แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล พิษร้ายกว่างูเห่า3เท่า

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 19 มกราคม 2009.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล พิษร้ายกว่างูเห่า3เท่า

    http://hilight.kapook.com/view/32976

    [​IMG]


    แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล สุดอันตราย


    [​IMG]


    แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร บริเวณท้องจะโตกว่าหัวหลายเท่า ท้องจะกลมป่อง


    [​IMG]


    แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลจะทำรังอยู่ที่ต่ำ สูงไม่เกิน 1 เมตร ลักษณะรังหรือใยจะยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ พบเห็นได้ตามใต้โต๊ะ เก้าอี้ รองเท้าเก่าในบ้าน


    [​IMG]

    ผู้ถูกกัดจะมีอาการแพ้อย่างแรง แผลจะเหวอะหวะ และเป็นผื่นบวมแดงเจ็บปวด มีหนอง แผลจะหายช้ามาก เพราะพิษทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบน้ำเหลือง และทำลายเม็ดเลือดขาว



    [​IMG]


    แมงมุมแม่หม้ายดำ เทียบกันแล้วก็น่ากลัว พิษร้ายเหมือนกัน


    [​IMG]


    แมงมุมแม่หม้ายดำ กัดแล้วปล่อยพิษออกมาทั้งหมด เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ ปล่อยพิษออกมาในระดับมิลลิกรัม คือ 1 ส่วนในพันส่วน


    เตือน! "แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล" พิษร้ายกว่างูเห่า3เท่า ไม่มีเซรุ่มถอนพิษอาละวาด ลุ่มเจ้าพระยา-แม่กลอง

    นักวิจัยเตือนภัย "แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล" สุดอันตราย พิษร้ายแรงกว่างูเห่า 3 เท่า ยังไม่มีเซรุ่ม หรือยาถอนพิษ อาละวาดในไทยแถบชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง แนะวิธีสังเกตรูปร่างลักษณะ ตัวขนาด 1 เซ็นติเมตร ท้องจะกลมป่องใหญ่กว่าหัวหลายเท่า มีสีน้ำตาลสลับขาวลายเป็นริ้วๆ ชอบแฝงตัวในที่ต่ำ ให้ระวังลูกหลาน

    นายประสิทธิ์ วงษ์พรม นักวิจัยจากภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ศึกษาเรื่องแมงมุมในประเทศไทย เปิดเผยวันที่ 18 มกราคม ว่า จากการศึกษาและเก็บข้อมูลเรื่องแมงมุมในประเทศไทย พบว่าขณะนี้มีแมงมุมพิษชนิดหนึ่ง ชื่อ "แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล" ซึ่งเดิมพบแต่ในประเทศสหรัฐอเมริกา แถบฟลอริดา เท็กซัส และบริเวณเขตเส้นศูนย์สูตร ปัจจุบันได้แพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทยแล้ว เชื่อว่าขณะนี้แมงมุมดังกล่าวได้ขยายพันธุ์กระจายไปยังชุมชนต่างๆ รอบๆ ปากแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง และอ่าวไทยตอนบนแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเจอแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลชุกชุมที่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม และมีรายงานมีคนถูกกัดที่นั่น แต่ยังไม่ได้ลงไปตรวจสอบความชัดเจน

    นายประสิทธิ์กล่าวว่า แมงมุมชนิดนี้ มีพิษรุนแรงทำลายระบบเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน พิษร้ายแรงกว่าพิษของแมงมุมแม่หม้ายดำ 2 เท่า และร้ายแรงกว่าพิษงูเห่า 3 เท่าทีเดียว เพียงแต่เวลาแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลกัด จะปล่อยพิษออกมาไม่หมด ความร้ายแรงอาจจะไม่เท่าแม่หม้ายดำ เพราะแม่หม้ายดำ หรืองูเห่า กัดแล้วปล่อยพิษออกมาทั้งหมด เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ หากโดนงูเห่า หรือแม่หม้ายดำกัด จะปล่อยพิษออกมาในระดับมิลลิกรัม คือ 1 ส่วนในพันส่วน แต่แม่หม้ายน้ำตาลจะปล่อยพิษออกมาในระดับ ppm คือ 1 ส่วนในล้านส่วน อย่างไรก็ตาม หากถูกกัดหลายตัวพร้อมกันปริมาณพิษก็จะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

    นายประสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับลักษณะทั่วไปของแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลนั้น พบว่าขนาดของตัวมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร บริเวณท้องจะโตกว่าหัวหลายเท่า ท้องจะกลมป่อง ด้านล่างมีลักษณะคล้ายรูปนาฬิกาทรายสีส้ม ด้านบนมีสีน้ำตาลสลับขาวลายเป็นริ้วๆ มีจุดสีดำสลับขาวตรงท้องข้างละ 3 จุด รวมเป็น 6 จุด วางไข่ครั้งละ 200-400 ฟอง

    สาเหตุการแพร่ระบาดนั้น คาดว่าจะเข้ามากับเรือสินค้าเป็นหลัก และมีรายงานด้วยว่า มีพ่อค้าบางคนนำมาขายให้คนที่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลก โดยไม่รู้ว่าเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรง ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการว่า มีผู้เสียชีวิตจากการถูกแม่หม้ายน้ำตาลกัด แต่มีรายงานการถูกกัดแล้วจากหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่ผู้ถูกกัดจะมีอาการแพ้อย่างแรง แผลจะเหวอะหวะ และเป็นผื่นบวมแดงเจ็บปวด มีหนอง แผลจะหายช้ามาก เพราะพิษทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบน้ำเหลือง และทำลายเม็ดเลือดขาว คนที่ถูกกัดส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าแผลดังกล่าวเกิดจากอะไร ขณะนี้ ยังไม่มีเซรุ่ม หรือยาถอนพิษ ทำได้แค่รักษาตามอาการเท่านั้น ยังโชคดีว่า แมงมุมชนิดนี้ไม่มีนิสัยดุร้าย ไม่โจมตีหรือบุกกัดใครอย่างไม่มีเหตุผล จะหลบมากกว่าสู้ และจะกัดเมื่อถูกรุกรานที่อยู่เท่านั้น

    นักวิจัยแมงมุมให้ข้อสังเกตความแตกต่างระหว่างแมงมุมทั่วไปกับแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลว่า นอกจากลักษณะลำตัวแล้ว ให้สังเกตลักษณะการทำรัง หรือการชักใย แมงมุมทั่วไปจะชักใยค่อนข้างสวยงามเป็นระเบียบ และชักใยอยู่ที่สูง เช่น ตามขื่อ ตามคาน หรือหลังคาบ้าน แต่แม่หม้ายน้ำตาลจะทำรังอยู่ที่ต่ำ สูงไม่เกิน 1 เมตร ลักษณะรังหรือใยจะยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ พบเห็นได้ตามใต้โต๊ะ เก้าอี้ รองเท้าเก่าในบ้าน ที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กๆ ที่ชอบคลานเข้าไปอยู่ตามซอกมุมบ้าน หากไปเจอแมงมุมชนิดนี้อาจจะถูกกัด และตกอยู่ในอันตรายได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลในเชิงลึก รวมทั้งเรื่องการกระจายพันธุ์ จึงขอความร่วมมือ สำหรับผู้พบเห็นแมงมุมที่มีลักษณะดังกล่าว ขอความกรุณาแจ้งมายังภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ด้วย


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก มติชน
    [​IMG]

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1232288256&grpid=00&catid=04

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    [​IMG]

    ถ้าโดนกัด ควรตั้งสติให้ดี
    เราคิดว่ายอมทนเจ็บเอามีดกรีดปากแผลให้ลึกแล้ว บีบเลือดให้ออกเยอะที่สุด
    ดีกว่า ปล่อยแผลเน่า เห็นรูปแล้วจะอ้วกเราว่าต้องให้หมอ ตัดเนื้อบางส่วนทิ้งแล้วหล่ะ

    ยุคนี้มันไร้พรมแดน ปลาปิรันย่ายังมาโผล่ในแม่น้ำในเมืองไทยเลย อันตรายหว่ะ
     
  3. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    [​IMG]

    เริ่มแรก


    อย่าพึ่งอ้วกนะคะ พี่น้อง กระทู้นี้สมควรดันให้เป็นกระทู้แนะนำของห้องคะ

    2-3 วันจะบวม
    [​IMG]

    ถัดมา
    [​IMG]



    GU ทนไม่ไหวแล้วโว๊ยไปดีกว่า

    ดูรูปแล้ว อย่าประมาทนะพี่น้อง อย่าเห็นเป็นเรื่องเล็ก แหว่ะ.อ้วก
     
  4. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    น่ากลัวนะครับพี่น้อง

    ระมัดระวังกันนะครับ
     
  5. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    มันอาจจะซ่อนในรองเท้าผ้าใบ เช้าๆจะไปทำงานช่วยดูด้วย

    พวกแมลงสาป แมงมุม ชอบไปหลบข้างใน ยิ่งในป่าตอนออกค่าย

    ทั้งกิ้งกือ งูตัวเล็ก แมลงสารพัด ชอบไปหลบในรองเท้าเดินป่า

    โดนกัดกันเยอะ



    Holistic Corner : ตัวอย่าง สิ่งที่พบได้บ่อย ใน pcu คือ สุขภาพแบบผสมผสาน และนักสื่อสารสุขภาพ ธรรมชาติ <SUP></SUP>
    ขณะที่เราดูแล คนไข้ เรื่องหนึ่ง ๆ เราพบว่า มีเรื่องราวของระบบสุขภาพที่เกี่ยวข้อง มากกว่า โรคที่เราเพ่งมองดูเสมอ แล้วก็สามารถพบได้ ง่าย และบ่อย มากที่ pcu และชุมชน ทำให้เรามีเรื่องเรียนรู้ไม่รู้จบสิ้น ขึ้นอยู่กับว่า เราเรียนรู้ หรือไม่ ดังเรื่องเล่าต่อไปนี้
    เมื่อวาน ผมตรวจ คนไข้ที่ pcu บัววัด ตรวจเสร็จ นั่งคุยกับพี่แดง หัวหน้า pcu คุณ บรรจง เจ้าพนักงานมาธารณสุข แล้วก๊พี่นาง พยาบาล pcu เรื่อง เราจะ plan ไปเยี่ยมบ้าน ผู้พิการในเขต อย่างไรกันดี มีพี่คนหนึ่ง แกชื่อ พี่สมบูรณ์ เดินมา นั่งเล่น คุยด้วย บอกว่าแผลที่ถูกงูกัด เมื่อหลายเดือนก่อน หายเกือบสนิท แล้ว
    พี่สมบูรณ์ เอาแผลที่เท้าให้ดู เมื่อหลายเดือนก่อน แกถูก งูอะรูมิไร้ กัดที่เท้า ขวา ( งูอะรูมิไร้ ภาษาภาคกลางเรียก งูอะไรมิรู้ ) ตอนแรกนึกว่าปูหนีบ ดูอีกที เป็นรอยเขี้ยว 2 เขี้ยว ก็เลยคิดว่างูกัดนี่หว่า pcu ส่งตัวรักษาที่ รพ.วารินชำราบ แล้วเลยไปรักษาที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ ตอนกลับมาที่บ้าน มีแผลขนาดใหญ่ มาก ก็ทำแผลที่ pcu บัววัด นี่แหละครับ ไม่เคยกลับไป รพ.อีกเลย
    [​IMG] แผลเมื่อหลายเดือนก่อน
    [​IMG]
    แผลเมื่อวาน จาก ฝีมือ เจ้าหน้าที่ pcu บัววัด
    มันก็น่าจะจบด้วย ความภูมิใจเพียงเท่านี้ ระหว่างที่คุยกัน แกชี้ให้ดู บอกว่า " มันกัดตรงนี้นะหมอ ตรงที่กัดไม่เป็นไร มันมาเขียวพอง ใต้แผล แต่ก็แปลก มันหยุดกับที่ ไม่ลามขึ้นมาข้างบน"
    [​IMG]
    ผมก็บอก น่านนะซี แกบอกต่อว่า " ดีนะเนี่ย ผมเอาใบ รางจืด มาเคี้ยว กินด้วย โป๊ะแผลด้วย มันคง หยุดพิษงู "
    ปกติผมอ่อนด้อย เรื่องสมุนไพรมากครับ ( กำลังเรียนรู้อยู่ ) จังหวัดทำตัวชี้วัด ว่า pcu ต้องมีสมุนไพร 5 อย่าง ใช้ใน pcu ยาสมุนไพรที่ สั่งมา แพงมากครับ แถมผม มองไม่เห็นว่า การมีสมุนไพร 5 อย่าง แปลความหมายที่ดีได้อย่างไรบ้าง ถามคนมาประเมินบอกแต่ ว่าเป็น KPI ต้องมี หามาให้เห็นก็แล้วกัน ไม่งั้นไม่ผ่านเกณฑ์ ผมเลยไม่ค่อยสนใจ kpi พรรค์นี้เท่าไหร่ ตอนนี้ก็เลยไม่มี สมุนไพรสำเร็จรูป ให้เขาเห็นต่อไป ตกเกณฑ์ของเขาจ้อย ( แต่ไม่ใช่เกณฑ์ของเรา )
    ผมถามพี่บูรณ์ ว่ารางจืด เขาเอาไปทำอะไรกัน ( ผมไม่รู้จักจริง ๆ ครับ อย่านึกว่าหมอจะรู้ไปหมด ไม่รู้ก็ถามเอา ) แกบอก แม่ยายให้เอามาปลูก 2 ปีแล้ว บอกว่าแก้พิษ สารพัดพิษ เมื่อปีก่อน หมาถูกวางยา เดิน โซเซ น้ำลายฟูมปาก แกรอจนมัน สลบ ( เดี๋ยวมันกัดเอา ) เอาใบรางจืด ตำกับน้ำ กรอกปาก ครึ่งชั่วโมง มัน ตื่นขึ้นมา เดินกระดิกหางเฉย
    บรรจง เจ้าหน้าที่ สาธารณสุขของเรา บอก จริง ๆด้วย อีโจโจ้ หมาหนูถูกวางยาเมื่อปีก่อน ก็เอากรอกปากมัน ไม่ตายมาถึงทุกวันนี้ เพื่อนร่วมรุ่นนั้น ตายไปหมดทุกตัว
    ผมถามบรรจง ว่า รู้จักได้อย่างไร เธอบอกว่า คนข้างบ้านบอกให้เอามาปลูก แก้พิษ ( ผมนึกในใจ อ้าว นึกว่า บรรจงบอกให้ชาวบ้านปลูก ตามหน้าที่ ที่ไหนได้ ชาวบ้าน บอกให้เราปลูกเสียเอง ดีเหมือนกัน )
    พี่แดง บอกว่า เขาเอามาอมใต้ลิ้น เวลากินเหล้าแล้วไม่เมา ผมถามว่าพี่เคยไหม แกบอกไม่เคย เขาเล่ามาอีกที
    สุดท้ายอดรนทนไม่ได้ บอกพี่บูรณ์ พาผมไปดูหน่อย ขับรถไปดู ที่บ้านแก เห็นต้น รางจืดเป็น ๆ ครับ
    [​IMG]
    ที่บ้านแกปลูกสมุนไพร จริง ๆ ครับ
    [​IMG]
    แถวบ้านแก ปลูกสมุนไพรกันหลายบ้านเลยครับ ผมเดินดู ก็จริงตามที่แกบอก ข้างบ้าน ชื่อพี่อนงค์ ก็ปลูกหลายอย่าง แกเดินไปเด็ดใบ สังกรณี มาให้ดู บอกนี่ ยาย บับพาให้มาปลูกก็เป็นสมุนไพร
    [​IMG][​IMG]
    ตัวดำ ๆ ชื่อไอ้ตูบ ( ชื่อตูบจริง ๆ ครับ ไม่ใช่สรรพนาม ) ตัวนี้แหละครับที่ เคย ชักกระตุก น้ำลายฟูมปากจากยาเบื่อ รางจืดช่วยชีวิตมันไว้ ผมอยากรู้จัก ยายบับพา เพราะแกเป็นคนแนะนำให้ ชาวบ้านมาปลูก คนละต้น สองต้น พี่บูรณ์ เลยพาไปรู้จัก
    [​IMG]
    ถามว่าแกเป็นหมอพื้นบ้านเหรอ แกบอกไม่ได้เป็น พ่อใหญ่เริญ บอกมาอีกที ว่าแล้วก็พาเดินไปหลังบ้าน บอกนี่ได้มาใหม่ รักษาริดสีดวงทวาร ผมถามเอามาทำยังไง แกบอกว่า ก็เอาบี้ ๆ แล้วจิ้มในก้น บางคนบอกว่าหาย บางคนบอกไม่หาย ( ผมเลยเดาเอาว่าคงมีคนที่แกบอกไปแล้วหลายคน ) ถามว่ามันชื่ออะไร แกบอก ชื่ออะไรก็ไม่รู้
    [​IMG][​IMG]
    แกเดินไปเด็ดใบ ต้น อะรูมิไร้ ( ต้นอะไรมิรู้ ) มาบี้ ๆ ใส่จมูก ผมถามว่ามันหอมเหรอ แกบอก ริดสีดวงจมูกไง ( อ้าว เมื่อกี้ บอกริดสีดวงทวารนี่นา )
    ผมกลับไปทำงานต่อที่ รพ. เริ่มคิดอะไรได้บางอย่าง
    ที่เจอวันนี้ ถึงแม้ จะดูบอก กันต่อ ๆ มา เป็นเรื่องของชาวบ้าน ( แต่เขา ก็ปลูก ก็ ใช้ จริง ๆ มาหลายปีแล้ว ) บางครั้งก็ได้ผลจริง ๆ วันนี้ และ วันข้างหน้า มันก็งอกเงยของมันเองได้จริง ๆ ผมรู้สึกมีเหตุผล ดีกว่า ยาสมุนไพร บรรจุเสร็จ ที่แสนแพง และต้องมี ให้ครบ 5 อย่าง ถ้าไม่ครบ ก็ตกเกณฑ์ เป็นไหน ๆ
    <HR>เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง
    1. เรื่องราวนี้ เกิดในช่วงสั้น ๆ ประมาณ ครึ่งชั่วโมง และ เกิดได้บ่อย ๆ จนเป็นเรื่องธรรมดา ใน pcu แต่การเกิด เรื่องราวอย่างนี้ เกิดได้ยากกว่าใน โรงพยาบาล ทำให้เห็นถึง สิ่งที่เกิดขึ้นในระบบ primary care เรียบง่าย เข้าถึงได้ง่าย ผสมผสาน ต่อเนื่อง องค์รวม แต่ใช่ว่าจะดีกว่า secondary and tertiary care นะครับ เพียงแต่มันเกื้อกูลกัน คนละบริบทกัน
    เรื่องนี้ เริ่มต้นที่ แผลงูกัด แต่ จบลงที่ เรื่อง สมุนไพรใกล้ตัวชื่อรางจืด
    2. อ.โกมาตร บอกว่า ชุมชน ไม่ใช่ภาชนะที่ว่างเปล่า ผมเห็นหลายโครงการ ทีเดียว นั่งเขียนในที่ประชุม มองว่าประชาชนไม่มีความรู้อะไรสักนิด เราคือผู้ที่มีความรู้ ชุมชน เป็นส่วนว่าง ๆ ที่ต้องเติมเข้าไป ( แถมเติมสิ่งที่เราอยากให้เติมเสียด้วยซี่ ) ก็เลยเกิด ยาสมุนไพร บรรจุเสร็จ 5 อย่าง เอาแค่ว่า มี 5 อย่างให้เห็น ในตู้ก็พอ คาดหวังว่า ชาวบ้านเวลาป่วย ก็มาซื้อยาสมุนไพร ที่ pcu ไปกิน ขณะที่ บ้านเขาก็ปลูกอยู่เต็ม ใช้มาก่อน โครงการนี้จะมีเสียอีก
    ผมรู้สึกว่าให้สมุนไพรเขาอยู่ที่เดิม ที่เขาเคยอยู่ นั่นแหละดีแล้ว อยู่กับดิน อยู่กับบ้าน ใช้ที่บ้านนั่นและ คือบริบทของเขา อย่าไปทำแข่งกับยาฝรั่งดีกว่า เพียงแต่ว่าโจทย์ของเรา คือ ทำอย่างไรให้มันงอกงาม งอกเงิย ในบริบทของเขา
    3. เรื่องนี้เราเห็น นักสื่อสารสุขภาพ เต็มไปหมด และที่เป็นความจริงก็คือ ชาวบ้านกลับเป็นนักสื่อสารสุขภาพให้ เจ้าหน้าที่เรา ด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นพี่แดงหัวหน้า pcu หรือ บรรจง เจ้าหน้าที่ของเรา ที่ปลูกรางจืดตามเพื่อนบ้าน รักษา อีโจโจ้ จนหายนะ ( ผมนึกนะว่า วันที่ โจโจ้ กิน สตริกนิน บรรจงคงหอบเอามา pcu ให้ iv ( ให้ iv หมาเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ) แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ มันอาจตายไปแล้วก็ได้ )
    แสดงว่าการสื่อสารสุขภาพ ของคนข้างบ้านบรรจง บรรลุวัตถุประสงค์
    ที่สำคัญมาก ๆ งานนี้ หมอเวชปฏิบัติครอบครัว ประธานทีมพัฒนา เครือข่ายระบบบริการ cup วารินชำราบ ( ผมเอง ) ได้รับการสื่อสารสุขภาพ จากชาวบ้านหลายคนด้วย โดยปริยาย ผมได้แต่ ถามกับ ฟัง แค่นั้นครับ คนพูด คือ พี่บูรณ์ ยายบับพา พี่อนงค์ เพราะผมก็ไม่รู้จักรางจืด ดีไปกว่าแก
    การสื่อสารสุขภาพ คงต้องมีทั้งให้ และรับ กันไป มันน่าจะดีกว่า ใส่อย่างเดียว ไม่เคยรับ
    เรื่อง รางจืด ริงเท็จอย่างไร ผมก็ต้องไปค้นหาต่อเอาเองครับ ฝาก site รางจืดมาให้อ่านเล่นครับ
    http://www.ku.ac.th/e-magazine/jan49/know/rang.htm
    http://www.thaihof.org/heal/bugyar/rangjoud.html
    agriman.doae.go.th/home/kpi006/0223rangjurd.pdf
    http://www.thaipost.net/index.asp?bk=tabloid&post_date=11/Feb/2550&news_id=137798&cat_id=220400


    หมวดหมู่: เรื่องทั่วไป



    ที่มา
    ของภาพและเนื้อหา: gotoknow.org/blog/<WBR>humanized-heart/90159
    นำเฟรมออก [​IMG]
     
  6. pucca2101

    pucca2101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    5,805
    ค่าพลัง:
    +20,896
    น่ากลัวมาก ๆ เลยอะ
     
  7. manny_tong

    manny_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    514
    ค่าพลัง:
    +543
    สยองจริงๆ
     
  8. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,673
    ต้องระวังกันมากๆนะคะ น่ากลัวมากเลยคะ
     
  9. อรมณีจันทร์

    อรมณีจันทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    993
    ค่าพลัง:
    +499
    [​IMG]
    ในหนังเรื่อง แดจังกึม แม่ของแดจังกึม ที่เป็น นางในชื่อ ปารค์มินยอง รอดตายมาได้

    เพราะเพื่อนรัก แอบช่วย โดยนำ น้ำถั่วเขียวต้มแอบผสมลงไปในยาพิษที่จะใช้สังหาร

    โดย นำถั่วเขียวมาต้มให้เดือด กรองเอาแต่น้ำมาทาน ( ไม่ต้องใส่น้ำตาล )

    ทานแก้พิษได้ ให้ทานเรื่อยๆ มันจะเข้าไปล้างสารพิษ ทางอ้วก ปัสสาวะ และ อุจจาระ
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...