แพนรก (The Raft of the Medusa) แรงบรรดาใจจากโศกนาฏกรรมที่เป็นเรื่องจริง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 9 พฤศจิกายน 2008.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]


    แพนรก (Le Radeau de la Méduse)<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>

    <O:p></O:p>

    Le Radeau de la Méduse (1819) หรือ La Méduse หรือชื่ออังกฤษว่า The Raft of the Medusa แปลตรงตัวก็ แพของ(เรือ)เมดูซ่า วาดโดยทีโอเดอร์ เกอริโก้ (Théodore Géricault 1791 ~ 1824) ศิลปินชาวฝรั่งเศส มีผลงานที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน <O:p></O:p>
    ในสมัยก่อนนั้นยังไม่มีกล้องถ่ายรูปหรือวีดีโอ เมื่อจะมีการถ่ายทอดเหตุการณ์ต่างๆจึงจะกระทำโดยการวาดภาพเป็นส่วนใหญ่ เกอริโก้ได้แรงบัลดาลใจจากเหตุการณ์อันสะเทือนขวัญโลกนี้และใช้เวลากว่า 3 ปีในการวาด เกอริโก้สัมภาษณ์ผู้รอดชีวิต สร้างแพจำลอง ร่างภาพผู้ป่วยในโรงพยาบาล กระทั่งศึกษาศพในห้องเก็บศพเพื่อจะวาดภาพให้สมบูรณ์ที่สุด
    <O:p></O:p>
    ภาพบนผืนผ้าใบขนาดมหึมา (4.71 x 7.16 เมตร) ซึ่งถูกประกาศออกสู่ซาลอนนั้น ตกเป็นที่วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในแง่การเมืองมากกว่าด้านศิลปะ เกอริโก้จึงนำภาพนี้ไปโชว์ในอังกฤษและได้รับเสียงตอบรับเป็นจำนวนมาก<O:p></O:p>
    และแรงบรรดาใจจากภาพนี้มาจากโศกนาฏกรรมที่เป็นเรื่องจริงครับ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    โศกนาฏกรรมที่เป็นเรื่องจริง<O:p></O:p>
    <O:p>[​IMG]</O:p>
    เหตุการณ์ประวัติศาสตร์แห่งความหายนะทางทะเลครั้งนั้น ได้ชักนำให้ Theodore Gericault วาดภาพแพนรก (The Raft of the Medusa) ในปี 2362 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ราชวงศ์ Bourbons กำลังครองฝรั่งเศส และมีความต้องการงานศิลปะใหม่เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่อลังการของประเทศ จิตรกรส่วนใหญ่ได้วาดภาพของกษัตริย์ พระนักบวช และแม่ทัพผู้เคยมีบทบาทในการทำให้ฝรั่งเศสเป็นชาติมหาอำนาจ แต่ Gericault กลับวาดภาพปุถุชนคนธรรมดาที่กำลังเผชิญภัยมรณะ ซึ่งไม่ได้ทำให้ประชาชนฝรั่งเศสส่วนใหญ่รู้สึกภาคภูมิใจเลยแม้แต่น้อย

    ภาพนี้จึงถูกรัฐบาลฝรั่งเศสสั่งห้ามนำออกแสดง แต่เมื่อ Gericault นำภาพแพนรกของเขาออกแสดงที่อังกฤษ คนอังกฤษกลับชื่นชมโสมนัสในความหมาย ความสำคัญ ความยิ่งใหญ่ของภาพมาก จนได้ยกย่องให้ภาพแพนรกของ Gericault นี้เป็นภาพวาดที่สำคัญที่สุดภาพหนึ่งของโลก
    <O:p></O:p>
    ประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2359 เรือรบ Medusa ได้ออกเดินทางจากฝรั่งเศสเพื่อไปยังเมืองหลวง <?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:CITY><ST1:pLACE>Saint-Louis</ST1:pLACE></ST1:CITY> ของ Senagal ในแอฟริกาตะวันตก บุคคลหนึ่งในบรรดาผู้โดยสารของเรือลำนี้คือ ผู้สำเร็จราชการประจำ Senagal ชื่อ Julien Schmaltz และผู้โดยสารคนอื่นๆ อีกประมาณ 400 คน ซึ่งมีอาชีพเป็นทหารและนักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ

    <O:p></O:p>
    ความผิดพลาดได้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกของการเดินทาง เพราะแทนที่เรือ Medusa จะเดินทางพร้อมกับเรือคุ้มกันภัยอีก 3 ลำ เรือได้เดินทางไปแต่เพียงลำพัง โดยมี Hugues Du Roy de Chaumareys เป็นกัปตันเรือผู้ไร้ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเดินเรือหรือการบริหารจัดการ ความหยิ่งยโสที่ไม่ยอมฟังความคิดเห็นใครของกัปตัน ได้นำเรือเกยหินโสโครกและอับปางลงในวันที่ 2 สิงหาคม ในทะเลระหว่างเกาะ Canaries และ Cap Verde กัปตันจึงได้ออกคำสั่งทิ้งเรือ การมีเรือชูชีพเล็กๆ เพียง 6 ลำ ได้ทำให้ผู้โดยสารหลายคนไม่พอใจ จึงเกิดการต่อสู้แย่งชิงที่นั่งบนเรือชูชีพกัน บรรยากาศการเห็นแก่ตัวทำให้เกิดวิสามัญฆาตกรรมบนเรืออย่างดุเดือด

    <O:p></O:p>
    จนในที่สุด ผู้โดยสารชาย 149 คน และหญิงเพียงคนเดียวก็ถูกบังคับให้ขึ้นแพที่ถูกสร้างขึ้นอย่างกะทันหัน กัปตันเรือได้ให้สัญญาสุภาพบุรุษกับคนบนแพว่า เรือชูชีพของเขาจะลากจูงแพ จนกระทั่งทุกคนถึงฝั่งอย่างปลอดภัย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง เชือกที่ใช้โยงระหว่างเรือชูชีพกับแพก็ถูกตัด และเรือก็ได้ลอยห่างออกไปๆ ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของคนบนแพ ซึ่งมี 150 คนที่ตกค้าง ที่ต้องต่อสู้กับมัจจุราช และต่อสู้กันเองเพื่อการอยู่รอดเมื่อน้ำจืดที่เป็นเสบียงบนแพหมดลงในวันแรก และเพราะเหตุว่าแพมีขนาด 8x15 เมตร ซึ่งนับว่าใหญ่เพียงพอสำหรับคนโดยสาร 150 คน แต่บริเวณขอบแพนั้นติดน้ำ ดังนั้น บริเวณนี้จึงเป็นอันตรายสำหรับการยืน นั่ง

    คนเหล่านี้จึงได้พยายามขยับเลื่อนเข้าสู่บริเวณกลางแพ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด แต่นั่นเป็นที่ของแพทย์ประจำแพชื่อ Henri Savigny และผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่ชื่อ Alexandre Correard ซึ่งมีหน้าที่รักษาคนป่วย และช่วยดูทิศการเดินทางตามลำดับ การมีปืนเป็นอาวุธคู่กายของคนทั้งสอง ในขณะที่คนอื่นๆ ไม่มีอาวุธใดๆ ทำให้ความพยายามในการยึดตำแหน่งกลางของแพใดๆ ไร้ผล และในที่สุดคนโดยสารที่นั่งอยู่บริเวณขอบแพ 20 คน ก็ได้จมน้ำตายในคืนแรกนั้นเอง

    <O:p></O:p>
    ในวันต่อมา เหตุการณ์แย่งที่ยืนบนแพก็ได้อุบัติอีก เมื่อคนที่เมาเหล้าองุ่นหลายคนกลัวตาย ได้ขู่จะทำลายแพ แต่ก็ถูก Savigny และ Correard ใช้ปืนปลิดชีพอีก 65 คนการกำจัดผู้โดยสารไปได้ร่วมร้อยคน ทำให้แพมีที่ว่างสำหรับทุกคนมากขึ้น และมีอาหารสำหรับการบริโภคมากขึ้น เมื่อวันเวลาผ่านไป ความทารุณโหดร้ายของทะเลได้ทำให้ผู้โดยสารหลายคนเสียชีวิตลงอีก และเมื่อเวลาผ่านไป1 สัปดาห์

    ผู้โดยสารแพก็มีเหลืออยู่เพียง 28 คน กระนั้น คนบางคนบนแพก็คิดว่า จำนวนคนยังมากเกินไป ดังนั้น จึงคิดหาวิธีกำจัดอีก เพราะ 13 คนใน 28 คนเหล่านั้น บาดเจ็บและมีบาดแผลตามตัว ดังนั้น คน 15 คนที่เหลือ ซึ่งมีสุขภาพกายดี จึงได้ตัดสินใจอย่างเป็น"ธรรม" ผลักคน 13 คน บาดเจ็บลงทะเลอย่างเลือดเย็น
    <O:p></O:p>
    สำหรับเรื่องการบำบัดภาวะกระหายน้ำนั้น ชาวแพได้ใช้วิธีดื่มน้ำปัสสาวะแทน และสำหรับการแก้ปัญหาขาดแคลนอาหารการกิน มนุษย์เดนตายเหล่านั้นได้ใช้วิธีบริโภคซากศพเป็นการประทังความหิว ทั้งๆ ที่ในตอนแรก คนหลายคนปฏิเสธวิธีการที่ป่าเถื่อนนี้ แต่เมื่อการมีชีวิตอยู่ต่อไปเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่าคุณธรรมและประเพณีใดๆ คนที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ จึงต้องกินเนื้อคนที่เสียชีวิตเป็นอาหาร Savigny ในฐานะที่เป็นแพทย์ประจำแพได้เสนอแนะให้ตัดเนื้อคนตายออกเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อนำไปตากแห้งฆ่าเชื้อโรคก่อนบริโภค

    เพราะว่าการกินซากศพเป็นเรื่องต้องห้ามในสังคมยุโรปยุคนั้น Gericault จึงวาดภาพแสดงเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เป็นภาพของชายชราที่มีเด็กหนุ่มเปลือยกายตายในตักแทนเมื่อเวลาผ่านไป 13 วัน ชาวแพที่ยังรอดชีวิตได้เห็นเรือลำเล็กๆ ปรากฏเป็นจุดที่ขอบฟ้า แต่เพราะตัวแพสูงพ้นน้ำไม่มาก ดังนั้น โอกาสที่คนบนเรือจะเห็นแพจึงมีน้อย ผู้คนบนแพจึงได้นำถังเหล้าองุ่นมาสุมสูงกลางแพ แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าผูกติดที่ปลายเสาสูง เพื่อให้เป็นที่สังเกตเห็นGericault ก็ได้วาดภาพเหตุการณ์นี้

    โดยให้คนนิโกรผิวดำชื่อ Jean Charles ผู้มีหน้าที่โยนศพคนตายลงทะเล ยืนโบกผ้าเช็ดหน้า ณ ตำแหน่งสูงสุดของแพ เมื่อกัปตันเรือ Argus เห็นมนุษย์เดนตายเหล่านี้ จึงได้รับทุกคนขึ้นเรือ นำสู่ฝั่งที่เมือง <ST1:CITY><ST1:pLACE>St. Louis</ST1:pLACE></ST1:CITY> ใน Senagal อย่างปลอดภัย แต่ความทุกข์ทรมานในทะเลก็ได้สังหารคนอีก 5 คน จนในที่สุดเหลือคนที่รอดชีวิตเพียง 10 คน และ 2 คน ในที่สุดกลุ่มนั้นคือ Savigny และ Correard

    <O:p></O:p>
    ก่อนจะลงมือวาดภาพคลาสสิกนี้ Gericault ได้วิเคราะห์เนื้อเรื่องที่เขาจะวาดโดยได้เดินทางไปสัมภาษณ์ทั้ง Savigny และ Correard ได้สร้างแพจำลองขึ้น เพื่อช่วยให้เขาได้ภาพที่สมจริง เพราะเหตุว่าภาพมีขนาดใหญ่มากคือ 4.91x7.16 เมตร ความมโหฬารเช่นนี้ทำให้เขาต้องหาห้องวาดใหม่ที่กว้างใหญ่กว่าธรรมดา และเขาได้ห้องที่ต้องการซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลที่มีศพคนตายและคนบาดเจ็บให้ดูมากมาย ซึ่งเขาก็ได้นำศพคนเหล่านั้นกลับห้องวาดเพื่อศึกษาดูศพขณะเน่า และใช้ข้อมูลที่ได้ในการวาดภาพให้ดูสมจริง

    <O:p></O:p>
    ถึงแม้รายงานของ Correard และ Savigny ได้กล่าวว่า ผิวหนังของผู้คนบนแพเป็นผื่นแดงเพราะถูกแดดแผดเผา และเนื้อตัวมีรอยแผลแตกเพราะถูกโบยด้วยแซ่ แต่ Gericault มิได้แสดงบาดแผลเหล่านี้ในภาพที่เขาวาดเลย และถึงแม้รายงานจะกล่าวว่า ผมเผ้าของผู้โดยสารบนเรือรุงรังเพราะปราศจากการดูแล แต่ผมของคนในภาพดูเรียบร้อย ข้อแตกต่างอีกประการหนึ่งคือ วันที่ชาวแพเห็นเรือ Augus นั้น เป็นวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2359 ซึ่งเป็นวันฟ้าใสและทะเลสงบ แต่ภาพของ Gericault กลับแสดงฟ้าที่มีเมฆหนาแน่น และทะเลกำลังมีคลื่นแรง ทั้งนี้ก็เพราะ Gericault ต้องการสร้างบรรยากาศของภาพให้ดูระทึกใจและน่ากลัวนั่นเอง
    <O:p></O:p>
    ประเด็นที่น่าสังเกตอีกประเด็นหนึ่งของภาพนี้ก็คือ พื้นที่ภาพส่วนใหญ่แสดงแพและผู้คน หาได้แสดงภาพของทะเลที่กำลังบ้าคลั่งไม่ ภาพนี้จึงแตกต่างจากภาพของจิตรกรคนอื่นๆ ที่เวลาวาดทะเลก็มักอุทิศพื้นที่ส่วนใหญ่ให้กับน้ำ ส่วนภาพของคนและแพนั้น ก็มักให้พื้นที่แสดงน้อย การวาดแพและคนเกือบเต็มรูปของ Gericault จึงทำให้คนดูภาพมีความรู้สึกเหมือนกับสามารถก้าวย่างขึ้นยืนบนแพได้เลย หากต้องการการจัดตำแหน่งยืนของคนบนแพก็น่าสนใจ เพราะ Gericault ได้วางตัวคนในลักษณะของพีระมิด

    <O:p></O:p>
    เมื่อภาพแพนรกถูกนำออกแสดงในกรุงปารีสเป็นครั้งแรก คำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้เข้าชมได้ทำให้ Gericault วาดศพเพิ่มขึ้นอีกสองศพคือ ที่บริเวณล่างซ้ายและล่างขวาของภาพ ภาพวาดเชิงประวัติศาสตร์นี้ได้รับการกล่าวขวัญมาก ทั้งในทางบวกและทางลบ คนหลายคนคิดว่า ภาพนี้เน้นการทำลายสถาบันทหารและชาติ หลายคนคิดว่า Gericault ต้องการประณามกระบวนการฉ้อราษฎร์บังหลวงของฝรั่งเศส ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงนี้ แต่นักประวัติศาสตร์ในยุคนั้นรู้ดีว่า ในช่วงเวลาที่ Gericault วาดภาพแพนรกนั้น ชีวิตของเขาปั่นป่วนมาก เพราะสตรีที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยเป็นภรรยาของลุงเขา และเมื่อสตรีตั้งครรภ์ลูกที่คลอดได้ถูกมอบให้บุคคลอื่นเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม เพราะ Gericault ในวัย 27 ปี มิสามารถจัดการแก้ไขปัญหาได้ อีกทั้งมีความรู้สึกทนทุกข์ทรมานกับการละเมิดศีลข้อสาม เขาจึงพยายามหลบหนีความว้าวุ่นด้วยการวาดภาพ The Raft of the Medusa อย่างเงียบๆ โดยทอดทิ้งภรรยานอกกฎหมายให้สู้โลกตามยถากรรม เช่นเดียวกับที่กัปตันเรือ Medusa ทอดทิ้งลูกเรือตน

    <O:p></O:p>
    การวาดภาพที่ใช้เวลานาน 18 เดือน ได้ทำให้เขาคลุ้มคลั่ง เมื่องานวาดภาพเสร็จสิ้น เขาได้พยายามฆ่าตัวตายหลายครั้ง โดยขี่ม้าเล่นด้วยความเร็วสูง และได้ตกม้าตายในปี 2367 ขณะมีอายุเพียง 32 ปีเท่านั้นเอง

    <O:p></O:p>
    ในวารสาร History Today ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2546 C. Riding ได้รายงานว่า เมื่อสังคมฝรั่งเศสต่อต้าน Gericault ได้นำภาพไปแสดงในอังกฤษที่ Egyptian Hall บริเวณ Pica dilly ในปี 2363 บรรดาคนอังกฤษแทบทุกคนที่เข้ามาชมภาพ มิได้เห็นแม้แต่น้อยว่า ภาพแพนรกมีจุดมุ่งหมายทางการเมืองใดๆ คนหลายคนคิดว่า มันเป็นภาพวาดที่ยิ่งใหญ่ภาพหนึ่งของโลกด้วยซ้ำไป
    <O:p></O:p>
    ทั้งนี้ เพราะภาพแพนรกแสดงเหตุการณ์ ขณะคนบนแพเห็นเรือ Augus ที่ขอบฟ้า ในขณะที่แพของตนกำลังจะแตกสลาย ภาพจึงแสดงความหวัง ความทุกข์ การเห็นแก่ตัว และความพยายามที่จะต่อสู้เอาตัวรอด โดยไร้จริยธรรมใดๆ ของมนุษย์พร้อมกัน
    <O:p></O:p>
    ความจริงเหตุการณ์อับปางของเรือ Medusa มิได้เป็นความหายนะระดับธรรมดา เพราะเมื่อ Savigny เดินทางกลับถึงฝรั่งเศส รายงานการเดินทางของเขาได้ทำให้การอับปางของเรือเป็นเรื่องน่าอับอายอัปยศแห่งชาติ ผู้คนในวงการรัฐบาลได้พยายามระงับข่าวอื้อฉาว โดยได้จำคุกกัปตันเรือ de Chaumareys ที่ทอดทิ้ง ผู้คนในแพ ข่าวการสังหารคนและกินคน ก็เป็นเรื่องที่อุบาทว์ชั่วช้ามาก เพราะแสดงความป่าเถื่อนและโหดเหี้ยม การได้ยินได้ฟังจากรายงานเท่านั้นยังไม่พอ การได้เห็นภาพเสริมทับลงไปอีก จึงมีผลทำให้เหตุการณ์นี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากที่สุดในฝรั่งเศสในสมัยนั้น
    <O:p></O:p>
    ส่วนชาวอังกฤษเองมีความภูมิใจในราชนาวีของตน ที่ได้พิชิต Napoleon ที่ <ST1:CITY><ST1:pLACE>Waterloo</ST1:pLACE></ST1:CITY> การได้เห็นการไร้สมรรถภาพของกัปตันเรือง Medusa การเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ได้ของคนฝรั่งเศส (บนแพ) ได้ทำให้คนอังกฤษรู้ว่านี่คือ การตกต่ำของชาติฝรั่งเศสอย่างที่สุด และการที่ Gericault วาดภาพทาสผิวดำอยู่กลางภาพ ในขณะที่ทหารและคนธรรมดาผิวขาวอยู่รายรอบ แสดงให้เห็นการต่อต้านการค้าทาสของ Gericault ซึ่งสอดคล้องกับการห้ามค้าทาสของอังกฤษในสมัยนั้นพอดี
    <O:p></O:p>
    ภาพแพนรกจึงได้ทำให้มวลชนอังกฤษหันมาสนใจและสงสารเพื่อนมนุษย์ที่เดินทางในทะเลมากขึ้น และทำให้ทุกคนรู้ว่าการเดินทางในทะเลนั้นมีอันตราย รายงานของ Savigny และ Correard ได้ปลุกใจให้คนอังกฤษรักชาติของตนมากยิ่งขึ้น และได้แสดงให้คนอังกฤษเห็นการไร้วินัยของคนชาติอื่น
    <O:p></O:p>
    Riding ยังได้รายงานอีกว่า ในเวลาเดียวกับที่ Medusa อับปางลงนั้น เรือ Alceste ของอังกฤษ ก็ได้อับปางลงเช่นกันที่เกาะ Bangka ในอินโดนีเซีย แต่ทูตอังกฤษและข้าราชการอังกฤษบนเรือได้ต่อแพลำเลียงทุกคนจนถึงฝั่งอย่างปลอดภัย ทั้งๆ ที่ถูกสลัดมลายูโจมตีหลายครั้ง ทั้งนี้เพราะคนอังกฤษมีวินัย มีความกล้าหาญและเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ คนฝรั่งเศสไม่มี ดังนั้น ถึงแม้คนบนแพจะหิว แต่ทุกคนก็ยอมตายมากกว่าที่จะฆ่าเพื่อน และกินศพเพื่อน และถ้าที่สุดถึงที่สุด การจมน้ำตายอย่างรวดเร็ว ก็ดีกว่าการนอนตายอย่างช้าๆ ในแพ คำถามจึงมีว่า ถ้ามีคนอังกฤษบนเรือ Medusa ลำนั้น เหตุการณ์อัปรีย์ทั้งหลายแหล่จะเกิดขึ้นหรือไม่
    <O:p></O:p>
    ณ วันนี้คือ ภาพสำเนา The Raft of the Medusa ที่เหมือนต้นฉบับทุกประการ กำลังเปิดแสดงที่ Tate Gallery ในลอนดอน และจะวางแสดงถึงกลางเดือนพฤษภาคม จากนั้นก็จะย้ายไปแสดงต่อที่อเมริกา เราหลายคนคงไม่มีโอกาสได้ไปดู แต่ก็ฝันไปดูได้แน่นอน


    <O:p></O:p>​


    ตัวอย่างของภาพศิลปะของ โอเดอร์ เกอริโก้ Théodore Géricault ครับ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    <O:p>[​IMG]


    [​IMG]



    </O:p>​




    <O:p>[​IMG]


    </O:p>​




    <O:p>[​IMG]


    [​IMG]</O:p>​




    <O:p></O:p>​


    <O:p></O:p>​




    </O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2008
  2. หนองสะลาบ

    หนองสะลาบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +564
    ชะตาชีวิตช่างโหดร้ายแจงๆ
     
  3. อินเดียหน้าโจร

    อินเดียหน้าโจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +259
    เรือแตกกับหลงป่าผมยังว่าเรือแตกนี่น่ากลัวกว่าหลงป่าอยู่ใน
    ป่ายังพอหาอะไรกินได้มีแดดก็ยังหาต้นไม้บังได้แต่กลางทะเล
    นี่นอนอาบแดดทั้งวันน้ำเต็มทะเลก็กินไม่ได้หาของกินก็ไม่ได้
    เห็นแต่น้ำกับฟ้าทรมาณจริงๆ(cry)
     
  4. pmicrobes

    pmicrobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    623
    ค่าพลัง:
    +112
    ทุกชีวิตย่อมเป็นไปตามกรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...