาสอนให้มนุษย์เชื่อมั่นในตัวเอง พึ่งพาตัวเอง หาทางให้ตัวเองหลุดพ้นจากวังวนแห่งทุกข์ด้วยความเพียรของตัวเอง ด้วยสติและปัญญาของตัวเอง พระพุทธเจ้าท่านเพียงแต่เป็นผู้ชี้ทางให้ว่าเราควรเดินไปทางไหน ส่วนใครจะถึงฝั่งหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองทั้งสิ้น

 

ความจริงว่าไง ก็ว่าเดี๋ยวสัตว์โลกก็ย่อมต้องเดินไปตามกรรมนะสิ มันไม่ได้แค่พึ่งมีนะ จริงๆ คนประเภทนี้นะมีมาตั้งแต่สมัยพระพุทธองค์แล้ว และท่านก็เลือกที่จะไม่ตอบโต้ เพราะท่านรู้ดีว่า คนพวกนี้โปรดไม่ขึ้นไงค่ะ ช่างเขาเถอะค่ะ คนที่อยู่ในศาสนาเดียวกับเขาก็อาจไม่เห็นด้วยกับหนังสือของเขาก็ได้ค่ะ

 

การบริโภคข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันต้องระมัดระวัง ใครเขียน ใครแปล ใครพิมพ์ มีที่มาที่ไปหรือเปล่า
ยิ่งเป็น Phd. ด้วยยิ่งต้องพิจารณา เพราะคนมักคิดว่า เก่งและรู้จริง เชื่อ ยี่ห้อไว้ก่อน ซื้อได้ซื้อได้
การตั้งชื่อหนังสือในปัจจุบันก็เริ่มคล้ายๆหนังสือพิมพ์เข้าไปทุกที เรียกคนไว้ก่อน ผิดถูกอย่างไรแก้ทีหลัง ขายเอาเงินก่อน ตกเวจีมหานรก ทีหลังเรื่องเล็ก เช่น เหตุเกิดเมื่อ พ.ศ.1 พลิกอ่านแล้วกลุ้มใจ ตีรวนพระไตรปิฏกไปทำไม มีแผน มี hidden agenda หรือ อยากแก้พระไตรปิฏกหรือ ทำไมเอาความคิดปุถุชนมาเป็นบรรทัดตัดสินการกระทำของเหล่าพระขีนาสพ ที่พระพุทธองค์ทรงรับรองเองว่าเป็นพระขีนาสพแน่ ไปวิจารณ์สามก๊กจะเกิดประโยชน์กว่า เพราะเป็นปุถุชนเหมือนกัน จะวิจารณ์ได้น่าอ่านน่าคิดตาม แต่ผลงานผิดถ้าใช้เครื่องมือเริ่มต้นผิด ดีว่ามีท่าน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต) และ ผู้รู้จริงมีคุณวุฒิ อื่นๆมาชี้แจงหลายรอบแล้ว ต่อไปหนังสือพวกนี้ถ้าลูกหลานอ่านแล้วเชื่อทันที อนาคตจะเป็นอย่างไร ศาสนาจะเป้นอย่างไร น่าเป็นห่วง ที่เขียนนี่ให้หมายเอาว่า ท่านที่ออกมาแก้นั้น มี background ทางศาสนาพุทธ และ มีการเล่าเรียนศาสนาพุทธมาอย่างลึกซึ้งมาก ให้ศึกษาผลงานของท่านเหล่านั้นเอาจะทราบ ไม่ได้ให้หมายเอาว่า ผมรับรองว่าท่านที่มาแก้เหล่านั้นเป็น พระอรหันต์
ศาสนาพุทธเรานั้น นอกเหนือจากคิหิปฏิบัติไปแล้ว พระอภิธรรมเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งเหนือเหตุเหนือผล ยากที่จะจับมาชั่งตวงวัด ตามหลัก pure science หลักการก็สวนกระแสกิเลสที่ทุกคนมี (คือให้ละความอยาก, เกลียดคนก็ต้องแผ่เมตตาให้ เป็นต้น) บางทีก็ยากที่จะทำตาม ต้องทำอย่างง่ายไปยากตามขั้นตอน ขัดเกลากิเลสทีละน้อย ถ้าไม่จบชาตินี้ให้ต่อชาติหน้า เกิดใหม่ถ้าไม่ได้เรียนและไม่ได้ปฏิบัติศาสนาพุทธก็มีโอกาสตามกระแสกิเลสต่อไป หรืออาจมีกิเลสมากขึ้น
เหล่าคนที่ชอบศึกษาศาสนา โดยใช้เครื่องมือจาก แนวทาง ปรัชญา แนวตรรก หรือ แนว pure science จึงมักสรุป แบบไม่ตรงเส้นทาง บางคนก็หลงทางไปมาก ในที่สุดก็แต่งตำราขึ้นมาใหม่ ตั้งทฤษฏี หรือ สรุปเป็นกฏ ขึ้นมา แต่งให้ชาวบ้านซื้อเสพ

ขอบ่นหน่อยเถอะ ถ้าพูดผิดก็ขออภัย ผมเองก็ไม่เคยอ่าน และ ไม่คิดอ่าน เสียดาย เงินและเวลา
การที่ได้รับรู้ว่ามีหนังสือแบบนี้เกิดขึ้นมา ก็นับว่าดี และขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ จะได้ระวังตัวในการเสพข้อมูลให้มากขึ้นครับ
โปรดช่วยกันระวังแทนลูกหลานนะครับ น่าจะบอกลุงสุชาติ โครงการพระดาบสด้วย

 

ปาล์มขอออกความเห็นนะครับ

ก็อย่างว่าแหละคนเรามีหลายประเภทหลายจิตใจ กิเลสเบาบางตื้นหนาต่างกันเลยคิดไปต่างๆนานา แต่ยังไงความจริงก็เป็นความจริงครับ ไม่ว่าเราเอาคนทั้งโลกมาพูดบิดเบือนความจริง แต่ยังไงความจริงก็ไม่มีวันผิดเพี้ยนไปตามใจคนอยากให้เป็นไปครับ ปาล์มก็เคยอ่านหนังสือแนววิเคราะห์ปรัชญาและโจมตีศาสนาครับ มีเล่มหนึ่งคนเขียนเป็นคนญี่ปุ่น กล่าวหาพระพุทธเจ้าปรามาสเสียหายไว้มากมายครับ อย่างเช่นกล่าวว่าพระพุทธเจ้าที่บอกว่ามีพระลักษณะอันดีเลิศนั้น เขาวิจารณ์ว่าชาวพุทธนั้นนับถือในศาสดาของตนเลยยกย่องไว้สูงส่ง ผมว่าเราอย่าไปใส่ใจมันมากเลยครับคนพวกนั้นเขารู้เพียงวิชาทางโลกวิชาหากินของเขา แต่เขาไม่ได้รู้วิชาทางธรรม ทางจิตใจที่แท้จริง แต่ที่จริงเราก็รู้กันดีอยู่ครับ ว่าอะไรเป็นไร เพชย่อมไม่แปรเป็นอื่นครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่สามารถมีสิ่งใดมาเปรียบเทียบท่านได้เลย เราอย่ามัวถกเถียงกันเลย ตั้งใจปฏิบัติตนตามคำสอนแห่งพระพุทธเจ้าเถิดจะเกิดผลอันงดงาม

 

เห็นด้วยกับคุณ Anonymous ระวังนิดนึง กับการกล่าวถึงศาสดาของศาสนาอื่น

 

เคยเห็นเหมือนกันที่ร้านหนังสือเคล็ดไทย เล่มหนาเลย ในคำนำเห็นว่ามีทูลเกล้าถวายหนังสือนี้ให้ในหลวงด้วย

 

เจริญหล่ะโยมม....

*** อันตราย... นะ.... ยังงี้แหละ น่ากลัว

 

พระเจ้าคือตัวเราเอง ตัวเราที่สามารถกำหนดวิธีชีวิต การกระทำ จิตใจของตนเอง
พระเจ้าที่แท้จริงคือธรรมชาติ ที่เราเกิด อาศัยดำรงค์อยู่ แล้วเคารพ

 

อย่าเพิ่งตัดสินสิครับว่าไม่ดี

การจะตัดสินอะไรต้องรู้จักสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้ก่อน ทีแรกผมที่ผมเห็นมานะในหัวก็เข้าครอบงำเหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้นี่ทำอะไรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แต่พออ่านได้คร่าวๆก็รู้สึกว่าที่เราคิดไว้แต่แรกมันไม่เป็นอย่างนั้น

 

ผมจะซื้อมาอ่านดูครับ

 

เสียใจด้วยครับ นายฝรั่งผมไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ระวังนรกนะ จะหาว่าไม่เตือน