การนั่งสมาธิจนหลับไปเองโดยไม่รู้ตัวนี่เรีียกว่า ได้ฌานหรือครับ ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 3 ธันวาคม 2008.

  1. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,942
    ค่าพลัง:
    +1,253
    นั่นสิ ยิ่งถ้าทำสมาธิ แล้วหลับ โดยไม่รู้ตัวว่าหลับ

    ตอนที่หลับ สัญญามันกระหายเห็นภาพพระ เหมือนคนวิตกกังวลเรื่องสรรเพเหระ
    มันก็เก็บไปฝัน อันนี้เป็นกันทุกคน

    แล้วถ้า ภาพพระ เมืองนิพพาน นั้นเกิดจากการวิตกกังวลก่อนหลับแล้วฝัน

    พอตื่นขึ้นมา กิเลสมันจะแจ้งแค่ไหนว่า ที่เห็นนะ นิมิต หรือว่า ฝันเอา

    ถ้าเห็นนิมิต ก็พอทำเนา ส่วนมากแก้ได้ว่าทีเห็นนั่นไม่จริง เพราะจิตที่เห็น
    นั้นอยู่อีกส่วน จิตส่วนที่เป็นผู้เห็นคือตัวจริง(ซึ่งจะไม่ปรากฏในภาพ) ส่วน
    ของที่ถูกเห็น(สิ่งต่างๆในภาพ)นั้นตัวปลอมจิตมันจะมีปัญญาแยกได้ ละ
    การยึดมั่นถือมั่นยังพอได้

    แต่ถ้าเป็นเห็นเพราะฝันเอา นี่ยากจะถอดถอนว่าไม่ใช่เราเห็น มันจะมีทั้ง
    ยินดีและกำหนัดที่ละเอียดอ่อนที่ยากจะเชื่อตนเองว่า ที่เห็นนั้นไม่จริง
    (ใจมันอยากเห็น อยากเป็น) แบบนี้ก็เสร็จกัน ฝันไปนิพพานเอา จบเห่
    กันพอดีหากยึดมั่นถือมั่นว่านั่นใช่
     
  2. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    สรุปคือ..ยังมีกิเลสอยู่นั่นเอง ทำไมถึงอยากได้ชาน
    แทนที่จะปฏิบัติไปเพื่อละกิเลส มีความอยากอยู่เต็มอกอยู่นั่นเอง

    จะนั่ง จะนอน จะเดิน จะยืน ก็ต้องมีสติ อย่้าเอาแต่สมาธินำหน้า
    อย่าไปยึดติดกับอะไรๆมาก ลองปฏิบัติไปแบบไม่ต้องการผลอะไรเลยซิ มันทำได้ไม๊ล่ะ แบบนี้ ?
    นี่เล่นเอาหลับปุ๊ปจ้องๆๆๆๆ....มาสิๆๆๆๆ...มาสิโว้ยยยย....แสงมาเลยเร๊วววว...จะเอาฌาญแล้วๆๆๆๆ...อยากได้ๆๆๆๆ...
    ทำไมไม่ดูจิตดูใจตัวเองบ้างล่ะ เอาแค่ความรู้สึกจับอยู่ลมผ่านเข้าผ่านออกที่ปลายจมูกสิ ถ้ามันเผลอหรือปล่อยความรู้สึกออกจากการรับรู้ลมเข้าออกตรงปลายจมูก ก็ตามดูมันสิ ว่ามันไปจับที่ไหน
    เรียกมันกลับคือโดยเอาความรู้สึกนั้นกลับมาที่ปลายจมูกเหมือนเดิม แล้วไอ้ที่ความรู้สึกที่มันขาดหายไปตอนนั้นต้องมีสติรู้ว่าหายไปและหายไปไหน
    เอาแค่นี้พอ...

    เฮ้่อ..ก็ยังมีกิเลสอยู่อีกเหมือนเดิมเนาะ เห็นมาหลายกระทู้แล้ว ยังไม่พอจะพาคนอื่นหลงเข้าไปด้วย
    ไม่เป็นไรเอาใหม่..คราวนี้อยู่ปลายจมูกพอ รู้ รู้ เท่านั้นไม่ต้องไปหาอะไรๆในสมาธิ
    นี่เราไม่ได้บอกคุณคนเดียวนะ บอกคนที่ยังหลงอยู่ติดอยู่ และยึดติดอยู่กับอะไรปล่อยมันซะ
    ปล่อยความคิดเห็นที่ยึดติดอยู่ แค่ปล่อยเท่านั้น ก็ลอยตัว..

    ลองใช้สติปัญญาพิจารณาดูนะครับ
     
  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,286
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    ถึงคนข้างบน ผมบอกตรงไหนครับว่าผมอยากได้ฌาน ? ผมเเค่ถามดูว่า ที่หลวงพ่อท่านพูดออกมานั้นคือฌานหรือไม่ ผมไม่่หวังอยากได้อะไรนอกจากนิพพานครับ
     
  4. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    นั่นแหละ...
    ไอ้ที่ถามๆถึงขั้นไหนๆแล้วนั่นแหละ..คือการหวังผลครับ หรือไม่อยากอย่างที่กล่าวมา ?
    เอามันออกสิ..แม้แต่พระนิพพาน เอามันออกไปก่อน
    เอาแค่ตอนนี้พอ ขณะนี้ ปัจจุบันนี้...เท่านั้น
    สติและสมาธิก็เช่นกัน การทำสมาธิก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องถึงเวลานั่งหรือยืนหรือนอนถึงจะทำสมาธิ เท่านั้นก่อนถึงจะกำหนดรู้ เอาขณะนี้เข้าไปด้วย

    อยู่กับปัจจุบันหลังจากอ่านจบนี่แหละ
    ปฏิบัติอยู่ทุกขณะนี่แหละ
    ไม่จำเป็นต้องไปนั่งหลบในที่มืดๆเงียบๆึคนเดียว รู้จักคำว่า" อการิโก" ไม๊ล่ะ ?
    ปฏิบัติดีปฏิบัติถูกต้องมันไปไว เห็นผลเดี๋ยวนั้น อย่่ามัวแต่เอาหนังสือเทียบฌาณไปไว้ข้างแล้วนั่งหลับตา พอลืมตาขึ้นมาก็เปิดดูเราถึงตรงนี้ๆแล้วนี่ ! เขาเรียกว่าทึกทักรู้จักไม๊คำนี้ ?

    ยกตัวอย่างของ ภิกขุโย ที่กล่าวว่า..
    "เหมือนเราทำความสะอาดห้อง ทำเดี๋ยวนั้นก็สะอาดเดี๋ยวนั้น
    แต่ไม่ต้องไปหวังว่าจะมีใครเข้ามาห้องเราหรือไปชักชวนใครต่อใครเข้ามาดู เพื่อจะได้คำชม"
    เป็นต้น..นี่เป็นแค่อุปมานะ อย่าไปอิงและต่อยอดเพราะถ้าต่อยอดก็เหมือนกับการปรุงแต่งต่อ เอาแค่ว่าเข้าใจแล้วปฏิบัติก็พอ..

    เอาล่ะๆ ขอให้เข้าใจไว้อย่างนี้ก็พอ และเริ่มรู้หรือยังว่ากิเลสละเอียดมันปิดตาอยู่ พยายามดูที่จิตที่ใจตัวเองให้มากๆ
    ขอให้พิจารณาให้มากๆในจุดนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2008
  5. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,286
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002
    ขอบคุณครับที่ตักเตือน เป็นประโยชน์อย่างมากครับผม เเต่อยากบอกว่า ฌานครับผม เห็นคุณเขียนว่า ชาน มันจะออกเเนวชานบ้านชานเมืองครับ ฮ๋าๆๆ เดี๋ยวชานบ้าง ฌาญบ้าง ใส่ใจหน่อยก็ดีครับเวลาเขียน ไม่ใช่สักเเต่เอามันส์ไว้ก่อน ตอนเห็นท่านเขียน ผมนึกว่าผมเขียนผิด ต้องรีบพลิกกลับไปเปิดพจนานุกรมดูเลยเป็นการใหญ่ ฮ่าๆๆๆ นึกว่า ฌานนั้นมีหลายชนิด ทําเอาผมหลงทางเหวอไปเลยครับ ไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาหลงทางเขวอย่างผม ยังไงฝากไว้ด้วยครับ เชียนอย่างถูกต้องดีกว่าครับ เดี๋ยวคนอื่นเลียนเเบบตาม เเล้วภาษาจะยุ่งเหยิงครับผม ด้วยรักเเละผูกพัน
     
  6. chuang205

    chuang205 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +708
    ได้แค่ไหน ช่างมันเต๊อะ
     
  7. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    อันนี้น่ะ ฌาน ครับ ระดับขั้นสภาวะธรรม
    แต่ฌานที่คุณคิดว่าตัวเองได้น่ะมันไม่ใช่ ฌาน ที่ว่านั้นมันเป็น ชานเรือน เรือนชานบ้านช่อง..ตั้งสติดีๆคิดหลายๆแง่
    มันไม่ใช่สักแต่ว่ามันส์นะที่เรากล่าวไม่ใช่เพราะมันส์และมันจะมันส์ได้ยังไง เห็นๆอยู่นั่นไม่ใช่ นั่นไม่ถูก นั่นสมควรจะต้องให้ความคิดเห็นที่ถูกต้องแล้ว เค้าหลงแล้ว..

    ก็คุณเป็นของคุณอย่างนั้นจริงๆนะ เพราะมัวแต่ไปจ้องดูนรกสวรรค์ก็เลยปล่อยตัวจิตปล่อยใจไปกับความอยากของตัวเอง
    อันนี้แหละที่ควรจะ..ฮา

    นี่ก็ยังไม่รู้เลยใช่ไม๊ว่ากิเลสปิดตาอยู่ เพราะอะไรล่ะน้อ..
    ก็เพราะสติไม่ไวพอจะมองเห็นตามทันกิเลส

    เฮ้อ..จะว่าไปมันก็เกี่ยวกันนี่เนาะ เราไม่รู้จักกันซะหน่อย
    เพียงแต่ไม่อยากให้หลงทาง..ตัวอย่างมีให้เห็นเย๊อะ

    อนุโมทนาก็แล้วกันนะ เอาเหอะๆ.. ถ้าไม่อยากรับก็แล้วแต่ อย่าลืมเด้อ สติ สติ สติ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ธันวาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...