ใครเคยเป็นเหมือนดิฉันบ้างคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย beearmzaa, 22 ตุลาคม 2008.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ไปเรื่อยๆ ครับ อาการแบบนี้เป็นกันทุกคน สำคัญว่าต้องไม่หมายเป็นอุปทาน

    แล้วเอาจิตไปเกาะดูมัน สนใจมัน จะทำให้หยุด และจะทำให้เกิดทิฏฐิขึ้นทีละน้อย
    เพราะอุปทานที่เป็นเชื้อ หากทำบ่อยๆเข้า อุปทานบ่อยๆเข้า ทิฏฐิก็จะเหนี่ยวแน่น
    ขึ้นทีละน้อยจนกระทั่งมากพอที่จะเกิดการสรุปว่าตนได้นู้นได้นี่ไม่เหมือนใคร ก็จะ
    คลาดธรรมไป

    ให้ทำไปเรื่อยๆ อะไรเกิดขึ้นก็ระลึกไปเฉยๆ อย่าไปสนใจ เพ่ง จ้อง ประคองดู รักษา
    ไว้เพราะคิดว่ามันจะดี ให้ทำไปเรื่อยๆ ดูเฉยๆ มีสติระลึกดูพฤติจิตไปเฉยๆ ไม่สำคัญ
    มั่นหมายจะให้มันเป็นเรา หรือ เป็นอะไรที่กลายเป็นของเรา แบบนี้จะภาวนาเข้าเป้า
    จะทำให้ละการเห็นอะไรเป็นเราไปเรื่อยๆ ทำให้เข้าใจว่า ที่แท้ อัตตา หรือ สักกาย
    ทิฏฐิก็เกิดจากอุปทานอะไรสักอย่าง ที่หมายเอานู้นนี่ เอาอาการพฤติจิตมาเป็นเรา
    ทำให้คำว่า"เรา"เกิดการผอกพูลไปด้วยเปลือกแห่งอุปทานที่ละเล็กละน้อย แต่ถ้า
    เราดูเฉยๆ จะเห็นว่า ตัวเราจะเริ่มหายไป จะเหลือแต่การระลึกรู้ว่า มีจิต กับ มีขันธ์

    หาก จิต ทำงานร่วมกับ ขันธ์ ก็เกิดการอุปทานดังกล่าว

    หาก เราระลึกเฉยๆ ดูเฉยๆ จิต จะไม่เคลื่อนไปร่วมกับการมี ขันธ์ ก็จะเกิดการ
    แยก จิต ออกจาก ขันธ์ เมื่อนั้น สักกายทิฏฐิจะเริ่มเป็นเป้าที่ถูกละ ถูกวางลงที่
    ละน้อย จนกว่าจะเห็นตามจริง โดยมีไตรลักษณ์ประจักษ์แก่ตัวจิต ว่าที่แท้จิต
    เองมันก็ไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา จะหมายเอาจิตมาเป็นอุปทานว่าคือเรา ก็จะเผลอคิด
    ว่ามีเราเป็นอะไรที่วิเศษพอๆกับพระเจ้าขึ้นมา เมื่อนั้นจะมีกำหนัด จะมีราคะ
    จะมีตัณหา เมื่อมีตัณหา ก็ทำให้มีอุปทาน เมื่อมีอุปทานก็เกิดการมีเรา เกิด
    การเสพขันธ์5

    ภาวนาดูอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ครับ

    จะเห็นว่า เราทำการละสักกายทิฏฐิ โดยไม่ใช่การจงใจละสักกายทิฏฐิ เราเพียง
    อาศัยระลึกดูพฤติจิตไว้เนือง ก็จะเข้าถึงธรรมะได้เป็นลำดับ แถมเข้าเป้าละสักกาย
    ทิฏฐิได้เอง โดยไม่ต้องจงใจทรงอารมณ์ให้เกิดเจตนา(กรรม) งานของใจก็จะเบา
    ลงเรื่อยๆ จิตใจจะปลอดโปร่งเรื่อยๆ ศีลที่รักษาไว้ก็จะรักษาได้มากขึ้น ปัญญาก็
    จะเกิดขึ้นเมื่อเห็นไตรลักษณ์ในกายในจิตด้วยตัวจิตเอง(ที่ไม่ใช่เรา)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2008
  2. penkonthai

    penkonthai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +129
    เคยเหมือนกันครับ แต่ไม่ได้ขอหวย เค้าบอกเลขมาเลย เอาไปซื้อ ถูกเฉยเลย ตรงๆ ด้วย ไม่น่าเชื่อ (เหตุการณ์นี้เกิดหลังจากการนั่งสมาธิเป็นเวลาหลายเดือนแล้วน่ะครับ)


     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    พึงกำหนดจิตลงไปที่อาการนั้น ที่ความรู้สึกนั้น รู้สึกอย่างไร มีอาการอย่างไร กำหนดจิตลงไปตามที่เป็น ตามที่รู้สึก ทุกขณะที่เป็นที่รู้สึก
     
  4. THE_TOP

    THE_TOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    706
    ค่าพลัง:
    +381
  5. Ta WHK

    Ta WHK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,133
    ค่าพลัง:
    +6,078
    สำหรับตัวเองเพิ่งจะมีเหตุการ์ณแบบนี้เกิดขึ้นแบบนี้ ขอเรียกว่าแปลกๆ นะคะ คือ นอนหลับแล้วก็มีช่วงนึงที่ตื่นมาเพราะรู้สึกว่าร้อนมากๆ ก็รู้สึกว่ามีคนมายืนข้างๆ ก็เลยพยายามจะลืมตามอง แต่ในขณะนั้นก็ได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง ก็งงอ่ะเพราะเราก็เอ๊ะเราก็นอนอยู่ตรงนี้ แล้วทำไมเราได้ยินเหมือนเสียงลมหายใจของเราที่อยู่ห่างไปอีกหน่อยนึง ตอนนั้นก็พยายามลืมตาด้วยเพราะเห็นเหมือนคนมายืนอยู่ข้างๆ ก็ลืมตาแล้วนะ แต่มันเหมือนมีคนมาเอากระดาษมาปิดหน้าเรา ความรู้สึกตอนนั้นบอกเราว่าคนที่ยืนอยู่ล่ะ เขาไม่ให้เราเห็น เรารู้สึกว่าท่านคือพญายมอ่ะ มองไปก็ลืมตานะแต่มันมืด มีแสงสว่างเหมือนมองลอดแผ่นกระดานอ่ะ แต่ไม่ได้กลัวท่านนะคะถึงจะเป็นใครก็เถอะ ตอนนั้นมัวแต่กังวลเรื่องเสียงลมหายใจ/เสียงกรนของเราที่อยู่ถัดไป แล้วก็ลืมตาก็มองเห็นแต่ความมืด ตอนนั้นงง ก็เลยตัดสินใจจะเป็นใครก็ช่าง ยกมือขึ้นมาแล้วก็พูดพุทธโธ ตอนนั้นตั้งใจว่าจะพูดให้เสียงดังมากๆเลย ถ้าละเมอก็จะได้รู้กัน เพราะแฟนคงต้องตื่นมาแน่ๆ พอพูดได้ไม่กี่ครั้งก็หายไป แล้วก็หลับต่อ อาการต่างๆที่ว่าเป็นปกติหรือไม่เพราะช่วงหลังๆ ได้ภาวนาในใจพุทโธตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ตาก็ดูมือทำ ใจก็ท่องพุทโธ เพือนคนนึงบอกว่าเหมือนกับกายจะแยกออกจากจิต ใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คราวหน้าเกิดแบบนี้อีก ควรทำอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ถ้าถามว่าทำไมถึงรู้ว่าเป็นเสียงลมหายใจของเรา เพราะว่าบางครั้งหลับอยู่ก็ได้ยินเสียงเหมือนเป็นเสียงลมหายใจหรือเสียงกรนของตัวเอง บางทีแฟนเขาก็สะกิดให้เราขยับตัว แล้วก็บอกว่าเรากรนเสียงดังมาก ก่อนที่เราจะตื่นก็ได้ยินเสียงกรนนั้นจริงๆ ก็เลยคิดว่าเป็นเสียงเรากรนแน่ๆ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2008
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    อาจเป็นอาการที่คุณตายในอดีตแล้วมันฝังกับจิตมาจนถึงปัจจุบัน....คุณอาจถูกฆาตรกรรมในอดีต..........อย่าสนใจกับความตายนะครับ...อย่าสนใจมากกับร่างกาย....พอดีเคยเจอเคทนี้ในเรื่องการตอบปัญหาธรรมของหลวงแม่ทศพร.......
     
  7. beearmzaa

    beearmzaa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +9
    เมื่อคืนนี้ลองเปลี่ยนท่านั่งดูคะเพราะคิดว่าหน้าจะเป็นท่าที่สบายกว่าคือนั่งแบบธรรมดาไม่

    ต้องขาขวาทับซ้ายแล้วเปลี่ยนจากเอามือว่าที่หน้าตักเป็นพนมมือแทน

    นั่งได้ซักประมาน 20 วิ อยู่ๆหัวก็ก้มลงเหมือนไหว้ใครหัวแม่มือแตะที่จมูก 3 รอบ

    แล้วก็อยู่ๆก็มือยกขึ้นถวายบังคม 3 รอบ แล้วมือก็ยกขึ้นเหนือหัววน อีก 3 รอบ แล้วมือก็

    หยุดอยู่ที่หน้าอกฝืนก็ไม่ได้ยิ่งฝืนก็เหมือนยิ่งไหว้เร็วขึ้น

    ใจเต้นแรงมากๆ มือเย็นไปหมด แต่ในใจก็ยังพุทธ โธ อยู่ รู้ มีสติทุกอย่าง แต่ฝืนไม่ได้

    จนมีคนเดินเข้ามาในห้องเลยรู้กว่าตนเองไม่ม่สติแล้ว

    เลยพูดในใจว่า ลูกขอพอแค่นี้ก่อนแล้วก็ฝืนมันได้ทันที

    อยากถามผู้รู้ว่าข้าพเจ้าเป็นอะไรแล้วข้าพเจ้าไหว้ใคร หาคำตอบไม่มีซักที

    คิดอยู่ทั้งวันเลยวันนี้
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เพราะสมาธินทรีย์มากเกินอินทรีย์อื่นๆมีสตินทรีย์เป็นต้น เมื่อสติน้อยสมาธิมาก ก็คุมอาการนั้นไม่ได้ก็เท่านี้เอง

    คุณจะต้องกำหนดสภาวะที่เกิดนั้นทุกขณะ อาการทางกายทุกอย่าง เช่น พนมมือไหว้ก็ดี ก้มหัวลงเป็นต้นก็ตาม เกิดจากจิตหรือความคิดก่อนแวบ แต่เราไม่กำหนดความคิดนั้นแต่ทีแรก มันจะล่วงออกมาทางกาย ก็เท่านี้เอง

    ต่อไปเมื่อคิดหรือรู้สึกอย่างไรกำหนดจิตลงไปตามที่คิด "คิดหนอๆๆๆ" แล้วปล่อยไปที่กรรมฐานคือลมหายใจ ยึดลมหายไว้ภาวนาต่อ หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ไป
    เมื่อมีอาการอย่างไร เช่นทางกายเช่นจะยกมือพนมเป็นต้น ก็กำหนดลงไป "จะยกหนอๆๆๆ" วางปล่อยอารมณ์นั้นเลย ไปกำหนดลมเข้าออกต่อ

    อนึ่งวิธีลดสมาธิเพิ่มสติคุณจะต้องเดินจงกรมด้วย เดินระยะต่ำ ๆ ซ้าย ย่างหนอ ขวา ย่าง หนอ เดินเร็วๆหน่อย แล้วอาการที่ว่าจะลดระดับลงสู่ภาคปกติ เพราะสติคุมไว้ได้

    ผู้ที่ใช้ภาวนาพุทโธ ส่วนมากจะไม่เดินจงกรม นั่งภาวนาพุทโธๆอย่างเดียว สมาธิจึงเพิ่มเร็วล้ำองค์ธรรมอื่น

    กำหนดความคิดที่คิดทุกครั้งทุกขณะ คิดอย่างไรก็กำหนดอย่างนั้น

    ไม่พึงวิตกกับอาการนั้น ไม่มีอะไรหรอก แต่ก็ต้องปฏิบัติตามวิธีที่แนะนำนั้น เป็นอย่างไรกำหนดจิตอย่างนั้นตามที่เป็นจริง แล้วจะพ้นจากสภาวะนี้ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2008
  9. kuro122

    kuro122 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +410
    beearmzaa<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1680899", true); </SCRIPT> อ่อนเรื่องสติ ต้องเจริญสติมาก ๆ ตามที่คุณมาจากดินแน่ะนำน่ะค่ะ
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    จะเห็นว่า ไม่ว่าอาการอะไรผุด จิตคุณจะแบ่งอยู่สองส่วน คือ ส่วนที่เห็น กับ ส่วนที่เป็น

    ส่วน ที่เห็นคือ ผู้รู้ ผู้ดู ซึ่ง การเป็นผู้รู้ ผู้ดู ก็คือ ด้านเป็นพุทธ เป็นพุทธศาสนา

    ส่วน ที่เป็นคือ ผู้ไหลตามอาการในสมาธิ ซึ่งก็คือ พวกเข้าทรงองค์เจ้า เชิญผี เชิญแขก
    และส่วนใหญ่ ก็อุปทานเอาเอง แล้วก็ปล่อยกายปล่อยใจให้เป็นตามนั้น จิตก็จะผลักดัน
    ให้กายขยับได้เอง เพราะจิตคือส่วนครอบครองขันธ์ ไม่ใช่ตัวคุณ คุณคุมไม่อยู่ มันไม่
    ใช่คุณ จิตและขันธ์ไม่ใช่อะไรของคุณ มันเป็นอนัตตา ตรงนี้คนส่วนใหญ่ที่ยังทำสิกขา
    บทไม่เต็มที่จะทำใจเชื่อตรงนี้ไม่ได้ มักจะเถียงอยู่ในใจว่าตัวตนเราต้องมี แถมพออาการ
    อะไรเกิดก็เห็นว่านั้นคือสมบัติที่ตนมี ซึ่งพอมีทิฏฐิแบบนี้มากๆเข้า ก็จะออกห่างจากนิพพานไป

    ก็ต้อง พิจารณาแล้วหละครับว่า จะยินดีที่จะเดินตามทางศาสนาพุทธ หรือ จะเดินตามทาง
    ศาสนาอะไรก็ไม่รู้ เป็นได้หลายศาสนามาก เพราะอาการที่คุณเป็น คุณเห็นนั้น เขาทำกัน
    ได้ทุกลัทธิ

    ถ้าต้องการกลับมาเป็นพุทธ ก็ให้ระลึกอยู่ตรงจิตที่เป็นผู้รู้ ผู้ดู อย่ายินดีในอาการที่ปรากฏ
    แล้วปล่อยไหลตามเพราะคิดว่ามันเป็นตน เพราะคิดว่ามันจะดี เพราะคิดว่าเป็นอะไรที่วิเศษ

    การเป็นพุทธ คือ การเป็นผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้ว่างจากกิเลศ ผู้เป็นบุคคลปรกติ ไม่ใช่การ
    ปฏิบัติเพื่อจะเอาอะไรที่วิเศษ เอาอะไรที่ผิดแผกแตกต่างจากคนอื่น ทำอะไรที่คนอื่น
    คาดไม่ถึง

    และเมื่อตัดสินใจเป็นพุทธ ก็แค่ พยายามตั้งจิตไว้ตรงการเป็นผู้รู้ผู้ดู เหมือนผุ้ดูที่อยู่
    ข้างขอบสนามบอล อย่าทำท่าทำทางเต๊ะบอล เพราะมันจะไปกระเทือนคนอื่น ถ้าดู
    เฉยๆ มันจะอินบ้างก็ให้ระลึกกลับมาอยู่ที่จิตที่เป็นผู้ดูไว้เนืองๆ เห็นอาการ ความคิด อะไร
    ก็แล้วแต่ให้เป็นเพียงของถูกรู้ถูกดู คุณก็จะสงบตั้งมั่นอยู่ที่การเป็นผู้ตื่น ผู้ว่างจากกิเลส
    ผู้ว่างจากอุปทาน ผู้ไม่ร่วมลงไปเสพอาการตามที่อุปทานขันธ์ปรุงขึ้น

    ถ้าหากคุณยังปล่อยจิตยินดีกับความแปลกประหลาดแล้วเอามาเป็นตนต่อไป นอกจากจะ
    ไม่ได้เดินทางตามพุทธศาสนาแล้ว คุณจะครองความเป็นภูมิมนุษย์ไว้ไม่ได้ จะตกอบาย
    ภูมิของสัตว์เดรัจฉาน ที่เป็นภพภูมิที่ไหลไปตามความคิดไปเรื่อยๆ เหมือนหมาที่มันคิด
    ทั้งวัน เกาทั้งวัน บางครั้งมันก็สะดุ้งและทำท่าเกาโดยไม่มีสาเหตุ เพราะมันปล่อยจิต
    หลงไปกับความคิดที่มันคิดอยู่ในหัว มันเผลอคิดว่าตัวเองโดนแมลงตอม มันก็เกา มันคิด
    ว่ามีใครที่น่าเคารพเดินมา มันก็กระดิกหางเหมือนกลับการไหว้อะไรสักอย่าง

    เลือกให้ดีนะครับ ว่าจะไปทางไหน คุณยังมีอิสระที่จะเลือก ที่จะลอง ที่จะเป็น

    เผลอแล้วรู้ จะตื่น และเบิกบาน
    แต่ถ้าเผลอแล้วไหลตาม ก็เหมือนฝนตกขี้หมูไหล ( โมหะสมาธิ ,มิจฉาสมาธิ )

    ทั้งนี้เป็นเพราะ จิตและกายมันไม่ใช่ของเรา (คติพุทธ)

    พุทธเราไม่ใช่จิตนิยม(คิดว่าจิตคือปรมัตถ์ธรรม คิดว่าจิตคืออมตะธรรม)
    แต่พุทธเราก็ใช้จิตมาอบรม เพราะจิตจะเป็นเครื่องมือที่เอามาใช้ฝึกเพื่อ
    ให้เห็นพระนิพพาน (ว่างจากกิเลส ตัณหา ภพชาติ) ซึ่งไม่ได้สูญเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2008
  11. คนค้นค้น

    คนค้นค้น สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    .......

    ขอตอบแบบผู้รู้น้อยนะครับ อย่างแรกให้คุณลองสังเกตว่าเรานอนทำเส้นเลือดเราป่าวเพราะมันอาจทำให้ตัวเราชาก็เป็นได้ครับ ลองให้หมอตรวจดูได้อ่ะ

    อยากที่สองคือจิตของเราตกอยู่ในภวังตามที่ท่านอื่นกล่าวมาครับ วิที่แก้ก็คือฝึกจิตของเราเองคือการนั้งสมาธิครับและแพร่เมตตาครับ ส่วนจะฝึกแบบไหนก็ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนครับ เช่น ผมเรียนวิชาธรรมกายก็ฝึกตามแบบวิชชาธรรมกายครับ
     
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    นี่เป็นอาการของการที่กายทิพย์จะออกจากร่าง
    อาการที่ได้ยินเสียงดังๆ เพราะว่าจิตดิ่งลงเป็นฌาณ
    เป็นฌาณไม่พอเป็นฌาณละเอียด
    จนจิตจะแยกจากร่างด้วย
    วิธีก็คือ
    ก่อนอื่นให้เราพิจารณาก่อน ว่าทำไมเราถึงได้กลัว
    ที่เรากลัวก็เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา
    ทีนี้สิ่งที่จะเกิดก็คือ จิตของเราจะแยกจากกาย
    แล้วก็ไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆได้
    เพราะฉะนั้นอย่ากลัวครับ
    ก่อนจะนั่งสมาธิ ให้เราขอบารมีจาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ตั้งจิตว่าขอให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    เมตตาสงเคราะห์ให้จิตของข้าพเจ้าสามารถออกมาท่องทเยวตามพุทธประสงค์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเทอญ
    รับรองไม่นานเกินรอ ออกได้แน่นอน
    ออกแล้วก็ไม่ต้องกลัวจะกลับเมื่อไหร่ก็ได้
    ถ้าออกมาได้แล้วให้เราอธิษฐานว่า ขอให้ออกมาได้แบบนี้ ทุกครั้ง ทุกสถานที่ ทุกเวลา ที่ข้าพเจ้าต้องการ
    ทีนี้ไปเที่ยวได้ทุกคืน อยากไปไหนก็ขอบารมีพระไป
    จิตเป็นฌาณละเอียดแล้ว ไม่ใช่ว่าจิตสมาธิต่ำนะครับ แต่เพราะสมาธิสูงแล้วถึงได้เกิดอาการแบบนี้
    แนะนำครับให้นอนไปเลย แล้วเข้าอารมณ์เดิมที่เราได้ยินเสียงดังๆ
    จากนั้นทำใจสบายๆไปเรื่อยๆ เดี้ยวมันจะสว่างขึ้นๆ แล้วดีดออกจากร่าง
    ขอให้พระพุทธเจ้าเมตตาสงเคราะห์
    ถ้าออกมาได้ก็ได้พบพระพุทธเจ้า
    ลุยไปเลยครับ เป็นกำลังใจให้
    ถ้าสงสัยยังไง ก็ถามได้เลยนะครับ
     
  13. beearmzaa

    beearmzaa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +9
    ขอบคุณทุกคนที่แนะนำนะคะ

    แต่ว่าข้าพเจ้านั่งสมาธิทีไรก็พุท โธ ตามปกติแล้ว

    เวลาที่หน้ามันก้มเองหรือไหว้เองนั่นข้าพเจ้าก็กำหนดได้ทุกครั่งว่า

    กำลังก้มหนอ กำลังไหว้หนอ บางทีมือก็ยกขึ้นมาเองล้ววนเป็นวงกลม1รอบบ้าง

    3รอบบ้าง ก็กำหนดทุกครั้งเลยว่า กำลังยกมือหนอ

    บางทีก็เอ่ยในใจว่า สติรู้ กายรู้ ใจรู้ แต่ก็ยังฝืนมันไม่ให้เป็นแบบนั่นไม่ได้

    เด๋วนี้นั่งสมาธิกี่ครั้งก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งไป ไหว้บ้าง ยกมือบ้าง ก้มหน้าเองบ้าง เงยหน้าเอง

    บ้าง แต่ก่อนที่เราจะยกมือไหว้หรือก่อนที่จะขยับจะเหมือนมีอะไรตึงๆ เช่นจะยกแขนก็จะ

    มีอะไรไม่ทราบมาตึงๆอยู่ที่แขนแล้วมันก็ยกขึ้นมาเองอย่างฝืนมิได้

    ถ้าตึงที่คอด้านหน้าก็จะเงยหน้าขึ้น ถ้าตึงๆที่คอด้านหลังก็จะก้มหน้า แล้วเวลาตึงๆที่ขา

    ข้าพเจ้าก็จะยืนขึ้นมาซะเฉยๆ

    ( อยากถามผู้รู้ที่รู้จริงเป็นการส่วนตัวคะ ) ขอบคุณคะ
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ไม่มีสิ่งมีอำนาจเหนือจิตใจ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรหรอกนอกจากกายกับใจ ก็เพราะเราคิดว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้มาฉุดมาดึงให้เป็นอย่างนี้อย่างนั้น (อุปาทานทางจิต) จิตจึงยึดไว้ตามนั้นอย่างแข็งแรง

    ที่แท้มันเกิดจากจิตที่มีสมาธิมาก (ต้องจงกรมปรับอินทรีย์ด้วย) มากเกินสติสัมปชัญญะ จึงคุมอาการนั้นไม่ได้ แล้วก็มิใช่กำหนดแค่ครั้งสองครั้ง กำหนดที่ต้นคิดด้วย หรือ ขณะจิตเริ่มคิดเริ่มไหวตัวด้วย

    ตอนที่ผมปฏิบัติใหม่ๆ เป็นมากยิ่งกว่านี้อีก
    จะยืนยันให้รู้ว่า (ไม่ได้คุยหรือโม้) แต่จะบอกความจริงให้ครั้งสุดท้าย เท่าที่อ่านๆดูยังไม่มีใครที่ปฏิบัติภาวนาแบบนี้ถึงจุดที่แก้อารมณ์เช่นคุณได้
    โชคดีนะครับ
     
  15. kuro122

    kuro122 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +410
    หรอ :)
     
  16. beearmzaa

    beearmzaa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +9

    ขอบคุณที่ให้ความคิดเห็นคะ
     
  17. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
  18. nampaung

    nampaung สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    เคยเป็นเหมือนกันนะค่ะ


    จนถึงเวลานี้ยังไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะอะไร


    บางคนบอกว่า ไม่ใช่ผีอำ



    แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร



    กำลังหาคำตอบอยู่เหมือนกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...