อยากรู้ครับมีการเวียนว่ายตายเกิดจริงหรึอปล่าวครับ

คือผมอยากรู้ว่าการตายของคนเราเป็นการจบเลยรึปล่าวครับ......
และเหมือนกับการนอนหลับมัยครับ......
แล้วเวลาเราตายไปแล้วจะเจออะไรครับ........
และเรามีวิญญาณจริงหรือปล่าวครับ........
แล้วเราจะเจอวิญญาณได้ยังไงครับ.......
ช่วยตอบหน่อยครับ..คือเวลาผมคิดถึงความตายแล้วมันหยุดอยู่ที่ตรงนี้แหละครับและมันทำให้ผมกลัวความตายครับ..........จักขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับผู้ตอบครับ

 

ลองอ่านรายละเอียดจากข้อมูลนี้ดูนะครับ ค่อนข้างละเอียดชัดเจนมากเลย เป็นบทความของคุณดังตฤณน่ะครับ
http://dungtrin.com/whatapity/11.htm

 

เรื่องเวียนว่ายตายเกิดชนิดหลังจากการตาย มันจะยากต่อการเข้าใจ ทำความเห็น
ให้เกิดขึ้น เพราะมันค่อนข้างไกลตัวอยู่มาก อีกทั้งเรามักไม่รู้สึกว่า หลังจากตาย
แล้วเราจะยังมีความรู้สึก มีจิตมีใจอีกไหม ทำให้คนเรามักเห็นว่า หากตายแล้วมัน
น่าจะจบ เพราะเท่าที่ตาเห็นนั้น คนตายจะไม่ไหวติง ไม่ต้องคิด ไม่ต้องกลุ้ม ก็เลย
เหมาเอาดื้อๆว่า ตายแล้วจบ แต่ในทางพุทธนั้น การคิดแบบนี้ถือเป็น มิจฉาทิฏฐิ

เรามาทำการรู้อย่างใกล้ตัวกันดีกว่า

ก่อนจะเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ข้อแรกเลยที่คุณต้องทำความเข้าใจให้ได้ก่อน
คือ เรื่องกฏแห่งกรรม ทำตรงนี้ให้เห็นอย่างหนักแน่น แล้วมันจะทำให้คุณพอนมสิการ
เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดได้

คุณลองกลับไปพิจารณาเรื่อง การทำดีแล้วย่อมได้ผลดีตอบแทน หากเราขยันเรียน
หนังสือเราย่อมรู้หนังสือและได้งานดี หากเราขยันทำไร่ไถนาเราย่อมได้เก็บเกี่ยวผล
อันอุดมสมบูรณ์

กลับกัน หากเราไม่ขยับ เบียดบังเพื่อนๆในการสอบ ในการทำการบ้าน เราได้ดีจริงแค่
ไหน หากเราทำไร่ไถนาแต่ทำแบบไม่ใส่ใจไม่รดน้ำพรวนดิน เอาแต่เบียดเบียนแม้
กระทั่งผืนดินไม่บำรุงเราจะได้ผลดีไหม

หลังจากนั้นก็พิจารณากรรมที่เข้ามาแทรก แน่นอนหละว่า เราทำดีแล้วทุกอย่าง
แต่บางครั้งมันก้ไม่ได้ผลดีตามที่ควร ตรงนี้มาจากสาเหตุอะไร ก็ไม่ต้องคิดไป
ไกลตัวชนิดกรรมแต่ชาติปางก่อน ให้ลองทบทวนกรรมที่มากระทบเอาจากเหตุ
ปัจจัยใกล้ๆ เช่น เมื่อวานเรากินอาหารไม่ระวังวันนี้ก็ท้องเสีย เมื่อเทอม
ก่อนเราอ่านหนังสือไม่เต็มที่วันนี้จึงเรียนไม่รู้เรื่อง เพราะหลายปีก่อนเราไม่ใส่
ใจในการศึกษาวันนี้จึงได้เป็นแค่ลูกน้องเขา เพราะเคยสวนกลับคำสั่งนายจ้าง
วันนี้จึงไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เพราะเคยเที่ยวคบชู้เจ้าชู้ยักษ์ไว้วันนี้ความสุข
ในครอบครัวจึงถูกแทรก

ก็จะเห็นว่า กรรมที่ทำไว้มันตามมาส่งผลได้จริง เรียกว่า กฏแห่งกรรม มันน่าจะมี

ที่นี้ก็ลองคิดเล่นๆว่า สิ่งที่เรียกว่าภพชาตินั้นมีจริงไหม

 

คราวนี้มาแบบ สัมมาทิฏฐิ กันเสียหน่อย ให้อ่านเล่นๆ ไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจ

โดยทางพุทธศาสนานั้น ตัวเรานั้นตายทุกๆวินาที และอาจจะเร็วกว่าเสี้ยววินาที เพราะ
โดยหลักทางพุทธศาสนานั้น ตัวตนเราไม่มี ที่เราเห็นว่ามีตัวตนเราก็เพราะ จิต มันเข้า
ไปสำคัญว่ามีขันธ์5เป็นของตน จิตเป็นอะไรสักอย่างที่เป็นธาตุรู้ มันมีธรรมชาติเกิดดับ
ตลอดเวลา และตรงนี้แหละที่เรียกว่า เราตายอยู่ตลอด

แต่เพราะขันธ์5ที่จิตไปสำคัญว่ามี ตัวนี้เป็นตัวกรรมในอดีตที่ทำให้มีผลสืบเนื่องมาใน
ปัจจุบัน และยังให้เกิดอนาคต คล้ายๆกับ เราร่ำเรียนหนังสือมันก็ได้ความรู้เป็นผล
แต่ในทางศาสนา จิตมันไปหมายรู้ว่ามีตนมันก็เลยสืบเนื่องการเป็นตัวตน คือ มันไป
สำคัญว่ามีชาติมีภพมันก็เลยมีภพมีชาติไปตามที่จิตมันไปหมายเข้า ทั้งๆที่ในความ
เป็นจริงมันเกิดดับ(ตาย)ตลอดเวลา

ดูอย่างร่างกายเราที่เราสำคัญว่ามี หากดูกันจริงๆ ก็จะเห็นว่า เซลล์แต่ละเซลล์มันตาย
และถูกขัยออกจากกายตลอดเวลา ไม่ทางผิวหนัง ก็ทางลมหายใจ หรือ ช่องทวารทั้ง
หลาย

ส่วนจิตใจนั้นมันก็มีการเกิดดับของชาติอยู่ตลอดเวลา เช่น ตอนนี้เราสำคัญว่าคือคน
หล่อพอแถวๆนั้นไม่มีสาว ชาติภพคนหล่อก็ดับชั่วขณะ แต่พอสาวสวยมา ชาติภพ
คนหล่อก็ขึ้นวิถีจิตสำคัญมั่นหมายว่ามี โดยไม่สนใจความเป็นจริงแม้แต่น้อย ถ้าสาว
ไม่สวยเดินผ่านมา ชาติภพคนหล่อขาดกระเด็นแทบจะเอามันซุกหนีถ้าสาวไม่สวยนั้น
ส่งยิ้มมาให้ กลับกัน หากมีสาวสวยส่งยิ้มผ่านเข้ากระทบตาเพียงนิดเดียว เราก็ลืม
ตัวลืมตนรีบสางผม จัดเสื้อจัดพ้า ทำท่าทีเคร่งขรึมสร้างภพชาติคนหล่อไปตามแต่จะ
ปรุงว่าเป็น นี่คือ การเกิดและตายของชาติในความหมายทางพุทธศาสนา จึงเป็นคน
ละเรื่องกับการตายแบบสิ้นลมหายใจ เพราะการตายแบบสิ้นลมหายใจก็แค่สิ้นภพชาติ
ของการเป็นคนชั่วขณะ แล้วก็ต้องไปเกิดใหม่ตามที่จิตมันสำคัญมั่นหมายว่ามี ถ้าสำคัญ
ผิดติดกิเลสก็ตกนรก ถ้าสำคัญดีหน่อยจิตมีกุศลก็มีภพชาติที่ดีรองรับชั่วคราว จนกว่าจะ
สิ้นเวลาหยุดการสำคัญมั่นหมาย ก็จะเกิดการตายแล้วเปลี่ยนภพชาติไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด

การมีกายเป็นสัตว์ชนิดไหนนั้นก็ขึ้นกับกรรมที่จิตสำคัญผิดว่ามี ว่าเป็น เมื่อมีกายแล้ว
วิบากของการมีกายก็จะมีระยะเวลาช่วงหนึ่งกำกับ เช่น มนุษย์ก็ราว 100 ปี หากเป็น
หมาแมวก็ 10 ปี พอหมดวิบาก(กรรมที่ตามส่งผล) ก็จะเกิดการสิ้นกรรมในการเป็น
มนุษย์ หรือ สัตว์ ก็คล้ายๆชีวิตส่วนย่อยในการเป็น ทารก เป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น เป็น
ผู้ใหญ่ ที่มันต้องเป็นไปตามวาระวิบากที่คอยส่งผล

ในทางศาสนาพุทธนั้น เป็นศาสนาเดียวที่ยืนยันว่า การสิ้นไปของภพชาตินั้นมี และไม่ใช่
การตายแบบสิ้นลม สภาวะที่เรียกว่าสิ้นภพชาตินั้นเราเรียกว่า นิพพาน

 

ขอบพระคุณมากครับแล้วผมจะตั้งใจศึกษา

 

การตาย ทางพุทธเค้าเรียกว่าการเคลื่อน คือเคลื่อนจากร่างหนึ่งภพหนึ่งไปสู่อีกร่างหนึ่ง อีกภพหนึ่ง ไปตามกระแสแห่งจิตที่ได้เคยปฏิบัติไว้ เสมือนการย้ายบ้าน จะไปสู่ที่ดีกว่า หรือเลวกว่า ก็เนื่องมาจากกรรมที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ เปรียบเสมือนทำงานมาก มีเงินมากก็ย้ายบ้านไปในที่ดีขึ้นได้ บ้านหลังใหญ่ขึ้นได้ แต่ถ้าประมาท ผลานทรัพย์มาก ไม่สร้างทรัพย์เพิ่ม ต่อไปก็อาจจะไปอยู่บ้านหลังเล็กลง ทรัพย์ที่ว่า ก็เปรียบเสมือนบุญนั่นเอง

เปรียบเทียบอย่างนี้พอเข้าใจไหมจ๊ะ

 

อธิษฐานก่อนทำบุญอยากรู้อย่างไหนก็ตั้งจิตอธิษฐานอย่างนั้น ผลบุญทำให้เข้าใจ ควรรีบศึกษาเพราะเราไม่รู้ว่าพรุ่งนีจะเกิดอะไรขึ้น อ่านธรรมะเยอะๆ พยายามเข้าน่ะเข้าใจแล้วอะไรๆ ก็ดีเองแหละ