เรื่องสังฆทานกับวิธีและพิธีหรือไม่มีพิธีมีกล่าวไว้อย่างไรกันแน่?

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย ศึกษาธรรม2551, 6 มกราคม 2009.

  1. ศึกษาธรรม2551

    ศึกษาธรรม2551 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +234
    เนื้อหานี้เรียนถามท่านที่รู้ธรรมและศึกษาธรรมในพระไตรปิฏกหน่อยครับ
    ผมหาข้อมูลแล้วในพระไตรปิฏกแต่ไม่พบเกี่ยวกับพิธีการทำสังฆทานเลย
    แล้วสรุปเป้นอย่างไรแน่ จำเป้นต้องมีพิธีการหรือไม่?

    1.ผมเห็นท่านหนึ่งและกลุ่มผู้ถวายสังฆทานเป็นประจำเขาบอกว่าต้องมีพิธีการ
    มีรายละเอียดมาก เช่นต้องมีภิกษุ4รูป มีการถวายอาหาร มีการอปโลกน์สังฆทาน มีการกล่าวเป็นบาลีและในบาลีต้องมีคำว่า ภิกขุสังฆัสสะ มีการถวายที่เป็นพิธีรีตรอง เป็นต้น

    2.อีกกลุ่มหนึ่งของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านบอกว่าถวายองค์เดียวก็ได้ ขอให้มีใจถวายแด่สงฆ์ และผมเห็นกลุ่มคนตอนไปฝึกมโนมยิทธิ ของสำนักท่าน ถวายสังฆทานเป็นถังๆสีเหลืองและมีการเวียนถัง ก็งงๆนะครับ
    หากเป้นเช่นนี้คนกลุ่มแรกจะบอกว่าผิดหลักสังฆทาน!
    แต่คนกลุ่ม2บอกว่าใช่ ขอให้มีใจคิดถวายแด่สงฆ์
    3.ส่วนกลุ่มนี้บอกว่าถวายเป็นภิกษุองค์เดียวหรือหลายองค์ก็ได้ แต่ต้องมีใจถวายแด่สงฆ์ ไม่เจาะจง และมีความยำเกรงเคารพในสงฆ์
    คนกลุ่มนี้บอกว่าการถวายสังฆทานเป็นเรื่องยาก ไม่ง่าย แต่ถ้าสามารถทำได้ก็อานิสงค์มากอย่างที่เราๆท่านๆเข้าใจ

    แล้วจริงๆมันยังงัยกันแน่ครับ ขอให้ท่านผู้รู้นำเนื้อหาที่ระบุชัดเจนจากพระไตรปิฏก ว่าเล่มใหนหน้าใหน มากล่าวเพื่อความเข้าใจของทุกคนด้วยครับ
    ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
  2. ศึกษาธรรม2551

    ศึกษาธรรม2551 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +234
    คนกลุ่มแรก มักบอกอย่างชัดเจนว่า คนทั้งประเทศทำผิดหลักกันหมด ที่ถวายเป็นถังๆนี้ไม่ใช่ครับ สิ่งของที่ถวายควรเป็นปัจจัย4 เช่นอาหาร
    จึงมีหลักเกณตามมาว่า ต้องถวายอาหาร คาวหวานที่พระท่านฉันได้ในเวลานั้น

    ส่วนคนกลุ่ม2 ใช้เงินซื้อสังฆทานเป็นถังๆ ผมเห็นก็งงๆนะครับว่าแล้วเรียกเป็นสังฆทานได้หรือไม่ เพราะมีการเวียนกันถวายโดยใช้เงินแลกเปลี่ยนเป็นของในถังแล้วอย่างนี้จะเหมือนการถวายเงินหรือไม่ครับ เพราะพระห้ามรับเงินไม่ใช่หรือครับ

    แล้วสิ่งที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไรกันแน่ครับ
     
  3. ศึกษาธรรม2551

    ศึกษาธรรม2551 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +234
    ความคิดผมคิดว่ากลุ่มคนที่3ถูกที่สุด
    คือสามารถถวายได้ทั้งภิกษุรูปเดียวก็ได้ แต่เราต้องทำใจ น้อมใจเป็น และของที่ถวายต้องเป้นปัจจัย4ที่สมควรแสมณบริโภคหรือใช้สอย
    การถวายต้องมีความเคารพในสงฆ์!
    และที่สำคัญ หากเป็นพระองค์เดียวก็ต้องได้รับมติจากสงฆท์ที่วัดให้เป็นตัวแทนสงฆ์ครับ
    แม้จะเป็นเณรก็สามารทำได้ที่จะรับการถวายสังฆทานนั้นๆ
     
  4. ศึกษาธรรม2551

    ศึกษาธรรม2551 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +234
    สุดท้ายแม้ท่านทั้งหลายตามที่ผมทราบจะอยากทำสังฆทานกันมาก

    แต่อย่าลืมว่า ยังมีบุญที่ทำแล้วได้อานิสงค์มากกว่าคือ บุญขั้นศีล และบุญขั้นภาวนาครับ

    และหากจะเทียบเฉพาะขั้นทาน ทานทั้งหลายย่อมสู้ธรรมทานไม่ได้ครับ
     
  5. ทีมชุมพร

    ทีมชุมพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +167
    1.สังฆทานพระ 4 รูปครับไม่เจาะจง แต่ถ้าพระองค์นั้นปฏิบัติดีถ้าได้อริยะสงค์ถือว่าอานิสงค์มาก 2.ถวายก่อนเพลครับ หลักๆ ข้าว กับข้าว น้ำ (ขาดไม่ได้เพราะมีอยู่ในคำกล่าว)
    สังฆทานเป็นถังก็ได้ มีของใช้สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ขันน้ำ ใบมีดโกน ด้ายเข็ม ผงซักซอก ฯ 3.ถ้าเป็นมหาสังฆทาน ก็จะเพิ่มของมาอาจจะเป็นสบู่ 6 - 12 ก้อน แปรงสีฟัน 1 ดหล ข้าวสาร 1 ถัง สังฆทาน100 หรือ 1000 นะจำไม่ได้ เท่ากับมหาสังฆทาน 1 กอง
     
  6. ทีมชุมพร

    ทีมชุมพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +167
    ถ้าพระสงฆ์องค์เดียวยกตัวอย่างนะครับ หลวงพ่อฤษีลิงดำ หรือองค์พระสังฆราชเจ้าครับท่านเป็นพระอริยะสงฆ์ตัดถึงซึ่งกิเลส ทำบุญ1 บาท ได้ 1 แสนบาท นี้เทียบกำลังบุญนะครับ ถ้าถวายกฐิน ที่มีพระอริยะเจ้าเป็นพระประทาน บุญไม่ต้องถามถึง สุขภาพดี ครอบครัวมีความสุข มากด้วยทรัพย์ เงิน ทอง ในชาตินี้และชาติหน้าครับพ้ม
     
  7. หนองสะลาบ

    หนองสะลาบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +564
    ในพระไตรปิฏกผมก็ไม่ทราบครับแต่สัญญาว่าจะสอบถามท่านผู้รู้ครูอาจารย์มาให้ ในส่วนตัวผมที่ได้รับการสั่งสอนมาจากครูบาอาจารย์นั้นท่านกล่าวว่า การถวายสังฆทานไม่ได้จำกัดจำกัดจำนวนพระสงฆ์ตายตัวกล่าวคือพระรูปหนึ่งก็ได้มากกว่าก็ได้แต่พระรูปนั้นๆจะต้องไม่เก็บของทานไว้เป็นสมบัติของตนเองเพราะคำว่าสังฆทานแปลว่าทานแห่งหมู่สงฆ์ภิกษุรูปหนึ่งรูปใดจะเก็บไว้เองไม่ได้ ส่วนจำนวนพระนั้นการที่มีมากกว่าหนึ่งรูปเพื่อให้ญาติโยมได้สบายใจว่าทานนี้มีหมู่สงฆ์รับไว้แล้วและเป็นสักขีพยานแล้ว อีกประเด็นคือของที่นำมาถวายนั้นถ้าเราแปลเอาตามคำสวดภาษาบาลีในวรรคแรกที่ว่า อิมานิ มะยังภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ฯ คือข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายภัตตาหารและบริวารทั้งหลายเหล่านี้ฯจะเห็นว่าเป็นการกล่าวถึงอาหารเป็นหลักส่วนบริวารคือขนมนมเนยผลไม้นั่นเอง เพราะฉนั้นผมจึงเห็นว่าการถวายสังฆทานที่ถูกต้องเหมาะสมคือการหิ้วปิ่นโตบรรจุอาหารคาวหวานแค่นั้นก็เพียงพอ ส่วนการพ่วงถังเหลืองด้วยก็ไม่ผิดมากนักแต่ควรถวายแยกดีกว่าเพราะของอุปโภคไม่ควรใส่มากับของบริโภคโดยเฉพาะพวกสบู่ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจานเพราะกลิ่นมันจะแทรกเข้าไปทุกอณู(มีประสบการณ์ตรงครับคือของขบฉันที่ใส่ปนมาด้วยในถังจะมีกลิ่นพวกนี้ปนมาด้วยทุกอย่างฉันไม่ได้เลยครับ)และอีกอย่างนะครับราคาของพวกนี้จะแพงกว่าแยกซื้อต่างหากสรุปคือถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะครับสำหรับการถวายแบบถังฆทานถวายแบบสังฆทานดีกว่าครับ

    ผิดถูกอย่างไรกราบขออภัยด้วยครับและวานผู้รู้นักปราญช์ราชบัณฑิตช่วยไขข้อผิดพลาดด้วยครับ
     
  8. VICT

    VICT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +269
    มีความเห็นเหมือนกับคุณศึกษาธรรม2551ค่ะ
    คือสำคัญอยู่ที่ใจ ผู้ถวายจะต้องมีความตั้งใจ ว่าสังฆทานที่เราถวายนี้เราน้อมถวายแด่หมู่สงฆ์
    และถ้าจะให้ดีต้องเป็นของที่จำเป็นและมีประโยชน์ ไม่มีโทษต่อสงฆ์
    อย่างที่หลายคนเคยแนะนำเวลาถวายควรเลือกซื้อของเอง เพื่อที่ผู้ถวายจะได้ทราบว่าได้ถวายอะไรไปบ้าง และเลือกสิ่งที่จำเป็นจะดีกว่า เพื่อให้ได้ไปใช้ประโยชน์จริงๆ
     
  9. krit59

    krit59 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +346
    สังฆทานคือทานในหมู่สงฆ์ แต่คำกล่าวก่อนนั้น เป็นบาลี ซึ่งถ้าคนกล่าว ฟังรู้เรื่องก็กล่าวไป แต่ฟังไม่รู้เรื่องก็กล่าวเป็นไทย (อันนี้แค่ระเบียบวิธีการเฉยๆ เพราะถ้าถวายหลายๆคนจะได้พร้อมเพรียงกัน) ส่วนถังเหลืองๆนั้น มันมีของผิดพระวินัย เช่น มาม่า ข้าวสาร
    เพราะพระจะรับประเคนได้ก็ต้องเป็นอาหารที่ปรุงสุก
     
  10. พระนอกเมือง

    พระนอกเมือง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +29
    การถวายสังฆทาน...

    พิธีการในปัจจุบัน เกิดขึ้นเพื่อความเรียบร้อย เป็นระเบียบแบบแผน เพื่อให้เหมาะแก่การทำบุญ ซึ่งมีขั้นตอนทั่วไป ดังนี้
    ๑. อาราธนาศีล (เพื่อความบริสุทธิ์ของผู้ให้)
    ๒. น้อมรำลึกถึงพระพุทธเจ้า และขอเข้าถึงพระรัตนตรัย (นะโม ๓ จบ และ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ)
    ๓. กล่าวคำถวายสังฆทาน ภาษาไทย บาลี หรือภาษาอื่นๆ ก็ได้(เพื่อเป็นการแสดงว่าเราตั้งใจถวายเป็นสังฆทาน แน่ๆ)
    ๔. กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล และ รับพร

    สำหรับผู้ไม่คุ้นเคย หรือต้องการรูปแบบเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ก็น่าจะทำตามพิธีการนี้

    การถวายสังฆทาน คือ การถวายสิ่งนั้นๆ(ไม่ได้กำหนดแค่ปัจจัย ๔ แต่ให้เป็นประโยชน์และเหมาะสม) โดยไม่เจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง หรือคณะใดคณะหนึ่ง(๒-๓ รูป) แต่เป็นไปเพื่อสงฆ์(ภิกษุ ๔ รูป ขึ้นไป เรียกว่า สงฆ์ หรือ หมู่แห่งภิกษุ)

    ดังนั้น ถ้าเราตั้งใจถวายเป็นสังฆทาน ภิกษุเพียงรูปเดียวก็สามารถเป็นตัวแทนสงฆ์ทั้งมวลรับได้(เมื่อท่านรับแล้ว จะจัดสรรตามสมควรแก่สงฆ์)

    ***สังฆทานไม่ใช่ถัง เพียงแต่การบรรจุภัณฑ์ลักษณะนั้น สะดวกต่อการบรรจุสิ่งของให้หลากหลาย และพกพา ส่วนคำว่ามหาสังฆทาน เป็นคำเรียก "สังฆทาน" ให้น่าฟังกว่าเดิมเท่านั้น ไม่มีเปรียบเทียบอย่างที่กล่าวหรอก***

    ของที่สงฆ์มีมากเกิน และเก็บไว้ก็อาจจะได้ประโยชน์น้อยหรือไม่ได้เลย สามารถ"ผาติกรรม"(การแลกเปลี่ยนของนั้นกับสิ่งอื่น เพื่อให้เป็นสิ่งที่นำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าหรือเทียบเท่า) ได้ วัดหลายแห่งจึงให้พุทธบริษัท "ผาติกรรม" เครื่องสังฆทาน เพื่อ
    ๑. สะดวกต่อการเก็บรักษาสิ่งของที่ผู้มีศรัทธานำมาถวาย(ถ้าหนึ่งวันมีผู้ถวายสังฆทาน ๑๐ คน ในหนึ่งปี วัดนั้นคงมีคลังเก็บของมากกว่าพื้นที่วัด)
    ๒. สะดวกแก่ผู้ทำบุญ ที่ไม่สะดวกในการจัดซื้อ สรรหา ไม่ต้องหิ้วสัมภาระเดินทางไกล(ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องหงุดหงิดใจ)

    ปัจจุบัน ผาติกรรมสังฆทานเป็นเงิน ทางวัดก็สามารถนำปัจจัยนั้นไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อในทางใดทางหนึ่ง

    สรุป พิธีการไม่มีก็ได้ ตั้งใจถวายเป็นสังฆทาน ก็ได้บุญสังฆทานแล้ว ง่ายแค่นี้เอง
     
  11. ลูกโดด

    ลูกโดด Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    384
    ค่าพลัง:
    +675
    ชอบทําบุญ ครับ แต่อ่านแล้ว รู้สึก สับสน แต่เอาเป็น ว่าตั้งใจจะทํา บุญก็แล้วกัน
     
  12. JustMy2Cent

    JustMy2Cent สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +4
    คุณศึกษาธรรม2551 ครับ
    สิ่งที่อันตรายที่สุดคือการคลุกคลีกับความเห็นผิดครับ
    มาเว็บบ้านธัมมะบ้างนะครับ ด้วยความเคารพในธรรม จากสหายธรรมคนเดิม
    http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=5987
    พระพุทธองค์ทรงแต่งตั้งพระธรรมวินัยเป็นพระศาสดาครับ ไม่ใช่พระรูปไหน
     
  13. kungfuloma

    kungfuloma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,011
    การที่บางวัดมีการจัดเตรียมสังฆทานไว้ให้นั้น เพราะว่าแต่ละวัดมีวิธีการจัดการที่แตกต่างกัน บางวัดรับสังฆทานมาเป็นถังๆ แต่ละคนมาทำบุญก็นำสังฆทานมาเอง สุดท้ายถังสังฆทานเต็มวัด กองจนเสีย ไม่ได้ใช้

    บางวัดมีการจัดการดี จะมีการคัดแยก จัดส่งไปให้วัดอื่นๆ ที่ขาดแคลนสิ่งของเครื่องใช้ หรือนำไปแจกจ่ายให้กับคนในชุมชน

    วัดที่จัดเตรียมสังฆทานไว้ให้ มักจะเป็นวัดที่มีคนไปทำบุญเยอะๆมาก การบริหารจัดการกับถังจำนวนมากๆ อาจพิจารณาแล้วว่าไม่สะดวก และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มาทำบุญ จึงมีการจัดเตรียมสังฆทานไว้ให้ ส่วนคนที่ไปถวายก็สามารถถวายเป็นปัจจัย มากน้อยแล้วแต่ เช่นที่บ้านสายลม หรือวัดปทุมวนาราม ทั้งนี้เงินที่ถวายเราถวายเป็นปัจจัยสำหรับสังฆทาน ทางวัดก็นำไปใช้เป็นสังฆทาน ไม่ได้เป็นการถวายเงินให้พระ (ยกเว้นแต่บางที่ มีการจัดเตรียมซองไว้ต่างหาก บอกว่าถวายพระ)

    ส่วนแง่ตัวผู้ถวายนั้น อยากเสนอแง่ในการพิจารณา เมื่อขอให้วิธีวางจิตวางใจเราถูก แบบไหนก็ได้ ถ้าเราสะดวกจะนำสังฆทานไปเอง ตั้งจิตว่าถวายเป็นของสงฆ์ท่านก็ได้ใช้
    หากถวายสังฆทานที่มีจัดเตรียมไว้ให้ เราก็ถวายเป็นเงินในตู้สังฆทาน ท่านก็นำปัจจัยเหล่านั้นไปใช้เป็นสังฆทานเหมือนกัน เราก็ได้บุญเหมือนกัน

    ทั้ง ๒ แบบ ถวายแล้วก็จบไม่ต้องลังเลสงสัย จะได้อานิสงส์เต็มที่ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...