ล่ามารศาสนาโจรกรรมพระ200ปีตั้งรางวัล2แสนชี้เบาะแส

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>ล่ามารศาสนาโจรกรรมพระ200ปีตั้งรางวัล2แสนชี้เบาะแส
</TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER></CENTER>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

แก๊งโจรกรรมวัตถุโบราณที่กำลังระบาดในพื้นที่ภาคอีสาน และล่าสุดได้โจรกรรมหลวงพ่อพาชี พระประธาน ศิลปะสุโขทัย อายุ 200 ปี ที่ประดิษฐานภายในสิม (โบสถ์) วัดจักรวาฬภูมิพินิจ ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานเมื่อเดือนธันวาคม 2544 ส่วนองค์หลวงพ่อพาชีอยู่ระหว่างการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน นายพงษ์ศิริ กุสุมภ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้มีหนังสือสั่งการไปยัง พล.ต.ต.สุพรรณ ประเสริฐสม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด ให้ติดตามจับกุมแก๊งโจรกรรมกลุ่มนี้มาลงโทษ และติดตามโบราณวัตถุกลับมาคืนให้แก่ชาวบ้าน เนื่องจากหลวงพ่อพาชี นอกจากจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านหนองหมื่นถ่านให้ความเคารพแล้ว ยังเป็นโบราณวัตถุซึ่งถือเป็นสมบัติของชาติอีกด้วย <CENTER></CENTER>


นายไชยา โชกะตะ สมาชิกอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) บ้านหนองหมื่นถ่าน อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พล.ต.ต.สุพรรณ ประเสริฐสม และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 4 ได้มาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและประชุมร่วมกับกรรมการหมู่บ้าน พร้อมแจ้งชาวบ้านว่า ได้ตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อติดตามหลวงพ่อพาชีกลับมาคืนให้แก่ชาวบ้าน
ตั้งรางวัล 2 แสนผู้แจ้งเบาะแส

นายไชยากล่าวว่า สืบเนื่องจากหลวงพ่อพาชีเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านหนองหมื่นถ่านมาร่วม 200 ปี ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านจึงพร้อมใจกันเรี่ยไรเงินตามจิตศรัทธาได้เงินทั้งสิ้น 2 แสนบาท เป็นรางวัลนำจับ และชี้เบาะแสแก๊งคนร้าย ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการ

"ก่อนหน้านี้พระไม้ ซึ่งเป็นวัตถุโบราณในโบสถ์ ได้โดนกลุ่มมิจฉาชีพโจรกรรมไปทั้งหมดแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่กลุ่มโจรมาลงมือซ้ำอีก เพราะมีพระประธานคือหลวงพ่อพาชี ที่เชื่อว่ามีราคาซื้อขายกันหลายสิบล้านบาท" นายไชยากล่าว

ขณะที่ นายจารึก วิไลแก้ว ผู้อำนวยการสำนักศิลปากร 10 จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ได้รายงานเหตุการณ์ต่อกรมศิลปากรแล้ว โดยก่อนหน้านี้อธิบดีกรมศิลปากรมีหนังสือถึงสำนักศิลปากรทั่วประเทศให้เฝ้าระวังโบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่ไม่ได้เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แต่ก็เกิดเหตุโจรกรรมขึ้นจนได้ โดย จ.ร้อยเอ็ด ครั้งนี้เป็นรอบที่สองแล้ว
นายจารึกกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ากำลังลงพื้นที่ เพื่อติดตามโบราณวัตถุกลับคืนมา โดยเฉพาะแหล่งค้าขายวัตถุโบราณแหล่งใหญ่ของภาคอีสานอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี
"เรื่องนี้มีการทำเป็นขบวนการ เพราะวัดแห่งนี้หลังจากได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว มีการเผยแพร่ทางเว็บไซต์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้เป็นที่หมายตาของนักสะสมวัตถุโบราณ โดยจุดสังเกตของพระพุทธรูปองค์นี้เป็นศิลปะผสม กล่าวคือ เศียรพระมีรัศมีเป็นดอกบัวตูม เป็นศิลปะสุโขทัย ส่วนชายจีวร หรือสังฆาฏิ ก็เป็นศิลปะสุโขทัย แต่ที่แปลกกว่าพระองค์อื่นคือ ฐานเป็นรูป 12 นักษัตร จากปกติจะเป็นรูปดอกบัว" นายจารึกกล่าว
กรมศิลปากรแนะให้ที่อื่นระวัง

ด้านแหล่งข่าวจากกรมศิลปากรเปิดเผยว่า ขณะนี้กรมศิลปากรกำลังพบปัญหาในลักษณะนี้มากขึ้น เพราะเมื่อโบราณสถาน โบราณวัตถุใดขึ้นทะเบียนแล้ว ปกติจะต้องเก็บเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี แต่ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ชาวบ้าน และ อบต.ขอนำโบราณวัตถุไปเก็บรักษาเองในวัด ทำให้ง่ายต่อการโจรกรรม เมื่อสิ่งของที่เป็นโบราณวัตถุหายไปจะต้องมีการชดใช้ เพราะได้ประเมินราคาเอาไว้แล้ว

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า เมื่อสิ่งของหายก็เป็นคดีความ ขณะนี้ยังไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าใครจะรับผิดชอบ เพราะทราบว่าวัตถุโบราณกำลังเป็นที่ต้องการของนักสะสม ถ้าเป็นพระองค์เล็กๆ จะมีคนสั่งซึ่งเป็นต่างชาติ อาจจะเป็นคนจีน คนมาเลย์ ที่นับถือศาสนาพุทธ เราจะสังเกตว่าพระเครื่องดังๆ เขาจะซื้อเป็นชุดๆ จึงขอเตือนให้วัดแห่งอื่นระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ กรมศิลปากรมีคณะประเมินราคาโบราณวัตถุ นายอาวุธ สุวรรณาศรัย และคณะกรรมการสำนักพิพิธภัณฑ์ร่วมพิจารณาว่าพระพุทธรูปอยู่ในยุคใดสมัยใด มีลายชัดเจนขนาดไหน เนื้อทำจากอะไร แล้วจะตีค่าออกมาว่าคุณค่าสูงส่งขนาดใด ซึ่งหมายความว่าราคาจะสูงมากตามไปด้วย และที่จ.ร้อยเอ็ด เคยเกิดคดีเช่นนี้เมื่อต้นปี 2551 หลังจากมีการประเมินราคาโบราณวัตถุค่อนข้างสูง จึงมีการขโมยไป

ชาวบ้านพร้อมใจทำพิธีสาปแช่ง

ก่อนหน้านี้ เมื่อคืนวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ชาวบ้านหนองหมื่นถ่าน อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ทั้งหมู่บ้าน ได้พร้อมใจกันประกอบพิธีกรรมสาปแช่งกลุ่มหัวขโมย ที่เข้าไปขโมยหลวงพ่อพาชี โดยพิธีกรรมครั้งนี้ได้เชิญพระสงฆ์ในหมู่บ้าน และพระสงฆ์จากกัมพูชา มาทำพิธี เพื่อเสี่ยงทายถึงผู้ที่ลงมือกระทำการอย่างอุกอาจ และทำพิธีจุดธูปสาปแช่งมารศาสนากลุ่มนี้
ชาวบ้านรายหนึ่งเปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีเสียงสุนัขเห่าอย่างผิดสังเกตบริเวณหนอง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ วัด แต่ไม่ได้เอะใจ เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยมีเหตุร้าย หรือขโมยมาก่อน เพราะเกือบทุกหลังคาเรือนเป็นครอบครัวข้าราชการ มีทั้งข้าราชการครู ตำรวจ ทหาร

ชาวบ้านอีกรายเปิดเผยว่า เมื่อคืนวันจันทร์ (17 พ.ย.) ชาวบ้านได้นิมนต์พระมาทำพิธีเสี่ยงทาย ตามคติความเชื่อของคนในหมู่บ้าน เพื่อหาว่าใครเป็นคนลงมือกระทำการ ซึ่งพระที่ทำพิธีบอกว่า คนลงมือมี 3 คน เป็นคนในหมู่บ้าน 2 คน จึงได้ทำพิธีสาปแช่งคนที่ลงมือโจรกรรม และสาปแช่งไปถึงครอบครัวของผู้กระทำการครั้งนี้ให้มีอันเป็นไปภายใน 7 วัน

ทั้งนี้ ความสำคัญของหลวงพ่อพาชีนั้น เป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่ก่อตั้งหมู่บ้าน โดยเมื่อเริ่มตั้งหมู่บ้านชาวบ้านได้อัญเชิญมาจาก จ.นครราชสีมา ก่อนสร้างสิม (โบสถ์) ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพสักการะ เพราะถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใครปรารถนาสิ่งใดมักจะได้สมดังปรารถนา และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนทั้งหมู่บ้าน แม้จะไปทำงานอยู่ไกลถึงต่างประเทศก็ยังต้องขอให้ท่านคุ้มครองให้ปลอดภัย

ชาวบ้านรายหนึ่งบอกว่า ก่อนหน้าจะมีขโมยมาโจรกรรมหลวงพ่อพาชี มีการสร้างองค์หลวงพ่อพาชีจำลอง ขนาดเท่าของจริง มาประดิษฐานอยู่ด้านหน้าขององค์จริง

สำหรับสิมวัดจักรวาฬภูมิพินิจ มีลักษณะทางศิลปกรรมแบบพื้นเมืองอีสาน ประเภทสิมทึบ หน้าบันหรือรังผึ้งมีลวดลายแกะสลักไม้ หลังคาทำจากกระเบื้องไม้ ภายนอกมีฮูปแต้ม เป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ ภาพขุมนรก และภาพพระพุทธองค์ขณะปลงพระเกศามีพระอินทร์มารับนำไปประดิษฐานยังเจดีย์จุฬามณี ภายในโบสถ์มีภาพวรรณคดีพื้นเมืองเรื่องสังข์ศิลป์ชัย สันนิษฐานว่ามีอายุในราวสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

สิมโบราณแห่งนี้ ถือได้ว่ามีความสมบูรณ์และสวยงามมาก ลวดลายไม้แกะสลัก คันทวย ช่อฟ้า นาคสะดุ้ง และรังผึ้งหน้าบันยังเด่นเป็นสง่า และดึงดูดให้ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาและผู้ที่ชื่นชอบศิลปะแบบอีสานต้องมาดูมาชมเป็นอย่างยิ่ง ภาพเขียนสีที่อยู่หน้าสิมและอยู่ภายในสิมยังเด่นเป็นสง่าสวยงามอยู่บนฝาผนัง อวดถึงฝีมือของช่างเขียน และภูมิปัญญาของการใช้สีที่ยังคงทนมาถึงทุกวันนี้ สำนักโบราณสถาน กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จึงขึ้นทะเบียนสิมแห่งนี้ให้เป็นโบราณสถาน โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 118 ตอน 124 ง. เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2544


----------

http://www.komchadluek.net/2008/11/20/x_main_a001_232209.php?news_id=232209

 

ถ้ามีอะไรที่มีค่าเดี๋ยวพวกสาระเลว ก็มาขโมยอีก

ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ช่วยนำพระหลวงพ่อพาชี มาคืนที่วัดโดยเร็ววันด้วยเถิด

 

กรรมใดใครก่อกรรมนั่นย่อมตอบสนองขอรับ

 

ขอให้กรรมตามสนองโจร ในชาตินี้ด้วยเทอม

 

คนสมัยนี้ ไม่ค่อยกลัวบาปกันเลย

 

ตำรวจช่วยหน่อย!!

 

ถึงสมัยนี้เราจะได้เห็นพระพุทธรูปต้องอยู่ในกรงเหล็กล็อคกุญแจเป็นภาพที่ไม่น่าดูเลยแต่ทำไงได้ปัจจุบันมันแบบนี้

 

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นะคะ

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ย่อมเป็นของธรรมดา
หากคิดได้ตามที่พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้ จะได้ไม่ต้องทุกข์มากนะคะ

 

สิ่งใดเกิดแต่เหตุย่อมดับด้วยผล

ขอเชิญร่วมกันเป็นสมาชิกชมรมเทิดทูนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช(เข้าไปที่ลิ้งด้านล่าง มีเรืองเกี่ยวกับพระเจ้าตากสินมหาราชมากมายให้คุณค้นคว้า )

ณ ค่ายกองดินปืน วัดกองดิน ต.กองดิน อ.แกลง ระยอง

ชมรมของคนที่รักและศรัทธาในสมเด็จพระเจ้าตากสิน นี่คือฐานที่ตั้งที่เรามารวบรวมกัน

เพื่อทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับพ่อตาก เพื่อทดแทนบุญคุณของพ่อตากที่กอบกู้แผ่นดินไทย

ทำให้เราได้มีผืนแผ่นดินไทยอาศัยอยู่จนทุกวันนี้

เข้ามาตามลิ้งข้างล่างนี้ครับ

http://palungjit.org/group.php?groupid=113


ขอบคุณล่วงหน้าครับสำหรับผู้มีเกียรติที่เสียสละเข้ามาฟื้นฟูหน้าประวัติศาสตร์ที่ถูกลบเลือน และบิดเบือน

 

กรรมใดใครก่อกรรมนั่นย่อมตอบสนองขอรับ
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ขโมยคงไม่รู้จักบาป และ บุญ
แย่จังเลย

 

มารศาสนาพวกนี้ ไม่เห็นนรก ก็ไม่สำนึก

 

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

 

รีบเอาไปคืนนะครับ ไม่อยากให้เดือดร้อน แค่คิดก็ผิดมากแล้วนี่เล่นถึงกับทำเลย เห้อ ขอให้เป็นสุขๆเถิดนะ รักษาตัวกันให้ดีนะครับถึงเวลาไม่มีใครช่วยได้ตัวแหละต้องอยู่กับตัวไม่มีใครจะอยู่ช่วยหรอก