กองทัพธรรมพระเจ้าอโศก วันที่โลกได้รู้จักพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 18 มกราคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ขบวนขนเสาหินของพระเจ้าอโศก

    <DD>หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานก็ไม่มีการแต่งตั้งใครขึ้นมาเป็นผู้นำศาสนาพุทธแทน พระพุทธเจ้าทรงบอกแต่เพียงว่า
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>แผ่นหินสลักรูปพระเจ้าอโศกและพระมเหสี 2 องค์ ขุดพบที่เนินเขาลังกุฎี รัฐโอริสสา

    <DD>เมื่อพระถังซัมจั๋งได้เดินทางมาถึงแคว้นกลิงคะ ท่านบันทึกไว้ว่า ได้เห็นสถูปที่พระเจ้าอโศกสร้างไว้มากมาย และมีอยู่องค์หนึ่งที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ชาวพุทธจากทั่วสารทิศจะมาสักการะกัน สถูปนี้อยู่ที่ปุษปะคีรี ซึ่งนักโบราณคดีพยายามตามหาเมืองปุษปะคีรีกันอยู่นาน จนได้มาพบเนินดินใหญ่ที่ชื่อเนินเขาลังกุฎี (Langudi Hill) และเริ่มขุดกันเมื่อสิบปีมานี่เอง

    <DD>ลักษณะสถูปของพระเจ้าอโศก ฐานจะเป็นทรงสี่เหลี่ยม...จากการขุดค้นได้พบเสารั้วที่ล้อมพระสถูปสี่ด้าน ทั้งแบบเรียบและแกะลวดลาย ซึ่งเสารั้วแบบเรียบคือหลักฐานอย่างดีที่จะบอกว่าสถูปองค์นี้สร้างในสมัยพระเจ้าอโศกและที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็คือ ตรงทางเข้าสถูปนี้ได้ขุดพบรูปพระเจ้าอโศกเป็นครั้งแรกในอินเดีย...เป็นรูปแกะสลักหิน ที่ฐานของรูปแกะสลักมีอักษรจารึกเอาไว้เป็นคำว่า
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ภาพแกะสลักรูปต้นโพธิ์ประดับองค์พระสถูปสาญจี

    <DD>ภาพจำหลักหินบนรั้วและประตูสี่ทิศที่ล้อมรอบพระสถูปทำให้เรารู้ว่ากว่า 500 ปีหลังการเสด็จปรินิพพานก็ยังไม่มีการสร้างพระพุทธรูป เพราะประติมากรรมรอบองค์พระสถูปได้ใช้สัญลักษณ์อื่นแทนพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น เช่น ใช้ช้างและดอกบัวแทนพระพุทธเจ้าในยามประสูติ สร้างรูปต้นโพธิ์ที่เคยประทับแทนพระพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้แล้ว เมื่อจะเล่าเรื่องตอนปฐมเทศนาก็ใช้รูปธรรมจักรเป็นสัญลักษณ์แทนพระองค์ และใช้รูปพระสถูปเป็นสัญลักษณ์แทนยามปรินิพพาน

    <DD>นอกจากนี้ถ้าภาพแกะสลักชิ้นไหนมีรูปรอยพระบาทจะหมายถึงการปรากฏองค์ของพระพุทธเจ้าในสถานที่นั้น แม้กระทั่งสัญลักษณ์ของพระรัตนตรัยที่มองเห็นโดดเด่นที่สุดในมหาสถูปสาญจี ก็ยังใช้สัญลักษณ์ตรีศูลและร่มแทนพระพุทธ รูปธรรมจักรแทนพระธรรม และรูปดอกบัวแทนพระสงฆ์

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ภาพแกะสลักรูปรอยพระพุทธบาท


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่หน้าซุ้มประตูทั้งสี่

    <DD>แล้วพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่หน้าซุ้มประตูทั้งสี่ทิศถูกนำเข้าเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่

    <DD>คำตอบถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อได้มีการค้นพบรอยจารึกบนรั้วหินด้านหนึ่งว่า พระเจ้าจันทรคุปต์เป็นผู้ที่นำพระพุทธรูปทั้งสี่องค์มาประดิษฐานไว้เมื่อราว 800 ปีหลังพุทธกาล ซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่ได้มีการสร้างสถูป สร้างรั้วและประตูทั้งสี่ทิศไปแล้วหลายร้อยปี

    <DD>ภาพจำหลักหินเหล่านี้ยังได้บันทึกพระราชกรณียกิจของพระเจ้าอโศกเมื่อคราวเสด็จมาสักการะพระศรีมหาโพธิที่พุทธคยา ก่อนออกเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาพุทธที่ศรีลังกาไว้ด้วย

    <DD>แต่หลังจากพุทธศตวรรษที่ 12 เป็นต้นมา ก็ไม่พบร่องรอยของชุมชนพุทธที่นี่อีก ไม่มีใครรู้ว่าความรุ่งเรืองของ ศาสนาพุทธ ที่สาญจีถึงจุดจบลงเพราะเหตุใด จะรู้แต่เพียงว่าไม่ได้ถูกทำลายลงเพราะสงครามเท่านั้น

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>ภาพแกะสลักบนประตูด้านตะวันตกของพระมหาสถูปสาญจี แสดงพระพุทธประวัติตอนที่โทณพราหมณ์เข้ามายุติปัญหาการแย่งพระบรมสารีริกธาตุ

    <DD>เมื่อสิ้นสุดยุคของพระเจ้าอโศก อาณาจักรเมารยะของพระองค์ก็เล็กลงเรื่อยๆ เกิดแคว้นเล็กแคว้นน้อยขึ้นปกครองตัวเองไปทั่ว และบางส่วนก็ยังนับถือศาสนาพุทธอยู่ จนกระทั่งราชวงศ์ศุงคะเข้ามาปกครองแคว้นมคธ ก็ไม่ได้อุปถัมภ์ศาสนาพุทธที่มคธอีกต่อไป

    <DD>กล่าวกันว่าในช่วงนี้มีพระภิกษุสงฆ์จำนวนไม่น้อยได้อพยพออกจากแคว้นมคธลงไปอยู่ทางใต้ฝั่งตะวันตก หรือบริเวณที่เรียกว่าที่ราบสูงเดกกันในรัฐมหาราษฏระ

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    วัดถ้ำอชันตา มองจากมุมสูง

    <DD>ฉันเดินทางต่อมาถึงมุมไบ เมืองหลวงของรัฐมหาราษฏระ มุมไบเป็นเมืองท่าชายฝั่งตะวันตกที่เจริญที่สุดของอินเดีย สั่งสมความเจริญมั่งคั่งจากการค้ากับนานาประเทศมานาน ตั้งแต่สมัยโบราณ ที่นี่เป็นหนึ่งในดินแดนที่พระสมณทูตของพระเจ้าอโศกนำศาสนาพุทธเข้ามาเผยแผ่ คือตอนเหนือของมุมไบ และแคว้นมหาราษฏระบนที่ราบสูงเดกกัน เพื่อเดินทางต่อไปยังถ้ำอชันตาที่ได้ชื่อว่าเป็นวัดถ้ำในพุทธศาสนาที่งดงามและเก่าแก่ที่สุดในโลก

    <DD>เรื่องราวการสร้างวัดถ้ำของพระสงฆ์ก็ได้เริ่มต้นขึ้นที่นี่ตั้งแต่พุทธศักราช 350
    </DD>
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    วัดถ้ำที่อชันตา รัฐมหาราษฏระ

    <DD>ท่ามกลางเทือกเขาสลับซับซ้อนบนที่ราบสูงเดกกัน พระภิกษุในสมัยนั้นได้ค้นพบสถานที่ที่เหมาะสำหรับทำเป็นกุฏิเพื่ออยู่อย่างสันโดษ ห่างไกลผู้คนและทำให้ประวัติศาสตร์หน้าต่อมาของ ศาสนาพุทธ ในอินเดียได้ปรากฏขึ้นในหมู่ถ้ำบริเวณฝั่งตะวันตกของที่ราบสูงเดกกันนั่นเอง

    <DD>ปีพุทธศักราช 2362 จอห์น สมิธ นายทหารชาวอังกฤษได้ตามล่าเสือเข้ามาถึงยอดเขาแห่งหนึ่งบริเวณหมู่บ้านอชันตา ใกล้เมืองออรังคบาด ขณะที่เขามองไปที่หน้าผาหินฝั่งตรงข้ามซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นไม้หนาทึบ ก็ได้สังเกตเห็นสิ่งหนึ่งที่มีรูปร่างแปลกไปจากลักษณะหน้าผาหินธรรมชาติในบริเวณนั้น สิ่งนั้นดูคล้ายกับส่วนโค้งของสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์ทำขึ้น

    <DD>ด้วยความแปลกใจ จอห์น สมิธ จึงปีนหน้าผาลงไปสำรวจ และเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าบริเวณนั้นมีวัดถ้ำเป็นจำนวนมากซ่อนตัวอยู่ในหน้าผาท่ามกลางป่ารกแห่งนั้น

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    วัดถ้ำที่อชันตา รัฐมหาราษฏระ

    <DD>ถ้ำเหล่านี้ถูกเจาะลึกเข้าไปในภูเขาเพื่อสร้างเป็นวัด มีวิหารขนาดใหญ่ภายในเต็มไปด้วยงานแกะสลักหิน เป็นเจดีย์ เป็นพระพุทธรูป เป็นเรื่องราวต่างๆ ในพุทธประวัติและชาดกเต็มไปหมด ส่วนสิ่งที่เขามองเห็นแต่ไกลนั้นก็คือส่วนโค้งของประตูถ้ำขนาดมหึมาแห่งหนึ่งที่โผล่พ้นยอดไม้ออกมานั่นเอง

    <DD>และที่น่าตื่นเต้นที่สุดก็คือ ถ้ำเหล่านี้ซุกซ่อนตัวอยู่ที่นี่มานานถึงกว่า 1,500 ปีแล้วโดยไม่ถูกรุกล้ำนับจากวันที่ถูกทิ้งร้าง

    <DD>การค้นพบหมู่ถ้ำอชันตาในครั้งนั้นทำให้โลกต้องตื่นตะลึงกับความมหัศจรรย์ของศิลปะวัดถ้ำที่ไม่มีใครเคยเห็นหรือรู้เรื่องมาก่อน ขณะเดียวกันก็ทำให้นักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวของ ศาสนาพุทธ ในอินเดียได้อย่างชัดเจนเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ด้วยการศึกษาจากภาพแกะสลักหินภายในถ้ำที่ยังคงอยู่อย่างยืนยง ไม่ผุกร่อนพังทลายไปเหมือนพุทธสถานอื่นๆ เพราะทุกอย่างที่นี่สลักขึ้นจากภูเขาทั้งลูก

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    วัดถ้ำที่อชันตา รัฐมหาราษฏระ

    <DD>ถ้ำเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของสงฆ์ เป็นวัด เป็นวิหาร โดยใช้วิธีเจาะภูเขาทั้งลูกเข้าไป บางถ้ำมีถึงสามชั้น มีทางเดินเชื่อมถึงกันตลอด

    <DD>ถ้ำที่ก่อสร้างในยุคแรกๆ เป็นวัดถ้ำของพุทธฝ่ายเถรวาท

    <DD>พระสงฆ์ในยุคนั้นได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยอย่างเรียบง่าย โดยเจาะหินเข้าไปเป็นห้องโถงเปิดโล่ง ใช้เป็นที่นั่งสนทนาธรรม ส่วนผนังทั้งสามด้านก็สกัดหิน เจาะเข้าไปเป็นห้องนอน ภายในมีเตียงหินห้องละสองหลัง

    <DD>อารามแต่ละแห่งอาจมีพระสงฆ์อาศัยอยู่รวมกันตั้งแต่ 2 รูปจนถึง 20 รูป วัดถ้ำบางแห่งยังมีร่องรอยให้เห็นว่ายังสร้างไม่เสร็จ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า พระสงฆ์จะใช้วิธีสร้างไปอยู่อาศัยไป พอมีกำลังทรัพย์ที่ชาวบ้านบริจาคมาจึงจะก่อสร้างเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ

    <DD>วัดของพุทธฝ่ายเถรวาทหลายถ้ำสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นห้องบูชาด้วย ฝีมือการแกะสลักของช่างในยุคนั้น พวกเขาได้สกัดหินจากด้านนอกเข้าไปและสกัดจากเพดานถ้ำลงมา จนได้ห้องโถงขนาดใหญ่ มีระเบียงทางเดินอยู่ด้านข้าง มีเจดีย์อยู่ปลายสุดของห้อง

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ห้องโถงขนาดใหญ่มีเจดีย์อยู่ปลายสุดของห้อง

    <DD>การสร้างเจดีย์ไว้เพื่อสักการบูชาแทนองค์พระพุทธเจ้าเป็นธรรมเนียมเดียวกับการสร้างพระสถูปเจดีย์ที่สืบทอดมาจากชาวพุทธทางอินเดียตอนเหนือนั่นเอง ถ้ำอชันตาในยุคแรกจึงยังไม่มีการแกะสลักพระพุทธรูปให้เห็น

    <DD>ถ้ำหมายเลข 10 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในหมู่ถ้ำอชันตา สร้างเป็นหอสวดมนต์บูชาพระเจดีย์ เมื่อครั้งที่จอห์น สมิธ ได้เข้าพบเห็นเป็นครั้งแรก ตอนที่เขาเข้ามาในถ้ำนั้น ดินโคลนได้ทับถมสูงขึ้นไปจากพื้นถ้ำกว่าครึ่ง เขาได้จารึกชื่อไว้บนเสาหิน พร้อมลงวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2362 วันที่ถ้ำอชันตาปรากฏสู่สายตาชาวโลก

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    จอห์น สมิธได้จารึกชื่อไว้บนเสาหิน พร้อมลงวันที่

    <DD>แต่รอยจารึกสำคัญที่พบในถ้ำเดียวกันนี้ได้ระบุชื่อกษัตริย์พระองค์หนึ่งในราชวงศ์สาตวาหนะ ทำให้นักประวัติศาสตร์ได้รู้ว่า วัดถ้ำที่อชันตาได้รับการอุปถัมภ์อย่างต่อเนื่องจากพระมหากษัตริย์ตั้งแต่การสร้างวัดถ้ำในยุคแรกๆ
    </DD>
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    แม่น้ำวโฆระ

    <DD>ลักษณะของหมู่วัดถ้ำอชันตานั้น พบว่ามีถ้ำมากกว่า 30 ถ้ำ เรียงตัวต่อเนื่องกันยาวหลายร้อยเมตรบนเชิงเขาสูงวงโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว บริเวณหน้าถ้ำแต่ละแห่งสร้างเป็นบันไดทอดยาวลงไปยังแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ไหลลดเลี้ยวไปตามหุบเขาเบื้องล่าง แม่น้ำสายนี้คือแม่น้ำวโฆระ ซึ่งจะมีระดับน้ำขึ้นสูงในช่วงฤดูฝน

    <DD>ในอดีตแม่น้ำสายนี้ยังเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางของพระภิกษุและชาวบ้านมายังวัดถ้ำอชันตา

    <DD>ถ้ำพุทธฝ่ายเถรวาทที่อชันตาเจริญรุ่งเรืองอยู่ต่อมาอีกราว 200 ปีจนถึง พุทธศักราช 550 ก็หยุดชะงัก ไม่ปรากฏร่องรอยการสร้างวัดถ้ำของพุทธฝ่ายเถรวาทที่นี่อีกต่อไปนานถึง 400 ปี จึงกลับมาสร้างต่ออีกครั้งในราวพุทธศตวรรษที่ 10

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    แกะสลักพระพุทธรูปงดงามในยุคพุทธมหายาน วัดถ้ำที่อชันตา

    <DD>แม้ยังไม่มีคำตอบว่า เกิดอะไรขึ้นกับพุทธสถานที่ถ้ำอชันตาในช่วง 400 ปีที่เว้นว่างไป แต่ในช่วงเวลานั้นเองก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวสำคัญที่พลิกโฉมศาสนาพุทธในอินเดียไปอย่างสิ้นเชิง

    <DD>สิ่งแรกก็คือ การเกิดขึ้นของพระพุทธรูป

    <DD>สิ่งที่สองคือ ศาสนาพุทธ สายมหายานได้เกิดขึ้นแล้วอย่างเต็มตัว

    <DD>การสร้างวัดถ้ำที่อชันตาระยะที่ 2 เริ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจาก ศาสนาพุทธ ในอินเดียได้เข้าสู่ยุคของมหายานไปแล้วถึง 400 ปี

    <DD>ในบรรดาวัดถ้ำทั้งหมด พบว่ามีวัดถ้ำในแบบพุทธมหายานถึง 24 ถ้ำ ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นในสมัยคุปตะ ซึ่งเป็นยุคทองของศิลปะอินเดีย พระภิกษุฝ่ายมหายานได้เข้ามาอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก และปรับเปลี่ยนถ้ำให้เหมาะสมกับพิธีกรรมที่ทำขึ้น

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ภายในวัดถ้ำที่อชันตา มีพระพุทธรูปเอาไว้สักการบูชา

    <DD>ถ้ำพุทธมหายานที่ใหญ่โตและสวยงามที่สุดคือถ้ำหมายเลข 4

    <DD>จากวิหารแบบเรียบง่ายที่สร้างขึ้นในสมัยพุทธฝ่ายเถรวาท ถูกเปลี่ยนไปเป็นห้องโถงใหญ่โตโอ่อ่า สลักหินเป็นเสาสูงมากมาย ที่หัวเสาแกะสลักเป็นลวดลายงดงามทั่วทั้งคูหาถ้ำ

    <DD>ผนังด้านในทั้งสองด้านแกะสลักเป็นพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ขนาดใหญ่ ที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือช่างประติมากรรมชั้นสูงในการแกะสลักหินออกมาได้อย่างอ่อนช้อยสวยงาม

    <DD>ด้านในสุดถูกเจาะเข้าไปเป็นห้อง แกะสลักเป็นแท่นและพระพุทธรูปเอาไว้สักการบูชา

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ภาพเขียนสีบนผนังถ้ำอชันตาหมายเลข 1 รูปพระโพธิสัตว์ปัทมปาณี

    <DD>ส่วนถ้ำหมายเลข 1 เป็นถ้ำพุทธมหายานที่ได้รับการกล่าวขวัญไปทั่วโลกว่ามีภาพเขียนสีที่งดงามมากที่สุด แม้เวลาจะผ่านมานานถึงกว่า 1,500 ปี ภาพก็ยังคงสีสันและลายเส้นที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากอย่างไม่น่าเชื่อ

    <DD>ภาพที่โด่งดังที่สุดเป็นภาพพระโพธิสัตว์ปัทมปาณี และพระโพธิสัตว์วัชรปาณี

    <DD>ภายในถ้ำค่อนข้างมืดสลัว มีเพียงแสงไฟเย็นสีเขียวส่องไว้ที่ภาพ เพราะทางการอินเดียห้ามใช้แสงแฟลชหรือแสงใดๆ ในการถ่ายภาพเด็ดขาด แม้กระทั่งขาตั้งกล้อง ด้วยเกรงว่าจะไปทำลายสภาพดั้งเดิมภายในถ้ำ

    <DD>เทคนิคในการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ถ้ำอชันตานั้นมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากในระดับนานาชาติ ภาพพุทธประวัติและชาดกในถ้ำหมายเลข 1 และ 2 เขียนขึ้นมาก่อนยุคเรอเนสซองซ์ของกรีก แต่ศิลปินในยุคนั้นก็รู้เทคนิคที่จะทำให้ภาพมีมิติ ดูสมจริงสมจัง งดงามทั้งสัดส่วนและการใช้สีมาก่อนแล้ว

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ถ้ำอชันตา

    <DD>งานจิตรกรรมฝาผนังที่ถ้ำอชันตาจึงได้กลายเป็นงานศิลปะคลาสสิกของอินเดีย ให้ศิลปินรุ่นหลังยึดถือเป็นแบบอย่างกันต่อมา

    <DD>ขณะที่หมู่ถ้ำพุทธที่อชันตามีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องของการสร้างสรรค์งานศิลปะ ก็ยังมีหมู่ถ้ำเก่าแก่ อายุรุ่นราวคราวเดียวกับถ้ำอชันตาอีกนับร้อยถ้ำที่แสดงความโดดเด่นด้านวิถีความเป็นอยู่ของพระสงฆ์มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยพุทธเถรวาท จนเข้าสู่ยุคของพุทธมหายาน หมู่ถ้ำแห่งนี้อยู่ห่างจากมุมไบ (บอมเบย์) เพียง 42 กิโลเมตรเท่านั้น

    <DD>ที่นี่คือหมู่ถ้ำกฤษณะคีรี ที่ฝังตัวอยู่ในป่าลึกมานานนับพันปีเช่นกัน
    </DD>
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ถ้ำกฤษณะคีรี

    <DD>แม้ปัจจุบันคนทั่วไปจะรู้จักสถานที่แห่งนี้ในชื่ออุทยานแห่งชาติสัญชัยคานธี แต่สำหรับนักโบราณคดีแล้ว ที่นี่คือหมู่ถ้ำที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ที่มีอาณาเขตกว้างขวางใหญ่โตที่สุดในอินเดียตะวันตก กินพื้นที่ถึง 2 ตารางกิโลเมตร มีถ้ำกระจายตัวอยู่ตามภูเขาเป็นจำนวนมาก เท่าที่พบตอนนี้ก็มีอยู่ทั้งหมด 112 ถ้ำ เป็นถ้ำที่สร้างขึ้นสำหรับให้พระภิกษุอาศัยถึง 107 ถ้ำ ที่เหลือจะเป็นถ้ำสำหรับประกอบพิธีสงฆ์

    <DD>เรื่องราวการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของพระสงฆ์ที่นี่ เห็นได้ชัดว่ามีเส้นแบ่งเวลาระหว่างการก่อสร้างของพระยุคเถรวาทกับการเข้ามาบูรณะของพระในยุคมหายาน เพราะตลอดระยะเวลากว่า 1,100 ปีที่พระสงฆ์ได้อาศัยป่าแห่งนี้หลีกเร้นความวุ่นวายจากโลกภายนอก คณะสงฆ์ฝ่ายเถรวาทได้เริ่มเข้ามาอยู่ก่อนตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 4 จนกระทั่งคณะสงฆ์ฝ่ายมหายานได้ตามเข้ามาสมทบในราวพุทธศตวรรษที่ 10 และอยู่ร่วมกันไปอีก 300 ปีจึงทิ้งร้างไป

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ถ้ำกฤษณะคีรี
    <DD>

    <DD>ฉันได้เดินทางล่วงหน้ามารอพบกับลักษมี กีชอร์ คนนำทางในอินเดียคนแรกและคนเดียวที่เป็นผู้หญิง ลักษมีได้นำทางฉันขึ้นไปบนเขากฤษณะคีรี ซึ่งเธออธิบายให้ฟังว่า

    <DD>
     
  7. virot05

    virot05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,679
    เหมือนกับย่อเมืองอินเดียทั้งเมืองมาไว้ในบล๊อกนี้ที่เดียวเลยครับ

    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  8. BlueBlur

    BlueBlur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,664
    ค่าพลัง:
    +1,568
    ความรู้ สาระ ครบเครื่องครับ
     
  9. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    อนุโมทนาสาธุ

    ขอบคุณ จขกท. ที่นำบทความดีๆ มาฝาก อ่านกับชมภาพเพลินเลยค่ะ
     
  10. พงศ์830

    พงศ์830 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +1,196
    อนุโมทนาสาธุครับ


    ไปไหว้ได้ทีวัดอโศการาม เลยครับวัดหลวงพ่อท่านลี ทางไปบางปูครับ
     
  11. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    กองทัพพลังจิต (PaLungJit.com) จะเจริญรอยตาม
    ภายในปี 2551 เราจะเผยแผ่พุทธศาสนา 100 กว่าภาษาในทุกประเทศที่นับถือพุทธศาสนา 128 ประเทศทั่วโลกเป็นภาษาของประเทศนั้นๆ
    โดยเราเป็นสื่อและสร้างชุมชนชาวพุทธ
    <DD>
    และอีก สองปีต่อไป คาดว่าจะเผยแผ่ได้ 200 กว่าภาษา
    พระธรรมสู่ประชาชนทั่วโลก
    </DD>
     
  12. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    </DD>

    อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  13. srirattana

    srirattana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,972
    สาธุๆๆ ขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยเทอญ และบุญใดๆๆที่ดิฉันได้กระทำไว้ดีแล้วขอให้ทุกๆท่านร่วมโมทนาและได้บุญนั้นเช่นเดียวกับดิฉันทุกประการด้วยเทอญ...สาธุๆๆ
     
  14. อุดรเทวะ

    อุดรเทวะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,925
    ค่าพลัง:
    +130
    น่าสนใจดี แต่ตัวหนังสือเล็กไปครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...