บริโภคเนื้อสัตว์ พระอริยะ และ กรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 20 มกราคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <TABLE border=0 width=700 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>ถาม : </TD><TD width=600 align=left>ถ้าเกิดเป็นสัตว์กินเนื้อ สัตว์มีชีวิต จะมีวิบากกรรมให้เสื่อมจากการเป็นอริยะ หรือไม่ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>หลวงพ่อ : </TD><TD width=600 align=left>ในเมื่อถึงความเป็นอริยบุคคลแล้วไม่มีทางเสื่อม การกินเนื้อไม่ทำให้ผู้ปฏิบัติธรรมเสื่อมจากคุณธรรม อันนี้มีปัญหาอยู่ว่า มีบางท่านถามว่า การกินเนื้อสัตว์นี้เป็นการส่งเสริมปาณาติบาต หรือไม่ ทีนี้ถ้าเราจะพิจารณาโดยหลักธรรมชาติของมนุษย์ การฆ่าสัตว์เป็นอาหารนี้ มีมาแต่ก่อนพระพุทธเจ้าเกิดแล้ว แต่ปัญหาเฉพาะหน้า ถ้าหากว่าสงสัยว่า รับประทานเนื้อสัตว์เป็นการส่งเสริมปาณาติบาต ขืนรับประทานเข้าไปเป็นบาป แต่ถ้าใครไม่สงสัยแล้วเชิญรับประทานไปเถิด <DD>มีหลักพระภิกษุจะต้องอาบัติ <DD>๑. ต้องอาบัติเพราะแกล้ง ๆ ต้องอาบัติ <DD>๒. สงสัยแล้วขืนทำลง ก็ต้องอาบัติ เช่นอย่างสมมติว่า เขาทำกับข้าวมาด้วยเนื้อ แล้วก็มาสงสัยว่า เขาแกงเนื้อมนุษย์มาให้เราฉัน (กิน) ทั้ง ๆ ที่สงสัยอยู่นั่นแหละ พอฉันเข้าไปแล้ว ต้องอาบัติทุกกฎ อันนี้เรียกว่า สงสัยแล้วขืนทำลง <DD>เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมนี้อย่าไปสงสัย ถ้าเราเกิดระแวงสงสัยอยู่แล้ว เราจะไม่พบความจริง เพราะฉะนั้น ตัดข้อข้องใจสงสัยไว้ก่อน <DD>อีกอย่างหนึ่ง ในข้อที่ว่า พระพุทธเจ้าเทศน์ว่า ให้ละความชั่ว ประพฤติความดี ทีนี้การละความชั่วนี้ การละความชั่วตามคำสั่งของพระพุทธเจ้า ในเมื่อคำสั่งนี้เป็นคำสั่ง การละความชั่วนั้นจะต้องมีความตั้งใจที่จะละความชั่วที่จะพึงละได้ด้วยความตั้งใจ สำหรับคฤหัสถ์ทั่วไปมีศีล ๕ ข้อ ถ้าใครจะละกิเลสด้วยความตั้งใจ ให้ละตามหลักของศีล ๕ ข้อ ปฏิบัติศีล ๕ ข้อให้บริสุทธิ์ สะอาด ได้ชื่อว่าละความชั่วอย่างเด็ดขาด เพราะจะเป็นการรักษาความดีอันนั้นไว้ให้มั่นคงในจิตใจ ท่านสอนให้ทำสมาธิ เมื่อทำสมาธิแล้ว เพื่อให้ใจตั้งมั่นต่อการประพฤติความดี เรียกว่า เป็นความดี <DD>ทีนี้ทำปัญญาให้เกิด ปัญญานั้นถ้าไปเกิดแล้วทำให้ผู้ปฏิบัติ รู้เหตุรู้ผล รู้ว่าสุข นี้มาจากเหตุอะไร รู้ว่าทุกข์นี้มาจากเหตุอะไร แล้วทำอย่างไรจิตใจจึงจะบริสุทธิ์สะอาด กิเลสภายในใจนี้ไม่มีใครตั้งใจจะละเอาเองได้ นอกจากจะทำ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้ประชุมพร้อมกันเป็นอริยมรรค จนกระทั่งจิตเปลี่ยนสภาพ เช่นอย่างจะละ ความโลภ ความโกรธ ความหลงนี้ ในเมื่อเราทำศีลให้บริสุทธิ์ ทำสมาธิให้มุ่งตรงต่อสัมมาสมาธิ ทำปัญญาให้เกิดขึ้นมุ่งตรงต่อสัมมาทิฏฐิ ในเมื่อ ๓ อย่างนี้ประชุมพร้อมกันแล้ว มันก็จะกลายเป็น เจตสิก อยู่ในจิต เมื่อจิตอาศัยคุณธรรมคือ ศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็น อริยมรรค นี้ จิตย่อมจะรู้ ๆ ว่าการอยู่กับสิ่งนี้มันสงบเยือกเย็นสบาย </DD></TD></TR><TR><TD colSpan=2 align=middle><HR width=350></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>ถาม : </TD><TD width=600 align=left>ผู้ที่เป็นโสดาบันในชาติก่อน ถ้าเกิดใหม่เป็นเดรัจฉาน จะเป็นสัตว์กินเนื้อ หรือไม่ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>หลวงพ่อ : </TD><TD width=600 align=left>ถ้าหากว่า ผู้เป็นโสดาบันแล้วไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานนี้ ดูเหมือนไม่มีในตำรา มีแต่ไปเกิดเป็นยักษ์มี แต่ว่าความละเอียดไม่ได้จดจำ ถ้าหากว่าธรรมชาติของผู้นั้นเคยกินเนื้อก็ต้องกินเนื้อ ถ้าหากสมมติว่าปฏิบัติมาโดยไม่กินเนื้อ แล้วก็บรรลุภูมิธรรม ภูมิธรรมอันนั้นก็ยังสนับสนุนไม่ให้กินเนื้ออยู่นั่น </TD></TR><TR><TD colSpan=2 align=middle><HR width=350></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>ถาม : </TD><TD width=600 align=left>ผู้ที่เคยเป็นพระโสดาบัน หรือพระสกิทาคา มาแล้วในชาติก่อน ๆ เมื่อเกิดใหม่มาเป็นมนุษย์ ความเป็นอริยะแต่เดิมจะปรากฏขึ้นเมื่อไร </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>หลวงพ่อ : </TD><TD width=600 align=left>โดยธรรมชาติของความเป็นอริยมรรค ก็ปรากฏตั้งแต่บรรลุพระโสดามา พระสกิทาคามา จนกระทั่งจิตนี้ละร่างนี้ไป สภาพจิตก็ยังเป็น พระโสดา พระสกิทาคา อยู่ เฉพาะตัวรู้ที่อยู่ในจิต แต่อาการต่าง ๆ นั้นยังไม่มี แต่เมื่อมาประสบเหตุการณ์ต่าง ๆ แล้ว ภูมิความรู้ของพระโสดา พระสกิทาคา จึงค่อยเกิดขึ้น แต่นิสัยสัญชาติญาณแห่งการไม่ทำบาป พอเกิดขึ้นมาแล้ว รู้เดียงสาขึ้นมา รู้จักคำว่า บาป ทันที เพราะพระโสดา พระสกิทาคา เป็นโลกุตตรธรรม ย่อมไม่มีเสื่อม ผู้ที่สำเร็จพระโสดาบันแล้วนี้ ถ้ายังไม่สำเร็จอรหันต์ในชาตินั้น ตายไปแล้วมาเกิดอีกชาติหนึ่งสำเร็จพระอรหันต์ บางท่านมาเกิดอีก ๓ ชาติสำเร็จพระอรหันต์ และบางท่านเกิดอย่างมากไม่เกิน ๗ ชาติ สำเร็จพระอรหันต์ ลักษณะพระโสดาบันเป็นอย่างนี้ <DD>โลกุตตรธรรมที่ใครถึงแล้วคือ ความเป็นพระโสดาบัน แม้เกิดอีกกี่ชาติ กี่ภพ คุณธรรมอันนั้นไม่เสื่อม แต่อาการที่แสดงออกนี้ มันหดเข้าไปอยู่ในจิตตัวผู้รู้ ในเมื่อได้ยิน ได้ฟัง ผ่านอะไรขึ้นมานี้ ของเก่ามันจะผุดขึ้นมาแล้ว แสดงอาการรู้ออกมาทันที อันนี้เพื่อจะให้ได้ความชัด ที่ว่าความเป็นอริยะแต่เดิมจะปรากฏขึ้นเมื่อไร และจะทราบได้อย่างไร อันนี้ ปรากฏขึ้นได้ต่อเมื่อเริ่มรู้เดียงสาขึ้นมา พอรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไรขึ้นมาแล้ว ก็จะแสดงอาการปรากฏ แต่สภาวะความเป็น พุทธะ ในความเป็นผู้รู้ในภูมิพระโสดานี้ไม่รู้จักเสื่อม </DD></TD></TR><TR><TD colSpan=2 align=middle><HR width=350></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>ถาม : </TD><TD width=600 align=left>พระพุทธเจ้าฉันมังสวิรัติหรือเปล่า </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>หลวงพ่อ : </TD><TD width=600 align=left>พระพุทธเจ้า ไม่ได้ฉันมังสวิรัติ หลักฐานจากที่พระเทวทัตไปทูลขอให้พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติเป็นพระวินัย ห้ามพระภิกษุฉันเนื้อสัตว์ แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงรับข้อเสนอของ
    พระเทวทัต อันนี้เป็นหลักฐานส่อแสดงว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้เว้นมังสวิรัติ ในเมื่อพูดถึงมังสวิรัติแล้ว อาตมาขอย้ำอย่างหนึ่งว่า การปฏิบัติงดเว้นจากการรับประทานเนื้อสัตว์นี้ เป็นข้อปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ขอสนับสนุน แต่ปัญหาสำคัญว่า ผู้ปฏิบัติแล้วอย่าเอาความดีที่เราปฏิบัติ ไปเที่ยวข่มขู่คนอื่น การปฏิบัติอันใด ปฏิบัติแล้วถือว่าข้อวัตรปฏิบัติของตนดี วิเศษแล้วเที่ยวไปข่มขู่คนอื่นนั้น มันกลายเป็นบาป เพราะการตำหนินั้นมันเป็นวาจาหยาบ เป็นฉายาแห่งมุสาวาทไม่ควรทำ ถ้าอย่างดีก็ เออ เราปฏิบัติอย่างนี้รู้สึกว่าดี ท่านควรปฏิบัติตามอย่างเราบ้าง เพื่อมันจะเกิดผลประโยชน์อะไรทำนองนี้
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2 align=middle><HR width=350></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>ถาม : </TD><TD width=600 align=left>คนที่ซื้อหมูมารับประทานมีผลบาปสืบเนื่อง หรือเปล่า เพราะถ้าไม่มีคนซื้อ ก็ย่อมไม่มีคนฆ่าขายมากมายถึงปัจจุบันนี้ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>หลวงพ่อ : </TD><TD width=600 align=left>การที่พระภิกษุต้องอาบัติมี <DD>๑. สงสัยแล้วขืนทำลงไปหนึ่ง <DD>๒. สงสัยว่าควรในสิ่งที่ไม่ควร <DD>๓. สำคัญว่าไม่ควรในของที่ควร <DD>ทีนี้ถ้าหากว่าผู้ใดสงสัยว่า การทานเนื้อสัตว์นี้เป็นบาป เป็นการส่งเสริมปาณาติบาต ก็อย่าทาน เพราะมันเป็นบาป แต่ถ้าใครไม่สงสัย เชิญตามสบายเถิด </DD></TD></TR><TR><TD colSpan=2 align=middle><HR width=350></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>ถาม : </TD><TD width=600 align=left>ลูกกับเพื่อนไปไหว้พระอริยะ อยู่กับพระอริยะบ่อย ๆ และพระอริยะหลายองค์ ถามลูกถึงการไปเรียนปฏิบัติธรรมมาจากที่ไหน ทั้ง ๆ ที่ลูกกับพระอริยะไม่รู้จักกันมาก่อน ลูกสงสัยว่า ท่านทราบได้อย่างไร แล้วทำไมท่านจึงไม่ถามคนอื่น ๆ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>หลวงพ่อ : </TD><TD width=600 align=left>เรื่องนี้จะว่าท่านรู้ ก็ไม่เชิง จะว่าไม่รู้ ก็ไม่เชิง อย่างบางทีอาตมา มีคนไปนั่งถามปัญหามาก ๆ ขี้เกียจรอให้เขาถาม ก็อธิบายไปจนจบเรื่อง พอเสร็จแล้วถามว่า ใครมีปัญหาสงสัยอะไรอีก เขาก็บอกว่าหลวงพ่อแก้ไปหมดแล้ว หลวงพ่อช่างรู้จิตรู้ใจ แต่ความจริงไม่รู้หรอก ปัญหาเรื่องภูมจิตภูมิใจนี้มันเชื่อมโยงเหมือนลูกโซ่ พูดไปตรงไหน มันก็ตรงไปหมด ที่ว่าพระอริยะท่านรู้ได้อย่างไร อันนี้มันคล้าย ๆ กับว่า มีความรู้สึกชนิดหนึ่งไปเตือน ๆ ท่าน ให้ท่านอยากจะพูดอย่างนั้น แต่ความจริงโดยทางตรงแล้ว ท่านไม่รู้หรอก </TD></TR><TR><TD colSpan=2 align=middle><HR width=350></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>ถาม : </TD><TD width=600 align=left>ทำอย่างไรจึงจะรู้กรรมเก่าในอดีตของเราว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะแก้กรรมนั้นให้หายไป ไม่ต้องมารับกรรมนั้น ๆ อีก จะได้ตั้งหน้า ตั้งตาทำแต่กรรมดีในชาตินี้ต่อไป โดยไม่ต้องพะวงถึงกรรมเก่าในอดีตชาติ </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>หลวงพ่อ : </TD><TD width=600 align=left>การที่จะรู้กรรมเก่าอะไรในอดีตนั้น ไม่เป็นปัญหาสำคัญ ในเมื่อเรารู้แล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ กรรมที่เราทำลงไปแล้วไม่มีโอกาสที่จะแก้ได้ มีทางเดียวว่าเราเชื่อกรรม และเชื่อผลของกรรม เชื่อว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ส่วนกรรมชั่วในชาติอดีตนั้น เราอาจจะมี แต่ในชาตินี้เรามีความสำนึกรับผิดชอบ ชั่ว ดี แล้ว และเชื่อกฎแห่งกรรมแล้วว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราก็พยายามละเว้นจากการทำชั่ว ทำแต่ดี ๆ เรื่อยไป ในเมื่อทำแต่ดี ๆ เรื่อยไป ถ้าหากเรามีการทำสมาธิภาวนา เราสามารถจะบรรลุ มรรค ผล นิพพานได้ ส่วนกรรมเก่าแม้ผู้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน แล้วยังต้องรับกรรมอยู่ เช่น พระโมคคัลลาน์ เป็นต้น เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่ปัญหาสำคัญที่เราต้องไปแก้กรรมเก่า ทำแต่ความดีใหม่ในปัจจุบันนี้ให้มาก ๆ ขึ้น ถ้าหากว่ากรรมเก่าในอดีตมันอาจจะมีเพียงเล็กน้อย แต่เราทำในปัจจุบันให้เพิ่มมากขึ้น ๆ กรรมใหม่นี้ในเมื่อสะสมไว้มาก ๆ เข้า มันก็มีพลังหนุนจิตให้มุ่งเร็วขึ้น ในเมื่อผลกรรมใหม่นี้บันดาลจิตของเราให้วิ่งเร็วขึ้น กรรมเก่ามีวิ่งตามมา มันก็วิ่งช้าลง มันทำให้ห่างจากของเก่าเรื่อยไป ถ้าหากเราได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน แล้ว ถึงแม้ว่ากรรมเก่าจะตามมาทันให้ผลในอัตตภาพนี้ แต่ก็ไม่สามารถประทุษร้ายจิตใจของเราให้เป็นอย่างอื่นได้ </TD></TR><TR><TD colSpan=2 align=middle><HR width=350></TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>ถาม : </TD><TD width=600 align=left>ที่กล่าวว่า คุณหมดกรรมแล้ว หมายความว่าอย่างไร กรรมนี้หมายถึงกรรมเก่า หรือกรรมปัจจุบัน </TD></TR><TR><TD vAlign=top width=100 align=middle>หลวงพ่อ : </TD><TD width=600 align=left>คำว่า หมดกรรมแล้วนี้ หมายความว่า ถึงในปัจจุบัน เช่นอย่างสมมติคนตายไป เออ เขาหมดกรรมของเขาแล้ว แล้วทีนี้ใครเจ็บป่วยแล้วหาย เออ หมดกรรมของเขาแล้ว เขาจึงหาย แล้วก็ใครมีอุปสรรคขัดข้องในการดำเนินวิถีชีวิต ในเมื่อผ่านอุปสรรคมาได้ เออ หมดกรรมกันเสียที อันนี้หมายถึงอย่างนั้น แต่ว่า กรรมที่จะให้ก่อเกิดอะไรต่าง ๆ นี้ ถ้ายังไม่สำเร็จพระอรหันต์แล้ว ย่อมไม่มีทางหมด คำถามที่ว่า กรรมนี้หมายถึงกรรมเก่า หรือกรรมปัจจุบัน ตอบ หมายถึงกรรมเก่าและกรรมปัจจุบัน กรรมเก่าก็อย่างที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัด อย่างกรรมที่พาให้เรามาเกิดเป็นตน เป็นตัว มีกาย มีใจ กรรมใหม่ก็หมายถึงกรรมที่ทำในปัจจุบัน </TD></TR><TR><TD colSpan=2 align=middle><HR width=350></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มาของข้อมูล....

    http://www.geocities.com/thaniyo/answer13.html
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    นุ า ส ธุ ... กระจ่างเพิ่มขึ้นไปอีกครับ ในเรื่องการทานเนื้อสัตว์
     
  3. โป๊ยเซียนสาว

    โป๊ยเซียนสาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,543
    ค่าพลัง:
    +2,279
    อนุโมทนา สาธุ จขกท. และขอบคุณคุณปอที่แนะนำให้อ่านด้วยนะคะ
     
  4. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    อนุโมทนาครับ เคยเห็นบางกระทู้ บอกว่าการเป็นพระอริยะแล้วเสื่อมได้ ตอนแรกผมก็คิดว่าสําเร็จเป็นพระอริยะแล้ว ไม่มีการถอยกลับมาเป็นปุถุชนหลอก ได้มาอ่านกระทู้นี้ยิ่งทําให้กระจ่างชัดเจน ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ขอรับ

    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูง กับท่านเจ้าของกระทู้และเฮียปอ ตำมะลังที่ได้กรุณาแนะนำกระทู้ดีๆ ให้อ่านครับ

    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    เชิญท่านแวะชมและโมทนาบุญ

    มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มจากเดิมอีกหลายรายการครับ

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...