&...เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง คืออะไรครับ.....

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เดินทาง, 24 พฤศจิกายน 2008.

  1. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง คืออะไรครับสงสัยครับ

    สมาธิจะรักษาระดับคงอยู่ไว้ขั้นไหนถึงจะเห็นตามความเป็นจริง

    สติหลักของสมาธิที่เห็นตามความเป็นจริง เป็นสติแบบไหนครับ รูปแบบการเกิด

    สติที่เห็นตามความเป็นจริงเป็นแบบไหนครับ

    อ่านข้อความเกี่ยวกับสมาธิเกิดความสงสัยขึ้นมาครับ :z16
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2008
  2. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    ต้องลองฝึกสมาธิดูก่อนน่ะครับ เมื่อเกิดความรู้สึกหรือสภาวะเช่นไร ก็ค่อยๆนำมาเทียบเคียงกับข้อมูลรายละเอียดของสมาธิทีละขั้นตอน แล้วก็ไปปฏิบัติต่อ พอเกิดสภาวะเช่นไรก็นำมาเทียบเคียงต่อ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เราจะค่อยๆเข้าใจขึ้นเองน่ะครับ แรกๆอาจจะงงๆหน่อย แต่ถ้าเราไม่สงสัยทำไปเรื่อยๆ พอถึงจุดหนึ่งมันจะค่อยๆเข้าใจอะไรได้มากขึ้นเองน่ะครับ (เพราะว่าสภาวะธรรมจากประสบการณ์ทางสมาธิบางอย่าง ลำพังการคาดเดาล่วงหน้าเราไม่อาจสัมผัสได้ชัดเจนหรอกครับว่ามันเป็นเช่นไร)
     
  3. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    เอาง่ายๆก็ึคือ..
    จะเห็นหรือไม่เห็นก็ดี แต่ยังมีสติรู้เห็นว่า.. รู้ว่าไม่เห็น รู้ว่าเห็น ไ่ม่ใช่เผลอเลอ หลับไหล ฝันไปตามจิตซึ่งมีปัจจัยเกิดมาจากการอ่านล่วงหน้าไว้แล้ว ..หรือที่พระท่านเรียกอาการนั้นว่า "ทึกทัก"

    แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าถึงตอนนั้นยังมีสติอยู่ ?
    ก็เอาสติไปกำหนดรู้ที่ลมหายใจ รู้ว่าขณะที่เห็นหรือว่าไม่เห็นนั้นๆ ณ.ขณะนั้นๆหายใจเข้า ยาว สั้น ก็รู้ว่าหายใจเข้า ยาวสั้น หายใจออก ยาวหรือสั้น ก็รู้ว่าหายใจออก ยา่วหรือสั้นอยู่ ไม่ได้เคลิ้มหลับไหลไปกับสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่คิดไปล่วงหน้าจากการอ่านมาล่วงหน้าหรือคิดล่วงหน้ามาก่อน
    เป็นต้นฯ

    จุดประสงค์ของการที่ให้เอาจิตไปจับจ้องแต่ไม่ต้องเพ่งไม่ต้องเกร็ง ก็เพื่อที่จะให้สติจับอยู่ที่ไดที่นึง ไม่ว่าจะเป็นปลายจมูก ซึ่งเรารู้สึกได้เมื่อเวลานั่งสมาธิ หรือที่ท้อง ยุบ พอง หรือบางท่านบางครั้งนั่งแล้วมั่นนิ่งมากๆจนแทบจะไม่หายใจเลยก็เอาสตินั้นไปจับที่ก้อนเนื้อหัวใจที่มันเต้นตุ๊ปตั๊บนั่นแหละ
    คือให้รู้ ให้เห็นตามความเป็นจริงและเป็นการเตือนสติว่านี่ยังมีสติอยู่นะไม่หลงไหลไปกับอะไรๆในสมาธิ
    นั่งแล้วง่วงก็รู้ว่าง่วง นั่งแล้วปวดขาปวดก้น ก็ให้รู้ว่าปวด และปวดตรงไหน "รู้ว่าเริ่มปวด ยังปวดอยู่ หายปวดแล้ว" ปวดมากถึงมากที่สุดก็แค่กำหนดรู้ว่าปวด ปวดตรงไหนๆเท่านั้นแหละ นี่เป็นการยกตัวอย่างของคำว่า "รู้ตามความเป็นจริง" ก็กำหนดรู้มันตรงนั้นแหละเป็นการฝึกให้สติมีความไวในสิ่งต่างๆที่เข้ามากระทบ
    เมื่อปฏิบัติไปซักพักแล้ว สติ มีความไวพอแล้วจากการกำหนดรู้ตามอาการข้างต้นแบบหยาบๆได้ละเิีอียดแล้ว สติก็จะกำลังพอที่จะกำหนดรู้อาการแบบละเอียดตามขั้นตอนของมันเอง
    ขอจงปฏิบัติไปเถิด ..

    อ่อ..ขอแนะนำอีกอย่าง อย่าได้เที่ยวไปอ่านอะไรๆจนจิตขุ่นมัวซะล่ะ
    ข้อสำคัญที่สุดคือ "สติ" ขอกล่าวไว้เ่ช่นนี้ก็แล้ว เดี๋็ยวก็รู้เอง รู้ตอนไหนก็ตอนนั้นแหละ และรู้อยู่คนเดียว ปิดปากให้่เงียบ ถามเฉพาะกับคนที่สมควรต้องถามนะ
    อย่าไปเิิอิกกระเิริก ฉันนี่ฝึกสมาธินะเว้ยยย..อย่านะเว่ยยย...เป็นต้นฯ
    เอาล่ะ สำรวมกาย วาจา ใจ

    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2008
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    http://wimutti.net/ สนใจก็ไปฟังนี่ไปอ่านเลยครับชัดเจนฟังพระอาจารย์ปราโมทย์ หลายๆๆเที่ยวจะเข้าใจง่ายครับ
     
  5. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ...อาการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และสลายตัว ไปในที่สุด...ถ้ารู้ เข้าใจ ยอมรับ วางลงเสียได้ ชื่อว่าเห็นตามความเป็นจริง...

    ...สมาธิเริ่มต้น ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป พอจะเห็นได้.....

    ...จตุตถฌาน จึงมีกำลังสามารถวางลงได้อย่างเด็ดขาด.....
     
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,443
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,663
    ที่สำคัญมากที่สุดนะครับ อย่ามัวแต่อ่าน ทำเลยครับ อ่านมากไม่ทำไม่รู้จริง มีแต่สัญญาไม่มีปัญญา ทำจริงแล้วเกิดข้องข้องใจค่อยหาคำตอบไปเรื่อยๆจาก พระพุทธเจ้า และครูบาอาจารย์ต่างๆครับแนะนำ http://audio.palungjit.org/

    เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง คำตอบมีอยู่แล้วครับในคำถาม อธิบายเพิ่มเติมคือ เห็นตามกฏพระไตรลักษณ์ ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ไปยึดถือก็เป็นทุกข์

    สมาธิขั้น อุปจารสมาธิ สามารถวิปัสสนาได้

    สมาธิ + วิปัสสนา = ปัญญา
    ปัญญา(รู้เห็นตามความเป็นจริง เอื้อให้ตัดกิเลส)
     
  7. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,653
    ค่าพลัง:
    +1,211
    เข้าใจทางโลกเห็นโลกนี้บนความจริงเท่าไหน...เหตุเกิด...ผลเกิด...อริยะสัจ
    เข้าใจทางธรรมนี้เท่าไหน....ว่าเหตุเกิดจากอะไร...ผลเป็นอย่างไร
    ปัญญาเกิดเท่าไหน
    แล้วจะไปปฏิบัติธรรมหรือไม่อย่างไรขอรับ
    ใช่หรือไม่อย่างไรขอรับกระผม

    เพื่อนสมาชิกเหล่าสหายธรรมท่านนำทางมาดีมากเลยขอรับ....ผมอ่านแล้วมาสรุปเอาของเพื่อนๆนะขอรับ.....ของผมเองยังคิดไม่ออกขอรับ
    กราบขอบพระคุณยิ่งขอรับ
     
  8. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    คือ ผมกลัวหลงเข้าใจเอาเองครับ หรือทึกทักเอาเองว่าเราเริ่มเห็นตามความเป็นจริงแล้วทั้งที่ผมยังไม่เห็น
    ช่วงก่อนหน้านี้ผมนั่งสมาธิ วันหนึ่งผมเดินไปเจอน้ำที่พื้นที่นองอยู่หลังฝนตก
    แล้วมีลมพัดกระทบผิวน้ำเป็นระลอกคลื่น ความรู้สึกที่ได้จากการได้เห็นครั้งนั้น
    มันยังติดตาผมเลยครับ ความรู้สึกเหมือนสมัยตอนที่เราเป็นเด็ก เหมือนกลับไปเห็นธรรมชาติ
    ที่เห็นตอนเป็นเด็กอีกครั้งครับ เลยไม่ค่อยเข้าใจว่าที่ได้เห็นมันคืออะไร บวกกับไปอ่านเรื่องสมาธิเลยสงสัยขึ้นมาครับ

    เลยอยากจะรู้รายละเอียดลำดับการเห็นตามความเป็นจริง ที่พอจะเปรียบเทียบออกมาให้พอเข้าใจได้
    เพื่อกันการหลงทางและจะได้ยึดเป็นแนวทางที่ถูกต้องครับ
    เหมือนต้นไม้ต้นเดียวกันแต่คนแต่ล่ะวัยมองเห็นและสัมผัสกับต้นไม้ได้ไม่เหมือนกัน ความอ่อนโยนที่สัมผัสได้และเข้าถึงต้นไม้ได้ก็ไม่เหมือนกัน :z16
     
  9. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,280
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    ทําสมาธิทุกวันสิครับก่อนนอน ถ้าให้ดีก็ตอนเพิ่งตื่นด้วย เเต่จริงๆทําอย่างน้อยวันละห้านาที อ่านธรรมด้วยก็จะดีมาก อีกหน่อยจะเข้าใจในชีวิตมากขึ้นครับ โชคดีครับ
     
  10. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ในกรณีอย่างนี้ พระสูตรสติปฏิฐาน4 กำหนดลมหายใจเพื่อดึงสติให้อยู่กับปัจจุบันเท่านั้นครับ ลมหายใจ นี่แหละคือราวเกาะที่จะเดินทางจากต้นไปสู่ยอดและสุดยอดของปัญญา
    "เมื่อสมัยเด็กๆเราเคยเตะหมาตกน้ำ พอโตขึ้นมีบางครั้งแว๊ปเข้าในหัวเกิดความสงสารมันขึ้นมา" ถามว่าเรากลับไปอุ้มมันขึ้นมาจากน้ำได้หรือไม่ ?
    นั่นก็เช่นเดียวอดีตที่ผ่้านมาแล้วมันไม่ได้เอื้อประโยชน์ในการเจริญกรรมฐานหรือในการปฏิบัติธรรมเลยแม้แต่น้อย
    มีแต่จะรั้งไว้ในบ่่วงแห่งความทุกข์และสุขซึ่งมันเป็นอันเดียวกันนั่นแหละ

    อย่าลืมนะครับราวเกาะ ไม่ต้องกลัวหลงครับถ้ารีบขว้าและมีวิริยะพอที่จะดูจิตดูใจตัวเองให้บ่อยๆพอและรู้เห็นตามความเป็นจริง
    คิดก็รู้ว่าคิด ฟุ้งก็รู้ว่าฟุ้ง นี่แสดงว่าคุณยังมีสติอยู่เหมือนกันที่ยังสามารถดักความคิดเห็นของตัวได้ และยังรู้เห็นตามความเป็นจริืงอยู่
    ขอให้ปฏิบัติไปเถิดครับ

    อนุโมทนาสาํธุครับ
     
  11. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    [​IMG] ขอบคุณทุกๆท่านครับ
     
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง คืออะไรครับสงสัยครับ
    ก็คือเห็นในวิปัสสนาญาณครับ เห็นว่าการเกิดแก่เจ็บตายเป็นทุกข์ มีสภาพเดียวที่เที่ยงคือพระนิพพาน

    สมาธิจะรักษาระดับคงอยู่ไว้ขั้นไหนถึงจะเห็นตามความเป็นจริง
    ขั้นขนิกสมาธิก็อาจจะพอเห็นความเป็นจริงได้ แต่จะเห็นได้ชัดกว่าถ้าเป็นฌาณตั้งแต่ฌาณ1ขึ้นไป จึงต้องมีสมถะคู่วิปัสสนาครับ

    สติหลักของสมาธิที่เห็นตามความเป็นจริง เป็นสติแบบไหนครับ รูปแบบการเกิด
    สติที่เห็นตามความเป็นจริงเป็นแบบไหนครับ

    เป็นแบบที่มีอุเบกขาครับ คือเห็นแล้วก็วาง รู้แล้ววาง รู้แล้วไม่ยึด
    เช่นเห็นว่าร่างกายมีความน่ารังเกียจ ถ้าเราไปมีอารมณ์เกลียดร่างกาย มันก็เป็นโทสะครับ
    ต้องเห็นว่าเป็นของธรรมดา เราไม่อยากมีร่างกายอีก แล้ววางเฉยในร่างกาย
    เป็นสติที่เกิดจากอำนาจของฌาณ ฌาณ4เหมาะที่สุดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2008
  13. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ชาม4 กินถึงตรงนี้ก็อิ่มได้แล้วล่ะ (ฮา)

    อ่านของคนอื่นๆด้วยนะครับท่าน คนจะเดินขึ้นเขาจะให้แต่เข้ามองยอดเขา เดี๋ยวก็ไปเหยียบเอาหลุมที่มีแต่พืชคลุมไว้หรอก จะเดินขึ้นเขาควรมองที่ไหน ?
    ก็มองทางเดินสิ ถูกไม๊ ? ไอ้ประเภทพาคนไปหลงแต่อภิญญาหลงติดอยู่มีเยอะแยะ
    นั่นไม่ใช่ทางที่เหมาะที่ควรจะเวลาที่เหลือน้อยนิดของเราไปจมอยู่ที่นั่น

    หมั่นมองดูจิต คิดชำระให้สะอาดใส ห่างไกลซึ่งมารร้าย ขอสิ้นซึ่งภพชาติ
    คำนี้ดีมีกำลัง เพิ่มศัทธา อย่างแรงกล้า แล้วตอนนี้ดูจิต ใช้สติปัญญาพิจารณาด้วยเด้อ..

    เขาก็เหมือนคอมฯใหม่ๆ ฮาร์ดดิสก์ยังเหลือ พื้นที่ว่างเยอะพอที่จะป้อนซอฟแวร์ สัมมาิทิฐิ.exe ได้สบายๆ
    มีตัวสัมมาิทิฐิเป็น OS คอยสแกนไวรัส หลง.exe และจำพวก มิจฉาทิฐิ.exe ที่มักจะเข้ามากับความซุปเปอร์อวิชชา.exe

    รู้สึกว่าไอ้ ฌาญ4 นี่มันเป็นอะไรกลายเป็นแฟชั่นสำหรับนักปฏิบัติไปแล้วนะ
    ผู้รู้ผู้เห็นแล้ว หรือผู้ที่ยังไม่รู้ยังไม่เห็นก็ดี ต้องปล่อยวางและสักแต่่ว่านะครับ อย่าไปหลงไหลติดใจในกิเลสแบบละเอียด อันที่อย่างที่พระอาจารย์ท่านพูดเสมอว่า
    พุทธศาสนาแก่นแท้ของมัน ไปได้ง่ายมาก แต่หลายพันปีผ่านมามนุษย์ที่สืบทอดกันมา
    ล้วนไปเสริมเติมแต่ง ปรุงแต่งในสิ่งที่ตัวเองชอบ สิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีแล้ว ลงเข้าไปด้วย
    จึงทำให้การที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนานั้น จึงมักมาติดอยู่เปลือกวงนอกๆ และกลับไปสำคัญว่านั้นคือแก่นมันล่ะ

    เอาล่ะๆ..ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงการดักความคิดเห็นผิดๆที่จะเกิดหรือเกิดอยู่แล้ว ให้ลดน้อยลงเพื่อตัวของนักปฏิบัติเองและตัวของผู้ที่คิดเป็นผู้บรรลุธรรมรวมถึงผู้ที่บรรลุทำด้วยเช่นกัน
    ขอจงมีสติให้มากๆ มีสติเป็นตัวรู้ และีรู้ รู้ รู้ เท่านั้นและสักแต่ว่ารู้ ไม่ลงไปร่วมไม่ลงไปเล่น
    ขอให้เข้าใจไว้อย่างนั้นด้วยเถิด

    อนุโมทนาครับ
     
  14. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ฌาณ4 นั้นเป็นเครื่องอันจำเป็นที่จะเข้าให้ถึงซึ่งความเป็นพระอรหันต์
    ถ้าหากไม่มีฌาณ4แล้ว ก็จะเป็นพระอริยได้ถึงแค่พระโสดาบันกับสกิทาคามีเท่านั้น
    เนื่องจากพระอนาคามีจะต้องมีอธิศีล และอธิจิต
    คือทรงอย่างต่ำถึงฌาณ4
    ฌาณ4 นั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นของไม่ยากที่จะปฏิบัติหากรักที่จะปฏิบัติจริงๆ
    ประกอบกับมีครูบาอาจารย์ ที่บอกอารมณ์ และวิธีการ
    ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมงก็ทำได้แล้วครับ

    การที่ฝึกแล้วเข้าไม่ถึงฌาณ4
    จึงหลงไปปรามาส ฌาณ อภิญญา ว่าไม่ใช่หนทางที่จะบรรลุธรรมตะหาก
    ที่เป็นความเห็นที่ผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างเต็มประตู
    เพราะอัธยาศัยในการบรรลุธรรม
    มีถึง4รูปแบบตามแต่จริตของคน
    ไม่ได้มีแต่สุกขวิปัสสโกเท่านั้น
    ยังมีเตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต

    คนที่คิดว่าตัวเองเป็นสุกขวิปัสสโก แท้ที่จริงแล้วอาจจะเป็นฉฬภิญโญก็ได้
    ดังนั้นขอให้ทุกๆคนศึกษาให้ครอบคลุมการปฏิบัติทุกสาย
    แล้วจึงคิดอีกทีว่าเรามีจริตเหมาะกับสายใด

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  15. อย่ากด อนุโมทนา

    อย่ากด อนุโมทนา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +3
    เราเห็นโลกแบบนี้ครับ เราเคยถามตนเองว่า(ยกตัวอย่างแค่คนนะครับ) คนทั้งหลายที่เราเห็นกันอยู่นี้ว่าสวยงาม หล่อ ทั้งหลายนี้ เป็นแบบที่เรารู้สึกจริงๆหรือที่เรารู้สึกว่าสวยนั้น
    สวย เพราะอะไร มีคำตอบปิ๊งมาเลยครับว่า มันสวยเพราะเราเป็นเราคือ เราเป็นคน
    คนจึงสวย ซึ่งอันที่จริงแล้วผู้หญิงที่เราเห็นว่าสวยนั้นจริงๆแล้วมันไม่ได้สวยจริงสำหรับโลกเลย แต่มันสวยจริงสำหรับ คนเท่านั้น สัตว์อื่นนอกจาก คน ไม่เห็นว่าผู้หญิงสวย
    เข้าใจไหมครับ
    เช่นเดียวกัน กับ อาหารทำไมอาหารที่เรากินจึงอร่อยนั้นก็เพราะเราเป็นเราคือเรามีปราสาทสัมผัสแบบคน คือปราสาทสัมผัสที่หยาบแบบคน และละเอียดได้แค่นี้
    ถ้าหากเรามีปราสาทสัมผัสที่ละเอียดได้มากกว่านี้เชื่อไหมครับว่า อาหารทั้งหลายที่เรากิน
    จะไม่อร่อยแบบนี้ จะไม่หอมแบบนี้
    คนทั้งหลายที่เราเห็น ก็จะไม่ไช่แบบนี้ถ้าตาเราเห็นได้ละเอียดมากขนาดกล้องจุลทัศ
    คนที่หน้าเกลี้ยงๆทั้งหลายแหล่ เราจะเห็นเป็นหน้าเน่า ไขมันไหลเยิ้มตลอดเวลา
    เข้าใจบ้างไหมคับ
    ที่ได้อธิบายนี้เป็นแบบหยาบๆนะครับ คือเป็นแบบที่พอจะไช้สติปัญญาแบบโลกๆคิดตามได้
    ที่ละเอียดมากกว่านี้เราไม่อธิบายนะคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤศจิกายน 2008
  16. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,077
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,669
    เมื่อใดหน่ายจากสุขจากกาม ก็จะไปแสวงหาสุขที่ร้อนน้อยกว่า นั่นก็คือ ญาน ^-^
     
  17. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    อย่าพึ่งไปกลับมาอ่านก่อนๆ..เมื่อวานกำลังจะตอบแล้ว พอดีมีธุระัเลยตอบไม่ทัน
    เราว่านาย ปรุงแต่งมากไป กลับมาๆ..กลับมาอ่านก่อน
    อย่าได้คิดว่าตัวเองแน่กว่าดีกว่า เจ๋งกว่า..
    อ่านมากน่ะยอมรับข้อมูลเยอะ แต่อย่าลืมอ่านแล้วปล่อยวางมั่งนะ

    เอาล่ะๆ..จะตอบ
    ในเมื่อเราตีได้ไกลกว่านั้นทำไมไม่ปักธงที่นิพพานเล่า ไปปักไว้ทำไมที่ ฌาญ4 คนนั้นคนนี้เค้าว่่าเหาะได้
    หายตัวได้ กลายเป็นว่ากูอยากอยู่เพื่อสิ่งนั้นมากกว่าการไปพระนิพพานหรือพระอรหันต์
    อย่ามัวหลงไหลไปเชื่อพวกร่างทรงนะ พวกนั้นตายไปไม่รู้จะได้เกิดหรือเปล่า ถอยกลับออกมา
    ตำราที่เคยอ่านมาเอาเก็บไว้ซะ อยู่กับตัวเองตามดูจิตมันก็พอแล้ว มันมีแค่นั้น
    ตามรู้ตามดูเท่านั้น แต่นี่กางตำราออกมาเหมือนวาดลายแทงเลย
    เวลาเราเดินทางครั้งแรกก็มันจะไปทางสายหลัก พอเดินทางบ่อยๆแล้วเริ่มคุ้นกับเส้นทางก็ต่อรถเอาเองอันไหนมันจะใกล้กว่าประหยัดกว่า
    แต่ธรรมะไม่เหมือนกับการต่อรถลงเรือ เดินตรงอย่างเดียว ทุกอย่างมันมีขั้นตอนของมันอยู่แล้ว
    ขออุปมาไว้อย่างนี้ก็แล้ว

    กลับมาเจริญในธรรมเถิด
     
  18. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    คือ ผมคิดว่าความคิดที่แตกต่างอาจเพราะ ตัวหนังสือมันอธิบายได้แค่ตัวหนังสือ
    อธิบายให้เหมือนความปราถนาของผู้ส่งไม่ได้ pig_cryy2 เลยจำกัดอยู่แค่ตัวหนังสือนะครับ

    เหมือนประโยคนี้ ตีความได้มากมายเลยครับ
    ใช้ความมีตัวตนแสวงหาความไม่มีตัวตน

    [​IMG]

    เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว จิตยังบริสุทธิ์อยู่เยอะเลยครับ เขาเป็นอนาคตของชาติ
    มีกรรมพันธ์ติดตัวมา แต่ก็คงสู้ความแว้ดล้อมของผู้คนและสังคมไม่ได้ :z16
    สังคมดีมีชัยไปกว่าครึ่งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2008
  19. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    คิดได้อย่างนั้นก็ดีครับ
    บ่งบอกถึงความ มีความเป็นกลาง อยู่บ้าง..

    อนุโมทนาครับ
     
  20. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ยังไงก็ขอให้Mr.Boy_jakkrit พึงเจริญในธรรมก็แล้วกันครับ
    ถ้าผมตอบได้ไม่ถูกใจประการใด ก็ขอกราบขอขมาด้วยครับ ไม่โกรธน้า<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1693521", true); </SCRIPT>
     

แชร์หน้านี้

Loading...